Share

บทที่ 7

last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-21 09:33:54

‘เจ้าชายเพลย์บอยควงนางแบบสาวทำเรื่องฉาวกลางกรุง’

ลือกันให้แซดวงการรันเวย์ เมื่อนักธุรกิจหนุ่มเสน่ห์แรงพ่วงดีกรีเจ้าชายจากตะวันออกกลาง ตกเป็นข่าวควงคู่นางแบบ ‘ก’ ดินเนอร์หรูก่อนจบลงบนเตียงอย่างเร่าร้อน คู่ขายืนยันเองกับปาก ม้าเรียกพี่ อูฐเรียกพ่อ ห้อกันจนระบมแทบต้องงดรับงานเดินแบบ

ได้อ่านข้อความพาดหัวข่าวและเนื้อหาที่ปรากฏอยู่บนกรอบหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับเมื่อวานซืนจนจบแล้ว หญิงสาวในชุดเสื้อยืดสีฟ้าซีดและกางเกงขาสั้นมอซอ ก็ตัดสินใจวางมันลงบนพื้นพร้อมถอนหายใจดังๆ

“เฮ้อ! คนเราสมัยนี้... มีพร้อมทั้งหน้าตา ทั้งฐานะทางสังคม ยังอุตส่าห์จะทำตัวแย่ๆ กันได้อีก...” บ่นพึมพำกับตัวเองขณะใช้มีดคัตเตอร์แบ่งกระดาษหนังสือพิมพ์คู่นั้นออกเป็นสี่ส่วนเท่าๆ กัน จากนั้นจึงวางมันซ้อนกันไว้เป็นกอง ก่อนจะยกขันใส่กาวแป้งเปียกที่ยังร้อนมาทับเอาไว้

“พูดถึงใครอีกล่ะไอ้ลิน” ผู้เป็นแม่ร้องถาม เธอเองก็กำลังวุ่นวายอยู่กับการรวบรวมถุงกระดาษที่ทำจากหนังสือพิมพ์ซึ่งติดกาวตากพัดลมจนแห้ง นำมานับแล้วมัดด้วยเชือกฟางวางเอาไว้เป็นตั้งๆ เตรียมส่งให้กับร้านขายของชำที่สนิทกัน

อรนลินก้มหน้าก้มตา พับแล้วกรีดกระดาษหนังสือพิมพ์ซ้ำๆ แผ่นแล้วแผ่นเล่า ในระหว่างรอให้แป้งเปียกที่เพิ่งต้มเสร็จใหม่ๆ เย็นลง เพื่อที่เธอจะใช้มันแทนกาวในขั้นตอนพับถุงต่อไป

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ พอดีลินอ่านเจอข่าวน่าเกลียดเข้าก็เลยบ่นไปอย่างนั้นแหละ...”

“ข่าวอะไรของแก... เล่าให้แม่ฟังบ้างสิ...” อินทิรายังติดใจสงสัย เพราะตั้งแต่เลี้ยงดูบุตรสาวคนนี้มาจนโตเป็นสาว ก็มีเพียงไม่กี่ครั้งที่จะได้ยินหรือได้เห็นท่าทีเหนื่อยหน่ายของอรนลิน

“ก็อีตาเจ้าชายแขกอะไรที่ออกทีวีเมื่ออาทิตย์ก่อนยังไงล่ะจ๊ะ ถูกหนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าหิ้วนางแบบไปนอนด้วย” นึกถึงประโยคที่แฝงความนัยหยาบโลนแล้ว หญิงสาวต้องร้อนวูบไปทั้งหน้า

“ข่าวชู้สาวของพวกดารามันก็มีลงทุกวันอยู่แล้วนี่นา... ไม่ใช่เรื่องของคนอย่างเราซักหน่อย แกจะไปเดือดร้อนอะไรกับเขาล่ะ...” มารดาส่ายหน้ายิ้มๆ

“มันก็จริงจ้ะ แต่อีตานี่เป็นถึงคนระดับเจ้าชายแท้ๆ ยังมีหน้ามาทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในบ้านเราอีก ทำตัวคาวเสียยิ่งกว่าน้ำล้างปลา” เธอบ่นกระปอดกระแปด

“จะเป็นเจ้าชายหรือยาจกมันก็คนธรรมดานะไอ้ลิน... คนเราพอรักกันชอบกัน มันก็ต้องมีเรื่องพรรค์อย่างนี้กันบ้างแหละวะ...”

“รักชอบอะไรกันล่ะจ๊ะ... ผู้ชายพวกนี้ก็สนใจแต่เรื่องบนเตียงเท่านั้นแหละ... ถ้ารักกันชอบกันจริงๆ ทำไมไม่รอไปทำหลังแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราวล่ะจ๊ะ...” ใบหน้าของอรนลินเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง มีแววความหงุดหงิดปนอยู่ในน้ำเสียง

ใจจริงเธออยากจะแย้งคำพูดของตัวเองว่า ขนาดบิดาของเธอแต่งงานอยู่กินกับมารดามาตั้งเป็นสิบปี พอเจอกับผู้หญิงคนใหม่ก็ยังทิ้งกันไปได้ง่ายๆ เลย... แต่มันก็จะเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับอินทิราเสียเปล่าๆ...

“อย่าตั้งแง่กับผู้ชายนักเลยน่า สมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว คนแต่งงานกันช้าก็เพราะมีโอกาสได้ลองคบหาดูใจ ลองอยู่กินด้วยกันก่อนแต่ง การที่จะต้องมาคอยเข้าตามตรอกออกตามประตูมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว... แม่เองก็ไม่ได้สนับสนุนเรื่องชิงสุกก่อนห่ามหรอกนะ แต่ตัวแกเองก็เถอะ ซักวันก็ต้องมีความรัก ต้องมีแฟน พอมีแฟนแล้วเดี๋ยวความคิดความอ่านอะไรมันก็เปลี่ยนไป...”

“ลินไม่มีหรอกจ้ะ ความร้งความรักอะไรนั่นน่ะ” ผู้เป็นแม่ยังพูดไม่ทันจบหญิงสาวก็รีบแย้งเสียก่อน “ลินรักแค่แม่คนเดียวก็พอแล้ว”

“แกจะบ้าเหรอวะไอ้ลิน เรื่องมีแฟนมันเป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา... อย่ามัวแต่คิดว่าผู้ชายทุกคนจะต้องเป็นเหมือนพ่อของแกสิ...”

อินทิรารู้ดีว่าบุตรสาวของเธอกำลังคิดถึงเรื่องของเลอศักดิ์ผู้เป็นพ่อ ความผิดหวังในตัวบิดาเป็นสาเหตุที่ทำให้อรนลินเกลียดและไม่เคยไว้ใจผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เธออดเป็นห่วงไม่ได้

ยิ่งรู้ว่าเรื่องของตนกลายเป็นปมที่ทำให้ลูกมีอคติกับความรักแล้ว หญิงวัยกลางก็สลดใจจนคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ สังเกตสีหน้าท่าทางได้

“แม่จ๋า... อย่าไปคิดถึงคนคนนั้นเลยนะ ลินขอโทษที่ทำให้แม่คิดมากอีกแล้ว...” เธอรีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ รีบลุกไปสวมกอดแผ่นหลังของอินทิราอย่างรู้สึกผิด

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อแกหรอก... แม่แค่เสียใจที่เรื่องของแม่ทำให้แกต้องมากลายเป็นคนลักเพศอย่างนี้...” ว่าแล้วก็ถอนหายใจดังๆ

“แม่ก็... ลินไม่ได้เป็นทอมหรือเป็นดี้ซักหน่อย”

“แต่แกไม่ชอบผู้ชายมันก็ผิดผีพอๆ กันนั่นแหละ” เธอดุอรนลินด้วยสายตา หันไปกอดร่างเล็กๆ ที่กำลังออดอ้อนอยู่ด้วยความรักใคร่ “ชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แกจะเก็บเรื่องของพ่อกับแม่เอามาบั่นทอนโอกาสที่จะพบความสุขตัวเองไม่ได้หรอกนะ ไอ้ลิน”

“ลินอยู่กับแม่อย่างนี้ก็มีความสุขดีอยู่แล้วนี่จ๊ะ” ถ้อยคำของบุตรสาวที่ตอบเบาๆ ข้างหู ทำให้อินทิราซาบซึ้งจนน้ำตาซึม

“แต่แม่จะอยู่กับแกไปได้นานซักกี่ปีกันล่ะ... พอแม่แก่ตัวตายไป แกจะใช้ชีวิตอยู่กับใคร... ใครจะเป็นคนที่คอยดูแลลูกของแม่...” ผู้เป็นแม่พยายามฝืนยิ้ม ยกมือขึ้นปาดขอบตาที่ชื้นน้อยๆ...

เธอคิดอย่างที่พูดจริงๆ... เพราะถึงแม้ชีวิตคู่ที่ผ่านมาจะเรียกไม่ได้ว่าประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยสามีซึ่งทอดทิ้งเธอไปก็ได้มอบสิ่งล้ำค่าที่สุดให้แก่เธอ นั่นก็คืออรนลิน บุตรสาวผู้ไม่เคยสร้างปัญหาหรือภาระใดๆ ให้กับเธอเลย

หลายครั้งที่อินทิราต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและช่วงวิกฤต หากการมีเด็กน้อยเป็นกำลังใจอยู่ข้างๆ ก็ทำให้เธอสู้ฝ่าฟัน อดทนเลี้ยงดูจนเด็กน้อยในวันวาน เติบโต สำเร็จการศึกษาเป็นบัณฑิตสาวที่ขยันขันแข็งและกตัญญู สร้างความภาคภูมิใจให้กับเธอในวันนี้

สี่สิบกว่าปีในชีวิตของหญิงวัยกลางคน หากจะมีเรื่องใดที่ยังค้างคาใจและยังรู้สึกกังวลอยู่เสมอ ก็คงเป็นเรื่องอนาคตของอรนลินเพียงเรื่องเดียว

“แม่... แม่อย่าพูดอย่างนี้สิจ๊ะ แม่ของลินแข็งแรงจะตาย... แม่จะต้องอยู่กับลินไปอีกร้อยปี...” พูดแล้วน้ำตาก็พานรื้นขึ้นมาบนขอบตาไม่ต่างจากอีกฝ่าย อรนลินจึงรีบยกมือเช็ดเร็วๆ พร้อมกับพยายามยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อไม่ให้ผู้เป็นแม่เกิดความไม่สบายใจไปมากกว่าเดิม ซึ่งก็ดูจะได้ผลพอสมควร...

“เด็กบ้า... ใครที่ไหนจะอยู่ได้เป็นร้อยปี...” อินทิรายกมือเขกศีรษะบุตรสาวเบาๆ ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเสีย “ว่าแต่เรื่องงานที่ไปสมัครเอาไว้ล่ะ มีที่ไหนเรียกตัวไปสัมภาษณ์บ้างหรือยัง”

“ตอนนี้ยังไม่มีเลยจ้ะ...” จะให้เธอบอกกับผู้เป็นแม่ได้อย่างไรว่าการหางานดีๆ ในสภาพเศรษฐกิจอย่างปัจจุบันนี้ มันช่างแสนยากเย็นเสียเหลือเกิน

มิหนำซ้ำต่อให้ผ่านการสัมภาษณ์แล้วก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหนๆ อรนลินก็ต้องมีบุคคลซึ่งประกอบอาชีพข้าราชการมาเป็นผู้เซ็นค้ำประกันก่อนเข้าทำงานอยู่ดี แล้วมารดาของเธอที่เป็นเพียงแม่ค้าขายข้าวแกงในตลาด จะมีปัญญาไหว้วานใครให้มาช่วยเหลือเธอได้

“เอ่อ... ความจริงก็มีรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยมาชวนลินไปทำงานด้วยเหมือนกันแหละจ้ะ... ถ้าลินรับปากเขา ลินก็เริ่มทำงานวันจันทร์นี้ได้เลย แต่...”

“อ้าว รุ่นพี่ชวนไปทำด้วยกันก็ดีนี่นา ไม่ต้องเสียเวลารอลุ้นว่าจะได้งานหรือไม่ได้งาน... แล้วทำไมพูดเหมือนไม่อยากไปทำกับเขาอย่างนั้นล่ะ หือ...”

“ตำแหน่งงานมันไม่ค่อยดีน่ะจ้ะแม่...” อรนลินหลุบตามองเสื่อน้ำมันที่ปูอยู่บนพื้นบ้านอย่างนึกละอายใจ

 “แม่เคยสอนว่ายังไง... คนเราอย่าอายทำกิน งานอะไรทำได้ก็ทำไปก่อนเถอะ ขอให้มันเป็นงานสุจริตเท่านั้นก็พอแล้ว...”

“ลินจำได้จ้ะ...” หญิงสาวก้มหน้าตอบ เข้าใจในสิ่งที่มารดาบอก แต่ก็อดน้อยใจตัวเองไม่ได้

ตลอดเวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัย อรนลินตั้งใจทุ่มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ จนได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนและสำเร็จปริญญาทางด้านมนุษยศาสตร์บัณฑิตด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง เธอจึงตั้งความหวังเอาไว้ว่าจะหางานดีๆ เงินเดือนสูงๆ เพื่อดูแลผู้เป็นแม่ให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องทนอาศัยอยู่ในบ้านเช่าชั้นเดียวเก่าๆ อย่างนี้อีก

แต่ท้ายที่สุด ทุกอย่างที่ทำลงไปกลับไม่มีความหมาย...

โชคชะตาช่างไม่เป็นธรรมกับเธอเลยจริงๆ...

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 91

    หลังจากงานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงก่อนเวลาเลิก องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี บิน ฮามัด อัล อลาวี ก็ถือโอกาสขึ้นไปเป็นประธานบนเวที เรียกเจ้าบ่าวเจ้าสาวให้ไปปรากฏตัวพร้อมกันต่อหน้าแขกในงาน“เราในฐานะของคนเป็นพ่อต้องขอขอบใจสหายและผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมแสดงความยินดีกับลูกชายเรา วันนี้นับว่าโฮร์มุซได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาตระหนักถึงความสำคัญและหน้าที่ของตัวเองในฐานะหัวหน้าครอบครัว พร้อมที่จะดูแลรับผิดชอบคนในครอบครัวต่อไปภายหน้า...” องค์สุลต่านหันไปมองบุตรชาย“ประเทศชาติก็เปรียบเสมือนครอบครัวใหญ่ การดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวจาเบลุซนั้น ต้องอาศัยความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง... ซึ่งในเวลานี้เรามั่นใจแล้วว่าโฮร์มุซพร้อมที่จะทำหน้าที่แทนเรา ดังนั้นเราจึงถือโอกาสอันดีในคืนนี้ประกาศคืนตำแหน่งรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ให้แก่ เจ้าชายโฮร์มุซ อัล อลาวี และมอบหมายให้ เจ้าชายมาตราห์ อาลี เป็นผู้ช่วยเหลือลูกของเราดูแลประเทศชาติต่อไปในอนาคต...”สิ้นคำประกาศขององค์สุลต่าน ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็พากันโห่ร้องด้วยความยินดี ไม่เว้นแม้ชาวไทยที่ร่วมอยู่ในงานเลี้ยงในฐานะแขกและส

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 90

    พิธีมงคลสมรสตามประเพณีของจาเบลุซไม่แตกต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ ในดินแดนอาหรับมากนัก... นั่นคือ... ประกอบไปด้วยพิธีการทั้งสิ้นจำนวนเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่พิธีสู่ขอในวันแรกตามหลักศาสนาแล้ว ก่อนแต่งงานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะมีความสัมพันธ์กันไม่ได้เด็ดขาด หากไม่ได้รับการยินยอมจากครอบครัวของทั้งสองฝ่าย ฝ่ายชายจะต้องนำครอบครัวไปพูดคุยสู่ขอกับครอบครัวของฝ่ายหญิงที่บ้าน แต่เนื่องจากอรนลินและมารดาไม่ใช่ชาวจาเบลุซ งานสู่ขอจึงถูกจัดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการภายในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก นั่นเอง โดยมี องค์สุลต่านฮาเร็บ อาลี และองค์สุลตาน่าโซเฟีย เป็นผู้ดำเนินพิธีสู่ขอกับอินทิราท่ามกลางเชื้อพระวงศ์จำนวนหนึ่งวันที่สองเป็นพิธีดูตัว ซึ่งตามปกติจะเป็นโอกาสที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก จึงทำเพียงพอเป็นพิธี ส่วนวันที่สามซึ่งเป็นวันหมั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะทำการแลกแหวนหมั้นของแต่ละฝ่าย โดยสวมใส่มิชลาห์และอบายาสีที่เข้าคู่กัน เพื่อเป็นนิมิตมงคลบอกถึงความเหมาะสมกันวันที่สี่ พิธีให้สัตย์ปฏิญาณ หรือพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการ โดยทั่วไปจะจัดในมัสยิด หากเจ้าบ่าวเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ผู้แทนศาสนาจึงถ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 89

    กำหนดการพิธีแต่งงานระหว่างซินเดอเรลลาสาวจากประเทศไทยกับเจ้าชายนักธุรกิจใหญ่แห่งอาหรับกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งโลก และก่อนที่บรรดาสื่อมวลชนจากทุกแขนงจะพากันตามมารบกวนชีวิตอันสงบสุขของคนรัก โฮร์มุซก็ตัดสินใจพาเธอกับผู้เป็นแม่บินกลับไปเตรียมการที่ประเทศของเขาล่วงหน้าเกือบสองสัปดาห์แม้ว่าอินทิราจะค่อนข้างประหม่าและอึดอัดใจกับชีวิตในพระราชวัง จานาห์ อัล มาลัก พอสมควร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอต้องตื่นตาตื่นใจไปกับทุกๆ สิ่งที่ได้สัมผัส รวมถึงอดที่จะกังวลไม่ได้กับขนบธรรมเนียมและวิถีชีวิตแบบใหม่ที่เธอเองมีส่วนผลักดันให้ลูกสาวเป็นคนเลือกในช่วงแรกๆ ที่ได้กลับมาพำนักในปราสาทหินทรายสีชมพู อรนลินรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เมื่อต้องถูกคนครึ่งประเทศจับจ้องด้วยสายตาคับข้องใจและไม่เห็นด้วย ว่าเหตุใดเจ้าชายรัชทายาทแห่งรัฐสุลต่าน บาห์ลา จาเบลุซ จึงเลือกผู้หญิงต่างชาตินอกศาสนามาเป็นคู่ชีวิต แต่ด้วยกำลังใจจากผู้ชายที่เธอรักรวมถึงท่าทีของสุลต่านและสุลตาน่าที่วางตนเป็นผู้สนับสนุนอยู่ห่างๆ แล้ว ไม่นานหญิงสาวก็ทำใจได้อรนลินต้องเข้าพิธีกับยัลซูผู้เผยแผ่ เปลี่ยนมาถือศาสนาอิสลาม เปลี่ยนลำดับความรักและความเคารพบ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 88

    “ต๊าย... ทีอย่างนี้ล่ะทำหวง คนอะไร้...”“ที่จริงลินเองก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ พี่ปุ๊กกี้ก็รู้ว่าตอนนี้ลิน...” ก้มลงมองหน้าท้องที่แทบจะยังไม่ขยายตัวให้เห็น มือของเธอก็ลูบคลำเบาๆ ไปด้วยอย่างรักใคร่ “ลินคงไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คุณชายพิษณุไม่ได้หรอกค่ะ อายเขาตายเลย...”“เออ จริงสิ... ตั้งแต่มีข่าวเรื่องน้องสาวฆ่าตัวตาย คุณชายพิษณุก็หายเงียบไปเลยนะ... เดี๋ยวนี้ไม่เห็นออกงานสังคมที่ไหนบ้างเลย...”“จริงด้วย แล้วคุณหญิงรัตน์ล่ะ ออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ไม่ได้ข่าวอีกเลยเหมือนกัน...” ใครคนหนึ่งถามขึ้น“เห็นพี่ชัยรัตน์บอกอยู่เหมือนกันว่าหนีไปรักษาสภาพจิตใจที่เมืองนอกนะ อยู่เมืองไทยก็คงอายคนนั่นแหละ...” หัวหน้าฝ่ายคอสตูมเป็นคนตอบ “แต่ครั้งนี้เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท คุณชายพิษณุต้องไปด้วยแน่ๆ อาจจะได้เจอคุณหญิงรัตน์ในงานด้วย ใครจะไปรู้...”“จะว่าไปที่ผ่านมาคุณชายพิษณุก็ไม่เคยมีข่าวคาวกับผู้หญิงซักคนนะ ดีไม่ดีจะเป็นเก้งเอาหรือเปล่ายะ” ปกรณ์ยกมือทาบอกกระดกปลายนิ้วก้อย รำพึงรำพันกับตัวเองในลำคอ “ผู้ชายอะไรหน้าว้านหวาน ถูกสเปกอีปุ๊กกี้สุดฤทธิ์... สาธุ... ไม่ใช่เก้งก็เป็นกวางทีเถอะ งานนี้แม่จะได้ลุ้นลับตับแตกกับเ

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 87

    สามเดือนต่อมา... หลังจากบรรดาผู้คนในวงการนางแบบต่างพากันช็อกกับข่าวอุบัติเหตุรถคว่ำของกัทลี... ชื่อของ เกรซ กัทลี อดีตนางแบบชื่อดังระดับประเทศก็ค่อยๆ เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครจดจำได้อีก...นับว่าโชคดีที่ครั้งนั้นหญิงสาวไม่ถึงกับเสียชีวิต เนื่องจากคนของโฮร์มุซช่วยนำเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ทว่าใบหน้าของอดีตนางแบบสาวก็ถูกแรงกระแทกทำให้เป็นบาดแผลฉกรรจ์จนถึงกับเสียโฉม ที่หนักที่สุดก็คือขาซึ่งหักทั้งสองข้าง แม้จะรักษาจนหายขาดแล้ว ก็ยังต้องเดินกะโผลกกะเผลกอย่างคนพิการไปตลอดชีวิตสภาพที่ต้องนอนมีผ้าพันแผลและเข้าเฝือกแทบทั้งตัวเป็นเวลานานนับเดือน ทำให้อรนลินและมารดารู้สึกเสียใจกับเธอ และตกลงใจที่จะอโหสิกรรมให้ ไม่ดำเนินคดีความหรือเอาเรื่องใดๆ อีกกลาร์มัวร์ ไดมอนด์ จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์คนไหม่ ถึงจะยังไม่ได้มีการทำสัญญาว่าจ้างกับกัทลีตั้งแต่ตอนที่วางตัวเธอเอาไว้ แต่หม่อมราชวงศ์พิษณุนเรศวร์ โขมพัสตร์ ก็ได้มอบเงินชดเชยจำนวนหนึ่งให้กับเธอเพื่อเป็นกีแสดงความเห็นใจ หากเงินหลักล้านและเงินเก็บอีกหลายแสนที่มีในบัญชีของหญิงสาว หลังจากการรักษาตัวแล้ว ก็มีอันต้องอันตรธานไปอย่างร

  • ทาสบำเรอสุลต่าน   บทที่ 86

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องพักผู้ป่วยพิเศษก็เปิดออก เนื่องจากปกรณ์และอินทิราที่ได้ยินเสียงโต้เถียงกันแว่วออกไปถึงด้านนอก รู้ว่าผู้ป่วยได้สติแล้วก็รีบเข้ามาขัดตาทัพเสียก่อน“ไอ้ลิน... ฟื้นแล้วหรือลูก...”“ยัยลิน... เจ๊กำลังเป็นห่วงเลยเชียว...”มองเห็นสีหน้าและน้ำตาของลูกสาว คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานานกว่าก็พอจะคาดเดาเรื่องระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้ได้หลายส่วน เธอจึงกระซิบให้ปกรณ์ทำหน้าที่ล่าม เชิญเจ้าชายหนุ่มออกไปสงบสติอารมณ์หน้าห้องก่อน ส่วนเธอเองก็เห็นทีจะต้องทำตัวเป็นท้าวมาลีวราชว่าความให้ทั้งคู่เสียแล้วมองลูกเขยโดยพฤตินัยเดินหงุดหงิดออกไปพร้อมกับรุ่นพี่ใจแหววของลูกสาวก็นึกเวทนา ความจริงอินทิราไม่อยากให้อรนลินไปพัวพันกับคนระดับนั้นหรอก แต่สายตาของเธอยังไม่ถึงกับฝ้าฟาง... ถ้าหากจะมีใครสักคนที่ดวงตามืดบอด ก็คงไม่แคล้วเป็นลูกสาวของเธอนั่นแหละ...“มีเรื่องอะไรกัน แกเล่าให้แม่ฟังซิ ไอ้ลิน...”“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่...” หญิงสาวไม่กล้าสู้สายตา“แกทำให้แม่เสียใจมากนะลิน... จนป่านนี้แล้วยังคิดจะปิดแม่อีกหรือไง... แกได้เสียกับเขาแล้ว แล้วตอนนี้แกก็ท้องลูกของเขาอยู่ใช่ไหม...” เสียง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status