เนื่องด้วยเธอไม่อยากเห็นหน้าเจ้าของไร่ นาราเลยตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อไปสวน ใช่ ต่อไปนี้เธอจะไม่นอนที่ห้องเขาอีกแล้ว แต่เธอจะกลับมาพักที่ห้องตนตามเดิมและจะไม่สนใจสิงหราชอีก เธอจะรีบดูแลต้นไม้เพื่อใช้หนี้ จะไม่สนเขาแม้แต่นิดเดียว อย่าได้หวังจะได้แตะตัวเธอ!
“แกงปลาซ่อนค่ะ” ในตอนนี้สิงหราชออกมาจากห้องเจ็ดโมงเช้า ความจริงเขาเข้ามาแค่อาบน้ำ เพราะนาราล็อกประตูไม่ให้เข้าไป น่าอนาถ ถ้าใครมารู้ว่าคนอย่างนายหัวสิงเข้าห้องตัวเองไม่ได้ ทุกคนคงต่อแถวหัวเราะเขา
“ขอบคุณครับ ป้านงทำเองเหรอ” มือหนาขยับถ้วยมาตรงหน้าตน กลิ่นน้ำแกงหอมน่ากิน สิงหราชจับช้อนทว่าต้องหยุดชะงักค้างไว้เมื่อนงรักเอ่ย
“เปล่าค่ะ คุณนาคทำ ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่คุณสิงมีงาน เธอเลยบอกให้เอาไปให้คนงานทานค่ะ ป้าคิดว่าคุณอยากกินเลยตักไว้ให้”
“...” สิงหราชนิ่งไป ทำไมนาราไม่คิดจะบอกกันเลย
“คุณนาคตั้งใจทำมากเลยนะคะ ป้าเห็นเธอตั้งใจหั่นปลา บรรจงปลุกรส เธอคงอยากให้คุณสิงกินจริงๆ”
แกงปลาซ่อนเป็นอาหารโปรดของเขา สิงหราชชอบเนื้อของมันในบรรดาปลาทั้งหมด เพราะชอบเขาจึงสั่งให้ป้านงทำให้กินเสมอๆ นงรักรู้ดีว่าเขาชอบทานอะไร แต่ไม่นึกว่าวันนี้จะมีอีกหนึ่งคนที่รู้ด้วย
ใจด้านซ้ายเต้นหนักขึ้นมา นายหัวหนุ่มผู้เคร่งขรึมยิ้มตรงมุมปาก ความอุ่นซ่านแผ่ไปทั่วหัวใจ เขาคงบ้าที่แค่รู้ว่าแกงปลาซ่อนธรรมดาๆนี้เป็นฝีมือของใคร ใจกลับเต้นแรงราวกับได้กินอาหารจานเป็นล้าน
หลังจากลงแปลงไปนาน หญิงสาวก็กลับขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะไปทานข้าว วันนี้เธอเลือกมาทานที่โรงอาหารของไร่ ไม่ไปกินที่บ้านอีก
เพียงหญิงสาวร่างบางเดินเข้ามาในโรงอาหารที่มีเพียงหลังคาสังกะสีและโต๊ะไว้ให้คนงานนั่งกิน ทุกคนก็มองเป็นตาเดียว ก่อนคนงานจะยกมือไหว้เธอ ไม่เว้นแม้แต่คนที่มีคดีเก่ากันอย่าง ชะอม ผิน มะลิ สามคนนั้นต่างยกมือไหว้นารา ซึ่งเธอได้แต่ก้มหัวรับ รู้สึกเก้กังอยู่เหมือนกัน
“อ้าว ทำไมวันนี้มาทานข้าวที่นี่ล่ะคะ คุณสิงสั่งอาหารไว้บอกให้คุณไปกินที่บ้านนะ” นงรักวางมือจากที่กำลังตักกับข้าวเดินมาหานารา คนตัวเล็กได้แต่ยิ้มแห้ง เพราะเธอเป็นน้องใหม่ของที่นี่ไม่เคยมากินข้าวกับพวกเขาเลยสักครั้ง ทั้งที่ทำงานมาสามปีแล้ว
“นาคอยากกินที่นี่ค่ะ และต่อจากนี้จะมากินทุกวัน” ช่วงหลังที่เธอกินกับสิงหราชที่บ้านบ่อยๆ ตอนนี้จะไม่ทำแบบนั้นอีก หญิงสาวสัญญากับตัวเอง
“เอ่อ แต่ว่าคุณสิงสั่งไว้” นงรักอึกอัก สิงหราชสั่งไว้ก่อนเที่ยงแล้วว่าให้นารากลับมากินข้าวที่บ้าน เธอลำบากใจ จะขัดใจคนนั้นก็ไม่ได้ เพราะเป็นนายสูงสุดของไร่ แต่นารานี่สิไม่ฟังกันเลย
“ช่างเขาเถอะค่ะ ถ้าเขาอยากกินนักก็กินไปคนเดียวเลย” ใบหน้าสวยก้มหน้าตักข้าวเข้าปากที่คนงานอีกคนเอามาให้เธอ ใครจะพูดจะนินทายังไงนาราไม่สนใจทั้งนั้น เธอต้องกินให้อิ่มเพื่อไปทำงานต่อ
“นายหัวมา!”
ทันใดนั้นเกิดเสียงคนงานแตกตื่นขึ้น ทุกคนยืนนิ่งราวกับหิน ตัวเกร็งขึ้นมาทันที นาราหันไปมองก็ถึงกลับเบ้ปากออกมาเมื่อเห็นสิงหราชกับวิกรเข้ามาในที่ที่ไม่ใช่ของเขา ทำไมไม่กินบนบ้านนู้น
นายหัวใหญ่มาอะไรที่นี่ เห็นมั้ยคนตกใจหมด
“ข้าวจานหนึ่งครับ” สิงหราชเดินเข้ามาหานงรักที่ยืนอยู่ใกล้นารา นัยน์ตาคมเหลือบมองคนตัวเล็กแวบหนึ่ง ทว่าหญิงสาวไม่สนใจอีกฝ่ายเลย
“เอ่อ ได้เลยค่ะ” นงรักกุลีกุจอไปตักข้าวให้ สิงหราชและวิกรจึงเดินไปนั่งตรงโต๊ะ เจ้ากรรมที่โต๊ะของเขาดันอยู่ตรงหน้าเธอ วิศวกรรมเกษตรยิ้มให้หญิงสาว ซึ่งนาราก็ยิ้มกลับ เธอก้มหัวให้เล็กน้อย จากนั้นก็มองเมินสิงหราชไปเลย
แม่แมวน้อย น่าตีนัก
นายหัวหนุ่มคำรามในใจ
นารารับรู้ถึงรอบข้างที่เงียบไม่กล้าพูดคุยกันดัง ก่อนทุกคนได้กลับมาหายใจโล่งอีกครั้ง เพราะนายหัวและวิศวกรรมเกษตรหนุ่มลุกขึ้น เดินเอาจานอาหารไปเก็บ นงรักรีบเข้ามาบอกมาไม่เป็นไรก็ได้ แต่สิงหราชยืนยันที่จะทำ ชายหนุ่มเดินอ้อมมาด้านหลังนาราเพื่อเอาถาดอาหารมาวางไว้ ไม่วายปรายตามองคนตัวเล็กอีกครั้ง
ก่อนจะเดินออกไป พร้อมกลับออกซิเจนของคนงานที่กลับมา
ตกใจหมด นึกว่านายหัวจะด่าอะไรซะอีก
คนงานโล่งใจ กลับมาเฮฮากันต่อ
ขี้เก๊กเอ๊ย
คงมีคนเดียวที่ไม่กลัวเลย แถมยังด่าในใจอีกด้วย
“พี่เหมียว” วันต่อมามีเหตุให้ต้องแปลกใจ เพราะอยู่ๆมัลลิกาและเพื่อนๆของเธอบุกมาหานาราถึงในไร่ มาถึงก็อธิบายว่าเพื่อนอยากมาเที่ยวที่นี่ อยากให้เธอเป็นคนพาชม ซึ่งเรื่องนี้มัลลิกาญาติผู้พี่ไม่เคยบอกเธอมาก่อนเลย เลยทำให้นาราไม่ชอบใจนิดหน่อย คิดว่าไร้มารยาทนิดหนึ่งที่คนไม่สนิทมาขอร้องกันแบบนี้ ทั้งที่ไร่ใหญ่โตแห่งนี้ไม่ใช่ของเธอ
“สวัสดีจ้ะนาค” มัลลิกายิ้มหวาน หญิงสาวอยู่ในชุดสีกา ก่อนจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนทั้งสองคนของเธอ คนหนึ่งเป็นผู้ชายวัยสามสิบต้นๆ ชื่อว่าโกเมศ อีกคนเป็นหญิงสาวมีอายุขึ้นมาหน่อย ใส่แว่น หน้าตายังน่ารัก มีชื่อว่าชมัยพร หรือที่เพื่อนเรียกกันว่ามัย นาราไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงได้ยกโขยงมาหาเธอถึงที่นี่ ทั้งๆที่เคยบอกไปแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวร่างบางขมวดคิ้ว เธอไม่เข้าใจคนพี่จริงๆ
มัลลิกายังคงยิ้มหวาน กล่าวอย่างอารมณ์ดี เมินข้ามหน้าตานิ่งเรียบไม่รับแขกของนาราไป “คือพี่อยากพาเพื่อนมาดูไร่น่ะจ้ะ เพื่อนพี่มาจากต่างจังหวัด เขาอยากมาเที่ยวที่นี่”
“ไม่ได้ค่ะ คุณสิงไม่ให้ใครมา” นาราปฏิเสธอย่างที่รู้ๆกัน สิงหราชหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ชายหนุ่มไม่ต้อนรับแขกเท่าไหร่ แล้วอย่าได้หวังว่าถ้าเดินทะเล่อทะล่าเข้ามาจะสามารถชมไร่ได้ นั่นยิ่งไม่มีทาง
ญาติผู้พี่แม้จะไม่พอใจมากในคำพูดของนารา ทว่าเธอมาแล้ว และจะไม่มีวันกลับไปมือเปล่า
“แหม เราก็อย่าใจดำนักเลย พี่แค่พาเพื่อนมาเที่ยวเฉยๆ ถือโอกาสว่ามาเยี่ยมเราด้วย เราเป็นญาติกันนะนาค ทำไมถึงได้ห่างเหินกับพี่ขนาดนี้” มัลลิกาพยายามเกลี้ยกล่อม เธอหยิบยกเรื่องสายเลือดขึ้นมาเป็นประเด็น
นาราเงียบไป เธอไม่เข้าใจว่าไร่นี้มีอะไรดีมัลลิกาถึงอยากจะมานัก ไม่ว่าเธอบอกไปเท่าไหร่ หญิงสาวก็ไม่ยอมฟัง ที่นี่ไม่ได้เป็นของเธอ นาราไม่มีสิทธิ์ให้ใครเข้าเยี่ยมชมทั้งนั้น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นญาติกันก็ตาม
“โอเค ถ้าไม่อยากให้พี่มา งั้นพี่ขอไปเข้าห้องน้ำเราหน่อยได้มั้ย จะเอาของมาให้ด้วย พี่พาเพื่อนมาเหนื่อยๆ ขอนั่งพักก่อนนะ” เมื่อเห็นว่าญาติผู้น้องไม่มีทางอนุญาต มัลลิกาจึงเปลี่ยนเรื่องใหม่ เป็นเรื่องจริงที่เธอซื้อข้าวของมาให้นาราด้วย เพราะหวังมาเยี่ยมเยียนอีกฝ่าย ทว่าเมื่อญาติผู้น้องไม่ให้ชมไร่นี้อย่างที่เธอตั้งใจ เธอก็ขอไปดูการเป็นอยู่พร้อมกับเอาของพวกนี้ให้เธอซะหน่อย
“ค่ะ” สุดท้ายนาราก็รับคำ ดวงตากลมมองถุงมากมายที่มัลลิกาซื้อมาให้ อีกอย่างถ้าพี่สาวเธออยากเข้าห้องน้ำจริงๆ จะไล่กลับบ้านอย่างเดียวก็เหมือนจะเป็นการใจร้ายไปหน่อย เดาได้ว่าถ้านาราทำแบบนั้นออกไป วันต่อมาป้าธัญญาต้องมาต่อว่าเธอถึงไร่แน่นอน ดีนะที่วันนี้สิงหราชไม่อยู่ ไม่อย่างนั้นนายหัวได้ไล่ตะเพิดมัลลิกาออกไปแน่ นาราคิดอย่างโล่งใจ
นารามองตู้กระจกที่ในนั้นบรรจุด้วยเพชรนิลจินดา ลามไปถึงไข่มุก อัญมณีแห่งท้องทะเล หญิงสาวเลือกยืนอยู่ห่างๆเพราะนายหัวจะได้เลือกสะดวก ไม่เกะกะเธอ “มานี่” ทว่าร่างสูงใหญ่กับเรียกเธอเข้าไปใกล้ซะงั้น “เลือกมาอยากได้อันไหน” ใจของนาราเต้นไม่เป็นส่ำ หมายถึงยังไง เขาจะซื้อให้เธอเหรอ ตอนนี้หญิงสาวสมองเบลอไปหมดแล้ว เธอยังคงเงียบ เพื่อดูว่าสิ่งที่คนข้างๆพูดไม่ผิด “นาค ฉันบอกให้เลือก” เข้าใจแล้ว ตอนนี้เธอไม่ฟังผิดเลย ทว่าสิ่งที่ยังสงสัยคือเขาจะซื้อให้เธอทำไม แม้การกระทำจะสั่นไหวหัวใจดวงน้อยๆนี้ ทว่าคิดดูแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขามาทางไหน ดีหรือร้าย ในความสัมพันธ์เจ้าหนี้ลูกหนี้ของเราอาจจะแปลกประหลาดไปสักหน่อยหรือเปล่าที่เขาจะซื้อของให้เธอ วันนี้สิงหราชต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ “ชอบอันไหน” ยิ่งน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติที่เอ่ยออกมาแล้วด้วย นาราคงเข้าใจผิดไปใหญ่ หญิงสาวยืนนิ่งกระทั่งเขาเอ่ยกับพนักงาน ชี้แหวนที่อยู่ในตู้มาสวมที่นิ้วนางของเธอ ผิวเนื้อที่แตะต้องกันทำใบหน้าสวยร้อนผ่าว ใบหน้าเริ่มระอุขึ้นมาทีละน้อย
นาราไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆคนตัวโตถึงได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ซ้ำยังทำราวกับว่าไม่ไปไหน นาราขมวดคิ้วยุ่ง หรือเธอยืนอยู่ตรงหน้ารูปปั้นยักษ์หรือเปล่า ทำไมถึงนิ่งขนาดนั้น สูงด้วย แต่เพราะนึกว่ามีงานที่ต้องทำจึงเอ่ย “หลีกไปค่ะ” เธอต้องไปเก็บลูกเมล่อนที่มันเสีย อีกไม่นานจะได้ขายแล้ว ไม่มีเวลามาคุย “เอ๊ะคุณ” ทว่าพอเดินออกมา สิงหราชกลับบังทางออกไว้ นาราถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับเขา “จะเอายังไง” มีอะไรก็พูดมา ไม่ใช่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นอยู่แถวนี้” ร่างบางเงยหน้ามองคนตัวโต ซึ่งเขาหลุบตามองโดยไม่หลบสายตาเช่นกัน หลังจากวันนั้นวันที่เขากลับมา เธอไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยกับเขาเลย เข้าไร่ทุกวัน กลับมานอนตาย ส่วนเขาก็เหมือนมีสิ่งที่ต้องให้จัดการมากมาย ตอนนี้ราวกับว่าตัวเธอและเขาได้เติบโตขึ้นแล้ว ไม่ใช่วันที่ต้องทะเลาะกันทุกวันอย่างไม่มีเหตุผล “ไปในเมืองกับฉัน” สุดท้ายสิงหราชก็ยอมปริปากออกมา นาราถอนหายใจเล็กๆ เพราะนึกว่าเขาจะยืนมองเธอถึงค่ำซะแล้ว “ไปทำไมคะ” หญิงสาวถามกลับ เพราะเธอยังมีงานที่ไร่ให้ทำต่อ แล้วเสียงทุ้มก็ตอบสั้
แสงอาทิตย์ส่องยามเช้า วันนี้ตำรวจมาที่ไร่กันเต็มไปหมด พี่น้องของสิงหราชตามลงมาพูดคุย ทุกคนให้ปากคำรวมถึงคนงานในวันเกิดเหตุ ร้อนรนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของสิงหราช ต้องมีคนกลั่นแกล้งนายหัวสิงอย่างแน่นอน และใช่ ตอนนี้ไกรพบกำลังสืบสวนส่วนตัวอยู่ หลังจากที่ชายในเครื่องแบบออกไปจากไร่แล้ว ไกรพบก็พูดคุยกับเพื่อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทันที “วันที่มึงโดนจับ สองอาทิตย์ก่อนหน้านั้นนายเชาวริตกับลูกชายเดินทางไปต่างประเทศ ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา มึงคิดว่าไง” สิงหราชคิดไว้แล้วว่าใครที่น่าจะเข้าข่ายใส่ร้ายเขาได้บ้าง แน่นอนการที่ยืนตรงนี้อาจมีศัตรูและคู่แข่งที่พร้อมจะหักหลังเอาดีเข้าตัวตลอดเวลา ทว่าคนอื่นเขาชั่งตวงดูแล้วไม่น่ามีใครอยากเห็นเขาเข้าคุกเข้าตาราง นอกเหนือจากคนที่มันต้องการผลประโยชน์หลังจากไร่ไม่มีเขาแล้วต่างหาก ซึ่งคนคนนั้นที่เข้าข่ายที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าของไร่ส้มที่อยู่ข้างๆ คนที่เขายิงกรงนกราคาหลายแสนจนมันบินหนีไปต่อหน้าต่อหน้า คงโกรธแค้นกันไม่น้อย “สองพ่อลูกนั่นอยากไ
นาราขับมอเตอร์ไซค์กลับมาที่บ้านหลังใหญ่ของไร่ ก่อนมองไปที่ชายชุดสีกากีที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวยิ้มเอ่ยกับชายในเครื่องแบบ “ได้หลักฐานสำคัญแล้วค่ะ” สุดท้ายศาลก็ให้ประกันตัวสิงหราชเพื่อออกมาสู้คดี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเขาไม่เคยมีมูลเรื่องแบบนี้มาก่อน ทั้งยังตรวจสอบรายได้กับการส่งออกเพื่อดูว่าสามารถเป็นไปได้มั้ยที่นายหัวหนุ่มจะจำหน่ายสารเสพติดได้ แถมการตรวจสารเสพติดในร่างกายยังเป็นศูนย์อีกด้วย เมื่อสิงหราชกลับมาพร้อมกับผู้กำกับหนุ่ม ทุกคนในไร่ก็ต่างเฮกัน ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ก่นด่านายหัวเสียๆหายๆ ยังยินดีเพิ่มขึ้นไปอีกเมื่อเห็นพี่น้องของสิงหราชเดินทางมาด้วย นาราได้แต่มองชายหนุ่มจากที่ไกลๆ เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี ไม่รู้สิ เธอคงไม่มีหน้าไปเจอเขา วันนั้นเธอตบหน้าเขาไปฉาดใหญ่ แถมความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนนั้นยัง... “ทำไมมายืนตรงนี้ล่ะครับน้องนาค” วิกรเดินเข้ามา เขากำลังจะมาหาสิงหราชพอดี ทว่าเห็นหญิงสาวมองอยู่ จึงเดินเข้ามาถาม “ไม่เข้าไปหามันเหรอครับ” ถ้าเข้าไปหา นายหัวของไร่คงดีใจไม่น้อย วิกรคิดแบบนั
ตกเย็นนาราเดินทางไปในที่ที่หนึ่ง และใช่เพียงเข้ามาในบริเวณบ้านอันเป็นสถานที่ที่คุ้นเคย เธอก็ตรงดิ่งเข้าไปในตัวบ้านทันที บ้านหลังนี้ดูโอ่อ่า สวยงามเสียจริง “ป้าธัญญาสวัสดีค่ะ” ธัญญามองหญิงสาวตัวเล็กที่เดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่เกรงใจ เธอมองหลานสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้เรื่องแล้วว่าตอนนี้เจ้าของไร่ที่หลานใช้ร่างกายแลกหนี้อยู่โดนจับเข้าคุกไปแล้ว สมน้ำหน้ามัน “หนูเอาผักมาฝากค่ะ” นาราเอาตะกร้าผลไม้และผักหลากหลายชนิดวางไว้ตรงหน้าธัญญา เอ่ยน้ำเสียงหวาน “คุณยายไปไหนเหรอคะ” “ไปตลาด ยัยนีพาไป” ‘ณรี’ หรือ ‘นี’ คือผู้ช่วยที่คอยดูแลยายของเธอ ส่วนมากจะมาช่วยผู้เป็นยายในเวลากลางวันแล้วกลับ และใช่ นารารู้อยู่แล้วว่ายายของเธอไปไหน ใครพาไป และใครอยู่ที่บ้าน...” “วันนี้น้าธัญไม่ได้เข้าเวรเหรอคะ” นาราถามด้วยใบหน้าอารมณ์ดี ต่างจากใจที่มีบางอย่างปะทุขึ้นมา ธัญญามองหลานสาวของตนที่วันนี้ดูอ่อนน้อมแปลกๆ แต่ก็คิดว่านาราคงคิดได้ว่าเธอเป็นญาติผู้ใหญ่ของตัวเอง ที่ต้องให้เกียรติและเคารพ หรือก็เพราะกลัวที่จะไม่
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย” นงรักมองหญิงสาวตัวเล็กที่ขี่จักรยานเข้ามาในบ้าน หลายวันมานี้นาราไม่ขึ้นมาบนบ้านใหญ่เลย จึงแปลกใจที่อยู่ๆวันนี้ขี่รถเข้ามา “ของมาทำอาหารน่ะค่ะ หนูขอใช้ครัวได้มั้ยคะ” นาราถือถุงมากมายเดินมา นงรักรีบเข้าไปช่วย “ได้สิคะ ไม่มีใครขึ้นมาบนบ้านเลยป้าเหงาเหง๊าๆ นี่ว่าแต่ติดต่อคุณสิงได้มั้ยคะ” นาราส่ายหัว “ไม่ได้ค่ะ” ไม่ใช่ว่าติดต่อไม่ได้ แต่เธอไม่ได้โทรไปหาเขาต่างหาก ทั้งไลน์หรือช่องทางอื่นๆที่สามารถติดต่อสิงหราชได้นาราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะกลัว กลัวว่าถ้าทักเขาไปก่อน เขาจะไม่ตอบกลับมา “เฮ้อ ไปไหนก็ไม่รู้ไม่บอกใครเลย ป้าโทรไปก็ไม่รับ พรุ่งนี้ป้ากะว่าถ้าคุณสิงยังไม่มาจะส่งไอ้น้อยไปตามหาแล้ว เล่นทิ้งไร่ไปแบบนี้ ไม่ดีเลยค่ะ” ขาดผู้ปกครองที่ทุกคนเกรงขามแล้ว พวกจิ๊บจ๊อยมันจะเกรงกลัวได้ยังไง เธอละหนักใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายหัวของไร่กันแน่ นารายืนฟังนิ่ง ไม่อยากคิดว่าที่สิงหราชหายไปเป็นเพราะเธอ ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะมาสนใจกับเรื่องแค่นี้ ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้สึกผิด แต่ในสายตาเธอสิงหรา