แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: จี้เวยเวย
สองปีก่อนเขาไม่อาจแต่งงานกับนางในดวงใจได้จึงรู้สึกหมดหวัง ตอนรู้ว่าผู้เป็นแม่ได้จัดการหมั้นหมายให้แล้ว เขาก็ตอบรับทั้ง ๆ ที่สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยสักนิด คิดเพียงว่าคุณหนูตระกูลใหญ่ส่วนมากจะหัวโบราณและขี้ขลาด ไม่เหมือนกับซวงซวงผู้น่ารักและมีเสน่ห์ดึงดูดใจ

ทว่าในขณะนี้เมื่อเขาเห็นซ่งรั่วเจิน ถึงได้รู้ว่านางนั้นงดงามน่ามองเพียงใด

ซ่งรั่วเจินเห็นหลินจือเยว่จ้องนางตาไม่กะพริบ ใจของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ มีเพียงความคิดเดียวในหัวคืออยากจะควักลูกตาของคนผู้นี้ออกมาเสีย

มองอะไร! อัปมงคลเสียจริง!

“แม่นางซ่ง เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่ได้บอกเจ้าตั้งแต่แรก ข้าขอโทษ” หลินจือเยว่กล่าว

ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “หลินโหว ตอนขบวนเจ้าสาวของข้ากำลังจะเข้าเรือน ก็พึ่งได้รู้ว่ามีสตรีอีกนางจะแต่งเข้าพร้อมกับข้า วันนี้ท่านยังพูดต่อหน้าแขกมากมายอีกว่าในใจท่านมีเพียงแม่นางฉินเท่านั้น”

“ในเมื่อพวกท่านรักกัน ข้าก็ยินดีทำให้สมหวัง ไยต้องมาที่นี่อีก?”

เมื่อเห็นหญิงสาวพูดจาไม่น่าฟัง หลินจือเยว่ก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ เขายอมมาขอโทษด้วยตัวเองก็ถือว่าให้เกียรติตระกูลซ่งมากแล้ว ในเวลานี้ซ่งรั่วเจินยังไม่ยอมปล่อยวางอีก ไหนเลยจะมีความสง่างามของคุณหนูตระกูลใหญ่

“เจ้าพูดเช่นนี้ก็เพราะยังโกรธข้าอยู่ ข้ายอมรับว่าการที่ข้าไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้าถือเป็นความผิดของข้าจริง ๆ แต่เจ้ากลับทำให้เรื่องนี้วุ่นวาย ทำลายงานมงคลนี้ ทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองหลวง”

“จะว่าไปแล้ว เราสองคนก็ถือว่าเสมอกัน ตอนนี้เจ้าจะมาทำให้เรื่องใหญ่โตอีกทำไม?”

“การหมั้นของเราเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ข้าไม่คิดจะถอนหมั้น หากเจ้าใจกว้างรับซวงซวง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบาก เจ้าก็ยังคงเป็นฮูหยินของข้า ไม่ดีหรือ?”

หลินจือเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฮูหยินผู้เฒ่าหลินเห็นดังนั้นจึงตำหนิเขาเสียงดัง “พูดอะไรของเจ้า?”

“เจินเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปถือสาเขาเลย เขาอยู่ในค่ายทหารมานานจึงพูดจาไม่น่าฟัง” หลินรั่วหลานยิ้ม “ข้ากับอดีตท่านโหวมีบุตรตอนอายุมากแล้ว จึงอดตามใจเขาไม่ได้ เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะ”

หลินรั่วหลานก้าวไปข้างหน้า จับมือซ่งรั่วเจินก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เจินเอ๋อร์ ตลอดสองปีนี้ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของข้า เจ้าก็รู้ดี”

“เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเจ้าในจวนหลินโหวได้ และข้าจะไม่ยอมให้ใครรังแกเจ้าเด็ดขาด!”

หลิ่วหรูเยียนมองดูการแสดงตรงหน้า หากไม่ได้ฟังเจินเอ๋อร์บอกความจริงทั้งหมด นางก็อาจจะเชื่อ ทว่านางรู้แล้วว่าฉินซวงซวงเป็นคนที่หลินจือเยว่รักมาก นางย่อมไม่ยินยอมให้เจินเอ๋อร์แต่งงานไป

ทุกคนรู้ดีว่าหญิงสาวที่แต่งงานไป หวังเพียงแค่ให้สามีรัก หากสามีมีคนอื่นในใจ อาศัยแค่ความรักจากแม่สามีจะมีประโยชน์อันใด?

ฮูหยินผู้เฒ่าหลินอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพก็ไม่ดี ใครจะรู้ว่านางจะอยู่ได้อีกกี่ปี? ยิ่งหากฉินซวงซวงมีลูก ฮูหยินผู้เฒ่าหลินจะยังคงไม่เปลี่ยนใจหรือ?

“เช่นนั้นแล้ว หลินโหวคิดว่าความผิดอยู่ที่ว่าท่านไม่ได้บอกข้าล่วงหน้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่ว่าท่านไม่ควรแต่งงานกับแม่นางฉินตั้งแต่แรก?” หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยท่าทีเย็นชา “บุตรสาวตระกูลซ่งของข้าจะต้องเป็นฮูหยินเอกแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ยอมรับภรรยาที่ตำแหน่งเท่ากันเด็ดขาด!”

“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หลินจือเยว่ตอบกลับโดยทันทีและกำลังจะพูดต่อ แต่ถูกสายตาของหลินรั่วหลานหยุดไว้

“เรื่องในวันนี้เป็นความไม่รอบคอบของพวกเราเอง เจินเอ๋อร์ หากเจ้าไม่ชอบ เช่นนั้นให้ฉินซวงซวงเป็นฮูหยินรองดีหรือไม่? เจ้าจะเป็นฮูหยินเอกและนางเป็นฮูหยินรอง ไม่ว่าอย่างไรนางก็จะไม่สามารถกดข่มเจ้าได้”

ในสายตาของหลินรั่วหลานมีแต่ความรักและเมตตา “เจ้าก็รู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องราวใหญ่โต ถ้าปล่อยให้นางกลับไป เกรงว่าต่อไปไม่ว่าจะแต่งไปตระกูลไหนนางก็คงจะถูกคนเขารังเกียจ”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนใจดีและใจกว้าง ย่อมไม่อาจหักใจให้นางลำบาก รอให้นางเข้าเรือน ข้าจะให้นางอยู่ห่างจากเจ้า ไม่ให้นางมีโอกาสเกินหน้าเจ้าไปตลอดชีวิต ดีหรือไม่?”

ซ่งรั่วเจินเห็นว่าหลินรั่วหลานพูดจารอบคอบทุกคำ ดูราวกับกำลังปลอบประโลมนางอยู่ ทว่าแท้จริงแล้วกลับนึกถึงลูกชายของตนเป็นหลัก ไม่เพียงแต่จะให้ฉินซวงซวงเข้าเรือน แต่ยังให้นางทนความอึดอัดนี้อีกด้วย คำพูดทุกคำล้วนสวยงาม แต่การกระทำไม่ใช่เลย!

“หลินโหวก็คิดเช่นนี้ด้วยหรือเจ้าคะ?” ซ่งรั่วเจินถาม

เทียบกับหลินรั่วหลานที่เหมือนจิ้งจอกเฒ่าแล้ว หลินจือเยว่ยังรับมือได้ง่ายกว่า

และไม่ผิดหวังจริง ๆ หลินจือเยว่พูดด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ “หากเจ้ายอมอยู่ร่วมกับซวงซวงอย่างสงบสุข ไม่ต่อต้านนาง ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบาก”

“เช่นนั้นหากข้าเข้าจวนหลินโหว ข้าต้องเอาใจนางตลอดเวลา ถึงจะทำให้หลินโหวไม่ทำให้ข้าลำบากหรือ?” ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “บุญคุณเช่นนี้ ข้าคงไม่มีวาสนาพอที่จะรับไว้ เช่นนั้นก็ช่างเถิดเจ้าค่ะ”

“โหวอย่างข้ายอมถอยแล้ว เจ้ายังต้องการอะไรอีก? ข้าจะแต่งงานกับซวงซวงอย่างแน่นอน เจ้าอย่าได้ทำเกินไปนัก!”

ซ่งรั่วเจินยกมือขึ้น “หลินโหวโปรดอย่ามีโทสะ ข้าเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แม้นางจะปฏิเสธท่านไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะนางชอบองค์ชายสาม แต่ตอนนี้นางกลับใจมาหาท่านดั่งที่วาดหวังไว้ ข้าก็ยินดีกับท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ในเมื่อเป็นคนที่ท่านรัก จะทำให้นางลำบากได้อย่างไร? แน่นอนต้องยกให้นางเป็นฮูหยินเอก ข้ารู้ว่าหลินโหวทำทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และฮูหยินผู้เฒ่าก็เห็นว่าข้าเป็นลูกสาวแท้ ๆ ย่อมไม่ต้องการให้ข้าเสียหาย”

“หวังแค่จวนหลินโหวจะคืนเงินให้ข้าสำหรับการเสียสละตลอดสองปีนี้ แยกจากกันโดยดี แล้วข้าจะไม่กล่าวโทษแม้แต่คำเดียว”

ทันทีที่นางพูดออกมา หลินรั่วหลานและหลินจือเยว่ถึงกับตะลึงงัน

จุดประสงค์ของพวกเขาในคืนนี้คือให้ซ่งรั่วเจินเปลี่ยนใจ แล้วคืนข้าวของที่ย้ายออกจากจวนหลินโหวในวันนี้ และเพิ่มข้าวของกลับไปอีกสักหน่อย แต่ทำไมจู่ ๆ กลับเป็นหนี้เพิ่มขึ้นมาอีก?

การเสียสละของซ่งรั่วเจินตลอดสองปี หากแปลงเป็นเงินก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย!

“เจินเอ๋อร์พูดถูก ในเมื่อหลินโหวเจอคู่ครองที่ดี พวกเราก็ขอแสดงความยินดี เชื่อว่าหลินโหวผู้ที่ได้รับการยกย่องในราชสำนักย่อมไม่ใช่คนขาดจิตสำนึก คืนเงินมาแล้วก็ต่างคนต่างแยกย้ายโดยดีเถิด”

หลิ่วหรูเยียนเห็นลูกสาวผู้อ่อนโยนของตนเหมือนเติบโตขึ้นภายในวันเดียว ไม่หวั่นไหวต่อแผนการของหลินรั่วหลาน แก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดรวดเร็ว ขณะที่รู้สึกใจหายก็อดไม่ได้ที่จะปลาบปลื้มใจ

“ซ่งรั่วเจิน เจ้าแน่ใจแล้วนะว่าจะทำเช่นนี้? ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้าอายุเกินยี่สิบปีแล้ว หากการแต่งงานนี้ล้มเลิกไป คิดอยากจะหาคนแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!”

หลินจือเยว่ขมวดคิ้วแน่น เขายังไม่เชื่อว่าซ่งรั่วเจินจะยอมถอนหมั้นกับเขาจริง ๆ

“จริงแท้” ซ่งรั่วเจินตอบอย่างสบาย ๆ และหยิบสร้อยข้อมือที่ถอดมาจากข้อมือของซ่งอี้อันในวันนี้ส่งกลับไป “สร้อยข้อมือเส้นนี้ข้าขอคืนให้ท่าน รวมถึงสิ่งของที่ท่านเคยให้ข้ามา ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งกลับไปยังจวนหลินโหว”

หลินจือเยว่จำสร้อยข้อมือในมือได้ว่าเป็นของที่ตนให้ซ่งอี้อัน เขาขมวดคิ้ว “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

“เก็บไว้เถิดเจ้าค่ะ ข้าทำสิ่งใดมักเด็ดขาด ไม่ชอบทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ”

ซ่งรั่วเจินสังเกตปฏิกิริยาของหลินจือเยว่ เห็นว่าเขาเพียงแค่โกรธเท่านั้น ไม่ได้รู้ถึงความหมายของสร้อยข้อมือนี้ ก็ให้รู้สึกสงสัย หรือว่าจะเป็นความบังเอิญ? หรือบางที...สร้อยข้อมือนี้ไม่ใช่ของที่เขาเลือกเอง แต่เป็นของที่คนอื่นให้เขามา

“สร้อยข้อมือนี้น่าจะเป็นของที่แม่นางฉินเลือกกระมัง? นางช่างเก่งกาจโดยแท้ ไม่เพียงแต่รู้รสนิยมของหลินโหว ยังรู้ความชอบของพี่ชายข้าอีกด้วย”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
김나다
แม่ก็เข้มแข็งหน่อย เป็นภรรยาท่านแม่ทัพ อ่อนแอร์จริง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1602

    “เรื่องวันนี้หากไม่ใช่เพราะเจ้าจงใจหาเรื่องใส่ตัว เรื่องราวก็คงไม่มาถึงจุดนี้ อัครเสนาบดีเดิมทีควรจะเป็นกำลังช่วยเหลือของข้า บัดนี้ทุกอย่างถูกเจ้าทำลายหมดสิ้นในคราวเดียวแล้ว!”เหลียงอ๋องคิดถึงความอัปยศที่ได้รับในห้องทรงพระอักษรวันนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนางสตรีผู้นี้ประทานให้ เขาอยากบีบคอนางให้ตายไปเสียพ้น ๆ!หลายปีที่ผ่านมา เขาเก็บซ่อนกรงเล็บมาตลอด เพื่อรอวันจะได้ทำให้ผู้คนทั้งใต้หล้าได้ตื่นตะลึงบัดนี้เมื่อปีกของเขาแข็งแรงขึ้น จนเริ่มมีตัวตนโดดเด่นในสายพระเนตรของเสด็จพ่อแล้ว แต่เพราะตัวถ่วงชิ้นนี้ทำให้เขาตกอยู่ในภาพพจน์เลวร้ายตั้งแต่เริ่มต้นเขาเข้าใจเสด็จพ่อของตนเองดี สีพระพักตร์ในวันนี้ ชัดเจนว่าทรงล่วงรู้บางสิ่งแล้ว!ฉีชิงอีรับรู้ถึงความอึดอัดจากการขาดอากาศหายใจอันน่าสะพรึงกลัว โดยเฉพาะตอนที่สายตาสบเข้ากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายอาฆาตคู่นั้น นางรู้สึกหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่ถูกถังเสวี่ยหนิงกรีดหน้าในคุกเสียอีกสองมือของนางพยายามแกะมือของเหลียงอ๋องออก ในใจพลันตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องราวที่ผ่านมานางไม่เคยคิดเลยว่าท่านอ๋องของตนเองที่ร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่ายจะม

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1601

    ซ่งรั่วเจินพร้อมคนอื่นเข้าใจแจ่มแจ้งทันที ดูเหมือนว่าในท้องพระโรงเองก็เกิดความปั่นป่วนขึ้นไม่น้อยกู้ฮวนเอ๋อร์อดสงสัยไม่ได้ “ข้าได้ยินว่าอัครเสนาบดีถังสุขุมรอบคอบและระมัดระวังมาตลอด ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏช่องโหว่ร้ายแรงใด ๆ มาก่อน เป็นขุนนางซื่อสัตย์ที่ใครต่างก็ชื่นชม”“แต่มาตอนนี้กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หรือว่า…ภายในเองก็มีปัญหาเช่นกัน?”ฉู่อวิ๋นกุยเหลือบสายตามองพวกฉู่จวินถิงสองคนด้านข้าง เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วเช่นกันมิน่าเล่าก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนถึงได้นิ่งสงบไม่สะทกสะท้านถึงเพียงนั้น เสด็จพี่ไม่เคยทำศึกใดโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ต้องเป็นเพราะเตรียมการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพแล้วอย่างแน่นอน“ฮวนเอ๋อร์ เจ้าจงไปกำชับห้องเครื่อง เย็นนี้ปรุงอาหารรสเลิศให้มากหน่อย จะได้รั้งเสด็จพี่และพี่สะใภ้ให้ร่วมโต๊ะรับประทานสำรับเย็นพร้อมกัน” ฉู่อวิ๋นกุยเอ่ยพร้อมรอยยิ้มฮวนเอ๋อร์พยักหน้ารับ “เพคะ หม่อมฉันจะไปเองเดี๋ยวนี้”เห็นกู้ฮวนเอ๋อร์ออกไปแล้ว ฉู่อวิ๋นกุยถึงจะเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ขึ้น คงลือกันทั่วเมืองหลวงแล้ว”“ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นเหลียงอ๋องในสายตา จนบัดนี้เพิ่งตร

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1600

    ผู้คุมเหล่านั้นเข้าใจในทันที และหนึ่งในนั้นก็กุมท้องของตนเองและกล่าวว่า “ท้องของข้าเจ็บปวดนัก พวกเจ้ารีบพาข้าไปหาหมอก่อนเถิด”“ได้ ๆ ๆ รีบพาเขาไปหาหมอเร็ว!”......ซ่งรั่วเจินกำลังรอฟังข่าวอยู่ที่เรือนกับกู้ฮวนเอ๋อร์ อีกทั้งยังให้ไป๋จื่อไปซื้ออาหารมาให้อีกด้วย“ญาติผู้พี่ ข้าก็มิรู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ตั้งครรภ์ จู่ ๆ ก็อยากกินนั่นกินนี่อยู่ร่ำไป ไม่กินก็ไม่ได้”กู้ฮวนเอ๋อร์เขินอายเล็กน้อย แม้ว่าปกตินางจะช่างกินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นตะกละตะกลามเช่นนี้เริ่มตั้งแต่ไม่กี่วันมานี้ นางก็ช่างกินมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ของที่ไม่ชอบกินก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเอร็ดอร่อยขึ้นมาทันตา“ไหนเลยจะเป็นเจ้าที่อยากกิน เป็นเด็กในท้องที่อยากกินต่างหาก”ซ่งรั่วเจินหัวเราะเบา ๆ “อยากกินอะไร ก็ต้องให้เขาลองชิมดู”กู้ฮวนเอ๋อร์ก็หัวเราะเช่นกัน “ท่านอ๋องก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน ญาติผู้พี่ พวกท่านปฏิบัติต่อข้าดีเหลือเกิน”“เจ้าเป็นถึงพระชายาอวิ๋นอ๋อง อาหารชั้นเลิศอะไรที่กินไม่ได้บ้างเล่า? ขอเพียงแค่เจ้าชื่นชอบ ก็สั่งให้คนไปซื้อมาให้ก็พอ แต่ก็อย่ากินมากเกินไป ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1599

    “ใครกันจะมีเวลาว่างมาโกหกเจ้า? นี่เป็นข่าวจากในพระราชวัง เจ้าอย่าคิดเพ้อฝันกลับไปจวนอัครเสนาบดีอีกเลย!”“สร้างบาปสร้างกรรมเองแท้ ๆ อยู่ดีไม่ว่าดีไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องเข้า ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว มีจุดจบเช่นนี้ก็เพราะหาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น!”“ประตูจวนเหลียงอ๋องก็มิอาจเข้าได้อีกแล้ว ต่อไปเกรงว่าคงเป็นได้แค่สาวแก่ผู้หนึ่งเท่านั้น ข้าว่าท่าทางอำนาจบาตรใหญ่ หยิ่งยโสเช่นนี้ จะต้องผิดใจกับใครหลายคนเป็นแน่”“เมื่อได้เข้าพระราชวังจะมีคนสั่งสอนนางเอง และคาดว่าคงจะอยู่รอดได้อีกไม่นาน”บรรดาผู้คุมต่างมองหน้ากัน ถังเสวี่ยหนิงถูกจับเข้ามาเป็นเวลาสั้น แต่พวกเขาได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าหญิงผู้นี้สร้างปัญหามากมายเพียงใดหากเข้าพระราชวังไปอยู่กองซักอาภรณ์ คนในนั้นเชี่ยวชาญในการปรับตัวไปตามสถานการณ์ เมื่อรู้ว่าถังเสวี่ยหนิงผิดใจกับคนมากมาย เกรงว่าหากมีคนสั่งแค่ไม่กี่คำ ก็มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ถังเสวี่ยหนิงตายได้เลยถังเสวี่ยหนิงส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง “ช่วงนี้ถึงแม้ว่าข้าจะทำให้ท่านพ่อโกรธก็จริง แต่ท่านพ่อมิอาจตัดขาดบุตรสาวอย่างข้าเป็นแน่!”“ตราบใดที่ท่านพ่อยังเป็น

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1598

    ซ่งรั่วเจิน กู้ฮวนเอ๋อร์ บัญชีแค้นนี้ยังไม่จบหรอก!“ถังเสวี่ยหนิง เจ้าอย่าได้ลำพองใจไปเลย! ข้าต้องถูกโบยสามสิบไม้แล้ว เรื่องที่เจ้าจะเข้าไปในจวนเหลียงอ๋องได้หรือไม่นั้นก็ค่อยว่ากันอีกที!”ฉีชิงอีเหลือบเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของถังเสวี่ยหนิง ภายในใจก็พลันเดือดดาล คาดไม่ถึงว่านังสารเลวผู้นี้จะยังกล้าหัวเราะเยาะนาง!ถังเสวี่ยหนิงหัวเราะเยาะเบา ๆ “ข้าเป็นคนของท่านอ๋องแล้ว เหตุใดถึงจะเข้าจวนอ๋องมิได้เล่า?”ท่านพ่อของนางเป็นถึงอัครเสนาบดี!ตราบใดที่นางมีสถานะขั้นนี้อยู่ เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ย่อมไม่อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้!ฉีชิงอีก็เริ่มไม่แน่ใจ หากท่านอ๋องช่วยขอความเมตตาแทนนางจริง ๆ เหตุใดนางถึงยังถูกโบยอีกเล่า นี่คงจะมิใช่ว่าท่านอ๋องมิได้ทูลขอความเมตตาให้นางใช่หรือไม่?ด้วยนิสัยของเหลียงอ๋อง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ย่อมทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แน่ว่าเขาจะตำหนินาง และอาจไม่ไปทูลขอความกรุณาต่อฮ่องเต้เพื่อลดโทษให้แก่นางถังเสวี่ยหนิงก็คิดถึงจุดนี้อยู่เหมือนกัน ภายในใจจึงแอบรู้สึกลำพองใจ“เดิมทีเรื่องราวในวันนี้ก็เป็นความผิดของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าดึงดันที่จะก่อ

  • ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ชีวิตนี้ข้าลิขิตเอง   บทที่ 1597

    ในคุกหลวงฉีชิงอีกับถังเสวี่ยหนิงถูกขังไว้ในคุกเดียวกันถังเสวี่ยหนิงร้องโอดครวญไม่หยุด นางรู้สึกว่าก้นของตนเองถูกเฆี่ยนจนแตก ความเจ็บปวดอันรุนแรงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งร่างของนางสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด“พวกเจ้ารีบไปเชิญหมอมาเร็วเข้า!”“ท่านพ่อของข้าเป็นอัครเสนาบดี เขาได้เข้าพระราชวังเพื่อทูลขอความเมตตาแทนข้าแล้ว อีกไม่นานก็จะต้องปล่อยข้าออกไป หากข้าเกิดเป็นอะไรตอนที่อยู่ในคุก พวกเจ้าคงจะรับผลที่ตามมามิไหวเป็นแน่!”เพียงแต่ เมื่อเผชิญกับอำนาจคุกคามของถังเสวี่ยหนิง ผู้คุมกลับทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และมิได้สนใจโดยสิ้นเชิงพวกเขาเป็นคนของฉู่อ๋อง คนที่ฉู่อ๋องสั่งให้จับนาง แล้วตอนนี้จะมาสั่งให้พวกเขาไปตามหมอมาให้นาง ช่างเพ้อฝันเสียจริง ๆ!ฉีชิงอีเห็นถังเสวี่ยหนิงเอะอะโวยวายไม่หยุด ก็อดจะรำคาญมิได้ “เจ้าหยุดโวยวายเสียทีได้หรือไม่? เจ้าไม่เห็นหรือว่าเรียกตั้งนานขนาดนี้ มีใครสนใจเจ้าบ้างเล่า?”ถังเสวี่ยหนิงเดือดดาลขึ้นมาทันที “หากมิใช่เพราะเจ้าจงใจผลักข้า ข้าจะไปผลักพระชายาอวิ๋นอ๋องได้อย่างไรกัน?!”“เรื่องราวในวันนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเจ้าคิดใส่ร้ายข้า ทำให้ข้าถูกเฆี่ยนตี คา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status