Share

บทที่ 4 ตัดขาด

last update Last Updated: 2025-07-08 15:42:59

“นี่แก แก อั๊ยหยาชีวิตฉันทำไมถึงโชคร้ายแบบนี้มีลูกชายก็ไม่เชื่อฟัง ลูกสะใภ้ก็อกตัญญู” แม่เฒ่าจางเริ่มเล่นละครร้องห่มร้องไห้ตัดพ้อชะตาชีวิตตัวเอง

“แม่ว่าพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ไม่?” ซิ่วอิงเอ่ยถามด้วยใบหน้าใสซื่อ

“ฉันด่าเธอนั่นแหละ” แม่เฒ่าจางมองค้อนทันที

“โอ้ งั้นเหรอ” ซิ่วอิงยกยิ้มแบบไม่ใส่ใจ

“แก เจ้าเล็กดูเมียของลูกสิ เธอต้องการทำให้แม่ปวดใจตาย” แม่เฒ่าจางเอ่ยกับลูกชายหวังให้ลูกชายหย่ากับภรรยา

“แม่ เรามาตกลงกันดีๆ เถอะ ผมจะแยกบ้านแม่ควรแบ่งเงินที่เราควรจะได้” จางจื่อหานไม่สนใจการแสดงของแม่เฒ่า

“นี่ลูก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนสูญเสียลูกชายที่เชื่อฟังไปแล้ว

“เอาล่ะ พอกันได้แล้ว เจ้าเล็กจะแยกบ้านเราควรมอบเงินให้เขา” พ่อเฒ่าจางพูดออกมาในที่สุด หากเขายังปล่อยให้ภรรยาดื้อรั้นต่อไปลูกสะใภ้คนรองอาจจะไปคณะกรรมการปฏิวัติจริงๆ ถึงตอนนี้เราทุกคนจะมีความผิด

“ไม่มีเงินแล้ว” แม่เฒ่าจางยังคงยืนกราน

“ไปเอาออกมา ร้อยหยวนหรือสองร้อยหยวนนำมันออกมา” พ่อเฒ่าจางพูดเสียงแข็ง

“ฉันจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง ให้พวกเขายี่สิบหยวนก็พอนี่ถือว่ามากที่สุดแล้ว” แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไป

“จื่อหานไปเป็นทหารหลายปีส่งเงินกลับบ้านทุกเดือนส่วนแบ่งของเราอย่างน้อยก็ต้องสองถึงสามพันหยวน แต่ถือว่าให้เขาแสดงความกตัญญูต่อแม่ให้เราห้าร้อยหยวนก็พอ” ซิ่วอิงคิดว่าหากเธอต้องการหนึ่งพันหยวนแม่เฒ่าต้องไม่ยอมแน่นอน เธอเองก็ต้องการไว้หน้าสามีเพราะอย่างไรนี่ก็แม่เขาในยุคนี้ถือเรื่องความกตัญญูมากเพราะงั้นห้าร้อยหยวนถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไป

“แกจะฆ่าฉันเรอะ” แม่เฒ่าจางตะคอก

“งั้นเราไปที่คณะกรรมการปฏิวัติ” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับททำท่าลุกขึ้น

“เดี๋ยวก่อนสะใภ้รอง ไปเอาเงินออกมา!” พ่อเฒ่าจางรีบเอ่ยห้ามก่อนจะออกคำสั่งกับภรรยา แม่เฒ่าจางไม่กล้าคัดค้านสามียอมไปหยิบเงินห้าร้อยหยวนมาให้สะใภ้ชัง

“ฉันตายแน่แล้ว” หลังจากยื่นเงินให้ลูกสะใภ้คนรองแม่เฒ่าจางก็นั่งลงร้องไห้คร่ำครวญ

“นี่น้องชาย ทำไมถึงบีบบังคับแม่ขนาดนี้” จางจื่อซวานโมโห เงินห้าร้อยหยวนกำลังหายไปต่อหน้าต่อตา

“ฉันทำแบบนั้นเหรอ” จางจื่อหานเลิกคิ้วถาม เขาเพียงขอเงินที่เป็นส่วนแบ่งของภรรยาและลูกๆ เขาบีบบังคับแม่ตอนไหนกัน

“นี่!” จางจื่อซวานเห็นสายตาเย็นชาของน้องชายก็พูดไม่ออกทำได้แค่ทำท่าทางฮึดฮัด

“ฉันว่าในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ควรตัดขาดกันไป เขียนหนังสือสัญญาทุกอย่างให้ชัดเจนตอนนี้น้องสามีไม่มีงานไม่แน่ว่าวันหน้าจะมาขอเงินเราอีก” เหมยลี่พูดขึ้น ในเมื่อไม่มีเงินนเธอก็ไม่ต้องการให้น้องสามีมาวุ่นวายที่นี่อีก

“พูดอะไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น” พ่อเฒ่าจางไม่เห็นด้วย ลูกคือเลือดเนื้อของพ่อแม่จะตัดขาดได้อย่างไรคนภายนอกจะหัวเราะเอาได้

“ฉันเห็นด้วย ในเมื่อแยกบ้านไปแล้วก็ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกันอีก เจ้าใหญ่ไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อเขียนสัญญาให้ชัดเจน!” แม่เฒ่าจางเห็นด้วยในเมื่อลูกชายคนเล็กไม่ได้เป็นทหารเธอก็ไม่ต้องการเขาอีกต่อไปแต่ดูเหมือนแม่เฒ่าจางจะตีความหมายผิด จางจื่อหานบอกว่าย้ายงานไม่ใช่ออกจากกองทัพ

เวลาผ่านไปสักพักจางจื่อซวานก็กลับมาพร้อมกับหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อมาถึงแม่เฒ่าจางก็จัดการบอกเล่าเรื่องต่างๆ พร้อมแจ้งสิ่งที่ต้องการให้ฟัง

“ก็ตามที่บอกนั่นแหละ ฉันอยากจะเขียนสัญญาให้ชัดเจนว่าทั้งสองบ้านจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก” แม่เฒ่าจางพูดพลางเชิดหน้า

“จะตัดขาดกันเลยเหรอ ตาเฒ่าจื่อหยวนแกคิดดีแล้วเรอะ” จื่อหยวนคือชื่อของพ่อเฒ่าจาง หัวหน้าหมู่บ้านไม่เห็นด้วยพยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขา

“ฉันว่าแยกกันอยู่ก็ดี บ้านนี้หลังเล็กคนเยอะมันอึดอัด” พ่อเฒ่าเองก็เห็นด้วยเพียงแต่ไม่อยากแสดงความลำเอียงออกนอกหน้ามากนัก

“จื่อหาน แกเห็นว่ายังไง” หัวหน้าหมู่บ้านถามชายหนุ่มด้วยความเห็นใจเมื่อก่อนเป็นทหารส่งเงินให้ครอบครัวพอตอนนี้คนอื่นๆ คิดว่าเขาหาเงินไม่ได้ก็ตัดขาด นี่มันพ่อแม่แบบไหนกัน

“ผมไม่มีอะไรขัดข้อง” จางจื่อหานเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่

“อวดดี” เหมยลี่เบะปาก

“ถ้างั้นเดี๋ยวข้าจะเขียนสัญญาให้” เมื่อเห็นว่าจื่อหานไม่ได้ขัดข้องอะไรหัวหน้าหมู่บ้านก็ลงมือเขียนสัญญา

“หัวหน้าหมู่บ้านคะ ในเมื่แม่เฒ่าให้ระบุลงไปว่าห้ามครอบครัวของเรามายุ่งเกี่ยวหรือขอเงินแลอาหาแบบบนี้ช่วระบุลงไปในสัญญาด้วยได้ไหมคะว่าพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับทรัพย์สินที่จื่อหานหามาได้เหมือนกัน” ซิ่วอิงพูดขึ้น เธอต้องป้องกันไว้ก่อนเพื่อไม่ให้คนพวกนี้มาสร้างปัญหากับครอบครัวของเธอในภายหลัง

“พวกแกมันอกตัญญู” แม่เฒ่าจางชี้หน้าด้วยความโมโห

“แม่คะ ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนบอกตัดขาดกับพวกเราเหรอ แล้วทำไมตอนนี้มาว่าฉันล่ะคะ” ซิ่วอิงเอ่ยถามหน้าซื่อ

“แก แก” แม่เฒ่าจางพูดไม่ออกได้แต่ชี้หน้ามือสั่น

“งั้นฉันเขียนตามนั้น เอ้าประทับลายมือซะ” หัวหน้าหมู่บ้านยื่นสัญญาสามฉบับให้พวกเขาประทับลายมือเมื่อเสร็จแล้วก็ให้แม่เฒ่า จางจื่อหาน และหัวหน้าหมู่บ้านเก็บไว้คนละหนึ่งฉบับ

“ตอนนี้น้องสามีก็ออกจากกองทัพแล้ว ทั้งยังต้องแยกบ้านคงจะลำบากหน่อยนะ” เหมยลี่พุดพลางยกยิ้มสะใจ ซิ่วอิงสวยแล้วอย่างไรตอนนี้แยกบ้านแล้วพวกเขาก็ไม่มีที่อยู่ เงินห้าร้อยหยวนถึงแม้จะมากแต่ถ้าใช้สร้างบ้านและซื้อของใช้มันก็หมดลง

“แยกบ้านแล้วพวกแกก็เก็บข้าวของออกไปซะ” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่ใยดี

“เจ้าเล็ก ลูกสามารถพักอยู่ที่นี่จนกว่าจะสร้างบ้านเสร็จ” เมื่ออยู่ต่อหน้าหัวหน้าหมู่บ้านพ่อเฒ่าจางยังต้องการแสดงความเห็นใจต่อลูกชายคนเล็ก

“พูดบ้าอะไร อยู่ที่นี่ไม่ใช่ว่าเขาต้องกินอาหารที่นี่เหรอในเมื่อแยกบ้านแล้วก็ควรออกไปซะ” แต่แม่เฒ่าจางไม่คิดจะไว้หน้าสามี พ่อเฒ่าจางคิดว่าภรรยาเขาช่างโง่เง่า

“จื่อหาน บ้านเก่าตรงท้ายหมู่บ้านไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นั่น พาลูกเมียไปอยู่ที่นั่นก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะยื่นขอที่พักอาศัยให้” การสร้างบ้านในยุคนี้ไม่สามารถสร้างเองตามใจชอบได้ต้องยื่นหนังสือของที่พักและถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะวัสดุในการสร้างนั้นมักมีไม่เพียงพอแม้ว่าส่วนใหญ่จะสร้างบ้านด้วยดินก็ตาม

“รีบไปซะสิ” เหมยลี่เอ่ยปากไล่

“จื่อหยวน ครอบครัวแกนี่น่ารังเกียจเกินไปแล้ว แยกบ้านก็ควรแบ่งธัญพืชและอาหารด้วย” หัวหน้าหมู่บ้านอดที่จะพูดไม่ได้

“อะไรกันหัวหน้า แบบนี้มันไม่ถูกต้องพวกเราทำงานแลกคะแนนมาทำไมต้องแบ่ง” จางจื่อซวานโวยวายทันที

“พี่ใหญ่ พี่ต่างหากที่พูดไม่ถูกฉันกับลูกๆ ก็ทำงานแลกคะแนนเหมือนกันทำไมฉันถึงขอปันส่วนแบ่งไม่ได้ ที่ผ่านมาฉันไม่สนใจที่พวกคุณให้ฉันกับลูกกินแค่ธัญพืชเนื้อหยาบแต่ส่วนแบ่งในวันนี้ต้องยุติธรรม” ซิ่วอิงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นพอๆ กับสายตาของเธอในตอนนี้ จางจื่อหานมองภรรยามุมปากก็กระตุกยกยิ้ม เธอเป็นแบบนี้แล้วทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง

“สะใภ้รองซิ่วอิงพูดถูก ทำงานก็ควรได้รับส่วนแบ่งอีกอย่างจื่อหานไปเป็นทหารตามกฎเขาจะได้รับสิบคะแนนทุกวันส่วนแบ่งเขาย่อมได้มากกว่าคนอื่น ส่วนพวกเธอทำงานได้แค่วันละห้าหกแต้มเท่กับซีซวนและซูเม่ยด้วยซ้ำจะมาโวยวายอะไร จื่อหยวนแกลำเอียงได้น่าเกลียดเกินไปหน่อยไหม” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างไม่พอใจ

“หัวหน้าเข้าใจผิดแล้ว จื่อหานแยกบ้านยังไงก็ต้องปันส่วนแบ่งให้เขาแน่นอน เจ้าใหญ่รีบไปเอาธัญพืชและอาหารออกมาให้หัวหน้าจัดการชั่งตวง” พ่อเฒ่าจางยังคงต้องการรักษาหน้ารีบบอกให้ลูกชายคนโตไปเอาอาหารมา

“นับว่าแกยังมีความยุติธรรมอยู่บ้าง ไม่เหมือนภรรยาและลูกชายลูกสะใภ้คนโตของแก” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างไม่ไว้หน้า ทั้งสามที่ถูกว่าได้แต่หน้าม้านด้วยความอับอายแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้ หัวหน้าหมู่บ้านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เมื่อนำอาหารทั้งหมดมาหัวหน้าหม่บ้านก็เรียกให้ลูกน้องเอาเครื่องชั่งตวงมาจัดสรรปันส่วนให้เสร็จสรรพ

“ได้แล้วก็รีบพากันไสหัวไป” แม่เฒ่าจางพูดด้วยความโกรธตอนนี้เธอเสียทั้งเงินห้าร้อยหยวนและอาหารจำนวนมาก เจ้าลูกอกตัญญูเห็นเมียดีกว่าแม่

“ไปกันเถอะ” จางจื่อหานเอ่ยบอกภรรยาก่อนจะจูงมือเธอกลับไปเก็บของที่ห้อง ต่อไปนี้ครอบครัวของมีแค่ภรรยาและลูกเท่านั้น!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 13 สามีที่ดีคือสามีที่ตามใจภรรยา

    “ผมอยากคุยเรื่องพ่อของผม” จางจื่อหานเห็นว่าคนเป็นภรรยานิ่งเงียบก็รู้สึกใจเสีย เขาไม่น่าพูดเรื่องนี้ออกมาจริงๆ คิดได้ดังนั้นจึงรีบเอ่ยขึ้น“คุณลืมมันไปเถอะครับ” เขาไม่อยากให้ภรรยารู้สึกไม่ดี“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย ฉันเองก็กำลังคิดอยู่ว่าเราควรที่จะแบ่งอาหารให้ที่บ้านเดิมของคุณบ้างอย่างน้อยปีละครั้งยิ่งตอนนี้พ่อเฒ่าต้องทำงานอยู่คนเดียวแล้วยังต้องดูแลเด็กๆ ไม่ด้วยเขาคงลำบากไม่น้อยเลย” อย่างไรก็ตามตอนนี้จางจื่อหานเป็นถึงรองผู้อำนวยการกรรมการปฏิวัติและผู้บัญชาการทหารชุมชนเขาไม่ควรมีชื่อเสียงเรื่องความไม่กตัญญู ซิ่วอิงคิดถึงเรื่องนี้ เธอคิดว่าควรให้ทุกคนได้เห็นว่าแม้ว่าเขาจะมีความซื่อตรงจับคนผิดไปลงโทษไม่เว้นแม้แต่ครอบครัวตัวเองแต่ในขณะเดียวกันเขาก็มีความกตัญญูช่วยเหลือครอบครัวเดิมอยู่เสมอ นี่คือแนวคิดที่ถูกต้อง เป็นลูกก็ต้องกตัญญู เป็นคนผิดก็ต้องถูกลงโทษ ต่อไปจะไม่มีใครมาพูดถึงเขาในแง่ร้ายได้“ผมนึกว่าคุณจะไม่พอใจซะอีก” สิ่งที่ซิ่วอิงพูดทำให้จางจื่อหานรู้สึกแปลกใจ“ทำไมฉันจะต้องไม่พอใจล่ะคะ ยังไงการกตัญญูต่อพ่อแม่ก็เป็นสิ่งที่ลูกหลานควรทำอยู่แล้ว” เธอย่อมทำดีต่อเขาทำให้เขเห็นว่าเธ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 12 แม่ผู้อยากใกล้ชิดกับลูกชายที่ห่างเหิน

    จางจื่อหานใช้เวลาไม่นานก็เดินกลับมาถึงบ้าน เมื่อเข้ามาในบ้านก็พบว่าภรรยากำลังเช็ดตัวให้ลูกชายเล็กอยู่เขาจึงเดินไปใกล้ๆ แล้วยืนดู ในตอนนี้เขารู้สึกว่าเธออ่อนโยนมากแตกต่างจากคนก่อนเป็นอย่างมากหัวใจของจางจื่อหานสั่นไหวเขาไม่สามารถห้ามมุมปากที่ยกขึ้นได้“กลับมาแล้วเหรอคะ” ซิ่วอิงรู้สึกถึงสายตาร้อนแรงที่จ้องมองมาจึงหันไปดูพบว่าเป็นจางจื่อหานที่กำลังยืนมองเธออยู่“ให้คุณเลือก” จางจื่อหานยื่นแผนผังให้กับภรรยา ซิ่วอิงรับมาแล้วเปิดออกดูก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามเขา“อนุมัติการสร้างบ้านแล้วเหรอ?” ไม่ใช่เขาบอกเธอว่าอาจใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีหรอกเหรอ“ผู้อำนวยการกรรมการปฏิวัติอนุมัติให้เราเป็นกรณีพิเศษ” เขาบอกพร้อมกับมองเธอที่กำลังยิ้มดีใจ หัวใจของเขาเต้นแรงอีกแล้ว“ดีจริงๆ คุณกลับมาครอบครัวเราก็มีแต่เรื่องดีๆ” ทั้งเงินเดือนและอาหารไหนจะสร้างบ้านใหม่ จางจื่อหานนี่คือขาทองคำชัดๆ จางจื่อหานได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“คุณชอบตรงไหน” เขาเอ่ยถามเธอพร้อมกับก้มลงมามองกระดาษแผ่นเดียวกัน“ฉันคิดว่าที่ตรงนี้ดี” ซิ่วอิงชี้ไปที่กระดาษ ที่นั่นห่งจากบ้านอื่นหน่อยดูไม่แออัดและเป็นพื้นที่กว้างอีกทั้งยังอยู่ไม่ไกล

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 11 ไม่ช่วย

    “เจ้าเล็ก ยังไงพวกเขาก็เป็นแม่และพี่ชายของลูก” พ่อเฒ่าจางพาหลานทั้งสองมาที่บ้านท้ายหมู่บ้านเพื่อพูดคุยกับซิ่วอิง ระหว่างที่เดินมาเขารู้สึกหนักใจไม่น้อยกลัวว่าลูกสะใภ้เล็กจะไม่ยอมและอาละวาดแต่เมื่อเดินมาถึงก็พบว่าลูกชายคนเล็กได้อยู่ที่บ้านด้วยเขาจึงรู้สึกโล่งคิดว่าลูกชายคนเล็กคงเห็นแก่แม่อยู่บ้าง“ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขา” จางจื่อหานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เจ้าเล็กตอนนี้พี่ชายของลูกกำลังบาดเจ็บ” พ่อเฒ่าจางยังไม่ยอมถอย เขาต้องการกดดันลูกชายคนเล็กให้ช่วยลูกชายคนโตออกมา“พ่อ พ่อบอกว่าพี่ใหญ่เจ็บแล้วซีห่าวของเราไม่เจ็บเหรอ เขาป่วยอยู่แล้วยังถูกพี่ใหญ่ที่เป็นลุกของเขาทำร้ายจนหัวแตกอีก” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้น เธอไม่พอใจเป็นอย่างมากที่จนถึงขนาดนี้คนพวกนี้ยังไม่รู้จักสำนึกอีก“สะใภ้เล็กเจ้าใหญ่คงไม่ได้ตั้งใจ” พ่อเฒ่าจางเอ่ยแก้ต่างแทนลูกชาย“ฉันเห็นกับตาว่าเขากำลังเข้าไปทำร้ายร่างกายของลูกชายฉันซ้ำ แบบนี้เรียกไม่ได้ตั้งใจเหรอ พ่อควรบอกให้เขาสำนึกผิดไม่ใช่มาขอให้เราไม่เอาผิดพวกเขาไม่งั้นชาวบ้านจะมองพ่อเป็นอะไร รักลุกชายคนโตรังแกลูกชายคนเล็กเหรอ” ซิ่วอิงจี้จุดพ่อเฒ่า เธอรู้ดีว่าของสามีห่วงหน้าตาตัวเอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 10 จับกุม

    จางจื่อหานพาลูกและภรรยามาที่บ้านโดยมีจางจื่อชิงติดสอยห้อยตามมาด้วย จางจื่อหานวางลูกชายคนเล็กลงบนเตียงเตาก่อนจะถอยออกมาให้ซิ่วอิงได้เข้าไปดู“ห่าวห่าว เป็นยังบ้าง” ซิ่วอิงเอ่ยถามอีกครั้ง“แม่ ฉันไม่เป็นไร” ซีห่าวเอ่ยตอบ ซิ่วอิงที่เห็นเด็กน้อยยืนยันเธอก็รู้สึกผ่อนคลายลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามองดูเธอด้วยสายตามีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้น“ห่าวห่าว ลูกนอนพักก่อนนะ” ซิ่วอิงเอ่ยบอกเด็กน้อยที่นั่งอยู่บนเตียง เธอรู้สึกสงสารซีห่าวมากทั้งป่วยแล้วยังจะมีบาดเจ็บอีก เมื่อซีห่าวทำตามที่เธอบอกเธอจึงพยักหน้าให้สามีว่าออกไปคุยกันข้างนอก“พี่จื่อหาน ทำไมพี่กลับมาเร็วจัง” จางจื่อชิงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม“จัดการธุระเสร็จแล้วเลยรีบกลับมา” จางจื่อหานเอ่ยเสียงนิ่งตามนิสัยของเจ้าตัว“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะจื่อชิง” ถ้าวันนี้ไม่มีจื่อชิงเธอคงพาซีห่าวไปถึงอนามัยไม่เร็วเท่านี้“พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น?” จางจื่อชิงถามด้วยความสงสัย“ฉันก็ไม่รู้ ฉันกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าเด็กๆ ถูกรังแกและซีห่าวหัวแตก ฉันก็เลยโมโหเอาไม้ไล่ตีพวกเขา” เธอเหลือบตามองจางจื่อหาน เขาจะคิดว่าเธอ

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 9 กล้าดียังไงมาทำลูกฉัน

    “หยุด!” ซิ่วอิงตะโกนดังลั่น หลังจากไปทำงานเธอรู้สึกเป็นห่วงซีห่าวมากกลัวว่าจะไข้ขึ้นสูงเธอจึงรีบเร่งทำงานพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายให้เสณ้จโดยเร็วหลังจากผ่านไปพักใหญ่หน้างานของเธอเหลือไม่มากซีซวนที่มองอาการของผู้เป็นแม่ออกก็อาสาทำที่เหลือแทนและให้เธอกลับมาที่บ้านก่อนหลังจากทำงานเสร็จเขาจึงจะตามมาทีหลัง เมื่อซิ่วอิงเดินมาใกล้จะถึงบ้านเธอได้ยินเสียงของซูเม่ยตะโกนขอความช่วยเหลือเธอตกใจกลัวว่าซีห่าวอาจจะไข้ขึ้นสูงจนช็อคจึงรีบวิ่งมาอย่างรวดเร็วแต่สิ่งที่เห็นคือคนชั่วทั้งสาวคนนั่นกำลังรังแกลลูกของเธอทำให้เธอตะโกนบอกให้พวกเขาหยุดด้วยอารมณ์ที่โมโห ยิ่งเมื่อเธอมองเห็นเลือดที่ไหลอาบใบหน้าของซีห่าวดวงตาของเธอก็เริ่มดำมืดขึ้น ซิ่วอิงคว้าไม้กวาดที่อยู่ไม่ไกลมาถือไว้ในมือแล้วก้าวฉับๆ ไปหาทั้งสามคนทันที“กล้าดียังไงมารังแกลูกของฉันห้ะ” ซิ่วอิงพูดพร้อมกับง้างไม้กวาดไล่ฟาดทั้งสามคนโดยไม่สนว่าจะเป็นครอบครัวของสามี“กรี๊ดด อย่านะ” เหมยลี่กรีดร้องอย่างหวาดกลัว“นังปากร้ายจะฆ่าคนแล้ว ช่วยด้วย จะฆ่าคนแล้ว โอ้ย!” จางจื่อซวานที่โดนตีก็ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด เขารู้สึกหวาดกลัวมากจึงวิ่งไปชนประตูอย่างแรงจนทำให้

  • ทะลุมิติมาเป็นภรรยาปากร้ายยุค 70   บทที่ 8 บุกรุก!

    “เรื่องนี้อย่าให้พ่อของแกรู้” แม่เฒ่าจางเอ่ยบอกลูกชายคนโต แม้ว่าพ่อเฒ่าจางจะลำเอียงรักลูกชายคนโตแต่เขาก็มักจะไว้หน้าตัวเองเสมอไม่แสดงออกถึงความลำเอียงมากเกินไป วันนี้พ่อเฒ่าจางมัววแต่ไปพูดคุยกับเพื่อนฝูงทำให้ทั้งสามคนคิดวางแผนที่จะทำเรื่องนี้“คุณแม่คะ แล้วนังนั่นจะไม่ไปแจ้งสันติบาลเหรอคะ” เหมยลี่เองก็อยากได้เงินห้าร้อยหยวนแต่เธอก็กังวลไม่ได้ หากนังปากร้ายนั่นไปแจ้งสันติบาลหรือคณะกรรมการปฏิวัติพวกเธออาจจะถูกจับ“มีลูกสะใภ้ที่ไหนจะแจ้งจับแม่สามี” จะสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง ไม่เคยมีสะใภ้คนไหนกล้าแจ้งจับแม่สามีแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่โดนทุบตีก็ตามมันถูกมองว่าเป็นปกติเว้นเสียแต่ว่าจะมีคนตาย“แต่มันแยกบ้านไปแล้วนะคะ” เหมยลี่ไม่แน่ใจว่าสามารถทำแบบนั้นได้ เธอไม่อยากถูกจับ“นี่สะใภ้ใหญ่ เธอกลายเป็นคนขี้ขลาดตั้งแต่เมื่อไหร่” แม่เฒ่าจางพูดอย่างไม่สบอารมณ์“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะแม่” เหมยลี่ที่เห็นแม่สามีเริ่มไม่พอใจก็ไม่กล้าที่จะแย้งอีก ในใจก็แอบเห็นด้วยว่าจางจื่อหานคงไม่แจ้งจับแม่ตัวเองหรอก“แม่ครับ ผมว่าเราควรไปตอนที่มันออกไปทำงาน” เวลานั้นชาวบ้านจะออกไปทำงานแลกคะแนนกันหมดไม่มีใครอยู่บ้านถือว่าทางสะด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status