แคว้นหนานตง
บ้านตระกูลมู่
"เถาฮวา นี่เจ้ายังไม่ตื่นอีกเหรอ นังสารเลวนี่ มาอาศัยบ้านคนอื่นอยู่แล้วยังเอาแต่นอนไม่ยอมตื่น เจ้าลุกไปตักน้ำที่แม่น้ำมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ข้าต้องอาบน้ำแล้ว!"
เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายทำให้มู่เถาฮวาตกใจสะดุ้งตื่น หญิงสาวมีท่าทีงัวเงียเป็นอย่างมาก เมื่อตั้งสติได้ นางก็ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนจะปรายตามองสตรีน้อยตรงหน้าด้วยแววตาเจือความรำคาญ
นางมีนามว่ามู่เถาฮวา เป็นหญิงสาวจากยุคปัจจุบัน เมื่อหลายวันก่อนไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางล้มป่วยและเสียชีวิต หลังจากนั้นวิญญาณก็ทะลุมิติมาอยู่ในร่างของสตรีน้อยนางนี้ที่มีชื่อแซ่และหน้าตาเหมือนนางราวกับฝาแฝด
ชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยจะดีเท่าใดนัก มารดาตายตั้งแต่อายุสิบขวบ บิดามีภรรยาใหม่ ติดการพนัน จึงเอานางมาฝากท่านป้าให้ช่วยเลี้ยงดู ท่านป้าคือพี่สาวของมารดานางที่เสียชีวิตไปแล้ว
ปีนี้มู่เถาฮวาอายุสิบหกปีแล้ว กำลังเป็นสาวงามสะพรั่ง หน้าตาของนางงดงามเป็นอย่างมาก งดงามสะดุดตาบุรุษในหมู่บ้าน แม้แต่ลุงเขยยังจ้องจะทำมิดีมิร้ายนาง ที่เจ้าของร่างเดิมต้องตายก็เพราะวิ่งหนีลุงบ้ากามที่คิดจะทำร้ายจนพลัดตกแม่น้ำเสียชีวิต แม้จะมีคนไปช่วยนางขึ้นมาจากน้ำได้ แต่เจ้าของร่างเดิมกลับเสียชีวิตไปแล้ว นางจึงเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน
"รีบลุก ไปตักน้ำมาสินังโง่!"
มู่เถาฮวาเมื่อได้ยินกลับไม่ขยับ พลางมองสตรีตรงหน้าอย่างไม่พอใจ
สตรีนางนี้มีนามว่าอวี้หลัน เป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง อวี้หลันคือบุุตรสาวของท่านป้านาง ปีนี้อายุสิบเจ็ดปีแล้ว นางมีนิสัยย่ำแย่ จิกหัวใช้มู่เถาฮวาเหมือนทาส เจ้าของร่างเดิมก็ไม่สู้คน ทำให้ถูกอวี้หลันรังแกอยู่บ่อยๆ
แต่ตอนนี้นางจะไม่ยอมอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่ามู่เถาฮวาไม่ยอมทำตมคำสั่งอีกทั้งยังเอาแต่จ้องตนอย่างไม่ลดละ อวี้หลันก็บันดาลโทสะคิดจะตบตีสั่งสอนญาติผู้น้องตนเสียหน่อย แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ ก็ถูกมู่เถาฮวายกเท้าถีบจนกระเด็นออกไปนอกห้อง อวี้หลันแหกปากร้องไม่เป็นภาษา รีบวิ่งกลับเรือนไปฟ้องมารดาตนทั้งน้ำตา
เมื่อหลี่จินเห็นว่าบุตรสาวถูกมู่เถาฮวาทำร้าย นางจึงก่นด่าหลานสาวจนมีปากมีเสียงกันอีกทั้งยังบอกอีกว่าจะไล่ตะเพิดมู่เถาฮวาออกจากบ้าน แต่มู่เถาฮวากลับเอ่ยวาจากวนประสาทบอกว่านางไม่ไปหรอก ไปแล้วจะกินข้าวที่ไหน หลี่จินถึงกับพูดไม่ออก
วันเวลาก็ผ่านไปเช่นนี้จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งมีทหารเข้ามาในหมู่บ้าน เหล่าชาวบ้านต่างมองทหารเหล่านั้นด้วยแววตาที่หวาดหวั่น เดิมทีเพียงแค่มีทหารมาลาดตระเวนย่อมไม่มีปัญหาอันใด แต่ว่าครั้งนี้องค์ชายรองเสิ่นหมิงกลับเสด็จมาด้วยตนเอง
ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักองค์ชายรองนามว่าเสิ่นหมิ่งผู้นี้ เขาเป็นองค์ชายขี้โรค มีดวงอัปมงคลได้ยินว่าเคยหมั้นหมายกับสตรีมาแล้วหลายคน แต่สตรีเหล่านั้นกลับป่วยตายไม่ก็กลายเป็นคนเสียสติ ทั้งที่มีชาติกำเนิดสูงส่งเกิดจากครรภ์ของอดีตฮองเฮา แต่กลับมีชื่อเสียงย่ำแย่ องค์ชายใหญ่เสิ่นหลางที่เกิดจากพระสนมกุ้ยเฟยยังรูปงามเพรียบพร้อมกว่าเขาเป็นไหนๆ
ได้ยินว่าองค์ชายรองผู้นี้มีนิสัยเย็นชา เขาไปที่ใดล้วนเอาไออัปมงคลไปที่นั่น เหล่าชาวบ้านจึงกังวลว่าการมาของเสิ่นหมิงจะนำเรื่องไม่ดีมาทำให้หมู่บ้านเกิดความไม่สงบ
คนภายนอกล้วนโจษจันท์กันไปต่างๆนาๆ มีเพียงเสิ่นหมิงที่รู้ว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่
เขาต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลย กว่าที่เสด็จพ่อจะยอมให้เขาออกจากเมืองหลวงมาช่วยเรื่องงานราชการ เพราะระยะหลังมานี้สุขภาพของเขาไม่สู้ดี เสด็จพ่อจึงทรงเป็นห่วงเขามาก
เสิ่นหมิงใช้การทำงานมาบังหน้า แต่แท้จริงแล้วเขากำลังตามหาสตรีที่มีวันเดือนปีเกิดตามที่นักพรตทำนายเอาไว้ หากเขาได้นางมาอยู่ข้างกายจะสามารถทำให้อาการป่วยและดวงอัปมงคลของเขาเบาบางลงได้ เรื่องนี้เป็นความลับที่เขาไม่เคยบอกผู้ใด
เขาตามหาสตรีตามตำราโบราณมาทุกที่แต่กลับไม่เจอ จนกระทั่งเขาได้ยินว่าหมู่บ้านแห่งนี้มีสตรีนางหนึ่งซึ่งมีวันเดือนปีเกิดตรงตามที่เขาต้องการ
ยามนี้มู่เถาฮวากำลังนั่งย่างนกอยู่ในบ้าน หลังจากต่อยหน้าอวี้หลันกับลุงเขยไปหลายครั้งคนทั้งสองก็ไม่กล้ามีปัญหากับนางมากเท่าใดนัก เดิมทีมู่เถาฮวาอยากจะไปจากที่นี่แต่กลับไม่รู้จะไปที่ไหนเพราะนางไม่มีเงิน
ในขณะที่กำลังครุ่นคิดก็ได้ยินคนเอะอะโวยวายเสียงดัง เมื่อนางเดินออกไปดูก็พบว่าตอนนี้เบื้องหน้ามีทหารกลุ่มใหญ่กำลังยืนอยู่หน้าบ้าน และมีรถม้าหรูหราหลังหนึ่งจอดอยู่ด้วย
"ผู้ใดคือมู่เถาฮวา"
คนในบ้านต่างพร้อมใจกันดันตัวนางมาข้างหน้า เหล่าทหารไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โยนทองก้อนหนึ่งให้ท่านป้าของนางพร้อมกับบอกว่าองค์ชายรองเสิ่นหลางซื้อตัวนางไปเป็นนางกำนัลคอยรับใช้แล้ว เพราะถูกตาต้องใจนาง
หลี่จินถึงกับยิ้มเยาะ นางไม่สนใจว่าคนจะเอาตัวมู่เถาฮวาไปทำอันใด นางสนใจเพียงทองก้้อนนี้มากกว่า เดิมทีนางนึกเสียดายว่าเหตุใดวาสนานี้จึงไม่ตกอยู่กับบุตรสาวตน แต่เมื่อคิดถึงเรื่องดวงอัปมงคลขององค์ชายรองผู้นี้นางก็ได้แต่ยั้งใจเอาไว้ อย่างไรอวี้หลันก็สำคัญกับนางมากกว่า ส่วนมู่เถาฮวาก็เป็นเพียงแค่คนอื่น มิสู้ขายหลานสาวนางนี้ไปเสียนางจะได้ลดค่าใช้จ่ายในบ้านลง
เมื่อรับทองก้อนนั้นไปแล้วพวกเขาก็ปิดประตูบ้านทันที มู่เถาฮวามึนงงเป็นอย่างมาก เมื่อตั้งสติได้ นางจึงหันไปถามทหารทันที
"นี่พี่ชาย ท่านไม่เอ่ยถามสิ่งใดก็มาซื้อตัวข้า อย่างป่าเถื่อนเช่นนี้ ใช้ได้ที่ใดกัน"
"ไม่ต้องถามมาก นับแต่นี้เจ้าเป็นคนขององค์ชายรองแล้ว"
"บ้าบอ! องค์ชายรองอันใดกันข้าไม่รู้จักเขาพวกเราไม่เคยพบเจอกัน อยู่ดีดีเขาจะมาถูกตาต้องใจข้าได้อย่างไร เหลวไหลสิ้นดี!"
"เจ้าเข้าไปในรถม้าแล้วก็จะรู้เอง!"
เอ่ยจบเขาก็โยนนางเข้ามาในรถม้า พร้อมกับกดตัวนางเอาไว้กับพื้น
"อย่าทำให้นางบอบช้ำ นางคือยันต์ดอกไม้กันภัยของข้า"
น้ำเสียงเย็นชาอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งจองหอง มันทำให้มู่เถาฮวาที่ได้ยินถึงกับชะงัก ตอนนี้นางถูกกดตัวเอาไว้กับพื้นทำให้เงยหน้าไปมองคนตรงหน้าไม่ได้
“ปล่อยนาง”
ทหารเมื่อได้ยินก็รีบทำตามคำสั่งทันที
"เงยหน้าขึ้นมาสิ"
มู่เถาฮวาค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมอง ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอานางถึงกับตกตะลึง
อันใดกัน นี่มันเทพเซียนตกสวรรค์ใช่หรือไม่
บุรุษตรงหน้ามีหน้าตาหล่อเหลาคมคาย ดวงตาคมปราด จมูกโด่งเป็นสัน ผิวของเขาติดจะขาวซีดไปเสียหน่อย ยิ่งสวมอาภรณ์หรูหราสีดำที่ปักลวดลายประณีตงดงามเช่นนี้ มันยิ่งทำให้ผิวของเขาขาวซีดลงไปอีก แต่กลับโดดเด่นหล่อเหลาเหนือสามัญ
"ยังไม่รีบทำความเคารพองค์ชายรองเสิ่นหมิงอีก เจ้าอยากหัวขาดหรือ"
ทหารตะคอกเสียงดังจนมู่เถาฮวาสะดุ้งโหยง เสิ่นหมิงยกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามปราม ก่อนจะไล่ทหารของตนออกไป เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว เขาก็ส่งเสียงไอออกมา ก่อนจะยื่นมือมาเชยปลายคางนาง
"งามใช้ได้ นับแต่นี้ต่อไปเจ้าคือยันต์ดอกไม้กันภัยของข้า ข้าซื้อเจ้ามาแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ลำบากแน่นอน อ้อ คนของข้าบอกว่าเจ้ามีนามว่ามู่เถาฮวา เป็นชื่อที่ดี"
ยันต์ดอกไม้กันภัย?
มู่เถาฮวาถึงกับนิ่วหน้า องค์ชายรองผู้นี้บ้าคุณไสยหรือไรกัน ถึงขนาดจับคนมาทำเป็นยันต์ดอกไม้กันภัยให้กับตนเองเช่นนี้
แต่คนเขามีฐานะเป็นถึงองค์ชายรอง ซ้ำยังซื้อตัวนางมากแล้ว หากนางอยู่กับเขาคงจะสบายกว่าอยู่กับสามคนพ่อแม่ลูกมหาประลัยนั่น ไม่สู้้ประจบเอาใจเขาเสียหน่อยดีหรือไม่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงเอ่ยกับเขาทันที
"พันตำลึงเพคะ"
เสิ่นหมิงถึงกับชะงัก ก่อนจะมองมู่เถาฮวาด้วยสายตาเย็นชา
"ข้าใช้ทองคำหนึ่งก้อนซื้อตัวเจ้ามา แต่เจ้ากลับจะขูดรีดข้า?"
"องค์ชายรอง ยันต์ดอกไม้กันภัยอย่างข้าก็ต้องกิินต้องใช้ หากท่านเลี้ยงดูข้าไม่ดี แล้วข้าเกิดล้มป่วย ไม่สบายขึ้นมา ยันต์ดอกไม้กันภัยอย่างข้าจะคุ้มครองท่านได้อย่างไรกัน"
เสิ่นหมิงส่งเสียงเหอะ นี่เขาจับนางจิ้งจอกมาไว้ข้างกายอย่างนั้นหรือ
จิ้งจอกตัวนี้ก็งดงามมากเสียด้วยสิ!
ชายหนุ่มยิ้มตาหยี ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้มู่เถาฮวา
"ข้าจะรอดูผลงานเจ้าก่อน แล้วค่อยว่ากัน"
“รับรองว่าองค์ชายรองจะต้องประทับใจแน่นอนเพคะ”
“เหอะ”
เดินทางราวครึ่งชั่วยามก็มาถึงเมืองหลวงนางยังไม่เคยมาที่เมืองหลวงเลยสักคราเพราะเพิ่งทะลุมิติมา หญิงสาวยื่นมือไปเปิดผ้าม่านรถม้าออกพลางสอดส่ายสายตามองดูโดยรอบ พบว่าเมืองหลวงค่อนข้างคึกคักและงดงามเป็นอย่างมาก
เสิ่นหมิงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูจะสนใจภาพตรงหน้าไปเสียทุกอย่าง ก็ยกยิ้มมุมปากคราหนึ่ง
ไม่นานรถม้าก็หยุดลง มู่เถาฮวาเดินตามเสิ่นหมิงลงมาจากรถม้าก่อนจะมองเบื้องหน้าด้วยแววตาที่ตกตะลึงไม่น้อย
ที่นี่คือจวนองค์ชายรอง งดงามหรูหรา มีข้ารับใช้มากมาย ทันทีที่นางก้าวเดินตามเขาเข้ามาในจวน สายตาทุกคู่ก็จ้องมองมาที่นางเป็นตาเดียว
เขาสั่งให้คนจัดห้องให้นางพักซึ่งอยู่ติดกับห้องของเขา ที่นี่ตกแต่งหรูหราชวนมองไม่น้อยเลย
เมื่อมาถึงก็มีสาวใช้มาพานางไปอาบน้ำขัดตัว มู่เถาฺฮวาไม่เคยให้ใครอาบน้ำให้มาก่อนจึงรู้สึกประหม่า แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ หลังจากผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้ว สาวใช้น้อยก็พานางไปยังห้องๆหนึ่ง ภายในห้องจุดกำยานเอาไว้จนฉุนจมูก มู่เถาฮวาเบ้หน้าเล็กน้อยเพราะรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ
เสิ่นหมิงยืนอยู่กลางห้อง ข้างกายเขายังมีนักพรตหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่ เมื่อนักพรตหนุ่มเห็นมู่เถาฮวาเดินเข้ามาก็ยิ้มตาหยี
"เสิ่นหมิง ยันต์ดอกไม้กันภัยของเจ้างดงามยิ่งนัก นี่คือลักษณะของสตรีที่ดี"
เอ่ยจบก็เดินเข้ามาหามู่เถาฮวา ก่อนจะล้วงยันต์แผ่นหนึ่งมาแปะบนหน้าผากของนาง
มู่เถาฮวาถึงกับพูดไม่ออก นางนึกถึงหนังผีเรื่องหนึ่งที่ผีชอบกระโดดและยื่นสองแขนไปข้างหน้าพร้อมกับมียันต์แปะหน้าผากเอาไว้
มารดามันเถอะ!
มู่เถาฮวาหยิบยันต์บนหน้าผากมาพินิจดู พบว่ามันคือยันต์เพิ่มพลังชีวิตไม่ได้มีอันตรายอันใด จึงไม่ได้เอ่ยวาจาด่าคน
ในชาติปัจจุบัน ครอบครัวของนางเบื้องหน้าทำธุรกิจ แต่ตระกูลมู่กลับมีความลับในตระกูลนั่นก็คือ ลูกหลานตระกูลมู่สายตรงจะมีความสามารถพิเศษ สามารถมองเห็นภูตผีปีศาจและกำจัดปีศาจ รวมถึงทำลายคุณไสยได้
ตั้งแต่เข้าใกล้เสิ่นหมิงจนเข้ามาในจวนของเขา นางก็รู้สึกว่ารอบตัวเขามีไอสีดำปกคลุม เดิมทีนางคิดว่าเขาคงเป็นพวกเล่นคุณไสย แต่ดูแล้วเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
จวนแห่งนี้แปลกยิ่งนัก
นักพรตหนุ่มเมื่อเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น คิดจะเอ่ยถามแต่กลับไม่ได้เอ่ยวาจาใดออกไป มู่เถาฮวาเองก็ยังไม่คิดจะบอกพวกเขาถึงความสามารถของนาง เพราะอยากจะรู้ให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเหตุใดเสิ่นหมิงจึงต้องการตัวนางมาเป็นยันต์ดอกไม้กันภัย
นักพรตหนุ่มรีบเข้ามาบอกนางว่า นางจะต้องเตรียมตัวเช่นใดบ้าง ก่อนจะจากไปพร้อมกับกำชับให้นางเตรียมตัวให้ดี
เสิ่นหมิงหันมามองมู่เถาฮวา ก่อนจะยื่นมือมาหมายจะจับแขนนาง มู่เถาฮวาตกใจมาก มือนางจึงว่องไวมากกว่าปกติ สัญชาตญาณปกป้องตนเองเริ่มทำงานทันที นางจยื่นมือไปดึงผมของเสิ่นหมิงทันที!
ด้านเสิ่นหมิงนั้นหลังจากที่สะสางเรื่องราวต่างในเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินทางออกจากเมืองหลวงพร้อมกับเจี่ยงเฉิง ยามนี้ขั้วอำนาจมั่นคง ขุนนางที่ไว้ใจได้ล้วนมีไม่น้อย เขาจึงไม่ได้มีเรื่องให้กังวลเท่าใดนักก่อนหน้านี้เขาได้ออกตามหามู่เถาฮวาไปทั่วทุกที่ แต่ยังเหลืออีกที่หนึ่งที่เขายังไม่ได้ไปนั่นก็คือเมืองทางทิศใต้เขายังคงมีความหวังว่าจะได้พบเจอมู่เถาฮวาอีกสักครั้ง ไม่ว่านางจะอยู่ในสภาพไหน เขาก็ยินดีที่จะรับนางกลับเมืองหลวงไปใช้ชีวิตร่วมกันเขาเดินทางมาจนถึงเมืองทางทิศใต้ ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาประปรายอีกด้วย ชายหนุ่มเดินมาทางมากับเจี่ยงเฉิงผ่านร้านรวงต่างๆมากมาย มีเหล่าองครักษ์ลับปลอมตัวเป็นชาวบ้านคอยอารักขาเขาอยู่ห่างๆเดินทางมานานก็เริ่มรู้สึกหิว จึงถามคนในละแวกนั้นว่ามีร้านอาหารใดขึ้นชื่อบ้าง ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีร้านสุราขึ้นชื่ออยู่ร้านหนึ่ง เจ้าของร้านร้านหมักสุราได้รสชาติดีเป็นอย่างมาก เขาและเจี่ยงเฉิงจึงรีบไปที่ร้านนั้นในทันทีเมื่อมาถึงกลับได้ยินเสียงทะเลาะกันดังขึ้น อีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของภายในร้านด้วย เสิ่นหมิงรีบเข้าไปดูเผื่อว่าจะห้า
เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่มู่เถาฮวาออกไปจากชีวิตของเสิ่นหมิง หญิงสาวเร่ร่อนไปเรื่อยๆ ทำการค้าเล็กๆน้อยเลี้ยงชีพ โชคดีทีมีเครื่องประดับติดตัวมาบ้าง นางจึงนำมันไปขายแลกเงินมาเปิดร้านค้าเอาไว้เลี้ยงชีพ นางเปิดร้านสุราแห่งหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านกว่างหลิง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแคว้นหนานจง หมู่บ้านแห่งนี้เงียบสงบเป็นอย่างมาก ร้านสุราของนางเป็นเพียงร้านเล็กๆร้านหนึ่งเท่านั้น แต่ผู้คนก็แวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาดสาย เมืองแห่งนี้แม้สงบแต่ค่อนข้างเจริญอยู่บ้าง มีการค้าทางเรือและทางบก ที่ท่าเรือก็ค่อนข้างคึกคักไม่น้อยเลยมู่เถาฮวาใช้ผ้าโพกคลุมศีรษะของตนเอาไว้ ยามนี้ผมของนางเป็นสีขาวโพลนเหมือนหญิงชราเนื่องจากสูญเสียพลังชีวิตไป แต่ความงดงามของนางยังคงไม่จางหายไปแม้จะไม่ได้รับเคราะห์แทนเสิ่นหมิงแล้ว แต่สุขภาพของนางกลับไม่สู้ดีเท่าใดนัก มักจะเจ็บป่วยออดๆแอดๆ เพราะไม่มีเงินมากพอไปหาหมอดีดีมารักษาทำให้อาการป่วยเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆมู่เถาฮวาส่งเสียงไอออก ก่อนจะจัดการเก็บกวาดร้านเพื่อเตรียมเปิดขายสุรา"แม่นางมู่ สุราไหหนึ่ง ขอกับแกล้มดีดีด้วยล่ะ""ได้ๆ รอสักครู่"เปิดร้านไม่นานก็มีลูกค้าเข้าร้านมาแล
รัชศกหมิงปีที่1 เสิ่นหมิงขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ เหล่าขุนนางที่มีใจคิดไม่ซื่อถูกกวาดล้างไปจนหมด มีการเปิดสอบขุนนางใหม่เข้ามาทำงานในราชสำนัก ขุนนางใหม่ล้วนมีใจซื่อสัตย์และไม่คิดคดทรยศต่อบ้านเมือง ขั้วอำนาจที่ไม่ดีล้วนถูกเสิ่นหมิงกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่นานนักอดีตฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาก็สวรรคตจากไป ก่อนตายยังสั่งให้ฝังพระศพของตนไว้ใกล้กับซ่งฮองเฮาอีกด้วยเสิ่นหมิงนั่งอ่านฏีฎาอยู่ในห้องทรงอักษรด้วยจิตใจที่เหม่อลอย นี่ก็ผ่านมาหนึ่งปีแล้วที่เขาตามหามู่เถาฮวาไม่พบเจี่ยงเฉิงเองก็ช่วยเขาออกตามหามู่เถาฮวาเช่นเดียวกัน แต่กลับไม่พบร่องรอยของนางเลยแม้แต่น้อยกล่าวถึงเจี่ยงเฉิงแล้วนั้น หลังจากเกิดเรื่องเขาก็พามารดาออกมาจากจวนตระกูลเจี่ยง มาซื้อจวนใหม่อยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูก ใช้ชีวิตเรียบง่ายด้วยกันอย่างมีความสุข เสิ่นหมิงให้เจี่ยงเฉิงรับราชการเป็นหัวหน้าสำนักโหราศาสตร์ คอยดูทิศทางของดวงดาวและทำนายเรื่องราวต่างๆในเมืองหลวง เสิ่นหมิงไม่สนใจเรื่องราวที่ผ่านมาของตระกูลเจี่ยงเพราะเขาแยกแยะได้ว่าเจี่ยงเฉิงเป็นคนดีเมื่อเสิ่นหมิงจัดการงานทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากห้องทรงอักษร เขาสวมชุดชาวบ้านธ
เสิ่นหมิงนำกองกำลังทหารเข้าห่ำหั่นกับเสิ่นหลาง ยามนี้เสิ่นหลางไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีอีก เขาต่อสู้กับเสิ่นหมิงอย่างไม่ยอมแพ้ แต่กลับพบว่าพละกำลังของเสิ่นหมิงไม่ถดถอยลงเลย อีกทั้งยังไม่ยอมแพ้เขาโดยง่ายอีกด้วยไม่รู้เพราะเหตุใดเสิ่นหลางจึงรู้สึกว่าจิตใจไม่ค่อยสงบ คล้ายว่าจะเกิดเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เขาและเสด็จแม่วางแผนอย่างรัดกุมแล้ว ย่อมไม่มีทางที่จะทำผิดแผน อีกอย่างตอนนี้เสด็จพ่อก็ใกล้จะไปปรโลกเต็มทีแล้ว รอให้เขาเอาศีรษะของเสิ่นหมิงไปมอบให้ตาแก่นั้นดู มันก็คงจะตายตามบุตรชายตนเขาแค้นเคืองเสด็จพ่อยิ่งนัก เขาก็เป็นบุตรชายอีกคนเช่นกัน แต่เหตุใดเสด็จพ่อจึงรักเขาน้อยกว่าเสิ่นหมิงกันเล่าเสิ่นหมิงมองเสิ่นหลางด้วยแววตาเย็นชา เขาจุดพลุสัญญาณขึ้นฟ้า ไม่นานก็ปรากฏกองทัพนับแสนเข้าสังหารทหารของเสิ่นหลางจนหมด เสิ่นหลางที่เห็นเช่นนั้นตื่นตระหนกเป็นอย่างมากของในมือเสิ่นหมิงนั่นมันตราทหารของเสด็จพ่อใช่หรือไม่ เขาเคยเห็นครั้งหนึ่ง และคิดว่าจะต้องได้ครอบครองมันแต่กลับหาไม่พบ ไม่คิดว่ามันจะตกมาอยู่ในมือของเสิ่นหมิง!ยังไม่ทันที่เขาจะได้เข้าสู้กับน้องชายตนต่อ ก็รู้สึกจุกที
เจี่ยงเฉิงที่ได้รับจดหมายจากเสิ่นหมิงก็เร่งรุดมาที่จวนองค์ชายรองอย่างไม่รอช้า เมื่อมาถึงก็พบว่ามู่เถาฮวากำลังรออยู่ในห้องทำพิธี เขารีบเข้ามาทันที"แม่นางมู่ เหตุใดจึงรีบร้อนถึงเพียงนี้เล่า เดิมทีจะต้องทำพิธีถอนคุณไสยในคืนพระจันทร์เต็มดวงที่กำลังจะมาถึงไม่ใช่หรือ”มู่เถาฮวากันมามองเจี่ยงเฉิง ก่อนจะเอ่ยตอบ“เราจะรอเวลาไม่ได้แล้ว ท่านคงทราบเรื่องที่สวีกุ้ยเฟยและเสิ่นหลางองค์ชายใหญ่ยึดครองอำนาจแล้ว อีกทั้งยังมีราชโองการจากฝ่าบาทให้สวีกุ้ยเฟยเป็นผู้สำเร็จราชการแทน หากเป็นฝีมือของสองแม่ลูกที่ทำคุณไสยใส่เสิ่นหมิงจริงๆ เราก็ไม่อาจรอได้แล้ว""เจ้าเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่"“อืม”มู่เถาฮวามอบยันต์หลายแผ่นให้กับเจี่ยงเฉิง พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ข้าจะทำพิธีสะท้อนคุณไสยกลับไปหาคนที่ลงมือ โดยใช้ผีสาวชุดดำเป็นสื่อกลาง แต่วิธีนี้เสิ่นหมิงอาจจะเจ็บตัวเสียหน่อย แต่ไม่เป็นอันตรายอันใด หากกระอักโลหิตออกมาก็ถือว่าหายดีแล้ว""ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเอง""อืม"เสิ่นหมิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ออกคำสั่งให้ทหารคุ้มกันจวนองค์ชายรองอย่างแน่หนา จนกว่าพิธีแก้คุณไสยจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีสายลมพัดพาเอาความ
การแช่น้ำใต้แสงจันทร์ผ่านไปด้วยดี หลังจากที่มู่เถาฮวานอนหลับไปแล้ว เจี่ยงเฉิงก็เดินเข้ามาหาเสิ่นหมิง ตอนนี้คนทั้งสองยังนอนไม่หลับ เจี่ยงเฉิงเองก็ยังไม่ได้กลับจวนตระกูลเจียงเพราะต้องการอยู่เป็นเพื่อนเสิ่นหมิงคนทั้งสองยกจกสุราขึ้นดื่ม ก่อนจะมองไปบนท้องฟ้าคราหนึ่ง เจี่ยงเฉิงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"อาหมิง เจ้าชอบนางหรือ"เสิ่นหมิงวางจอกสุราลง ก่อนจะหันมามองเจี่ยงเฉิง"ใช่ เจ้าว่าข้้าเหลวไหลเกินไปหรือไม่ ปากไม่ตรงกับใจใช่หรือไม่"เจี่ยงเฉิงส่งเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่คิดสิ่งใด"ไม่หรอก ความรู้สึกเช่นนี้บางคราเราเองก็ไม่อาจห้ามใจได้ อีกอย่างข้าว่านางก็เป็นคนดี หากเราไม่พบนางบางคราอาจจะหาทางแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ อีกอย่าง นางช่วยให้ข้ามีพลังกลับคืนมา ไม่ต้องถูกผนึกพลังวิญญาณ"เสิ่นหมิงเมื่อที่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเจี่ยงเฉิงแล้ว ชายหนุ่มมองหน้าสหายตนคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถาม"เจ้าหาตัวคนที่ลงมือได้หรือยัง"เจี่ยงเฉิงหันมามองเสิ่นหมิงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอับจนหนทาง หลายวันมานี้เขาพยายามสืบแล้ว พบว่าท่านแม่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใ