อัญชันที่ไปส่งขนมให้กับป้าจันทร์ในตลาดอย่างเช่นทุกวัน พออัญชันส่งเสร็จก็แวะซื้อข้าวสารเพื่อพอ กรอกหม้อเอากลับไปให้แม่
เพราะอัญชันรู้ว่าถ้าแม่มาซื้อเองคงไม่กล้าที่จะซื้อเพราะอยากจะเก็บเงินเอาไว้ให้เธอได้กิน "ลุงจ๊ะเอาข้าวสารให้ฉันสักถุงเถิด"อัญชันถึงจะเป็นเด็ก แต่ก็มีความคิดที่ดีต่อแม่ที่เลี้ยงเธอมา "ได้สิแต่คราวที่แล้วพ่อเอ็งมาติดค่าเหล้าเอาไว้ด้วยเอ็งจะจ่ายเลยหรือเปล่า" "ฉันมีไม่พอจ่ายหรอกจ้ะลุง แค่พอมีซื้อข้าวสารก็แทบจะไม่พอแล้วจ้ะลุง"อัญชันพูดพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าสร้อยและกำถุงในมือจนแน่น "เออ ๆ ไม่เป็นไรเอาไว้ก่อนก็ได้ เดี๋ยววันไหน ไอ้ทองอินมาข้าทวงกับมันเอง เอ็งเอาข้าวไปก่อนเถอะส่วนเงินตรงนั้นเองก็เอาเก็บไว้กินทำทุนซื้อของมาขายอีกนะ" ตาเอี้ยงมองไปในมือเล็กๆที่กำถุงเงินไว้แน่นก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของอัญชันตาเอี้ยงจึงเมตตาอัญชันและนวลเป็นพิเศษเพราะแม่ก็ขยันลูกก็น่ารักนิสัยดี "ขอบคุณนะจ๊ะลุงเอี้ยง ฉันจะไม่ลืมบุญคุณของลุงเลย"อัญชันที่ได้ข้าวก็ยิ้มแป้นรีบกลับไปที่บ้านเพื่อไปหาแม่นวลของเธอ ทางด้านไอ้ทองอินทร์ที่หลุดออกมาจากโรงพนันได้มันรีบสาวเท้ากลับมาที่บ้านทันที พอมันมาถึงมันค้นข้าวของมีค่าทุกอย่าง เพื่อเตรียมจะหนีไปจากที่เมืองลพบุรีมันไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อได้แล้ว เพราะถ้ามันอยู่คงโดนฆ่าทิ้งจากนายโรงพนันเป็นแน่ "พี่อินพี่จะทำอะไรน่ะ ทำไมจะต้องขนข้าวของตั้งมากมายพวกนี้ด้วย"เสียงนางนวลวิ่งพรวดขึ้นมาบนบ้านพร้อมทำสีหน้าตกอกตกใจเพราะข้าวของกระจัดกระจายราวกับถูกโจรขึ้นบ้าน "มึงต้องหนีไปจากที่นี่พร้อมกับกู ถ้ามึงไม่อยากตายอีนวล"ไอ้ทองอินที่ตะคอกนางนวลที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ "ทำไมเราต้องหนี"นวลที่หันไปมองทองอินทร์ด้วยคำถามมากมายที่พรั่งพรูอยู่บนใบหน้าแต่นวลก็พอจะรู้สาเหตุ "หรือพี่ไปเล่นพนันอะไรมาแล้วเป็นปัญหาอีกใช่หรือไม่"นางนวลเค้นถามผู้เป็นสามี "มึงไม่ต้องถามกูมากหรอก กูบอกให้เก็บของยังไงเล่า หรือมึงจะรอให้มันมาฆ่ามึงกับลูกของมึงก่อน" ไอ้ทองอินหยุดมือแล้วหันกลับไปตะคอกนวล "ไม่พี่ต้องตอบฉันมาก่อน ไม่งั้นฉันก็จะไม่ไปที่ไหนทั้งนั้น เพราะนี่มันก็บ้านของฉันเหมือนกัน" "ถ้ามึงจะอยู่ มึงก็อยู่ไปกันเลยสองคนแม่ลูกมึง ถ้ามึงไม่เชื่อกู ไอ้นายโรงพนันมันจะมายึดบ้านเพราะกูไปติดหนี้มัน" "พี่ติดหนี้เขาเท่าไหร่ ทำไมถึงจะต้องฆ่าแกงกันเลยหรือไร"นางนวลถึงกับสงสัย "กูเอาบ้านกับนาไปเข้าจำนำที่โรงพนัน กูก็เล่นพนันไปจนหมดแล้ว และกูก็เป็นหนี้มันอีก 300 บาทถ้าไม่มีเงิน 300 บาทไปคืนมันมันจะมากระทืบกูถึงบ้านไง..!" "300 บาท..! พี่จะบ้าหรือ พี่เล่นอะไรขนาดนั้นบ้านก็ไม่เหลือ ที่นาก็ไม่เหลือแล้วเราจะไปอยู่กินกันที่ไหน ทำไมพี่ทำอย่างนี้"นางนวลที่โมโหจนขาดสติถึงกับตะคอกกลับไอ้ทองอินทันทีเช่นกัน "กูจะหนีไปตั้งหลักโคราช กูจะต้องไปหาลุงเขียวญาติคนสุดท้ายของกู จะต้องเดิน จะต้องวิ่งใช้เวลาหลายวันก็ต้องทำ" "ไม่งั้นลูกมึงกับมึงนั่นแหละที่จะตาย เพราะมันจะต้องฆ่าพวกมึงพร้อมกับกู"ไอ้ทองอินใช้คำพูดขู่เข็นโดยเอาอัญชันมาเป็นตัวกระตุ้นความเป็นห่วงของนางนวล "ฉันจะเชื่อพี่อีกสักครั้ง ถ้าเราไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองโคราช พี่สัญญากับฉันได้ไหม ว่าพี่จะเลิกเล่นการพนัน"นางนวลที่น้ำตานองหน้าพูดพร้อมกับความโกรธน้อยเนื้อต่ำใจ ทุกอย่างปะเดปะดังใส่จนไม่รู้จะแก้ไขเรื่องไหนก่อน "เออกูสัญญา กูจะเลิกเล่นการพนัน มึงกับกูจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่โคราช แล้วลูกมึงอยู่ที่ไหน" ไอ้ทองอินถึงแม้จะเป็นคนกะล่อนปลิ้นปล้อนและไม่ชอบอัญชันที่เป็นผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่ความเป็นพ่อก็ยังคงต้องเป็นห่วงลูกอยู่บ้าง อัญชันที่เดินมาถึงบ้าน ก็ถึงกับตกอกตกใจเมื่อเห็นสภาพบ้านที่ถูกรื้อกระจัดกระจายอัญชันรีบวิ่งขึ้นไปตะโกนเรียกแม่เสียงหลง "แม่ ..,! แม่นวลแม่อยู่ที่ไหนจ๊ะ"อัญชันที่กวาดสายตามองหานวลทุกซอกมุมของบ้านใจคอก็ไม่ดี "อัญชันแม่อยู่นี่ลูก ขึ้นมาเร็วเราต้องรีบไปกันแล้ว"นางนวลและให้ทองอินที่เก็บข้าวของที่พอจะเก็บได้ใส่ย่ามเล็ก ๆ สะพายไปได้หม้อหุงข้าวหม้อดินเล็กๆสัมภาระทำครัวนิดหน่อยที่พอจะประทังชีวิตระหว่างเดินทางก็ขนไปจนหมดสิ้น "เราจะไปที่ใดกันแน่ แล้วทำไมบ้านเราถึงเป็นอย่างนี้"อัญชันถามผู้เป็นแม่ในมือก็ยังถือห่อข้าวสารที่เอาใส่ยามมาเป็นอย่างดี "เราจะไปอยู่บ้านญาติของพ่อสักพัก เรารีบไปกันเถอะลูก เราต้องออกจากที่นี่อีกสักก็ใกล้จะค่ำแล้วคนก็คงจะไม่ค่อยเห็นกันแล้วล่ะ" ไอ้ทองอินได้พาลูกและเมียออกเดินทางตั้งแต่หัวค่ำ ออกจากหมู่บ้านไปอย่างเงียบ ๆ มันไม่อยากให้เป็นที่สังเกตของใคร มันจึงลัดเลาะไปตามทางป่าที่ไม่มีคนใช้มากนัก "พี่นี่เราก็เดินกันมา 4-5 ชั่วยามแล้วพักสักหน่อยเถอะ ลูกไม่ไหวแล้ว"นางนวลที่เห็นสภาพของอัญชันที่แทบจะเดินไม่ไหวรองเท้าก็ไม่มีใส่ "เออ พักก็ได้ พวกมึงนี่เป็นภาระกูจริงๆเลย" "อัญชันหิวไหมลูก"นางนวลหันไปถามลูกสาวที่ใบหน้าดูอิดโรยเหนื่อยล้า "หิวนิดหน่อยจ๊ะแม่" "แม่มีปลาเค็มตากแห้งกับข้าวเหนียวมานิดหน่อยเดี๋ยวลูกกินสักหน่อยนะ" ยังไม่ทันที่อัญชันจะได้ยื่นมือไปหยิบห่อข้าวไอ้ทองอินที่หิวโซ ก็คว้าห่อข้าวในมือของนางนวลเอาไปกินเข้าปากคนเดียวโดยไม่แบ่งให้ใครเลย "ทำไมพี่ทำอย่างนี้ล่ะ ข้าจะให้อัญชันมันกินนะ ลูกหิวข้าวขนาดนี้ พี่ยังทำได้ลงคอเลยหรอพี่ทองอิน" "กูก็หิวเหมือนกันไม่ใช่แค่ลูกมึงหิว มันจะกินไปทำไม งานการก็ไม่ค่อยได้ทำ ให้กูกินนี่"ไอ้อินไม่สนใจ สองแม่ลูกนั่งมองดูไอ้ทองอินกินข้าวเหนียวจนหมดห่อ "ไม่เป็นไรนะลูก แม่ยังพอมีปลาแห้ง อยู่เดี๋ยวก่อไฟย่างปลาแห้งสักหน่อย พอให้ลูกประทังหิวได้บ้าง" "แม่จ๊ะลูกมีข้าวสารมาอยู่ย่ามจ๊ะ"อัญชันพูดจบก็ควักข้าวสารออกมาจากย่ามของตัวเอง แต่อัญชันไม่ยอมควักเงินออกมา เพราะถ้าควักออกมาพ่อก็คงเอาไปหมดอีกเช่นเคย "ลูกเอาข้าวมาจากไหนฮะอัญชัน" "ลูกเอาเงินที่แม่ให้ไปเก็บจากป้าจันทร์ขายขนมไปซื้อข้าวมาจ้ะ ตังค์ที่ได้จากค่าขนมก็เลยไม่เหลือ"อัญชันเลือกที่จะโกหกต่อหน้าพ่อ "ไม่เป็นไรจ้ะ ลูกดีแล้ว ที่ลูกซื้อข้าวมา เรายังกินตอนเดินทางได้อีกหลายวันเลย"นางนวลที่ติดหม้อดินเล็ก ๆ มาด้วยก็จัดการหุงหาอาหารให้กับลูกสาวโดยมีปลาตากแห้งโรยข้าวให้ลูกสาวได้ประทังหิว "แค่นี้ลูกก็อิ่มแล้วจ้ะแม่ แม่กินบ้างเถอะ"อัญชันกิน 4-5 คำก็แกล้งบอกว่าอิ่มเพื่ออยากให้แม่ตนเองได้กินข้าวด้วยกัน "ได้จ้ะถ้าลูกอิ่มแล้ว เดี๋ยวแม่จะกินต่อเอง"นางนวลกินข้าวที่เหลือจากลูกสาว ถึงแม้จะหุงไม่มากนักก็ยังให้ได้อิ่มและมีแรง "มึงนี่ก็ยังดีนะที่มีความคิดไปซื้อข้าวซื้อปลามาเก็บไว้บ้าง ถ้าเกิดไม่มีอะไรกินป่านนี้ก็คงอดตายกันไปหมด"ไอ้ทองอินที่ทำเป็นพูดชมลูกสาวตัวเองทั้งๆที่เรื่องทั้งหมดต้นเรื่องก็เกิดจากตนเองทั้งนั้นแต่มันก็ยังไม่มีสามัญสำนึกเลย....."2-3 วัน คิดว่าน่าจะทำทางเส้นนี้ได้เสร็จก่อนฝนมาแน่นอน"เศรษฐีอ๋องกับพ่อคุ้มอินทรีย์ที่ช่วยกันวางแผนมาเป็นอย่างดี"งั้นเราก็ตั้งค่ายพักค้างอ้างแรมกันตรงนี้เถอะ"จบคำพูดของอินทรีย์ทุกคนช่วยกันทำแคร่พักแบบลวก ๆ เพื่อจะได้พักค้างอ้างแรมกันอย่างสบายใจ"อัญชันเอ็งอยากลงจากหลังม้าแล้วใช่หรือไม่..?" "จ้ะ พ่อคุ้ม""ข้าให้ไอ้กล้ากับไอ้สนทำแคร่ไม้ไว้ให้เอ็งตรงนู้น..แล้วก็อยากทำกระโจมนอนไว้ด้วย เอ็งไปนั่งพักเถอะ"อินทรีย์กลางแขนใหญ่ออกพร้อมอุ้มอัญชันลงจากหลังม้า ชาวบ้านมากมายต่างพากันมองทั้งสองเป็นตาเดียว พร้อมกับนินทาซุบซิบว่าทั้งสองเหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกไอ้พันที่เห็นการกระทำของอินทรีย์ก็รู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมากราวกับกำลังถูกกระชากหัวใจและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีทั้งโดนกีดกันและไม่ให้เข้าใกล้อัญชัน เพราะไอ้พันนั้นหมายตาแม่อัญชันตั้งแต่เด็กเช่นกัน"คอยดูเถอะไอ้อินทรีย์หากกูมีโอกาสกูจะไม่พลาดเอาแม่อัญชันมาเป็นเมียกูให้ได้"ไอ้พันที่พูดสบถอยู่คนเดียว"พี่พูดว่ากระไรของพี่ ข้าได้ยินมิถนัด"ไอ้ไผ่ที่
อินทรีย์ที่เห็นว่าส่งอัญชันไปจนถึงสวรรค์แล้ว เขาจึงลุกขึ้นประคองอัญชัน พร้อมกับลุกยืนเต็มความสูง แล้วถลกผ้าขาวม้าออกปล่อยให้ไหลลงไปกองอยู่บนพื้นทำให้เห็นแท่งเอ็นใหญ่โตกว่าข้อแขนของอัญชันเสียอีก กำลังแข็งผงาดชี้โด่เด่แข็งโป๊กแทบจะปริแตก อินทรีย์ที่ยืนตระหนานอยู่ตรงหน้าของอัญชันเดินเปลือยเปล่าจังก้าเข้าไปหาร่างเล็กที่นั่งมองตาใสแป๋ว"กินมันเข้าไปสิอัญชัน"เสียงราบเรียบของอินทรีย์ที่สั่งให้อัญชันกลืนกินแท่นร้อน ๆ ของตัวเองที่บัดนี้มันอยากจะจับอัญชันมากระแทกจนมิดด้ามแต่เขาไม่อาจทำให้กระต่ายตื่นไปมากกว่านี้เขายังมีเวลาที่จะสอนเพลงรักมากมายให้กับอัญชันตลอดชีวิต"อัญชันทำไม่เป็นจ๊ะพ่อ"อัญชันที่นั่งคล้ายกับท่าเบญจางคประดิษฐ์อยู่ตรงหน้าของอินทรีย์ที่ยืนยื่นปลายแท่งเอ็นจ่อปากเล็กๆ"เอ็งก็แค่ใช้ลิ้นเล็ก ๆ ของเอ็งเลียไปที่หัวแท่งเอ็นของข้า มันจะทำให้ข้ามีความสุขแบบที่เอ็งมีความสุข"อินทรีย์อธิบายเหตุผลและค่อย ๆ สอนวิธีการให้อัญชันรู้ว่าจะต้องทำเช่นไรจัดการอย่างไรกับแท่งเอ็นที่ตั้งตระหนานอยู่ตรงหน้าเช่นนี้
เสียงจิ้งหรีดร้องทักแข่งขันกับเสียงจั๊กจั่นยามค่ำคืน แสงจันทร์นวลผ่องสาดส่องให้เห็นดวงดาวกระจ่างบนฟากฟ้า แสงครบเพลิงและแสงตะเกียงเจ้าพายุตรงปลายท่าน้ำ ส่องสว่างให้เห็นคนสองคนท่ามกลางความร้อนฉ่าอินทรีย์กำลังโลมเลียจุกจากเต้าอวบใหญ่สลับซ้ายขวาเลียวนไปมา ใช้ปากนะดูดจน เคลนคลึงอย่างมัวเมา จนน้ำลายเหนียวข้นเปียกเลอะจุกสีหวาน กลิ่นอ่อนหอม ๆ ของอัญชันช่างเย้ายวนใจของอินทรีย์มาตลอด แต่ครั้งนี้เขามั่นใจในความรู้สึกที่มีต่ออัญชัน"พ่อจ๋า....อะ อ้าส์ เสียว" อัญชันครางกระเส่าบิดเร้าๆ ไปมาในอ้อมกอดที่แน่นกระชับเอวบางไม่ให้ต่อต้านหรือดิ้นหนีไปได้ง่าย ๆอินทรีย์เลียจุกสีหวานแล้วผละปากออกพร้อมเงยหน้ากลับมา จ้องมองใบหน้าเล็กๆที่เงยหน้ามองทองฟ้า เคลิบเคลิ้มราวกับสติหลุดลอยออกจากร่างเขาจึงอยากจะเสร็จสมอารมณ์หมายให้กับอัญชันอินทรีย์อุ้มอัญชันขึ้นไปนอนราบไปกับไม้กระดานตรงท่าน้ำสองสายตาสอดประสานหยาดเยิ้มราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า อินทรีย์ร่างที่เปียกปอนนอนจ้องตากันจนแทบละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ"จากนี้ไปเอ็งจะเป็นของข้า ทั้งร่างกายและจิ
อัญชันกับอินทรีย์ก็เดินตรงไปที่ท่าน้ำที่อยู่ข้างบ้าน เป็นท่าน้ำส่วนตัวของอัญชันเท่านั้นที่จะมาอาบได้ เพราะอินทรีย์ไม่อยากให้อัญชันต้องเดินไปอาบน้ำไกล ๆ จึงได้สั่งขุดบ่อขึ้นมาและให้น้ำจากลำธารน้ำตกไหลผ่านเข้ามาในบ่อแห่งนี้ "เอ็งจะยืนตรงนั้นอีกนานไหมเล่าอัญชันหรือเอ็งรังเกียจที่จะอาบน้ำกับข้า"อินทรีย์ที่นั่งถอดเสื้อออกเหลือเพียงผ้าโสร่งตัวเดียว "เออ..คือว่า.."อัญชันทำท่าทีอึดอัดไม่กล้าตอบอินทรีย์ไปตรง ๆ เพราะรู้สึกเขินอาย "คืออะไรของเอ็งเล่า.คือ ๆ อยู่นั่นแหละเมื่อไหร่จะได้ฟังจะได้พูดเสียที"อินทรีย์แจ้งทำเป็นเสียงเข้ม "อัญชันแค่รู้สึกไม่ชินน่ะจ้ะ"ทั้งที่ใจจริงอัญชันหวนนึกถึง วันที่อินทรีย์นั้นประกบจูบตัวเองขึ้นมาซะอย่างนั้น "รีบมาเร็ว ๆ เถอะข้าเหนียวตัวเหนอะหนะตัวไปหมดแล้ว จะได้ขึ้นเรือนด้วยกันเดี๋ยวดึกกว่านี้น้ำค้างมันจะแรง" สองเท้าของอัญชันเดินไปหาอินทรีย์ตรงท่าน้ำ โดยท่าทีเขินอายอัญชันจึงนั่งลงกระเถิบห่าง ๆ อินทรีย์คนละแถบ คนหนึ่งนุ่งกระโจมอกส่วนอีกคนหนึ่งใส่เพียง
งานพิธีสวดส่งวิญญาณของตาเขียวถูกจัดขึ้นโดยอัญชันและมีพ่อคุ้มอินทรีย์เป็นเจ้าภาพใหญ่ตลอด 7 คืนที่ผ่านมา อัญชันเศร้าโศกเสียใจไม่น้อย รู้สึกใจหายที่ญาติคนสนิทคนสุดท้ายในชีวิตได้จากไป ชาวบ้านที่รักและเคารพตาเขียวก็พากันมาช่วยงานอย่างไม่ขาดสาย"เอ็งเหนื่อยหรือไม่อัญชัน หากเหนื่อยแล้วขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวข้าจะยืนรับแขกด้านล่างให้เอง" อินทรีย์ที่เห็นอัญชันยืนรับแขกที่มางานสวดศพคืนสุดท้ายอย่างเหน็ดเหนื่อย จึงได้เอ่ยปากบอกให้อัญชันไปพัก"ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ อัญชันไม่เหนื่อยหรอกจ๊ะพ่อคุ้ม" ดวงตาสวยแดงก่ำจนบวมช้ำ แสดงให้เห็นถึงการร้องไห้อย่างหนักอินทรีย์ที่อยากจะเข้าไปกอดปลอบประโลมอัญชันทุกขณะจิต แต่อยู่ในวัดในวาเขาก็ต้องหักห้ามใจ ทำได้เพียงยืนเคียงข้างอัญชันในวันที่เศร้าโศกที่สุด"หากเช่นนั้นเอ็งก็ดื่มน้ำเสียหน่อย" อินทรีย์ที่เดินไปหยิบน้ำใส่ขันมาให้อัญชันได้ดื่ม"ขอบน้ำใจนะจ๊ะพ่อคุ้มที่อยู่ข้างๆ อัญชันเสมอ" อัญชันรับขันน้ำเล็กๆ จากมือใหญ่ของอินทรีย์ด้วยความสั่นเทางานพิธีวันสุดท้ายของตาเขียวผ่านพ้นไปด้วยดี โดยมีพ่อคุ้มอินทรีย์ ผู้น
อัญชันที่ถือปิ่นโตข้าวมาเพียงลำพัง ลัดเลาะตลาด จนใกล้จะถึงบ้านของตาเขียวอยู่เพียงไม่กี่อึดใจ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีใครคนหนึ่งเดินสะกดรอยตามอัญชันมาสักพักใหญ่ และคนปริศนาผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้น"น้องอัญชัน ไม่เจอกันเสียนาน เจ้าจะรีบไปที่ใดเล่า?" ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคนที่ทักทายเช่นนี้จักเป็นใครไปไม่ได้นั่นคือไอ้พัน ลูกเศรษฐีอ๋อง และไอ้ไผ่ ลูกสมุนคู่ใจที่เดินตามนายต้อย ๆ ไปวัน ๆ หนึ่ง"ข้าไหว้จากพี่พัน แต่ว่าวันนี้ข้าคงจะหยุดอยู่คุยกับพี่ไม่ได้ ข้าขอตัวก่อน" อัญชันที่รีบเร่งอยู่แล้วก็รีบบอกปฏิเสธที่จะพูดคุยกับไอ้พันอย่างไร้เยื่อใย"เจ้าจะรีบไปที่ใดกัน ให้พี่ไปเป็นเพื่อนเจ้าหรือไม่?" ไอ้พันยังเดินล้อมหน้าล้อมหลังอัญชันอย่างไม่ยอมย่อท้อ"ไม่ต้องหรอกจ้ะ แค่พี่หลีกทางให้ข้าก็จะเป็นพระคุณมากแล้ว ข้าจำเป็นต้องรีบไป ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับพี่ให้เสียเวลาเช่นนี้" นี่เป็นครั้งแรกที่อัญชันพูดจาไม่ไว้หน้า ไอ้พันเลยแม้แต่น้อย เพราะด้วยใจดวงน้อยๆ เป็นห่วงตาเขียว ผู้เป็นลุงแท้ ๆ ของพ่อ"เหตุใดเจ้าจึงพูดตัดเยื่อใยกับพี่เช่น