คราแรกอันจิ้งหยางไม่ได้เข้ามาสนทนาอะไรกับนางให้มากความ เพียงแต่ให้คนมาปรับปรุงเรือนของนางแต่โดยด่วน ส่วนนางนั้นระหว่างรอให้เรือนได้รับการปรับปรุง ก็มาอาศัยอยู่ที่เรือนรับรองที่สภาพดีกว่าเรือนเก่าที่นางเคยพำนักอยู่มาก
ไม่คิดเลยว่าการที่นางเรียกร้องความสนใจจากอันจิ้งหยาง จะสามารถทำให้อันจิ้งหยางที่แต่เดิมก็ไม่กินเส้นกับเซียงถังซีอยู่แล้ว ทะเลาะกันอีกครั้งได้ อำนาจที่มีอยู่เต็มมือของเซียงถังซีถูกบุตรชายผู้เป็นผู้สืบทอดทำลายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
เพราะนางเป็นสตรี อันจิ้งหยางนั้นใส่ใจนักจึงเชิญหมอหญิงเข้ามารักษาดูแล นับเป็นครั้งแรกที่นางได้รับความปรานีจากคนในครอบครัว ที่นางไม่รู้ว่าจะสามารถเรียกว่าครอบครัวได้หรือไม่ มารดาที่นางไม่เคยเห็นหน้าจากไปตั้งแต่คลอดนาง บิดาที่นาน ๆ จะได้พบหน้ากันสักครั้งก็ไม่ได้รักใคร่เอ็นดู เขาจำชื่อนางได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้
ในชีวิตที่แล้ว นางไม่เคยได้รับการสั่งสอนอบรม จึงกลายเป็นสตรีที่มักจะทำเรื่องโง่เขลาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็มักจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนล้วนแล้วแต่ส่ายหน้าหนี แต่หลังจากถูกส่งตัวไปอยู่ในขบวนค้าทาส นางถูกสั่งสอนจากอดีตหญิงคณิกาโดยบังเอิญ แม้จะไม่รู้ว่าจะเรียนรู้เรื่องพวกนั้นไปทำไม แต่เพราะนางมีความหวัง หวังว่าสักวันจะได้กลับมาแก้แค้นเอาคืนคนพวกนี้ นางจึงตั้งใจเรียนรู้ แต่สุดท้ายในชีวิตที่แล้วนางก็ไม่มีโอกาสได้ทำตามความปรารถนา
ตอนที่นางกำลังจะหมดลมหายใจกลายเป็นว่าสวรรค์ให้โอกาสนางย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง
และสองแม่ลูกเซียงถังซีและอันรั่วหลันรวมถึงบิดาของนาง จะเป็นบุคคลกลุ่มแรกที่นางคิดกำจัด แล้วหลังจากนั้น ค่อยสืบสาวหาตัวการร่วมที่ทำให้นางไปตกระกำลำบากอยู่ในกระบวนค้าทาสพวกนั้นแทน รวมถึงบุรุษที่สวมหน้ากากหยก คนผู้นั้นโหดเหี้ยมอำมหิตนัก หลังจากทุกอย่างจบสิ้นแล้ว นางจะเก็บเงินให้มากพอแล้วหลีกหนีผู้คนทำลายโฉมของตนเอง ไปหาสถานที่อยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง
อันเนี่ยนฉีนั่งมองโฉมหน้าของตนเองผ่านกระจกทองเหลือง นอกจากปิ่นทองที่นางใช้แลกกับยาพิษนั่น ก็มีแต่ใบหน้าที่งดงามนี้ เป็นมรดกตกทอดของมารดาที่ส่งต่อให้แก่นาง นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้นางระลึกถึงมารดาของตนเองกระมัง เคยได้ยินกล่าวถึงว่า ใบหน้าของนางนั้นคล้ายมารดาอยู่หลายส่วน นางไม่รู้ว่าชาติกำเนิดของมารดาตนนั้นเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เคยได้ยินว่าเป็นนางคณิกาที่มีชื่อเสียง บิดาของนางเห็นแล้วก็ถูกใจ ยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อไถ่ตัวมารดาของนางออกมา น่าจะเป็นเช่นนั้นกระมังเลือนรางเหลือเกิน
ทุกอย่าง...ก็ดูจะผ่านพ้นไปด้วยดี มารดาของนางได้รับการโปรดปรานรักใคร่จากท่านอัครเสนาบดี จนเป็นที่อิจฉาของเหล่าภรรยาคนอื่น ๆ แต่กระนั้นเพราะรู้ตนว่าเป็นเพียงสตรีต่ำต้อย จึงไม่เคยคิดชูคอเหนือกว่าผู้ใด อาศัยอยู่เงียบ ๆ สงบเสงี่ยมในเรือนตามลำพัง กระทั่งนางตั้งครรภ์ ทุกคนล้วนแล้วแต่หวั่นเกรงว่านางจะคลอดลูกออกมาเป็นบุรุษ จึงคิดสรรหาสารพัดวิธีมากำจัดนางทิ้ง มารดาของนางพยายามปกป้องครรภ์ของตนเองอย่างถึงที่สุด แต่เพราะถูกคนลอบทำร้ายอยู่ตลอดเวลา เมื่อนางคลอดออกมา มารดาก็จากไป
พอพบว่าเป็นสตรีทุกคนจึงคลายความกังวล
อันจิ้งหยางแวะมาที่เรือนรับรองที่อันเนี่ยนฉีพักผ่อนอาศัยอยู่ เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าหาน้องสาวคนนี้ เขามีพี่น้องมากมาย แต่ไม่เคยรู้เลยว่าความเป็นอยู่ของนางย่ำแย่ถึงเพียงนั้น คงเป็นเพราะนางเป็นผู้เดียวที่ไม่มีมารดาคอยปกป้อง ผู้เป็นพี่ชายนั่งอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง ไม่ได้เข้ามาหานางใกล้ ๆ ทำแค่เพียงส่งเสียงคุยกันผ่านม่านกั้น อย่างไรนางก็เป็นสตรี แม้จะเป็นพี่น้องแต่ก็ไม่ควรใกล้ชิดกันจนเกินงาม
“น้องเก้า เป็นอย่างไรบ้าง” ผู้เป็นพี่ชายถามอย่างเป็นห่วง ในฐานะพี่ชาย อย่างไรในเวลานี้บิดาก็ไม่อยู่ รวมถึงเขายึดอำนาจการดูแลบ้านมาจากเซียงถังซี น้องสาวเพียงคนเดียวเขาปกป้องได้อยู่แล้ว
“ข้า...ยังรู้สึกเจ็บที่แผลอยู่เลยเจ้าค่ะ เมื่อครู่ท่านหมอใส่ยาให้แล้ว รวมถึงสอนหญิงรับใช้ให้ดูแลข้า” นางไม่โกหก เขาเป็นคนฉลาดโกหกแค่เพียงนิดเดียวเขาก็จะจับได้ ความทรงจำจากชีวิตที่แล้วสอนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาห้ามเสแสร้งเด็ดขาด
“งั้นก็ดีแล้ว ข้าจะให้คนของข้ามาดูแลเจ้า แล้วก็ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เซียงถังซีจะมายุ่งวุ่นวายกับเจ้า อย่างน้อยในระหว่างที่ข้ายังอยู่ที่นี่นางก็จะไม่มาวุ่นวายกับเจ้าแล้ว”
พี่ชายของนางกล้าเรียกชื่อของอีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ นับว่าการเจ็บตัวครั้งนี้ทำให้หลายเรื่องรุดหน้าเกินไปมาก
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว แต่ว่าข้าไม่ต้องการให้มีสาวใช้ คงเป็นเพราะที่ผ่านมาข้าใช้ชีวิตตามลำพังผู้เดียวมาโดยตลอด จึงรู้สึกไม่ค่อยชินนัก” เรื่องไม่ชินคือความจริง ส่วนอีกเรื่องหากมีนางกำนัลของอันจิ้งหยางเดินไปเดินมาใกล้ ๆ ตัวนาง แผนการที่จะออกไปพบเขา เพื่อคลายความทรมานให้แก่หนานกงหว่านเฉียนมิล่มหรอกหรือ ไหนจะเรื่องที่นางนัดหมายเขาในอีกสามวันอีก
ผู้เป็นพี่ชายขมวดคิ้ว
“ได้อย่างไรกัน อย่างไรเจ้าก็เป็นคุณหนูจวนอัครเสนาบดี คนเดียวยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ อีกสักพักข้าจะขอองครักษ์ฝีมือดีมาจากกรมอาญาคอยดูแลเจ้าอีกด้วย”
“ท่านพี่ ข้า...” นางกำลังจะอ้าปากคัดค้าน แต่พี่ชายของนางกลับโบกไม้โบกมือ
“ไม่ชินก็ต้องทำตัวให้ชิน เจ้าอายุเท่าไหร่กันแล้ว ถ้า...ไม่พอใจพวกนาง หลังจากนางปรนนิบัติเจ้าแล้วก็แค่ไล่ออกไปให้ไกลตาก็พอ เนี่ยนเนี่ยน อีกสักพักข้าต้องกลับไปที่เมืองซูโจวแล้ว เมื่อข้าไม่อยู่อย่างน้อยเจ้าเองก็ต้องมีขุมกำลังเอาไว้ปกป้องและเป็นมือเป็นเท้าให้กับตน”
คำพูดของอันจิ้งหยางทำให้นางฉุกคิดขึ้นมาได้ ถ้ามีคนของเขาอยู่ข้างตัวนางคอยสอดส่องเป็นหูเป็นตายามที่พี่ชายของนางไม่อยู่ ก็จะเป็นเกราะกำบังที่ทำให้นางปลอดภัย
“ท่านพี่ พวกเขาจะรายงานความเคลื่อนไหวของข้าให้ท่านรับรู้หรือไม่”
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เขาทึ่งในความคิดของน้องสาวคนที่เก้าผู้นี้
“แล้วแต่เจ้า ข้าจะไม่บังคับ เมื่อข้ายกคนของข้าให้เจ้าแล้ว เขาย่อมเป็นคนของเจ้า”
“งั้น...ข้าจะให้พวกเขาคอยรายงานเรื่องระหว่างข้าและ.....ฮูหยินใหญ่” คำพูดของนางนั้นจะสื่อว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องจะบอกเล่าให้เขารับรู้แค่เพียงบางเรื่องเท่านั้น
“ข้าไปล่ะ อยู่นานแล้ว” เงาร่างเล็ก ๆ ขยับตัวเคลื่อนไหวอยู่หลังม่านกั้น เขาชอบคนที่ไม่พูดจาโกหกมีสิ่งใดก็พูดออกมาตามตรง เกลียดนิสัยเสแสร้งแกล้งทำ อย่างที่อันรั่วหลันเป็น “แล้วก็...หากเจ้าไม่อยากเรียกนางว่าฮูหยินใหญ่ ก็เรียกชื่อของนางก็ได้ คนเช่นนั้นไม่จำเป็นต้องนับถือ”
กล่าวจบผู้เป็นพี่ชายก็สะบัดชายเสื้อเดินหายลับไปออกไปจากเรือนรับรอง
หนานกงหว่านเฉียนถอดเสื้อผ้าของตนออก หูพลันได้ยินเสียงนางสะอึกสะอื้นเบา ๆ จึงก้มลงฟังให้ชัด ๆ ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นอันเนี่ยนฉี เห็นหน้าเขาก็ปาดน้ำตาป้อย ผินหน้าไปทางอื่น คนชั่วช้าทำให้นางอับอาย นางเกลียดนัก“คุณหนูเก้า เจ้าเป็นอะไร” เขาเชยคางนางกลับมา จุมพิตแก้มนุ่มของนางเบา ๆ“...” นางเบะปากไม่พูดสิ่งใด เขาทำเหมือนกับเมื่อครู่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ทั้งที่ทำให้นางอับอายงั้นหรือ“อ้อ...นึกออกแล้ว เจ้าไม่ได้ทำเรื่องสกปรกหรอกนะ มันคือ...ธรรมชาติของร่างกายสตรีต่างหาก” หนานกงหว่านเฉียนจูบซับน้ำตา “ครั้งแรกที่เจ้ากับข้ามีสัมพันธ์กันเจ้าก็ทำเรื่องเช่นนี้มาแล้ว”อันเนี่ยนฉีอ้าปากค้าง หัวสมองเล็ก ๆ ของนางตื้อไปหมด หมายความว่ายังไงกัน อันที่จริง ประสบการณ์ที่นางมีในครั้งก่อน...มัน...ไม่น่าอภิรมย์เท่าใดนัก นางถูกวางยากระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความคิดของนางในเวลานั้นได้แต่ภาวนาให้ผ่านเรื่องเลวร้ายไปเสียที และไม่คิดจะจดจำประสบการณ์พวกนั้นเสี
เมื่อครบสามวัน ตั้งใจทดสอบอาการดูสักหน่อย ก็พบว่าร่างกายของหนานกงหว่านเฉียนก็มีอาการแปลกไปอย่างที่นางว่าเอาไว้จริง ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดเพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างเชื่องช้า แม้จะใช้พลังปราณในการสกัดกั้นเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล เห็นทีว่าถ้าหากไม่ได้สนองก็คงจะทรมานอยู่เช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นี่แค่เพียงขั้นต้น ก็แย่แล้ว แล้วนางล่ะ เป็นเพียงสตรีธรรมดาเท่านั้น มีหรือจะทนความเจ็บปวดนี้ได้รั้งรออยู่จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินค่อนไปจนเกือบดึก หนานกงหว่านเฉียนจึงลักลอบไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที หน้าต่างห้องนอนของนางไม่ได้ลงกลอนเอาไว้ เขาเปิดเข้าไปอย่างง่ายดาย มุ่งตรงไปที่เตียงนอนที่อยู่ด้านในสุด อย่างเชื่องช้าและคิดไม่ถึงว่านางจะรอเขาอยู่แล้ว“ท่านมาแล้ว” น้ำเสียงของอันเนี่ยนฉีสั่นเครือเจือความออดอ้อน ร่างเล็กหย่อนขาลงข้างเตียง“ไปกันเถอะ” เขาส่งมือให้แก่นาง แต่นางทำหน้าเศร้าไม่ยอมสบตา ซ้ำยังไม่ส่งมือออกมา ทำเอาเขาประหลาดใจ “คุณหนูเก้าหรือท่านจะเปลี่ยนใจ”&ldqu
แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปราวกับผีเสื้อขยับปีก แต่ก็ไม่อาจจะเปลี่ยนเรื่องที่นางถูกลงโทษได้ เมื่อการลงทัณฑ์ของนางจบสิ้น อันรั่วหลันได้รู้สึกว่าตนเองระบายอารมณ์แล้วก็หมุนตัวเดินจากไป บ่าวรับใช้ที่เป็นคนของพี่ชาย ก็อยู่ในสภาพไม่แตกต่างจากผู้เป็นนาย แต่กระนั้นก็ยังประคองตนเองมาอยู่เคียงข้างคุณหนูเก้าพวกนางได้รับการสั่งสอนมาจากในวังหลวง ให้รู้จักขนบธรรมเนียมอันดีงาม ตอนแรกที่ได้ยินว่าจะได้ออกมาดูแลคุณหนูจวนเสนาบดี ก็ยังคิดว่าสบายแล้ว เพราะเรื่องความเคร่งครัดอาจจะด้อยไปกว่าตอนอยู่ในวังหลวง แต่ก็มีบางเรื่องที่พวกนางคิดไม่ถึงคุณหนูเก้าผู้นี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก มือของสตรี ร่างกายของสตรี ยิ่งเป็นชนชั้นสูงจะให้มีบาดแผลได้อย่างไรกัน แม้จะใช้เวลาร่วมกันไม่นาน แต่พวกนางก็ผูกใจเอาไว้กับเจ้านายคนใหม่ผู้นี้แล้ว“คุณหนู” พวกนางประคองเจ้านายของตนให้กลับขึ้นไปบนที่นอน“พวกเขากระทำเช่นนี้กับคุณหนูตลอดเลยหรือเจ้าคะ”อันเนี่ยนฉีพยักหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนิ่งเฉยคาดเดาไม่ได้ว่านางกำลังค
พอหลุดออกมาจากอ้อมแขนของหนานกงหว่านเฉียนนางก็กระโดดถอยออกมาไกล ๆ ครั้นมั่นใจว่าปลอดภัยจึงรู้สึกโล่งใจ ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามือที่ปกติใช้จับดาบฆ่าฟันศัตรู จะซุกซนไม่เข้าเรื่องเช่นนั้น นางส่งสายตาค้อนขวับให้เขาหนึ่งที แล้วไอ้การทำหน้าตาชั่วร้าย แถมยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกจะให้นางคิดอย่างไรกันอีกสามวัน กว่าจะถึงวันนั้นเขาอาจจะขาดใจตายไปแล้วก็ได้ ในตอนแรกออกจะรังเกียจนางอยู่สักหน่อย แต่เมื่อพบว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกของเขาและนาง อีกทั้งนางทำไปก็เพราะถูกพิษที่ตอนนี้ยังหาตัวผู้กระทำไม่ได้ อันเนี่ยนฉีเองก็นับว่าเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ ยาพิษหนอนไหมคู่รักอะไรนั่นเขาเองก็เพิ่งจะเคยเห็นกับตาของตนเองและรับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งสิ่งนั้น ให้คนของเขาที่อยู่ในสำนักตรวจการตรวจสอบแล้วอีกไม่นานก็คงได้รู้“แล้วถ้าเกิดถึงวันนั้นแล้ว เราจะพบกันที่ไหน”นางเองก็คิดไม่ตก “ที่จวนท่านดีหรือไม่ ที่นั่นน่าจะปลอดภัยที่สุด” นางตอบซื่อ ๆ เพราะคิดไม่ออกว่าเรื่องแบบนั้นอยู่ที่ใ
นางไม่รู้ว่าพี่ชายของนางไปเจรจาสิ่งใดกับหนานกงหว่านเฉียน แต่เมื่อพบว่าตนกลับมาอยู่ที่จวนอัครเสนาบดีได้อย่างราบรื่นปลอดภัย ก็เลยคิดเอาเองว่าสุดท้ายแล้วก็คงตกลงกันด้วยดีกระมัง รักษาตัวอยู่เป็นสัปดาห์ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ครบกำหนดสิบสี่วัน แม้จะเคยร่วมสัมพันธ์กับเขามาครั้งหนึ่งแล้วแต่นางก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดีหลังจากอาการไข้ของนางดีขึ้น อันเนี่ยนฉีจึงหมั่นออกมาเดินเล่นในสวน สวนที่แต่ก่อนนางไม่มีสิทธิ์ออกมาเดินเตร็ดเตร่โดยเด็ดขาด คิดไม่ถึงว่าการขอร้องอันจิ้งหยางแค่เพียงครั้งเดียว จะสามารถพลิกชีวิตของนางได้ถึงเพียงนี้ ถ้าหากเมื่อชีวิตที่แล้ว นางกล้าอ้อนวอนเขา ชีวิตก็คง...ไม่ลำบากถึงขั้นนั้นอีกไม่กี่วันก็จะครบกำหนดสิบสี่วันอย่างตามที่นางบอกเอาไว้ตั้งแต่ครานั้น ข่าวจากจวนอัครเสนาบดีก็ไม่มีส่งมาที่เขา ด้วยความกังวลใจ จึงเกิดความคิดอะไรดี ๆ ก็ในเมื่อพี่ชายของนางเป็นคนพูดเอาเองว่าในเวลาปกติสามารถไปพบนางได้ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ไม่รอช้ามุ่งหน้าไปที่จวนอัครเสนาบดีในทันที
เสียงคนกลุ่มหนึ่งเดินป้วนเปี้ยนอยู่นอกห้อง เดาจากฝีเท้าผู้หนึ่งเป็นผู้ไม่เป็นยุทธ์ ส่วนคนข้าง ๆ กันเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง คงเป็นคุณชายใหญ่พี่ชายของนางกระมัง เมื่อห่มผ้าให้นางเรียบร้อยแล้ว เขาจึงโผล่หน้าออกไปนอกห้องเมื่อออกมานอกห้องก็พบกับบุรุษสวมชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาสะอาดสะอ้าน มีบางส่วนคล้ายคลึงกับสตรีที่นอนอยู่ในห้อง บางมุมก็คล้ายกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ดวงตาล้ำลึก เป็นผู้มีความรู้ ดูก็รู้ว่าต้องเป็นคุณชายใหญ่อัน ที่อันเนี่ยนฉีขอร้องให้เขาไปตามตัวสายตาของคุณชายใหญ่อันผู้นี้ชัดเจนว่ากำลังสงสัยเรื่องของและผู้เป็นน้องสาว ส่วนข้าง ๆ กันเป็นองครักษ์ผู้หนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ถือกระบี่เคียงข้างเขา ใบหน้านิ่งเฉย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใดผิดกับผู้เป็นเจ้านาย ที่ร้อนรนจนแสดงอาการวิตกกังวล“ด้านในมีเพียงท่านกับนางงั้นหรือ” อันจิ้งหยางยืนรอสักพัก รอว่าอาจจะมีหญิงรับใช้หรือใครอื่นนอกจากเขาเดินตามออกมา“ช่างเป็นคำทักทายที่แปลกใหม่ดีจริง ๆ คุณชายใหญ่” เดาจากท่าทางร้อนรนคงเป