หลายวันต่อมา
“กลับได้แล้วริศา เดี๋ยวมันจะดึกเอา” เสียงเจ้าของร้านคาเฟ่ที่ริศาทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนเอ่ยบอกกับร่างเล็กที่กำลังช่วยกวาดพื้นอยู่ เธอเพิ่งจะเข้าทำงานที่นี่ได้เพียงสามวันเพราะว่าเพิ่งเปิดใหม่และใกล้มหาลัยดีแถมเจ้าของร้านก็เป็นรุ่นพี่ที่รู้จักกัน คนขยันอย่างริศาจึงไม่รอช้าที่จะขอเข้ามาทำงานด้วยเพื่อหารายได้พิเศษ
“อีกนิดก็เสร็จแล้วค่ะพี่แก้ว”
“กลับเถอะพี่ทำต่อเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หอพักริศาใกล้แค่นี้เองเดินนิดเดียวก็ถึง”
“รู้แล้วว่ามันใกล้แต่นี่มันจะสองทุ่มแล้วเนี่ย ไปได้แล้ว ไปๆ”
“ค่ะๆ ไปก็ได้” คนตัวเล็กจำใจต้องส่งไม้กวาดต่อให้กับรุ่นพี่เจ้าของร้านใจดีแต่ก็ยังไม่วายเดินไปจับนั่นจับนี่ให้เข้าที่จนรุ่นพี่ต้องส่งสายตาดุๆเป็นเชิงว่าให้หยุดแหละกลับห้องของเธอไปได้แล้ว
“โอเคค่ะ กลับแล้วก็ได้”
กระทั่งเมื่อเธอเดินออกมานอกร้านริศาก็เดินไปตามทางเดิมที่จะกลับหอพักของเธอ ข้างทางมีไฟส่องสว่างไม่ได้หน้ากลัวอะไร แต่ที่เธอรู้สึกแปลกๆก็คือเหมือนมีรถคันหนึ่งขับชะลอๆตามหลังเธอมาตั้งแต่เธอเดินออกจากร้านมาได้สักพักแล้ว ซึ่งริศาก็ไม่ได้เดินเร็วอะไรแต่รถคันนั้นก็ไม่ได้ขับผ่านเธอไปสักที
“ไปไหม”
และในขณะที่เธอพยายามไม่สนใจและก็เดินไปตามทางเดินบนฟุตพาทของเธอ อยู่ๆรถคันนั้นก็ขับเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับมีผู้ชายที่ลดกระจกลงมาและเอ่ยถามเธอขึ้น
“คะ?” ริศาที่ได้ยินไม่ค่อยถนัดและคิดว่าคนในรถน่าจะถามทางหรือเปล่าจึงหยุดเดินและหันไปถามกลับเผื่อจะช่วยอะไรได้
“ไปกลับพี่ไหม เท่าไหร่น่ะเราอ่ะ” ทว่าพอได้ยินคำถามชัดๆริศาก็ถึงกับงงเข้าไปอีก
“คืออะไรคะ?”
“หึ! ไม่รู้จริงเหรอ ไม่เอาน่าอย่ามาทำเป็นใสๆราคาเท่าไหร่ก็ว่ามา สวยๆอย่างน้องพี่สู้นะ”
“เอ่อ…ไม่ๆค่ะ” กระทั่งได้ยินประโยคต่อมาจึงรู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดแล้ว ผู้ชายคนนี้เขาคิดว่าเธอมาเดินขายตัวหรืออย่างไรกัน
“ขอโทษนะคะ เข้าใจผิดแล้วค่ะ” เธอบอกเขาไปด้วยน้ำเสียงสุภาพและถอยออกมาเดินไปตามทางของเธอต่อ ทว่าผู้ชายคนนั้นก็ไม่ยอมหยุด คราวนี้เขาลงจากรถและเดินดุ่มๆเข้ามาหาเธอเลย
“คิดจะอัพค่าตัวเหรอ ก็บอกแล้วไงว่าเท่าไหร่ก็สู้” ชายหน้าตาดีอายุราวๆยี่สิบปลายๆมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่ดูพอใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอเป็นอย่างมาก
“ก็บอกแล้วไงคะว่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นค่ะ”
“หือ? งั้นเหรอ”
“ค่ะ คุณเข้าใจผิดจริงๆ คือฉันเพิ่งเลิกงานพาร์ทไทม์ที่ร้านคาเฟ่แล้วกำลังจะเดินกลับหอพักค่ะ” เธออธิบายให้อีกคนเข้าใจเพื่อที่จะได้เลิกยุ่งกับเธอสักที ทว่าชายคนนั้นกลับยิ้มชอบใจ
“อ๋อ! ไม่ได้ขาย ไม่เป็นไรงั้นให้พี่ไปส่งนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“ไปเถอะน่า อย่ามาทำเล่นตัวหน่อยเลยพี่ไม่ได้สนใจใครง่ายๆหรอกนะ” ชายหนุ่มยังคงตื้อต่อเพราะรู้สึกสนใจคนตัวเล็กตรงหน้าจริงๆ
“ขอตัวนะคะ” แต่ริศาที่รู้สึกกลัวเขาไปแล้วก็ได้พยายามหลบหลีกด้วยการเดินหนี
หมับ!
ชายคนนั้นจึงได้ถือวิสาสะคว้าข้อมือเธอไว้
“ก็บอกว่าจะไปส่ง เล่นตัวอะไรนักหนา”
“ปล่อยนะคะ คุณไม่ควรมาทำกับคนที่ไม่รู้จักกันแบบนี้”
“ก็อยากรู้จักไง”
“แต่ฉันไม่อยากรู้จักคุณ ปล่อยค่ะ” ริศาพยายามบิดข้อมือเล็กของตัวเองออกจากมือใหญ่ของอีกคน แต่ยิ่งบิดเท่าไรเขาก็ยิ่งกำแน่นขึ้นกว่าเก่า แถมยังพยายามกระชากเธอให้เดินตามเขาไปที่รถให้ได้
“ปล่อยนะคะ ฉันไม่ไป”
“มีอะไรกันน่ะ!”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นั้นเสียงของใครบางคนก็ตะโกนออกมาจากในรถอีกคันที่มาจอดเทียบฟุตพาทตรงนั้น ก่อนที่คนในรถจะรีบเปิดประตูและเดินตรงเข้ามา
“มาฉุดผู้หญิงแบบนี้ไม่เป็นลูกผู้ชายเอาซะเลยนะ” ชายผู้มาใหม่เอ่ยเสียงเข้มใส่ชายอีกคนที่ยังกำข้อมือของริศาอยู่
“อย่ามายุ่งเรื่องผัวเมีย”
“มะ…ไม่ใช่นะคะ เขาไม่ใช่” ริศาส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
“ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากเดือดร้อน”
“ถ้าไม่ปล่อยแล้วจะทำไม?”
“ก็ไม่ทำไม สถานีตำรวจอยู่ใกล้ๆโทรแค่แป๊บเดียวก็คงมาถึง” จบประโยคของชายที่เข้ามาใหม่ ผู้ชายคนที่กำมือริศาอยู่ก็ถึงกับหน้าเจื่อนลง
“ชิ!” แล้วสุดท้ายก็ยอมปล่อยมือริศาให้เป็นอิสระแต่โดยดี ไม่รอให้อีกคนได้โทรหาตำรวจจริงๆสองเท้ายาวก็รีบก้าวฉับๆไปขึ้นรถของตัวเองและขับออกไปทันที
บรื๊นนน~~
“เป็นไงบ้าง ตกใจเหรอ” ชายหนุ่มหันถามกับคนตัวเล็กเมื่อเห็นใบหน้าที่ยังคงตื่นกลัวของเธอ แต่เมื่อได้มองใบหน้าเรียวเล็กสวยชัดๆใกล้ๆอยู่ๆเขาก็นิ่งไปและเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้อยากจะฉุดเธอขึ้นรถไปนัก สวยขนาดนี้เป็นเขาเองก็นึกอยากฉุดแต่ก็ได้แค่คิดเล่นๆในใจ
“ทีหลังอย่ามาเดินมืดๆคนเดียวแบบนี้นะ ถึงจะมีไฟส่องสว่างแต่ก็ยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆอยู่ดี” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูห่วงใยทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ริศาจึงได้แต่ยิ้มแห้งๆให้เขาไป เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เดินมาตั้งสองปีแล้วเพิ่งจะเคยเจอ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยไว้”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่บ้านอยู่ไหนเหรอให้ฉันไปส่งไหม”
“เอ่อ…” คนที่เพิ่งเจอเหตุการณ์แย่ๆไปคิดไม่ตก จะเดินกลับไปคนเดียวก็ยังกลัวๆ จะให้เขาไปส่งก็ยังไม่รู้จักกัน
“บ้านเธออยู่แถวนี้หรือเปล่า ถ้ากลัวก็ให้ฉันขับรถตามไปส่งแล้วกัน เธอจะเดินก็เดินฉันขับรถตามหลังไปเป็นเพื่อน” ชายหนุ่มยื่นข้อเสนอ
“…” ทว่าริศาก็รู้สึกเกรงใจอยู่ลึกๆ
“ตามนี้แล้วกัน ไหนๆฉันก็ช่วยเธอแล้วก็ช่วยมันให้สุดไปเลย”
“ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ” สุดท้ายริศาจึงตกลงกับเขาไปตามนั้น เพราะอย่างน้อยๆเธอก็ไม่ต้องเดินอย่างกลัวๆคนเดียว…
หอพักของริศา…
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยไว้แล้วยังอุตส่าห์ขับตามมาส่งอีก” พอมาถึงหน้าหอพักริศาจึงรีบหันไปขอบคุณชายหนุ่มที่ตามมาส่งด้วยความจริงใจ เธอยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรแต่หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มของเธอนั้นมันกลับทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ยิ่งพอมาถึงหน้าหอพักที่มีไฟค่อนข้างสว่างมากเขาก็ยิ่งเห็นหน้าเธอได้ชัดเจนขึ้น แล้วก็ต้องถูกความสวยน่ารักของเธอเตะตาเข้าอย่างจัง
“หึ! น่ารัก” คนในรถเผลอพึมพำออกมา
“คะ? ว่าไงนะคะ”
“เปล่าๆ เธอเข้าไปเถอะแล้วก็อย่าลืมนะ อย่าไปเดินข้างทางเวลากลางคืนแบบนั้นอีก”
“ค่ะๆ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ริศาก้มศีรษะให้คนในรถเล็กน้อยและหมุนตัวกลับเดินเข้าไปในหอพักของตัวเอง ส่วนชายที่ตามมาส่งก็ยังคงจอดอยู่ที่เดิมจนกระทั่งคนตัวเล็กเดินเข้าข้างในหอพักไป เขาถึงได้เคลื่อนรถขับออกไปจากตรงนั้นด้วยความรู้สึกชอบใจและยังอยากจะเจอกับเธออีก…
วันต่อมา…
“ห๊ะ! จริงเหรอริศา”
“แล้วมันได้ทำอะไรเธอไหม” เสียงเพื่อนสนิททั้งสองแย่งกันถามริศาขึ้นด้วยความเป็นห่วงกับเหตุการณ์เมื่อคืน ตอนแรกเธอกะว่าจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังแต่พอคิดไปคิดมาก็เล่าให้ฟังดีกว่าเผื่อเพื่อนจะให้คำปรึกษาเธอได้ แล้วอีกอย่างเธอก็ต้องเดินกลับทางนั้นเป็นประจำด้วยเผื่อเกิดอะไรขึ้นอีกแล้วไม่ได้บังเอิญโชคดีมีใครมาช่วย เพื่อนเธอจะได้รู้ไว้ว่าสาเหตุที่เธอเป็นอะไรไปมันเพราะอะไร
“ต่อไปเธออย่าเดินกลับคนเดียวตอนดึกๆอีกนะริศา” แป้งร่ำบอกอย่างเป็นห่วง
“ใช่ ถ้าจำเป็นจริงๆโทรบอกฉันก็ได้เดี๋ยวฉันให้คนมารับ” มะนาวก็เช่นกัน
“ขอบใจพวกเธอมากนะที่เป็นห่วง ฉันไม่คิดเหมือนกันว่าการเดินกลับบ้านระยะทางแค่นิดเดียวจะต้องมาเจออะไรแบบนี้อะ”
“ถึงจะไม่ไกลมากแต่มันก็เป็นตอนกลางคืนนะ เธอก็ตัวเล็กตัวน้อยแค่นี้ ดีนะยังไม่โดนอุ้มขึ้นรถไปได้” แป้งร่ำที่เป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กมากเอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบที่ศีรษะเล็กเบาๆ
“นั่นสิ ดีนะที่มีผู้ชายใจดีคนนั้นเข้ามาช่วยไม่งั้นฉันต้องแย่แน่เลย” เธอที่ยังรู้สึกกลัวๆกับเรื่องเมื่อคืนไม่หายนึกขอบคุณผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยด้วยใจจริง ถ้าหากเขาปล่อยผ่านแล้วไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว ป่านนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะเป็นยังไง
“ฉันอยากตอบแทนเขาจัง” ริศาว่าพลางใช้ความคิดของตัวเอง จะทำยังไงให้เธอได้เจอเขาอีกและได้ตอบแทนคนที่เข้ามาช่วยเธอไว้
“วันนี้เธอก็ต้องทำงานใช่ไหมริศา” แป้งร่ำถาม
“วันนี้ฉันลาน่ะ ยังนึกกลัวๆอยู่คงเริ่มไปทำอีกทีวันจันทร์”
“ถ้างั้นเย็นนี้เราก็ว่างตรงกันแล้วสิ ไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านเดิมกันไหม ฉันอยากกินมาหลายวันแล้วอ่า”
“ไปสิๆ ฉันก็อยากกิน” มะนาวกับแป้งร่ำเห็นพ้องต้องกันกับการที่จะได้พากันไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านโปรดที่ไปกินกันประจำแต่ช่วงหลังไม่ค่อยได้ไปเพราะมีเรียนหนักและริศาก็มีงานที่ต้องทำหลังเลิกเรียน
“อืม งั้นก็ไปกัน” ทำให้คนตัวเล็กของกลุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเออออห่อหมกกับเพื่อนไปด้วยเพราะถึงเธอจะปฏิเสธเพื่อนๆก็ไม่ยอมอยู่ดี
@ร้านอาหาร…
ทั้งสามพากันตรงเข้ามายังร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแห่งหนึ่งซึ่งอยู่บนตึกสูงใจกลางกรุง ทั้งแป้งร่ำและมะนาวที่โปรดปรานอาหารประเภทนี้มากก็ดูจะหน้าตาชื่นบานเป็นพิเศษ ผิดกับริศาที่ถึงจะชอบเหมือนกันแต่ทว่าราคาของอาหารที่นี่ก็แพงมากเกินกว่าเธอจะกล้าเข้ามากินบ่อยๆ
“มาที่นี่ทีไรทำหน้าแบบนี้ทุกทีเลยนะริศา คิดมากอีกแล้วใช่ไหม” คนรู้ทันเพื่อนอย่างมะนาวเอ่ยถามในขณะที่ทั้งสามเข้ามานั่งภายในร้านซึ่งบริเวณที่พวกเธอนั่งก็เป็นที่ประจำติดกระจกมองเห็นวิวสวย
“ก็…มันแพง ฉันเกรงใจพวกเธอมาทีไรก็ออกให้ก่อนทุกที บางทีก็ไม่ให้ฉันออก”
“เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้จะขึ้นปีสามแล้วนะริศา เรื่องแค่นี้เอง คิดมากไปได้เธอช่วยอะไรพวกฉันไว้ตั้งเยอะแยะ ใช่ไหมแป้ง”
“จริง อยากกินอะไรสั่งเลย ถ้าหากว่าเกรงใจพวกฉันงั้นก็ทำแบบเดิมแหละ ค่อยจ่ายคืนให้กันทีหลัง”
“เฮ้อ~ก็ได้ๆ” สุดท้ายคนขี้เกรงใจเพื่อนก็ต้องยอมตามใจเพื่อนอยู่ดี เธอรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนทั้งสองไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองอะไรเพียงแค่อยากให้เธอได้มากินของอร่อยด้วยกันและนั่งเม้าท์มอยกันตามประสาเพื่อน แต่บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอจะเอาเปรียบเพื่อนๆเกินไปหรือเปล่า
“สั่งอาหารกันดีกว่าเรา”
หลังจากตกลงกันได้ทั้งสามก็พากันสั่งอาหารมานั่งทานกันและพูดคุยกันไปตามประสา…ทว่าริศาที่นั่งกินไปได้สักพักก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกใครจ้องมองอยู่จากทางไหนสักทาง
“เป็นอะไร” แป้งร่ำที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิ ฉันรู้สึกเหมือนมีคนมองพวกเราอยู่อ่ะ”
“หือ? ไหน” พอเพื่อนบอกแบบนั้นแป้งร่ำจึงกวาดตามองไปรอบบริเวณร้านดูจนสุดท้ายสายตาของเธอก็ไปเจอเข้ากับกลุ่มผู้ชายที่ใส่ชุดนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ และหนึ่งในนั้นก็กำลังมองมาทางพวกเธอเหมือนกับที่ริศารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“โอ๊ะ! จริงด้วยแหะนั่นไง” ริศากับมะนาวจึงมองไปตามที่แป้งร่ำบอก
“เอ๊ะ! นั่นมัน” และทันทีที่ริศาหันไปสบตาเข้ากับผู้ชายที่มองมายังเธอก็ต้องถึงกับขมวดคิ้ว เธอค่อนข้างมั่นใจว่าจำไม่ผิดคนแต่ก็ยังช่างใจอยู่ว่าจะใช่เขาหรือเปล่า
“รู้จักเขาด้วยเหรอริศา” แป้งร่ำถาม
“เขาเหมือนผู้ชายคนที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนเลย”