แชร์

บทที่3

ผู้เขียน: ชุนกวงห่าว
สังเกตเห็นถึงสาายตาของเธอ เสินหลีรีบยกมือปิดกำไลทองที่ข้อมือ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ ร่างกายย่อท่าทีพยายามหลบไปชิดเหลียงหยวนโจ

เหลียงหยวนโจดึงเธอมายืนหลังตัวเอง จ้องมองสืออวี๋ด้วยท่าทีที่สูงส่ง “คุณจ้องเสินหลีทำไม?”

ขอบตาของสืออวี๋แดงเล็กน้อย “เหลียงหยวนโจว ทำไมคุณถึงให้กำไลทองแบบเดียวกันกับเสินหลี? คุณเคยบอกแล้วว่านั่นเป็นของฉันคนเดียว”

“เสินหลีเคยเห็นคุณใส่ บอกว่าชอบมาก ผมก็คงเอาของคุณไปส่งให้เธอไม่ได้สินะ? อีกอย่างมันก็แค่กำไลอันเดียว คุณกลายเป็นคนใจแคบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

ระหว่างคิ้วของเหลียงหยวนโจเต็มไปด้วยความเหลือทน เหมือนกำลังพูดเรื่องเล็กน้อยไร้สาระเรื่องหนึ่ง

ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ “แต่อดีตตอนคุณให้ฉัน เคยบอกว่า……”

ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเหลียงหยวนโจขมวดคิ้วขัดจังหวะ “สืออวี๋ อยู่กับอดีตตลอด มันมีความหมายนักเหรอ? คุณเองก็บอกแล้วนี่นะว่ามันคืออดีต”

เขาไม่ชอบที่สุดก็คือสืออวี๋ชอบพูดถึงเรื่องอดีต เพราะมันจะทำให้เขานึกถึงความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ และช่วงเวลาที่มืดมนในตอนนั้นของตนเอง

สืออวี๋เป็นคนที่อยู่ข้างเขาในตอนนั้น รู้ทุกความลำบากและความพังทลายของเขา ดังนั้นหลังจากประสบความสำเร็จ เขาจึงไม่อยากย้อนกลับไปจำวันเวลาที่ยากลำบากนั้น และเริ่มรำคาญสืออวี๋

สืออวี๋มองดูเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า ราวกับแก้วที่ใกล้จะแตก

“ดังนั้น คำสัญญาที่คุณให้ไว้ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป สามารถทำลายได้อย่างง่ายดายเลยใช่ไหม?”

เหลียงหยวนโจมองดูเธอด้วยสายตาที่เย็นชา “ผมสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ ดังนั้นคุณจะแต่ง ผมก็ยอมแล้ว คุณยังจะเอาอะไรอีก?”

“สืออวี๋ สิ่งเดียวที่ผมต้องขอโทษคุณคือ ไม่รักคุณแล้ว แต่ว่าแม้แต่ผมจะรักใครก็ตัดสินใจเองไม่ได้แล้วเหรอ?”

สืออวี๋กะพริบตา น้ำตาไหลลงมา

ที่แท้เมื่อผู้ชายเปลี่ยนใจแล้ว คำสัญญาที่เคยให้ไว้ก็จะกลายเป็นปราสาทที่ใช้ทรายสร้างขึ้นมา พอลมพัดมาก็ล้มสลายหมด

ไม่รักก็คือไม่รักแล้ว เขาทำได้ แต่เธอล่ะ? เธอจะทำอย่างไร?

จะบอกตัวเองให้ลืมช่วงเวลาที่รักกันในอดีตได้อย่างไร จะบอกตัวเองให้ยอมรับที่เขาเปลี่ยนใจไปได้อย่างไร แล้วจบอกให้ตัวเองยอมปล่อยเขาไปได้อย่างไร และปล่อยตัวเองไปด้วย……

เห็นสืออวี๋กัดริมฝีปากที่ซีด ไม่พูดอะไร เหลียงหยวนโจก็กอดเสินหลีแล้วจากไป ร่างเงาหายไปที่มุมอย่างรวดเร็ว

สืออวี๋กะพริบตาแสบขมอยู่สักครู่ ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนาน ก่อนจะปรับอารมณ์แล้วหันตัวกลับเข้าไปยังห้องส่วนตัว

จนถึงดึกๆ งานเลี้ยงเพิ่งจบ

สืออวี๋ยืนอยู่หน้าร้าน เห็นเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายจากไป จึงขับรถกลับบ้าน

กลับมาถึงบ้าน เปิดประตูห้องมืดสนิท เหมือนที่คิดว่าเหลียงหยวนโจยังไม่กลับมา

ภาพที่เขาจูบเสินหลีบนอ่างล้างหน้าผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง หัวใจเจ็บจึ๊กขึ้นมาอีก

เธอหลับตา บังคับน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล

เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เปิดกล่องเครื่องประดับ หยิบกำไลทองรูปดอกทิวลิปออกมา

อดีตกำลังที่เห็นเมื่อไหร่ก็ทำให้รู้สึกใจหวาน ตอนนี้แค่มองก็ทำให้เจ็บปวดใจยิ่งนัก

ในเมื่อไม่ได้เป็นของเธอเพียงผู้เดียว เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้อีก

กัดริมฝีปากอย่างขมขื่น สืออวี๋ก็ปล่อยมือ

กำไลหล่นจากมือร่วงลงถังขยะข้างล่าง ส่งเสียง ‘ติ๊ง’ หนึ่งครั้งพอดี เหมือนเติมเต็มความเจ็บปวดตอนที่เธอเห็นเสินหลีใส่กำไลนั้นจนหัวใจสะดุด

หลายวันต่อมา เหลียงหยวนโจวก็ไม่กลับ สืออวี๋ส่งข้อความเตือนเรื่องลองชุดแต่งงานในวันเสาร์ให้เขาทุกวัน เขาก็ไม่ตอบ

เช้าวันเสาร์ สืออวี๋ลุกอาบน้ำ แต่งหน้า ขณะกำลังแต่งหน้าได้รับข้อความจากเหลียงหยวนโจว

【ผมอยู่ที่ร้านชุดแต่งงาน】

มาถึงร้านชุดแต่งงาน เห็นเสินหลีที่อยู่ข้างๆและควงแขนเหลียงหยวนโจวไว้อย่างออดอ้อน สายตาของสืออวี๋ก็เย็นเฉียบทันที

“เหลียงหยวนโจว วันนี้เป็นวันลองชุดแต่งงานของเรา คุณพาเธอมาทำไม?”

เหลียงหยวนโจทำหน้านิ่ง เหมือนกันไม่รู้สึกว่ามันผิดตรงไหนเลย “ลองชุดเสร็จ ผมกับเธอจะไปคุยเรื่องงานร่วมมือ เรื่องเล็กๆแบบนี้ก็ต้องโวยวายด้วยเหรอ?”

“เรื่องเล็ก? ในสายตาคุณ มันเป็นแค่เรื่องเล็กเรื่องหนึ่งจริงเหรอ?”

วันลองชุดแต่งงานของพวกเขา แต่เขากลับพาชู้สาวของตัวเองมาทำให้เธออึดอัดใจ แล้ววันแต่งงาน เขาก็จะให้เสินหลีมาเข้าร่วมด้วยหรือ?

เสินหลีปล่อยแขนเหลียงหยวนโจว สีหน้าตื่นตื่นตระหนกเล็กน้อย “ประธานเหลียง ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ควรมา……ฉันกลับบริษัทก่อน……รอคุณลองชุดแต่งงานเสร็จแล้วฉันค่อย……”

“ไม่ต้อง”

เขาหันไปมองสืออวี๋ พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอจะลองไหม? ผมยุ่งมาก ไม่ได้ว่างมาเสียเวลาตรงนี้กับคุณนะ”

สืออวี๋รู้จักเขาดี เมื่อเขาขมวดคิ้วแบบนี้ หมายถึงสุดทนแล้ว

ถ้าตอนนี้เธอบอกว่าไม่ลอง เขาก็จะหันหลังและเดินจากไปแน่นอน

ไม่ได้พูดอะไรอีก สืออวี๋หันหลังเดินเข้าร้านชุดแต่งงานโดยตรง

ก้าวเข้าร้านชุดแต่งงาน พนักงานยิ้มต้อนรับทันที

เมื่อเห็นเหลียงหยวนโจที่อยู่ด้านหลังสืออวี๋ และเสินหลีที่อยู่ข้างกายเหลียงหยวนโจ สายตาของเธอฉายแววไม่คาดคิด บนใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเหมือนเดิม

“ประธานเหลียง คุณหนูสือ สวัสดีตอนเช้า ชุดแต่งงานที่สั่งทำมาถึงแล้วค่ะ ฉันพาคุณไปลองนะคะ”

สืออวี๋เคยเรียนออกแบบมาบ้าง ชุดแต่งงานนี้ใช้เวลาครึ่งปีออกแบบภายใต้คำแนะนำของนักออกแบบชื่อดังคนหนึ่งในประเทศ เธอทุ่มเทใจไปไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่ตอนเห็นเสินหลี ทุกความหวังของเธอก็พังทลายหมดในชั่วพริบตา ตอนนี้เหลือเพียงทำหน้าที่ให้เสร็จ

เธอพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า “โอเค”

เดินตามพนักงานไปที่โซนลองชุด สืออวี๋เห็นชุดแต่งงานของเธอวางอยู่กลางห้อง

ชุดแต่งงานเป็นแบบเกาะอก ด้านบนปักดอกทิวลิปที่เธอชื่นชอบอย่างประณีตบนผ้าตาข่ายและลูกไม้ ด้วยเทคนิคปักแบบฝรั่งเศส ดูมีชีวิตชีวาราวกับดอกไม้กำลังเติบโตออกมาจากลูกไม้เลยทีเดียว

รอบเอวประดับด้วยไข่มุกเรียงเป็นวงเล็กดุจดาวเต็มฟ้า ส่องประกายระยิบระยับใต้แสงไฟ กระโปรงด้านหน้าทำจากผ้าซาติน ส่วนด้านหลังเป็นซาตินผสมลูกไม้สามชั้นเป็นหางยาว เบาและพริ้ว สืออวี๋แทบละสายตาไม่ได้

“คุณหนูสือ ชุดนี้เพิ่งเอามาถึงเช้านี้ ลูกค้าหลายท่านเห็นแล้วก็อยากลองใส่ดู คุณใส่แล้วคงสวยมากเลยค่ะ”

เสินหลีก็เห็นชุดแต่งงานชุดนั้นในทันที ในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและอิจฉา “ใช่ สวยมากเลยนะ! ก่อนหน้านี้ฉันก็ได้ยินมาแล้วว่าชุดแต่งงานของคุณสือเธอเป็นคนออกแบบเอง คุณสือเก่งมากเลยค่ะ!ใช่ไหมคะ ประธานเหลียง?”

เสียงหวานเลี่ยนของเธอดังขึ้นข้างหู สืออวี๋รู้สึกราวกับกลืนแมลงวันเข้าไป น่าขยะแขยงจนแทบทนไม่ไหว

กำลังจะพูด ก็เห็นเหลียงหยวนโจวก้มลงมองเสินหลีด้วยสายตาอ่อนโยน เอามือลูบหัวเธอ

“คุณก็ไม่เลว ไม่งั้นก็คงไม่ได้เป็นเลขาของผม”

เสินหลีมองเขาด้วยความโกรธเล็กน้อย “คุณก็เอาแต่ล้อฉันอยู่ได้”

วินาทีนั้น สืออวี๋ก็ไม่อยากพูดอะไรอีกเลย

ยังจะพูดอะไรได้อีก?

ที่เสินหลีสามารถโผล่มาที่นี่เพื่อมาทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะเหลียงหยวนโจเป็นคนหนุนหลังให้ความมั่นใจเธอ

พนักงานข้างๆก็เจอสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ครั้งแรก พูดด้วยความระมัดระวัง “คุณหนูสือ……ชุดแต่งงาน ยังจะลองอยู่ไหมค่ะ?”

สืออวี๋หันกลับไป ตอบด้วยสีหน้าเฉยชา “ลอง”

พนักงานเอาชุดแต่งงานลงมาอย่างระมัดระวัง พาสืออวี๋เข้าไปในห้องลอง

เพราะด้านหลังชุดมีลูกไม้และสายรัดอยู่ ใส่ยาก ต้องใช้เวลานานกว่าสิบกว่านาที ถึงจะใส่เสร็จ

ซืออวี๋นั้นงดงามอยู่แล้ว ผิวขาวดุจหิมะ ใบหน้าละมุนงดงาม ดุจดอกบัวที่เบ่งบานเต็มที่ อ่อนช้อยน่าหลงใหล มิเช่นนั้นในอดีตเหลียงหยวนโจก็คงไม่ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบหรอก

เธอที่สวมชุดแต่งงาน ยิ่งทำให้คนไม่อาจละสายตาได้

พนักงานจัดกระโปรงให้เธอแล้วพลางพูดว่า "คุณหนูสือ ถ้าฉันไม่ใช่ผู้หญิง คงหลงใหลคุณไปแล้ว"

สืออวี๋ก้มหน้าลงแล้วฝืนยิ้ม "ขอบคุณค่ะ"

เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี พนักงานก็ถอนหายใจยาว และไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อม่านห้องลองชุดเปิดออก เหลียงหยวนโจก็กำลังตอบข้อความลูกค้าในไลน์อยู่ ส่วนเสินหลีก็ไม่รู้ไปไหนแล้ว

พนักงานข้างๆ เตือนเขา "ประธานเหลียง คุณหนูสือเปลี่ยนชุดแต่งงานเสร็จแล้วค่ะ"

เหลียงหยวนโจเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย สายตาเหลือบมองบนตัวของสืออวี๋อย่างเฉยชา

"ก็ธรรมดาดี"

เขารู้สึกว่ามันธรรมดาจริง เพราะตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับสืออวี๋อีกแล้ว ต่อให้เธอยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า เขา เขาก็ไม่มีอารมณ์อะไรเลย

ในใจของสืออวี๋รู้สึกผิดหวัง ปีแรกที่พวกเขาคบกัน เคยคุยกันว่าตอนแต่งงานจะใส่ชุดแต่งงานแบบไหน

เหลียงหยวนโจบอกว่าเธอใส่อะไรก็สวยที่สุด ตอนเธอลองชุดแต่งงาน เขาคงน้ำตาไหลพรากด้วยความตื่นเต้นแน่ๆ เพราะในที่สุดเขาก็จะได้แต่งงานกับเธอ

มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆเรื่องหนึ่ง เขาคงลืมไปนานแล้วสินะ

เวลาแปดปี มันนานมากจริง นานจนสามารถทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นได้

มันยังนานจน พอที่จะลบใครบางคนออกไปจากใจอย่างช้าๆ

เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่อึดอัดระหว่างทั้งสอง พนักงานกำลังจะไกล่เกลี่ย แต่ทันใดนั้นม่านห้องลองชุดตรงข้ามก็เปิดออก เสินหลีที่สวมชุดแต่งงาน ยิ้มมุมปาก หันไปมองเหลียงหยวนโจอย่างสง่างามเป็นธรรมชาติ

"ประธานเหลียง คิดไม่ถึงว่าชุดแต่งงานที่คุณเลือกจะพอดีตัวขนาดนี้ เป็นยังไงบ้าง?"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 135

    ซือเยี่ยนเลิกคิ้ว “มีคนบอกประจำ”สืออวี๋: “...”น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนแอบภูมิใจนิด ๆ ยังไงชอบกลแฮะ?เมื่อเห็นสืออวี๋พูดอะไรไม่ออก ดวงตาของซือเยี่ยนก็ฉายแววขบขันวูบหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป สืออวี๋จึงไม่ทันสังเกต“หมอซือคะ เมื่อกี้ตอนฉันคุยกับครอบครัวนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าเพื่อให้ได้ลงทะเบียนนัดกับคุณ พวกเขาถึงขั้นต้องเดินทางมาจากต่างอำเภอ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับย้ายโรงพยาบาลแล้ว ส่วนจะให้เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นพวกเขาก็ไม่ไว้ใจ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้ทำอะไรไม่ยั้งคิด ชักมีดขู่ให้คุณผ่าตัดแบบนั้นแหละค่ะ”“ในสายตาฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ไม่เข้าใจผลลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารก่อนผ่าตัดแบบดมยาสลบเท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน”“ถ้าพวกเขามาขอโทษคุณอย่างจริงใจ คุณจะยอมให้โอกาสคนไข้คนนั้นอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”สิ้นเสียงของเธอ ซือเยี่ยนก็ตอบทันที “ไม่ได้ครับ”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “หลักการของคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? สำคัญถึงขั้นที่ต่อให้ถูกคุกคามถึงชีวิตก็ยังไม่ยอมประนีประนอมเนี่ยนะ?”แค่นึกถึงภาพที่เขาอยู่ร่วมห้องกับชายผู้ถือมีดเมื่อครู่ สืออ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 134

    “ค่ะ...”ผู้หญิงคนนั้นรีบรุดไปที่ห้องทำงานของซือเยี่ยนทันที สืออวี๋ก้าวเท้าตามไปติด ๆเมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของซือเยี่ยน และเห็นสามีตัวเองกำลังเงื้อมีดใส่ซือเยี่ยนด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เธอก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อใบหน้าซีดเผือด“คุณคะ! วางมีดลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หลังได้ยินเสียงหญิงสาว ชายคนนั้นก็หันขวับกลับมา และเมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเธอจริง ๆ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ตวาดลั่นว่า “ใครใช้ให้ออกมา รีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “คุณคะ วางมีดลงเถอะ พ่อเป็นคนให้ฉันมาเอง คุณเอามีดมาขู่หมอแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ...”ตอนนี้ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ “ผมไม่สนว่าจะผิดกฎหมายหรือเปล่า รู้แค่ว่าไอ้หมอนี่ต้องรับปากผ่าตัดให้พ่อเท่านั้น!”“คุณอยากให้พ่อเห็นคุณติดคุกหรือไง เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นฝ่ายเราที่ผิดเอง จริงสิ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคนนี้เธอเป็นทนาย เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับหมอซือให้พวกเรา คุณเอาแต่ขู่หมอซือแบบนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ”ชายคนนั้นตวัดสายตามองสืออวี๋ที่อยู่ข้างภรรยา แววตาพลันเย็นเยียบ “ทนายบ้าบออะไร! แม่นั่นกับหมอคนนี้มันก็พวกเดียวกันนั่นแห

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 133

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ สืออวี๋จึงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่เขาถือมีด ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการความสงบเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพฤติการณ์ร้ายแรง ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญาด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้เลยค่ะ”เมื่อสืออวี๋พูดคำสุดท้ายจบลง ภายในห้องพักผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงของคนที่พูดเมื่อครู่ก็ดังออกมาอีกครั้ง “คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเป็นทนายความตัวจริง? แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามาช่วยพวกเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหมอคนนั้น?!”สืออวี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อกี้ตอนที่เขาถือมีดบุกเข้าไปในห้องทำงานแพทย์ มีคนเห็นไม่น้อย ตอนนี้มีคนแจ้งตำรวจแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ไปเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ รอให้ตำรวจมาถึงก็สายเกินไป เขาเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ พวกคุณพิจารณาดูเองเถอะ”พูดจบประโยคนี้ สืออวี๋ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะดึงดันไปจนถึงที่สุด เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรแล้วแต่ในใจของสืออวี๋ กลับยังคงไม่อาจสงบลงตอนนี้ ซือเยี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับผ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 132

    สืออวี๋ใจหายวาบ “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ?!”“แจ้งแล้วค่ะ แต่ที่นี่อยู่ไกลจากสถานีตำรวจนิดหน่อย คาดว่ากว่าตำรวจจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาที”“งั้นสิบกว่านาทีนี้ เราจะปล่อยให้ซือเยี่ยนเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพังเหรอคะ?”“คือว่า... ตอนแรกผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ชักมีดออกมาค่ะ แต่พอหมอซือปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้พ่อเขาอีก เขาก็ชักมีดออกมา หมอซือเห็นมีดก็เลยรีบปิดประตูล็อกทันที”สืออวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ยิ่งซือเยี่ยนอยู่กับเขานานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นแต่ตอนนี้ ซือเยี่ยนล็อกประตูห้องทำงานจากด้านใน ต่อให้เธออยากช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้วถ้าผลีผลามบุกเข้าไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายคนนั้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกสืออวี๋สูดหายใจลึก ก่อนสอบถาม “แล้วญาติคนอื่น ๆ ของผู้ป่วยล่ะคะ? ผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือลูกบ้างไหม?”“มีค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมออกมา ก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้นั่นแหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย กะว่าจะให้ออกมาเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 131

    ตกค่ำ สือหมิงฮุยกลับมาถึงบ้านเมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นโจวฉินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาแล้วเขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะเปลี่ยนรองเท้า เดาได้ไม่ยากว่าที่ไปคุยกับสืออวี๋วันนี้คงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ตามคาด ขณะเขานั่งลงบนโซฟา โจวฉินก็เริ่มโวยวาย “สืออวี๋ไม่ยอมถอนฟ้อง ฉันทะเลาะกับแม่นั่นไปรอบหนึ่ง เลยลืมให้บัตรธนาคารไปซะสนิท เดี๋ยวคุณเอาไปให้เองแล้วกัน!”สือหมิงฮุยเหลือบมองบัตรธนาคารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่งจะตาย ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ? พรุ่งนี้คุณไปอีกรอบแล้วกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที”โจวฉินแค่นหัวเราะ “ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องเป็นคนไปตามง้อแม่นั่นทุกทีด้วย? คุณมันก็ดีแต่ปาก อ้างไปเรื่อยว่าบริษัทงานยุ่งทุกวัน มีวันไหนไม่ยุ่งบ้างไหม? ฉันว่าปล่อยให้มันเจ๊งไปก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งแล้ว!”“หุบปากนะ!”สือหมิงฮุยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “วัน ๆ ถ้าไม่เอาแต่เดินชอปปิง ก็ดีแต่พูดจาปากเสีย เกิดบริษัทผมเจ๊งขึ้นมาจริง คุณก็เตรียมตัวไปนั่งขอทานข้างถนนได้เลย!”“เป็นขอทานก็ยังดีกว่าต้องมานั่งขายหน้าทุกวัน! ยังไงฉันก็ไม่ไปหายัยนั่นอีก คุณอยากไปก็ไปเองเถอะ อีกเดี๋ยวม่านม่า

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 130

    ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ หมอซือ”เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณย่าสือเห็นว่ามีเพียงสืออวี๋อยู่คนเดียวจึงขมวดคิ้วถาม “แม่แกลกลับไปแล้วเหรอ?”“ค่ะ”เมื่อเห็นสีหน้าของสืออวี๋เรียบเฉยจนอ่านอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก คุณย่าสือจึงเอ่ยปากถาม “เธอมาพูดอะไรกับแก?”“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกให้หนูดูแลคุณย่าดี ๆ หวังว่าคุณย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ”สืออวี๋เพิ่งพูดจบ คุณย่าสือก็สวนกลับมาอย่างหัวเสีย “เธอพูดอะไรกับแกกันแน่?! นิสัยอย่างโจวฉินฉันรู้ดี เธอไม่ถ่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยเพื่อพูดเรื่องไร้สาระไม่กี่ประโยคนี้หรอก”สืออวี๋อดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง “คุณย่า เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ และบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้สือม่าน สั่งไม่ให้หนูไปก่อกวน”คุณย่าสือเบนความสนใจไปได้จริง ๆ เธอพูดอย่างโมโห “ใครอยากจะไปงานเลี้ยงของเธอกัน ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจัดงานที่ดีกว่าให้แกเอง!”“ค่ะ ๆ ๆ งั้นหนูจะรอคุณย่าจัดงานเลี้ยงให้นะคะ ท่านหันตัวหน่อยค่ะ หนูจะเริ่มนวดให้แล้ว”“ตอนนี้ไม่ต่อต้านการกลับบ้านตระกูลสือแล้วเหรอ?”สืออวี๋ส่ายหน้า “ถึงหนูจะต่อต้าน ก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้อยู่ดี สู้ทำตามที่ท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status