แชร์

บทที่ 3/2

ผู้เขียน: กวินทร์แก้ว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-10-16 23:28:48

   

            ใครจะคิดว่าลูกค้าคนพิเศษของธีรภพจะเป็นเขา แถมดูสนิทสนมกันอย่างกับอะไรดี หนำซ้ำยังอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกับเธออีก คราวนี้จะหนีก็หนีไม่รอด

แล้วตอนนี้เธอจะทำเช่นไรกับคำแก้ตัวดี จะบอกว่ากำลังจะไปบ้านก็ดูฟังไม่ขึ้นแล้วกระมังในตอนนี้ จะยอมรับไปตรงๆ ก็กลัวจะทำให้เชอเอมโกรธที่เธอโกหกหากเขานำเรื่องนี้ไปบอก เธอจะหาคำแก้ตัวอย่างไรดีที่ส่งผลดีที่สุดกันละ

            “กลับบ้าน? คุณพ่อคุณแม่ของคุณหนูนิดยังไม่กลับไม่ใช่เหรอครับ ก่อนที่ผมจะขึ้นลิฟต์มากับคุณหนูนิด พวกท่านยังโทร. มาหาผมให้ช่วยดูเรื่องน้ำในห้องอยู่เลยนะครับ”

            คำพูดกึ่งสงสัยของธีรภพเหมือนค้อนโตๆ ทุบลงมาที่ร่างของเธอให้แบนราบไปกับพื้น อีกทั้งยังมีคำบ่นที่เธอเคยต่อสายทางไกลไปบ่นกับแม่เมื่อหลายวันก่อนที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าของคอนโด มันกลายเป็นการตอบคำถามที่กระจ่างชัดที่สุดให้อัฐพลได้เข้าใจทันทีและรู้ว่าเธอโกหกคำโตออกไป

            เธอเห็นได้จากรอยยิ้มมุมปากที่แสนเจ้าเล่ห์และนัยน์ตาที่ดุจเหยี่ยวพร้อมจะบินโฉบลงมาตะครุบเหยื่อ มองสบตามาที่เธอ

            “แบบนี้นี่เอง” เขาเพียงพูดคำสั้นพลางพยักหน้า

            “แล้วนี่คุณหนูนิดจะออกไปไหนครับ มืดแล้วนะครับ” ธีรภพถามด้วยความสงสัยแต่ไม่เท่าคำพูดของเพื่อนที่เปรยออกมา

            “คือ...คือฉันจะลงไปหาอะไรกินน่ะคะ คิดว่าที่ห้องจะมีของกินเหลือ ตอนเย็นก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรติดมือมา”

            เธอโป้ปดอีกครั้งเพื่อให้ทั้งสองยอมปล่อยเธอเดินออกไปจากจุดนี้ เธออยากหนีคุณอาของเพื่อนคนนี้ แค่ทุกคืนที่ฝันถึงก็ทำให้เธอกระดากอายจะแย่แล้ว ยังต้องมาพบเจอกันบ่อยขึ้นอีก 

            “อ้าว พอดีเลยนี่ครับ เพื่อนผมก็กำลังลงไปหาอะไรกินเหมือนกัน ยังไงแกก็ไปเป็นเพื่อนคุณหนูนิดหน่อยแล้วกัน ออกไปคนเดียวมืดๆ แบบนี้มันอัน...”

            “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไป...”

            ขนิษฐารีบปฏิเสธธีรภพทันควันอย่างรักษามารยาท ด้วยเพราะคนทั้งสองเป็นถึงผู้ใหญ่กว่า อีกทั้งเธอต้องการหนีอัฐพล หากไม่คิดหนีเธอก็คงไม่ปฏิเสธไม่ไปงานวันเกิดของเพื่อนเช่นนั้นหรอกและที่สำคัญเธอไม่ได้จะออกไปซื้อข้าวเสียหน่อย แต่จะให้เธอบอกไปตามตรงก็ดูจะไม่ใช่สิ่งที่ควรพูด ทว่าขณะที่เธอกำลังจะปฏิเสธ คำพูดของเธอก็ถูกตัดบทด้วยคำพูดของอัฐพลพลางเดินมาจับข้อมือเพื่อไม่ให้เธอปฏิเสธได้อีกหรือตัดบทพวกเขาด้วยการเดินหนีเข้าลิฟต์

            “เดี๋ยวอาไปเป็นเพื่อนดีแล้ว ธีพูดถูก มืดแล้ว เป็นผู้หญิงออกไปข้างนอกคนเดียวมันอันตราย ไปเถอะ เพื่อนอาจะได้พักผ่อนด้วย”

เธออยากจะสะบัดข้อมือออกจากมือชายหนุ่ม แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่ใจคิดเพราะสายตาของธีรภพที่มองมาอย่างไม่มีอะไรนั้นพร้อมกับรอยยิ้มอิดโรยบ่งบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายเหนื่อยล้าแค่ไหน สุดท้ายเธอจึงพยักหน้าตอบรับพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนจะเดินไปที่ลิฟต์พร้อมกับชายหนุ่มทั้งสอง ที่มีอัฐพลเดินประกบกั้นกลางระหว่างเธอกับธีรภพอย่างไม่คิดปล่อยมือออก หนำซ้ำยังเลื่อนมากอบกุมมือของเธอเสร็จสรรพ

            เมื่อทั้งสามเดินเข้ามาในลิฟต์ความเงียบก็เข้าปกคลุม ไม่มีแม้แต่เสียงเปล่งออกมาจากปากของใคร ทุกคนยืนนิ่งเงียบอยู่ในลิฟต์ ยกเว้นก็แต่มือใหญ่ที่ย้ายจากมือของเธอไปยังสะโพก ลากลงต่ำไปที่บั้นท้ายก่อนจะลูบวนไปมาอย่างเบามือ อ้อยอิ่ง เน้นย้ำ ตบท้ายด้วยการบีบก้นอย่างเต็มมือ เธอจึงเงยขึ้นไปมองด้วยหัวใจที่สั่นระรัว วาบหวามไปกับสัมผัสของเขาอย่างหักห้ามไม่ได้

ทันทีที่ได้ประสานสายตาก็ทำให้รู้ทันทีว่าเขาเจ้าเล่ห์มากแค่ไหนบวกกับรอยยิ้มร้ายที่ยกมุมปากก่อนจะหันกลับไป ให้เธอได้แค่มองเสี้ยวหน้าด้านข้างเท่านั้น เธอจึงทำเพียงดึงสายตากลับไปทางเดิมพลางขยับกายหลบมือของเขาให้นิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้ดูมีพิรุธ ก็เพราะไม่อยากจะให้ธีรภพที่เข้ามาในลิฟต์ด้วยรู้ว่าเขากำลังลูบบั้นท้ายของเธออยู่ หากจะปฏิเสธอย่างโจ่งแจ้งเกินไปก็เกรงว่าคนเจ้าเล่ห์มากกลจะตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปกันใหญ่

            แล้วแบบนี้เธอจะหนีเขาพ้นได้ยังไง

มิหนำซ้ำ ยังเลื่อนมือใหญ่ขึ้นมาโอบเอวของเธอให้ขยับเข้าไปชิดใกล้เมื่อมีคนอื่นเดินเข้าลิฟต์มาด้วยอย่างไม่คิดยอมปล่อย เรียกเสียงขบขันและรอยยิ้มรู้ทันของธีรภพที่มีแค่เธอกับเขาได้ยินชวนให้รู้สึกเขินอาย อีกทั้งหัวใจเจ้ากรรมก็ยังมาเต้นแรงระรัวราวกับว่าชอบสิ่งที่เขาทำแบบนี้เสียนั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณอาเพื่อน   ตอนพิเศษ

    แสงแดดยามสายของวันสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนปลุกให้เชอเอมตื่นจากภวังค์เมื่อแสงแดดที่ลอดผ่านเข้ามาในห้องกระทบลงบนเปลือกตา หญิงสาวยกมือขึ้นมาบังแสงแดดพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดใจก่อนเปลี่ยนมากุมขมับฉับพลันเมื่ออาการปวดศีรษะแล่นปราดขึ้นมาจนต้องร้องโอดครวญออกมาก่อนพลิกตัวนอนตะแคงข้างกุมขมับ “ปวดหัวชะมัด ไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลยเรา” เสียงหวานบ่นอุบกับตนเองก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งอย่างยากลำบากเมื่ออาการปวดศีรษะยิ่งทวีคูณขึ้น แต่แล้วความรู้สึกเย็นวาบทั่วทั้งตัวส่วนบนก็ทำให้หญิงสาวชะงัก อาการปวดศีรษะทุเลาลงลืมตาขึ้นด้วยความฉงนก่อนมองไปรอบๆ จึงพบว่าตนไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง แต่แล้วสายตาไปสะดุดลงที่กรอบรูปหัวเตียงของอัฐพลจึงรับรู้ได้ว่าตนค้างคืนที่ห้องของผู้เป็นอา ทว่า ขณะที่เชอเอมกำลังเรียบเรียงสติและความทรงจำเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อคืนก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อมีแขนหนักๆ ของใครบางคนมาพาดลงบนหน้าตักของตัวเอง หญิงสาวจึงก้มลงมองแขนแกร่งที่อยู่บนตักแต่ไม่เท่ากับความน่าตกใจที่ได้พบว่าตัวเองกำลังเปลือยเปล่า เธอรีบปัดแขนแกร่งออกจากตักพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาห่อ

  • คุณอาเพื่อน   บทส่งท้าย

    เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งไพเราะรับเข้ากับเสียงลมและเสียงธรรมชาติชวนให้ขนิษฐาที่นั่งอยู่บนผ้าปูริมชายหาดระบายยิ้มรับสายลมอย่างมีความสุขพลางหลับตาพริ้มสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด ยิ่งเพิ่มรอยยิ้มยิ้มให้กว้างขึ้นเมื่อเวลานี้เธอสามารถยิ้มได้อย่างไม่ติดขีดใดๆ ได้อีกเมื่อความสุขที่แท้จริงได้ก่อเกิดขึ้นในชีวิตของเธอแล้ว เมื่อเสียงหัวเราะใสอย่างสนุกสนานของลูกชายวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งหยอกล้อกับผู้เป็นพ่ออยู่เบื้องหน้า ขนิษฐาเปิดเปลือกตาขึ้นมามองภาพอัฐพลกำลังวิ่งไล่จับลูกชายก่อนจะจับได้พลางยกขึ้นจากพื้นทรายเพื่อเล่นให้ลูกชายรู้สึกหวาดเสียวอย่างสนุกสนานและชอบใจ มือเล็กที่เท้ากับพื้นยกขึ้นมาเพียงหนึ่งข้างเพื่อลูบวนเบาๆ ที่หน้าท้องนูนของตนที่มีอายุครรภ์ในหกเดือน หญิงสาวมองสามีและลูกชายอย่างมีความสุขอย่างเต็มความรู้สึกหลังเหตุการณ์มากมายผ่านพ้นไป พลันฉุกคิดถึงตนเองที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลอีกครั้งแม้จะพบว่าลูกของหญิงสาวปลอดภัยแต่ก็ควรระวังไม่ให้ออกแรงด้วยเพราะเจอเหตุการณ์และการกระทบกระเทือนมา จนคนเป็นพ่อลูกชายวัยห้าขวบกังวลจนเธอแทบทำอะไรเองไม่ได้จัดการให้ทุกอย่างจนแพทย์สั่งให้กลั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/2

    “นี คุณหยุดเถอะ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา” จิระภัทรพูดเตือนสติบ้าง“ไม่ต้องพูด คุณบอกฉันว่าเป็นศัตรูกับอัฐไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ดูสนิทสนมกันล่ะคะ” เสาวนีหันมาพูดพลางเล็งปืนออกมาที่ทุกคน“ผมเป็นคนส่งเพื่อนผมเข้าหาคุณเอง ผมผิดเอง...นี ผมขอโทษ คุณยังมีโอกาสที่จะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้นนะ” อัฐพลตอบพลางขยับเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ พร้อมจิระภัทรอย่ารู้กันดีเมื่อเห็นเสาวนีไม่ทันตั้งตัวเซนโซก้าซึ่งเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองกำลังเข้ารวบตัวเสาวนีจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ เขาจึงคิดเข้าไปช่วยน้องสาวแต่แล้วความเคลื่อนไหวของเขากลับทำให้เสาวนีจับได้จึงบันดาลโทสะออกมา“หยุดนะ! อย่าคิดเข้ามาแม้แต่คนเดียว ฉันยิงนังนี้กับลูกในท้องแน่” เสาวนีตวาดลั่นพลางเล็งปืนสะเปะสะปะไปมาในจังหวะนั้นเองที่อัฐพลตัดสินใจชำเลืองตามองจิระภัทรพลางพยักหน้าอย่างรู้กันก่อนก้าวเท้าเข้าไปล็อกตัวหญิงสาวทันทีให้ออกห่างจากขนิษฐาอย่างไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนสำเร็จ ทว่าปืนกลับลั่นขึ้นหนึ่งนัดสร้างความตกใจแก่ทุกคน ต่างพากันมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองที่กกำลังกอดรัดหญิงสาวเพียงคนเดียวล้มลงไปนอนกับพื้นปัง!ทุกคนให้ความสนใจที่คนทั้งสามโดนไม่ทันสังเกตขนิษฐ

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 35/1

    “คุณแค่จะใช่เธอเป็นตัวประกันต่อกรกับมันหมอนั่นไม่ใช่เหรอนี” “ใช่ค่ะ แต่บังเอิญมันท้องฉันเลยต้องทำหลักประกันให้ไม่มีข้อบกพร่องยังไงล่ะคะ คนอย่างอัฐไม่มีทางปล่อยให้ลุกในท้องนังเด็กนั่นเป็นอะไรแน่...หลักประกันชิ้นดีเลยนะคะ” “แต่นั่นเด็กนะนี เด็กทียังไม่...” “เด็กแล้วยังไงล่ะคะ เจตน์ ความจริงตอนนี้คุณไม่มีหน้าที่อะไรแล้ว หน้าที่ของคุณแค่ทำให้ไฟที่งานดับและพาตัวมันมาให้ฉันที่นี่เท่านั้น!” เสียงคนกำลังมีปากเสียงกันปลุกให้ขนิษฐารู้สึกตัวตื่น ไม่เพียงเสียงผู้คนแต่ยังมีลมเย็นที่ปะทะผิวกายจึงทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวจนเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ คิ้วทรงสวยขมวดเข้าหากันพลางค่อยๆ ไล่เรียงความทรงจำหลังไฟดับสาวเจ้าผละออกจากอัฐพลพลางหันมองซ้ายขวาท่ามกลางความมืดด้วยความตกใจก่อนจะรู้สึกมีคนเข้ามาประชิดจากด้านหลังพร้อมกับใช้บางอย่างประกบลงที่จมูกและปากของตนก่อนทุกอย่างจะดับวูบไป จนกระทั่งตอนนี้ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นจึงพบว่าตนกำลังถูกมัดกับเสาบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคือเสาอะไรและไม่เพียงรู้ว่าตนถูกมัดติดเอาไว้แน่น แต่ยังรับรู้ว่าตนกำลังอยู่บนดาดฟ้าของบริษั

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/5

    “สาวน้อยของแม่ ยังไม่ได้มีแค่คำอวยพรจากพ่อแต่ยังมีจากแม่ด้วยนะ...แม่ไม่มีคำพูดอวยพรอะไรมากมายแต่แม่จะขอให้ลูกพบกับสิ่งล้ำค่าอีกชิ้นที่กำลังมีหัวใจดวงน้อยในท้องของหนู ต่อจากนี้ก็เป็นข่าวดีที่จะบอกว่าแม่จะอยู่ที่ไทยจนกว่าหลานแม่จะคลอด” เขมมิกามองสามีและลูกสาวด้วยรอยยิ้มก่อนพูดออกไป ยื่นมือไปลูบศีรษะลูกสาวด้วยความรัก“มาพูดกันแบบนี้ ทำให้หนูไม่อยากให้พ่อกับแม่กลับกันเลยนะคะ” ขนิษฐาพูดขึ้นอย่างออดอ้อนเมื่อได้รับความรักจากพ่อและแม่ของตนท่านทั้งสองส่งยิ้มให้กับลูกสาวก่อนจะหันไปมองทางประตูห้องเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น ขนิษฐาอาสาเดินไปดูบุคคลที่มาเยือนในเวลา พลันฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นเซนโซก้าที่กลับจากฮ่องคนแต่แล้วก็ต้องล้มเลิกความคิดนั้นไปหากเป็นพี่ชายก็คงไม่กดกริ่งเช่นนี้ทั้งที่เธอเคยบอกพร้อมยื่นกุญแจห้องสำรองเอาไว้แล้วก่อนอีกฝ่ายเดินทาง แต่แล้วเมื่อหญิงสาวเปิดประตูจึงพบกับอัฐพลที่กำลังยืนถือกล่องสีดำกำมะหยี่พร้อมรอยยิ้มทันทีที่เห็นเธอ“คุณอาไม่ได้เข้าบริษัทไปเตรียมงานเหรอคะ” สาวเจ้าถามหลังหันกลับมาจากหันไปมองพ่อและแม่ของตน“ไปมาแล้วและกลับมาเพื่อเอาสร้อยข้อมือมาให้หนูนิดใส่กับชุด” ชายหนุ่มตอบพล

  • คุณอาเพื่อน   บทที่ 34/4

    ขนิษฐานั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นแม่และพ่อขงอตนด้วยความรู้สึกผิดหลังเล่าทุกอย่างให้พวกท่านได้รับรู้ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ตนกำลังตั้งครรภ์ลูกของอัฐพล ปฏิกิริยาตกใจแกมนิ่งอึ้งของท่านทั้งสองไม่ได้ผิดคาดไปจากที่ครุ่นคิดเอาไว้ยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเองทำเรื่องผิดอย่างไม่น่าให้อภัยในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว “หนูขอโทษพ่อกับแม่นะคะกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น” หญิงสาวกระพุ่มมือขึ้นมาก้มลงกราบลงที่ตักผู้เป็นพ่อก่อนก้มลงกราบผู้เป็นแม่ตาม ผละออกห่างมองพวกท่านทั้งสองอีกครั้ง สาวเจ้ารู้ตัวเองว่าตนทำผิดและทำตัวให้พวกท่านทั้งสองผิดหวังในตัวเธอโดยเฉพาะกับผู้เป็นแม่ที่แสดงสีหน้าราบเรียบจนเธอดูไม่ออกว่าทันกำลังคิดหรือกำลังรู้สึกเช่นไร ต่างจากผู้เป็นพ่อที่แม้จะแสดงสีหน้าตกใจแกมเสียใจอยู่น้อยๆ แต่ท่านยังมีสีหน้าให้พอเดาออกว่ากำลังรู้สึกเช่นไร “พ่อผิดหวังในตัวลูกที่มีความคิดอะไรก็ไม่รู้ไม่ยอมบอกเขาเสียที” ซานเซสชำเลืองมองภรรยาที่รักก่อนพ่นลมหายใจออกมาเพื่อรวบรวมสติให้มั่นก่อนตัดสินใจพูดออกมาเมื่อภรรยาเอาแต่นั่งนิ่งมองหน้าลูกสาว ด้วยเพราะตนนึกเป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status