แชร์

บทที่ 4  

ผู้เขียน: ลิ่วเยว่
หลงจ่านเหยียนคว่ำคันฉ่องลงกับหน้าโต๊ะ ความทรงจำส่วนหนึ่งของเจ้าของร่างเดิมปรากฏขึ้นในความคิด ก่อนเจ้าของร่างเดิมจะจากไป ความเคียดแค้นอาฆาตพุ่งทะยานขึ้นถึงฟ้า

นางเอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ “ข้ายังมิได้รับปากเข้าวัง!”

ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ฮูหยินกล่าวว่า เรื่องนี้เจ้ามิได้เป็นผู้ตัดสิน มีราชโองการลงมาแล้ว หากเจ้าขัดขืนราชโองการ ชีวิตคงดับอนาถยิ่งกว่าถูกฝังทั้งเป็น ไม่เพียงเท่านี้ แม้แต่ครอบครัวของมารดาต่ำต้อยผู้นั้นของเจ้า ก็จะต้องถูกฝังศพสังเวยชีวิตไปพร้อมกับเจ้าเช่นกัน!”

หลงจ่านเหยียนเอ่ยอย่างใช้ความคิด “พูดอีกอย่าง ข้าจำเป็นต้องตอบรับใช่หรือไม่?”

ไฉ่หลีเอ่ยอย่างดูแคลน “คุณหนูใหญ่รู้จักว่าง่ายเร็วแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์มากมายเพียงนั้นอีก!” พูดจบ ก็หมุนตัวกลับอย่างเย็นชา เตรียมจะเดินออกไป

ทว่าหลงจ่านเหยียนตะโกนเรียกนางไว้ก่อน “แล้วท่านแม่ทัพเล่า?”

“เวลานี้ท่านแม่ทัพอยู่ที่โถงหลัก กำลังหารือกับฮูหยินถึงกิจธุระต่าง ๆ ที่จะต้องเตรียมให้เจ้าเข้าวัง ในเมื่อเจ้าต้องแต่งเข้าวังหลวง ฉะนั้นจะให้สินติดตัวของเจ้ามีน้อยนิดย่อมไม่ได้เด็ดขาด คุณหนูใหญ่มีวาสนาแล้ว!” พูดจบ ก็แสยะยิ้มอย่างชั่วร้ายและเดินอ้อยอิ่งจากไป

มีวาสนา? หลงจ่านเหยียนผุดยิ้มอย่างเย็นชา แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างนี้เป็นครั้งแรก แต่ความทรงจำภายในร่างนี้ยังคงดำรงอยู่ เข้าวังสังเวยชีวิต คนที่กำลังจะตาย จะไปหาวาสนามาจากที่ใดกันเล่า?

นางถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา คิดไม่ถึงว่า ตนเองจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด นางคือเผ่ามังกรขับไล่ปีศาจผู้ควบคุมกฎของสามโลก แต่เพราะท่านผู้เฒ่าแห่งสุสานผานกู่ตำหนิว่านางประพฤติตนผิดแผกไม่ถูกทำนองคลองธรรม ไม่จงรักภักดีต่อหน้าที่ ลุ่มหลงมัวเมาในความสำราญ แสวงหาเพียงความสุขสบาย จึงต้องการให้นางจุติมาในอีกร่างหนึ่งเพื่อฝึกฝนจิตขัดเกลาตนเอง และยังให้นางศึกษาพุทธธรรมคำสอนอะไรนั่นด้วย พอข้ามภพมาสู่ร่างนี้ได้หมาด ๆ กลับต้องเผชิญเรื่องฝังศพสังเวยชีวิตร้ายแรงถึงเป็นถึงตายเช่นนี้ จะให้ฝึกจิตขัดเกลานิสัยได้อย่างไรกันเล่า?

แบบนี้เท่ากับบีบบังคับให้นางต้องฆ่าล้างบางมิใช่หรอกหรือ?

ไม่ ไม่ ยามนี้นางเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดี เรื่องฆ่าล้างบางอะไรนี่จะพูดไม่ได้เด็ดขาดพูดไม่ได้เด็ดขาด บาปกรรม บาปกรรม!

นางเปิดตู้ออก คิดจะหาอาภรณ์ที่พอดูได้สักชุดมาสวม แต่หลังจากที่นางเปิดออกก็ค้นพบว่า ชุดที่นางสวมอยู่ในตอนนี้ เป็นชุดที่ดูดีที่สุดในตู้เสื้อผ้าแล้ว แม้กระทั่งชุดของสาวใช้คนเมื่อครู่ยังดูงดงามกว่านางเสียอีก

ที่เรียกว่าคุณหนูใหญ่ มันก็แค่เรื่องตลกขบขันภายในจวนเท่านั้น

หลงจ่านเหยียนสืบเท้าเดินออกไปอย่างเชื่องช้า ออกมาจากเรือนคนใช้อันรกร้างที่ตนเองอาศัยอยู่ ตลอดทางที่เห็น แม้ไม่ถึงขั้นฟุ้งเฟ้อหรูหรา แต่ศาลาที่เห็นนั้นก็ดูงดงามประณีต ระเบียงทางเดินมีความลึก แมกไม้บุปผาจัดแต่งเป็นพุ่มงดงาม ให้กลิ่นอายสบายใจเหมือนสวนแบบซูโจว แตกต่างจากเรือนคนใช้ของนางราวฟ้ากับเหว

โถงส่วนหน้าของจวนแม่ทัพ บรรดาเจ้านายก็กำลังหารือกันถึงเรื่องการเข้าวังของหลงจ่านเหยียน

“ข้ามองว่า สินติดตัวนี้จะสะเพร่ามิได้เด็ดขาด ถึงแม้ราชวงศ์จะมิได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ แต่พวกเราจะยอมให้เสียเกียรติมิได้เด็ดขาด!” คนที่เอ่ยวาจานี้คือหลงฉางอี้ น้องชายของหลงฉางเทียนแม่ทัพหลง เพราะได้รับการสนับสนุนจากหลงฉางเทียน บัดนี้จึงได้ดำรงตำแหน่งว่างงานในกรมคลัง

หลงฉางเทียนขมวดคิ้วพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สินติดตัวก็แค่เป็นพิธีการ จัดให้สักนิดสักหน่อยก็พอแล้ว บัดนี้จวนเราก็ใช่จะมั่งคั่งอะไร ให้มากไป ก็เกรงจะทำให้คนอื่นมองว่าพวกข้าร่ำรวยในทางมิชอบ จะกลายเป็นถูกใส่ร้ายว่าทุจริตเสียเปล่า!”

ฮูหยินหลงยิ้มบาง ๆ พลางเอ่ยว่า “ท่านพี่พูดมีเหตุผลเจ้าค่ะ อีกอย่าง การเข้าวังครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยเหตุผลใด ทุกล้วนรู้ดีแก่ใจ ไม่สู้เก็บเงินสักหน่อย คอยให้ถึงคราวจ่านซินออกเรือนแล้วค่อยจัดเตรียมสินติดตัวให้มากกว่านี้ดีกว่าเจ้าค่ะ!”

หลงจ่านซินคุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพ บัดนี้ได้กำหนดหมั้นหมาย อีกไม่นานจะได้แต่งเข้าเป็นชายารองแห่งจวนฉีอ๋อง

ถึงแม้หลงจ่านเหยียนจะได้เป็นฮองเฮา แต่ก็มิอาจคาดหวังความรุ่งเรืองมั่งคั่งในวันข้างหน้าได้ ไม่สู้เอาทรัพย์สินเงินทองและความใส่ใจทุ่มเทให้ตำแหน่งชายารองดีกว่า จะให้ใครมาดูหมิ่นดูแคลนหลงจ่านซินไม่ได้เป็นขาด

และสิ่งสำคัญที่สุดนั่นก็คือ หลงจ่านซินเป็นบุตรีที่เกิดจากฮูหยินหลง เป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เกิดจากภรรยาหลวงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

หลงฉางเทียนตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้เถิด วันนี้มีคำสั่งจากในวัง ให้เลื่อนพิธีอภิเษกสมรสให้เร็วขึ้น วันมะรืนจะต้องเข้าวังแล้ว ฮูหยิน เรื่องสินติดตัวต้องรบกวนให้เจ้าไปจัดการแล้ว!”

หลงฉางอี้ผงะไป “มิใช่ว่าเข้าวังในอีกห้าวันจากนี้หรือ? เหตุใดจึงเลื่อนให้เร็วขึ้นเล่า?”

หลงฮูหยินจ้องมองหลงฉางอี้อย่างไม่สบอารมณ์ เอ่ยว่า “คำถามนี้ของน้องรองไม่เกินความจำเป็นไปหรือ?”

หลงฉางอี้เข้าใจในที่สุด เกรงว่าสถานการณ์ของฝ่าบาทคงไม่ดีแล้ว ดังนั้นจึงต้องเร่งให้เข้าวังเร็วขึ้น ต่อให้เป็นฮองเฮาที่ต้องถูกฝังตามไปด้วยนั้น ก็ยังต้องดำเนินทุกสิ่งไปตามพิธีการ มิอาจลดทอนสิ่งใดลงได้ จึงจำเป็นต้องเร่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 400

    “อ๊า...” นางส่งเสียงร้องอนาถออกมา ลมข้างหูราวกับกรอกเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น ในใบหน้าเต็มไปด้วยลม นางแทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ ความรู้สึกเสียน้ำหนักทำให้ลมหายใจของนางถูกดักไป ทรวงอกมีความรู้สึกเหมือนจะระเบิดนางยังร่วงลงไปไม่หยุด ก็ขณะที่นางนึกว่าตัวเองต้องร่างแหลกเหลวขาดอากาศตายนั้น ก็ราวกับถูกใครฉุดไหล่ขึ้น จากนั้นก็พุ่งพรวดขึ้นมา ในตอนที่นางคืนสติก็ยืนอยู่บนผิวพื้นแล้วหมอกควันตรงหน้าสลายไปฉับพลัน ทิวทัศน์เบื้องหน้าค่อย ๆ แจ่มชัด นางยังไม่ทันมอง ได้แต่หายใจกระหืดกระหอบ“ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”นางหอบหายใจชะงักงัน จึงเห็นจ่านเหยียนยืนอยู่ตรงหน้า“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อาเสอพบว่าตัวเองเนื้อตัวเปียกปอน มีหยดน้ำไหลติ๋ง ๆ จากเส้นผม“เจ้าเกือบจมน้ำตายแล้ว” จ่านเหยียนกล่าวเรียบอาเสอตกตะลึง เมื่อหันไปมอง นางเห็นเพียงทะเลสาบที่คนขุดอันกว้างขวาง ทะเลสาบมีใบบัวเป็นแถบ ๆ บดบังน้ำใสในทะเลสาบ“เมื่อครู่ข้าอยู่กลางอากาศชัด ๆ” อาเสอไม่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้นานมากแล้ว“เจ้าเข้าค่ายกลลวงวิญญาณ” จ่านเหยียนลากแขนของนาง ครั้นกระโดดขึ้นเบา ๆ ปลายเท้าของจ่านเหยียนแตะอยู่บนต้นดอกท้อทีหนึ่งก็ตกอยู่หน

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 399

    พระราชครูพาถงจื่อซั่งกลับอารามซานชิงที่เขาพำนักอยู่อารามซานชิงตั้งอยู่ในวังหลวง อยู่ทางตะวันตกของวังหลวง ห่างจากตำหนักเย็นเพียงหนึ่งก้าวเท่านั้นอาเสอตามเขาติด ๆ เขาก็เหมือนจะพบอาเสอแล้วเหมือนกัน ผ่อนความเร็วฝีเท้าเล็กน้อย หันกลับมามองเป็นระยะ ฉีกริมฝีปากยิ้มจาง ๆอาเสอตามไปติด ๆ แต่ขณะอยู่ในป่าดอกท้อกลับไม่เห็นร่องรอยของเขาอาเสอวนไปวนมา แต่ก็ออกจากป่าดอกท้อไม่ได้ ดอกท้อโรยราหมดแล้ว กิ่งไม้งอกใบเขียวอ่อนรับกับสายลมเริงระบำอาเสอวนอยู่ในป่าดอกท้อหลายรอบ วกไปวนมา สุดท้ายกลับหยุดอยู่สถานที่เดิม ๆอาเสอรู้ว่าตัวเองเข้าม่านอาคมที่พระราชครูวางไว้แล้ว นางจึงยืนนิ่งแล้วหลับตาฟังเสียงลมแยกแยะตำแหน่งจากนั้นก็เดินไปตามทางลม แต่... หลังจากที่นางเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ ลมก็นิ่งไป ในอากาศราวกับมีกลิ่นหอมจาง ๆ อย่างหนึ่งลอยมา นางพูดในใจว่าแย่แล้ว แต่นางสูดกลิ่นหอมเข้าไปแล้ว หัวสมองมึนงงทันใดป่าดอกท้อตรงหน้าหายไปฉับพลัน หมอกควันมวลหนึ่งพวยพุ่งตรงหน้า ท่ามกลางความขมุกขมัว นางเห็นแผ่นหินทางเดินทอดยาวออกไป นางลังเลขณะหนึ่ง ก่อนจะเหยียบแผ่นหิน สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางหมอกควันหนาทึบขึ้นเรื

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 398

    ช่างลำบากใจเขามากจริง ๆ เพื่อความสุขของหลงอู่ เขาเป็นทุกข์เป็นร้อนเหลือเกินนายท่านเฉินมองคุณหนูเฉิน “เซียงเอ๋อร์ เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”คุณหนูเฉินใช้พัดกลมปิดบังใบหน้า เอ่ยด้วยความขวยเขินเล็กน้อย “ทุกอย่างสุดแต่ท่านพ่อจะตัดสินใจเจ้าค่ะ”หวังติ่งทังได้ยินคำพูดประโยคนี้ก็รู้ว่าสำเร็จแล้ว จึงอมยิ้มเอ่ย “นายท่านเฉิน หลงอู่ผู้นี้ถือว่าเป็นน้องชายบุญธรรมของข้า ตอนนี้น้องสาวของข้าหมั้นกับคุณชายบ้านท่าน น้องชายบุญธรรมของข้ายังแต่งกับบุตรสาวของท่าน คิดดูแล้วเราสองครอบครัวช่างเป็นญาติที่มีสัมพันธ์แน่นแฟ้นจริง ๆ”นายท่านเฉินก็ดูดีใจมากเช่นนั้น ถอนหายใจเอ่ย “ไอ้หยา หลานหวัง วันนี้ข้าอารมณ์ดียิ่งนัก เจ้าไม่รู้เรื่องข้าคิดหนักเรื่องแต่งงานของเซียงเอ๋อร์มานานเท่าใดแล้ว หากเป็นครอบครัวทั่วไป ย่อมตัดใจให้นางไปตกระกำลำบากไม่ได้ หากเป็นตระกูลใหญ่...”นายท่านเฉินพูดถึงตรงนี้ก็ไม่พูดต่อ หวังติ่งทังไม่เข้าใจความหมาย เพียงพูดด้วยความยินดี “ตอนนี้เรื่องมงคลสองครอบครัวได้กำหนดแล้ว เช่นนั้นคุณหนูเฉินออกเรือนก่อน จากนั้นก็คุณชายแต่งงาน ดูว่าวันใดจะเป็นฤกษ์ยามมงคล จะเลือกวันจัดเสียทีเดียว ขอเพียงคุณหนูเฉินออก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 397

    ราชครูถงอยู่ในตำหนักฉือหนิงกับจงเสี้ยน วางร่างของถงจื่อซั่งไว้ที่ตำหนักหลัก จงเสี้ยนสั่งให้คนในตำหนักออกไปพร้อมเชิญพระราชครูมา“พระราชครู? เขายังอยู่ในวังหรือ?” ราชครูถงถามด้วยความประหลาดใจพระราชครูคือคนของเขา รับผิดชอบยุแยงตะแคงรั่วกับอดีตฮ่องเต้ แต่หลังจากอดีตฮ่องเต้สวรรคต เขาเคยบอกว่าจะลากลับภูเขา ไม่นึกว่าตอนนี้ยังไม่ไป“เขาไปแล้ว แต่กลับมาเมื่อช่วงก่อน วิชาพรตของเขาล้ำเลิศกว่าแต่ก่อนมาก ดูสิว่าเขาจะช่วยชีวิตจื่อซั่งได้หรือไม่” จงเสี้ยนเอ่ย“จื่อซั่งหมดลมไปแล้ว ต่อให้เขามีทักษะการแพทย์ล้ำเลิศแล้วจะทำอะไรได้?” ราชครูถงเอ่ย“เรื่องมาถึงขั้นนี้ ท่านยังไม่เชื่อว่าโลกนี้มีหลาย ๆ เรื่องที่เราไม่สามารถอธิบายได้หรือ? ท่านคิดว่าหลงจ่านเหยียนก็คือลูกสาวของหลงฉางเทียนจริงหรือ? ท่านพี่ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย แม้เราจะหาคนมา แต่เบื้องหลังจะมีคนสับเปลี่ยนตัวหรือไม่ก็ไม่รู้” จงเสี้ยนเอ่ยจากใจ“เจ้าคิดว่าหลงฉางเทียนกล้าสับเปลี่ยนตัวหรือ? ต่อให้เขามีพันหัวเขาก็ไม่กล้าหรอก” ราชครูถงหัวเราะเสียงเย็น“หลงฉางเทียนไม่กล้า แต่ท่านกล้าพูดว่ามู่หรงหล่างเทียนไม่กล้าหรือ? ตอนนั้นทุกคนคิดว่าเขาหมดสติ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 396

    จ่านเหยียนหัวเสียเล็กน้อย “สบายใจได้ ข้าต้องคืนชุดให้ท่านแน่”“เช่นนั้นก็ดี!” มู่หรงฉิงเทียนกล่าวจบก็เดินอาด ๆ ไปจ่านเหยียนคับอกคับใจกับเงาหลังของเขานานระยะหนึ่งจึงหมุนตัวกลับตำหนักบรรทมอย่างกรุ่นโกรธอาเสอกลับมาเห็นจ่านเหยียนหงุดหงิดอยู่คนเดียวในห้องจึงถาม “เป็นอะไรไปหรือ? ใครทำให้ท่านโกรธ?”“เปล่า!” จ่านเหยียนถือเข็มกับด้ายอยู่ในมือ เย็บเป็นเส้นตะขาบ แล้วพูดด้วยความหงุดหงิด “เจ้าว่าเขาหมายความว่าอย่างไร?”“ใครหมายความว่ายังไง?” อาเสอถามด้วยความสับสนจ่านเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ไม่มีอะไรแล้ว”“เป็นบ้าอะไรขึ้นมา ใครทำให้ท่านโมโห? มู่หรงฉิงเทียนหรือ?” อาเสอถาม“เขาทำให้ข้าโกรธได้หรือ? เขาเป็นอะไรกับข้า?” จ่านเหยียนพูดอย่างไม่สบอารมณ์อาเสอมองนางด้วยความอยากรู้ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว “ไม่ใช่นะ น้ำเสียงการพูดของท่านมันมีปัญหา เขาไม่เป็นอะไรกับท่านจริง ๆ นั่นแหละ เขาจะทำอะไรย่อมไม่เกี่ยวกับท่าน แล้วท่านมาผายลมอยู่นี่มันหมายความว่าอย่างไร?”“เอ๊ะ ทำไมเจ้าถึงเป็นคนหยาบคายอย่างนี้?” จ่านเหยียนอารมณ์ขึ้น คว้ารองเท้าปักลายบนโต๊ะแล้วไล่ฟาดนาง “เจ้ายังมีคำพูดอะไรที่ทุเรศกว่านี้อีกไหม? พูดก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 395

    อาเสอจึงได้แต่ส่งเหมย หลาน จู่และจวี๋ออกจากวัง ที่ทำก็เพราะกลัวว่าพวกเขาจะถูกฆ่าปิดปาก นางจ้างรถม้าส่งออกนอกเมืองในคืนนั้น แล้วล้วงเงินให้พวกเขาจำนวนหนึ่งต้าเหมยรับเงินมาแล้วดึงแขนเสื้อของอาเสอ ถาม “โปรดบอกคุณหนูใหญ่ บุญคุณครั้งนี้ ชาตินี้ต้าเหมยไม่มีวันลืม หากมีโอกาสต้องตอบแทนแน่”อาเสอเอ่ย “ไม่หวังให้พวกเจ้าตอบแทน ถึงเวลาอย่าถูกคนหลอกใช้ก็พอ หนีเอาตัวรอดเถอะ ราชครูถงไม่ปล่อยพวกเจ้าไปหรอก”ทั้งสี่ขึ้นนั่งรถม้าหนีเอาตัวรอดหลังจากที่อาเสอไป ต้าเหมยก็ให้สารถีหยุดรถ “ข้าจะกลับเมืองหลวง”อาจู๋ดึงเขาไว้ “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? ราชครูถงไม่ปล่อยเราหรอก”ต้าเหมยกระโดดลงรถม้าแล้วมองทั้งสามคน “คุณหนูใหญ่ไม่เคยเอาเปรียบเรา กระทั่งเวลานี้ก็ยังเป็นห่วงชีวิตของเรา ข้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ไม่ได้ ข้าจะกลับไป”“เจ้ากลับไปแล้วจะทำอะไรได้?” อาจู๋ถามต้าเหมยนิ่งเงียบพักหนึ่ง “ไม่รู้ แต่กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”เขานิ่งไปพักหนึ่งแล้วพูดอีก “ชาตินี้เราอยู่ใต้น้ำลายคนอื่น ไม่เคยได้รับความเคารพจากใคร แต่คุณหนูใหญ่เห็นพวกเราเป็นคนจริง ๆ ข้าอยากเป็นคนอย่างแท้จริง ข้าไม่อยากเร่ร่อนเหมือนสุนัขไร้บ้าน”กล่าวจบเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status