ผู้เอ่ยถามสวมชุดสีดำชั้นดีพร้อมกับปักลายอย่างวิจิตรบนชุดแม้ว่าในความมืดจะเห็นได้ไม่ชัดแต่ฟังเพียงแค่เสียงก็พอจะทราบว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ต้องหน้าตาดีเป็นแน่
“ท่านอ๋องหรือว่านาง…จะเป็นคนของ "ที่นั่น" พ่ะย่ะค่ะ"
“มีคนติดต่อมาแล้วงั้นหรือ”
“กระหม่อมยังไม่ได้รับข่าวเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
“ตามนางไป หากว่าไม่ใช่….เช่นนั้นตอนนี้นางก็กำลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
พวกเขาตามนางไปเงียบ ๆ วันนี้ “เซียวฟู่เฉิน” มิได้นำทหารมามากมายนักเพราะเขาเพียงแค่ออกมาตรวจดูสถานที่เกิดเหตุเท่านั้น คนร้ายพึ่งฆ่าคนไปเมื่อสองวันก่อนในเขตปกครองของเขาดังนั้นเขาจึงปล่อยมันเอาไว้ไม่ได้
“คนสวย…กระดิ่งข้อเท้าเจ้าเสียงเพราะยิ่งนัก”
เสียงฝีเท้านางเดินผ่านไปยังตรอกมืดสนิทเพื่อล่อให้ผู้พูดที่ส่งเสียงแหบพร่านั้นตามนางเข้ามา อันเฟยได้ กลิ่นขอยาสูบตามที่เบาะแสเคยบอกเอาไว้ คนร้ายมักจะชอบเดินตามเหยื่อจนถึงที่ลับตาคนแล้วค่อยลงมือ หรือไม่มันก็จะลักพาตัวพวกนางไปยังที่ที่ปลอดคนและลงมือ
“ตามมาสิไอ้คนชั่ว อีกนิดน่า…อย่ากลัว”
อันเฟยเดินเข้าไปยังตรอกมืดสนิท ท่านอ๋องเซียวยังคงลอบตามนางจากด้านบนหลังคาเพื่อมองดูสถานการณ์พร้อมกับใช้มือเป็นสัญญาณสั่งให้ทหารที่เหลือล้อมบริเวณนี้เอาไว้ทั้งหมดโดยไร้สุ้มเสียง
“คนสวย….ตัวเจ้าช่างหอมน่ากินยิ่งนัก”
“คนสวยงั้นหรือ….คนสวยแม่เจ้าน่ะสิ!!”
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ!! นาง….”
“เงียบก่อน รอดูไปก่อน”
อันเฟยหันมาพร้อมกับหันไปเตะเข้าที่ปลายคางของผู้ที่ตามนางมา มันมีวรยุทธ์แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่านาง และอาการเมายาของมันทำให้มันสู้อันเฟยไม่ได้เลยเมื่อนางเตะเข้าไปอีกสองครั้งคนร้ายก็หมอบลง
“หึ แค่นี้เองน่ะหรือ กระจอกโดยแท้”
“แม่นางระวัง!!”
เสียงเตือนดังมาจากด้านบนทำให้อันเฟยหันไปมอง คนร้ายพ่นยาบางอย่างออกมาแต่อันเฟยหันมาได้ทัน นางจึงถอดเสื้อตัวนอกสีแดงออกเพื่อคลุมหน้ามันเอาไว้ให้ยาที่มันพ่นคืนกลับใส่เจ้าของพร้อมกับใช้ดาบฟันไปที่แขนข้างขวา ท่านอ๋องเซียวและองครักษ์ที่เหลือวิ่งมาล้อมคนร้ายได้สำเร็จ อันเฟยทั้งถีบและเตะคนร้ายผู้นั้นไม่ยั้งด้วยความโกรธจนมันสลบไปพร้อมกับเสื้อสีแดงที่นางใช้คลุมหน้าเอาไว้ มือหนาของบุรุษหนุ่มดึงนางออกมาทั้ง ๆ ที่นางสวมชุดน้อยชิน
“แม่นางพอเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางการต่อ”
“ไอ้สารเลวนั่น สมควรตาย!!”
“เขาจะได้รับโทษประหาร ต่อหน้าครอบครัวของเหยื่อ มันจะได้เหมาะสมกับความผิดที่มันทำ ญาติของเหยื่อ…เอ่อ…”
“ข้าอยากจะฆ่ามันนัก”
ท่านอ๋องดึงชุดคลุมของเขาออกมาและหันเอามาคลุมให้นางเพราะตอนนี้เสื้อด้านในของนางเหลือเพียงชุดบาง ๆ แบบเกาะอกเท่านั้น แม้ว่าจะเคยเห็นสตรีมานักต่อนักแต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องใจเต้นแรงกับสตรีที่พึ่งเคยพบกันในสถานการณ์เช่นนี้….
“นี่คือ…”
“เจ้าคลุมไว้เถอะ แม้ว่าจะไม่หนาวแล้วแต่ว่าชุดของเจ้าไม่เหมาะที่จะเดินออกไปจากที่นี่”
“ขอบคุณ พวกท่านคือคนของทางการสินะ”
“ใช่แล้วเจ้า…มาจาก…เอ่อ…”
“ใบหลิวลู่ลม….หากท่านรู้ก็ไปที่นั่นข้าขอตัวก่อน”
“เดี๋ยว!!….”
นางวิ่งไปแล้วพร้อมกับไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ เป็นที่แน่ชัดว่านางมีวรยุทธ์สูงมาก บางทีอาจจะเทียบเท่าเขาเลยก็ได้ คนร้ายที่ติดตามจับมานานกว่าสองเดือนถูกจับโดยง่ายเพราะนาง แต่เพราะเขาไม่อยากใช้สตรีเป็นตัวล่อและไม่อยากให้ผู้ใดมาเดือดร้อนจึงได้จับคนร้ายไม่ได้เสียที
แต่ไม่นานมานี้เขาได้จ้างวานไปยังหอต้าหรงเพื่อจัดหาสตรีมาทำงานร่วมกับเขาแต่เกือบเดือนก็ยังไม่มีการติดต่อมาเขาจึงได้แต่สืบจนพบหลายเบาะแสและให้กงหลี่นำไปรวมเอาไว้เผื่อจะมีคนรับทำงานนี้ นึกไม่ถึงว่านางปรากฏตัวเพียงครึ่งชั่วยามก็จบคดีนี้ไปได้อย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ จับคนร้ายได้แล้วมันมีแผลเป็นตรงกับที่พยานหลายคนพบเห็นไม่ผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งมันไปที่คุกควบคุมตัวเอาไว้ก่อน เจ้าไปที่หอต้าหรงกับข้า”
“เอ่อ เหตุใดต้องเร่งด่วนเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“ตามมาเงียบ ๆ เถอะ”
หอต้าหรง
“ท่านอ๋อง เหตุใดเสด็จมายามดึกพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามาจ่ายเงินที่เหลือ”
“จะ…จ่ายเงินหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“คดีฆ่าสตรีต่อเนื่องเก้าศพ คนร้ายถูกจับแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ เชิญตามกระหม่อมมาทางนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ห้องบัญชี
“ถวายบังคมเซียวชินอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้า….นำเงินที่เหลือมาจ่าย”
ท่านอ๋องตรัสพลันหันไปมองเสื้อคลุมของเขาที่พึ่งจะสวมให้สตรีคนเมื่อครู่ นางมาที่นี่และเป็นคนของหอต้าหรงจริง ๆ เพียงแต่เขาจะพบนางอีกครั้งได้อย่างไรกัน
“ท่านอ๋องแต่ว่างานนี้กระหม่อมคิดว่า….”
“กงหลี่ นำเงินออกมาจ่ายให้เถ้าแก่….ครั้งนี้หากมิได้คนของท่านคดีคงไม่จบเร็วเช่นนี้ ขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือมาโดยตลอด หากว่าท่านจะปฏิเสธข้าคงต้องขอฟังเหตุผลหน่อยว่าเพราะเหตุใด”
“คือว่า….ผู้ที่ทำงานนี้นางบอกว่าไม่อยากรับค่าจ้างเพียงแค่อยากฆ่าคนร้ายที่สารเลวนั่นและนางไม่อยากให้มันไปก่อกรรมทำชั่วเช่นนี้กับผู้อื่นอีกจึงได้…ทำพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องมองไปยังชุดคลุมของเขาที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยพร้อมกับเหลือบตาไปด้านซ้ายมือแต่เขาก็มิได้เอ่ยอะไรออกมาอีกเพียงแต่ดึงผ้าคลุมนั้นกลับมาและนำถุงเงินวางบนโต๊ะ
“เถ้าแก่ เราทำงานร่วมกันมามากมายข้าพูดคำไหนคำนั้นหากว่าแม่นางผู้นั้นไม่รับ ท่าน…ก็รับเอาไว้แทนเถอะ ข้ายังมีงานอื่นที่จะให้พวกท่านทำไว้วันหลังจะแวะมา ขอตัว”
“นะ…น้อมส่งท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินออกไป ก่อนจะไปเขาหันไปมองทางทิศเดิมสักครู่พร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอก่อนจะเดินออกมาจากหอต้าหรง
“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เงินนั่นออกจะมากเกินไปหน่อยกระมังพ่ะย่ะค่ะ ที่ตกลงกันไว้เพียงแค่ห้าร้อยตำลึงแต่ว่าพระองค์…”
“แปดร้อยตำลึงแลกกับความสงบของราษฎรเฉินโจว ข้าว่าคุ้มแล้วก็….หึ”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง…แล้วก็อะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“น่าสนใจ”
“พระองค์หมายถึง….”
“กลับจวน”
กงหลี่ไม่เข้าใจที่ท่านอ๋องตรัสแม้แต่นิดเดียว เขาอาจจะโง่เขลาเกินไปแต่ก็นั่นแหละ ท่านอ๋องเป็นผู้ที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถเดาพระทัยได้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วต่างหาก
“ท่านอ๋องจะกลับไปที่จวนใดพ่ะย่ะค่ะ จวนในเมือง หรือว่าตำหนักในเขตวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปที่ที่ไม่มีพวกน่ารำคาญ”
“ท่านอ๋อง แต่ว่าพระสนมทั้งสอง…เป็นผู้ที่องค์รัชทายาทและฝ่าบาทประทานมาให้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ามิได้อยากแต่งงาน ต่อให้ประทานมาอีกสิบคนก็เป็นเพียงสตรี ข้าไม่นึกอยากแตะต้องพวกนาง”
“แต่ว่าหากเป็นเช่นนี้ พระองค์ก็ควรหาพระชายาสิพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทจะได้มิต้องทรงระแวงพระทัยพระองค์อีก”
ท่านอ๋องหยุดเดินก่อนจะขึ้นรถม้า กงหลี่พูดได้ถูกต้องแล้ว การที่จู่ ๆ ฝ่าบาทจะประทานพระสนมที่เขาไม่เคยต้องการมาคนแล้วคนเล่านั่นก็เพราะคิดว่าเขาเสียใจที่ถูกองค์รัชทายาทแย่งคนรักไปจึงได้ส่งทั้ง “สนมลี่ฟาง” ที่เป็นบุตรสาวท่านแม่ทัพ และสนม “ซูหลิง” บุตรขุนนางกรมคลังมาให้เขาถึงตำหนักโดยที่เขาไม่เคยต้องการพวกนาง
“เจ้าพูดถูก ข้าควรจะหาพระชายาสักคนฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องประทานผู้ใดเข้าจวนข้าให้น่ารำคาญอีก”
สำรับถูกยกมาโดยสนมลี่ เมื่อเดินมาถึงห้องท่านอ๋อง นางจึงเคาะประตูและเปิดเข้าไปทันที นางเห็นท่านอ๋องและอันเฟยนั่งแทบจะศีรษะชนกันที่โต๊ะบัญชีอยู่แล้ว ท่านอ๋องเองก็ตกใจเมื่อหันมาเห็นว่าผู้ใดคือคนที่ยกสำรับมาให้“พวกเจ้าเข้ามาได้เช่นไรผู้ใดสั่งให้เข้ามา”“ท่านอ๋อง หม่อมฉันยกสำรับมาให้”“เอาวางไว้และรีบออกไปเดี๋ยวนี้”“ท่านอ๋องเพคะ เดิมทีหน้าที่นี้หม่อมฉันเป็นผู้ทำแต่เหตุใดต้องตะคอกหม่อมฉันเช่นนี้ด้วยเพคะ”“ข้าบอกให้ออกไป หากยังถามวุ่นวายอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจเจ้า....สนมลี่”“หม่อมฉันเพียงไม่เข้าใจ นางมาเพียงวันเดียวแต่เหตุใด….”“เจ้าจะออกไปดี ๆ หรือว่าจะให้ข้าให้ทหารลากตัวเจ้าออกไป”“ท่านอ๋อง!!”“ออกไป!!”ลี่ฟางหันไปมองอันเฟยที่ไม่ได้มองนางเลยแม้แต่น้อยเพราะนางมัวแต่ก้มมองดูสมุดบัญชีที่เหลือ นางไม่ได้ฟังที่พวกเขาถกเถียงกันด้วยซ้ำและก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อจนลี่ฟางเดินออกไป ท่านอ๋องจึงได้เดินไปสั่งให้ทหารห้ามสนมคนใดหรือสาวใช้เดินมาหากเขาไม่ได้เรียก“อันเฟย เจ้ามากินข้าวก่อนเถอะ”ไม่มีเสียงนางที่ตอบกลับมาเขาจึงเดินไปที่โต๊ะอีกครั้งพบว่านางกำลังนั่งตรวจบัญชีอย่างตั้งใจ กองสมุดบัญชีย้อนหลังส
กงหลี่นั้นแม้จะจะรู้สึกแปลกใจกับพระทัยที่แปลก ๆ ของท่านอ๋องแต่เขาก็ทำตามคำสั่งในทันที ไม่นานกองสมุดบัญชีของที่จวนก็ถูกนำมาวางข้าง ๆ โต๊ะหนังสือของท่านอ๋อง อันเฟยเริ่มขยับตัว นางตื่นขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองท่านอ๋องที่ทำหน้าตึงอยู่ที่โต๊ะหนังสือของเขา“ตื่นแล้วงั้นหรือ”“หม่อมฉัน…หลับไปนานหรือไม่เพคะ”“ชั่วยามกว่าเห็นจะได้”“นานจริงด้วย”“มานั่งนี่สิ นี่คืองานที่เจ้าต้องทำตอนที่อยู่ที่จวน”อันเฟยหันไปมองกองสมุดบัญชีที่กองเกือบพ้นศีรษะของนางเมื่อไปนั่งที่โต๊ะที่ถูกจัดมาวางข้าง ๆ เขาอย่างตกใจ นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะโหดขนาดนี้ “ทำเป็นใจดีให้นอนพัก แต่ตื่นมาก็ทรมานข้าทันทีเลยเหรอนี่ กลัวทำงานไม่คุ้มค่าจ้างหรืออย่างไรกัน”“เจ้าบ่นอะไร”เปล่าเพคะ นี่คืออะไรเพคะ"“สมุดบัญชีของจวน มีทั้งรายรับรายจ่ายและบัญชีรายชื่อของบ่าวไพร่และสาวใช้ในจวนรายละเอียดเกี่ยวกับจวนทั้งเรือนหน้าและเรือนหลัง เจ้าต้องดูแลทั้งหมด”“วะ…ว่าอย่างไรนะเพคะเหตุใดรวดเร็วถึงเพียงนี้ แล้ว…หม่อมฉันคนเดียว....”“ใช่ เจ้าทำเพียงคนเดียว หากมีคำถามก็มาถามข้า วันนี้ดูคร่าว ๆ ไปก่อน นอนมานานแล้วนี่น่าจะทำงานได้แล้ว”“แต่นี่ห้องบรรทมนะเพ
“ท่านอ๋อง พระองค์ไม่ทำตามข้อตกลง”“เจ้าเป็นผู้แหกกฎก่อนจะโทษผู้ใดได้เล่า ถึงแล้ว”“ปล่อยสิเพคะ”“ไม่ได้ ยังไม่ได้ปิดประตู”“เช่นนั้น…”“ข้าเปิดแล้ว เจ้าปิดสิ”อันเฟยหันไปปิดประตู สายตานางพลันมองไปด้านนอกเห็นว่าเหล่าบ่าวไพร่และสาวใช้หลายคนมองมาที่นางที่กำลังปิดประตูอยู่ทำเอารู้สึกอายมากเช่นกัน นางเริ่มเข้าใจที่เขาบอกแล้ว เช่นนี้นางคงใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นแล้วล่ะเพราะสายตาในจวนดุจสับปะรดเช่นนี้คงต้องเล่นละครไปตลอดเป็นแน่ แล้วหัวใจนางจะหวั่นไหวและใจเต้นแรงเช่นนี้ตลอดไป เป็นเช่นนี้นางต้องแย่แน่ ๆ“แย่แน่ ๆ ข้าต้องตายแน่ ๆ”“อะไรอีกล่ะ เจ้าบ่นอะไรได้ตลอด”“เปล่าเพคะ ปิดประตูแล้ว ปล่อยลงได้แล้วเพคะ”เขาเดินไปที่เตียงและปล่อยนางลงอย่างนิ่มนวล แม้รู้ว่านางมิได้เป็นอะไรก็ตามแต่เขาก็ไม่อยากให้นางรู้สึกแย่ วันนี้เขารู้สึกอารมณ์ดีมากพอแล้ว“พระองค์….แย้มพระสรวลงั้นหรือเพคะ”ท่านอ๋องรีบหุบยิ้มทันที เขาไม่เคยทำเช่นนี้มานานแล้ว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าหมิงอันเฟยจะเป็นคนเช่นนี้ เห็นอะไรก็ทักออกมาโพล่ง ๆ เช่นนี้เลยเขาคงต้องระวังตัวให้มากกว่านี้แล้ว“เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะข้าจะต้องนั่งในนี้อีกสักพัก”“เพราะเหตุใดเ
ลี่ฟางในชุดสีแดงเพลิง แต่งแต้มใบหน้าด้วยสีแดงเช่นเดียวกับชุดที่นางสวมใส่พร้อมกับสายตาที่มองมาที่อันเฟยอย่างวิเคราะห์ก่อนจะเอ่ยออกมา“ท่านอ๋องเพคะ แต่ในยามนี้นางเป็นเพียงแค่สตรีธรรมดา หาได้ใช่พระชายาไม่ หม่อมฉันเป็นถึงบุตรแม่ทัพคงไม่มีความจำเป็นจะต้อง…ถวายความเคารพนาง”“หม่อมฉันก็ด้วยเพคะ”“นางเป็นบุตรของแม่ทัพหลวงอันดับหนึ่งของฉินโจว แม่ทัพฮ่าวตู อย่าว่าแต่บิดาของพวกเจ้าจะต้องให้ความเคารพแม่ทัพฮ่าวตูแม้แต่เสด็จพ่อก็ยังเกรงพระทัย เช่นนี้แล้ว เจ้ายังกล้าลบหลู่นางต่อหน้าข้าอีกงั้นหรือ!!”ลี่ฟางและซูหลิงรีบคุกเข่าลงในทันทีเมื่อสิ้นเสียงของท่านอ๋องที่แฝงออกมาด้วยความโกรธ พวกนางยังจำรสชาติของการถูกโบยได้กว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาก็หลายวันดังนั้นจึงไม่กล้าจะถกเถียงกับท่านอ๋อง“หม่อมฉัน…เพียงแค่รู้สึกว่านางยังไม่ควร…”“ควรหรือไม่อยู่ที่ข้าตัดสิน หากไม่เคารพนางก็เท่ากับไม่เคารพข้าเช่นกัน”"ช่างเถิดเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันเองก็พึ่งมาพวกเจ้าก็ลุกขึ้นเถอะอย่ามากพิธีเลยอันเฟยเดินเข้าไปพยุงลี่ฟางที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าแต่นางกลับกระซิบคำบางอย่างออกมา “อย่าแตะต้องข้านังจิ้งจอก ข้าไม่มีวันยอมแพ้เจ้า”อันเฟยไม่ค
“พวกนางก็ส่วนพวกนาง หม่อมฉันก็คือหม่อมฉันสิเพคะ บอกว่าไม่ได้คิดอะไรก็คือไม่คิดเหตุใดพระองค์พูดไม่รู้เรื่องเพคะ”“นี่เจ้ากล้าด่าข้างั้นหรือ หาว่าข้าพูดไม่รู้เรื่อง”“มิใช่หรือเพคะ พระองค์ต้องแยกแยะก่อนที่จะมีคนจับได้นะเพคะ มีอย่างที่ไหนไม่ชอบท่าทางที่พี่น้องแสดงออกต่อกัน นี่มันออกจะเกินไปนะเพคะ”“ข้า!!….”“หม่อมฉันเดินมาส่งพระองค์แล้ว กลับได้หรือยังเพคะ”“ข้า….เจ้า มือเจ้าเจ็บหรือไม่”“ไม่เท่าไหร่เพคะ ยังดีที่ไม่ถูกกำไลนี่บาด สวมพวกนี้แล้วน่ารำคาญชะมัดเลย”“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะดึงแขนของเจ้าแรงขนาดนั้น ข้าขอโทษ”สายตาเขาอ่อนโยนลงนิดหน่อยเมื่อเอ่ยคำขอโทษออกมา อันเฟยหันไปมองเขาพลันต้องเบี่ยงหน้าหนีในทันทีเพราะสายตาที่เขามองมาทำเอานางรู้สึกแปลก ๆ ราวกับจะมองทะลุเข้ามาในใจนาง อันเฟยพึ่งเคยรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเช่นนี้เป็นครั้งแรก นางเองก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้คืออะไรเช่นกันแต่มันอันตรายมากจริง ๆ และมักจะเป็นเวลาที่ท่านอ๋องผู้นี้เข้ามาใกล้นาง“พรุ่งนี้สาย ๆ ข้าจะมารับเจ้าไปที่จวน รอข้าอยู่นี่”“เพคะ หม่อมฉันทราบแล้ว”“เจ้าเข้าจวนไปเถอะ”“เพคะ กลับดี ๆ นะเพคะ”“อืม”แม้ว่าสายตานั้นจะอ่อนโยนลง
อันเฟยตกใจจนตั้งตัวไม่อยู่ นางเผลอตะโกนถามเขาอย่างไม่พอใจ เรื่องนี้ควรต้องแจ้งนางล่วงหน้ามิใช่หรือเหตุใดเขาจึงบอกกะทันหันเช่นนี้กัน“เหตุใดจึง….”“ข้าตัดสินใจแล้ว เปลี่ยนแผนนิดหน่อย เสด็จพ่อประทานหนังสือหมั้นหมายมาแล้ว เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่จวนนี้ ไปอยู่ที่จวนข้าได้แล้ว”“แต่ว่า พิธีสมรสมิได้จะมีขึ้นในขั้นต่อไปงั้นหรือ เหตุใด….”“ข้าบอกให้ไปก็ไป เจ้าตกลงแล้วว่าจะทำตามเงื่อนไข”“หม่อมฉันไปตกลงเมื่อใดกัน”“ป้ายหยก”“ท่านอ๋อง!!”นางโกรธจนถึงที่สุดเพราะไม่นึกว่าเขาจะมาเร่งนางเช่นนี้ ท่านอ๋องเองก็พึ่งตัดสินใจเมื่อครู่นี้เองที่นางตกลงมาสู่อ้อมกอดของฮั่วเทียนอี้ เขารู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลก ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเขารู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจแต่ไม่มีเหตุผลอะไรเพราะที่เทียนอี้ทำไปก็เพราะช่วยนางเท่านั้น แต่เขาแอบเห็นสายตาของแม่ทัพหนุ่มซึ่งดูแล้วไม่น่าจะคิดกับว่าที่พระชายาของเขาเพียงน้องสาว “ฝากปลาย่างไว้กับแมว ไม่ปลอดภัยแน่”“อะไรนะเพคะ”“ข้า…คือว่าวันนี้มีโองการออกมาแล้วให้อีกหนึ่งเดือนนับจากนี้จะเป็นพิธีแต่งงานแต่ก่อนหน้านี้ ข้า…จำเป็นต้องพาเจ้าไปพักอยู่ที่จวนก่อนเนื่องจากว่า…มีบางคนเริ