แชร์

ตอนที่3โลกในนิยาย

ผู้เขียน: ฉู่เฉียว
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-01 21:07:52

กันตาแนบใบหูเข้ากับบานประตูที่ปิดสนิท พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตักราวกับจะทะลุออกมานอกอก ผิวของบานประตูเย็นเฉียบและหยาบกระด้าง แต่เธอกลับไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลยในเวลานี้ สิ่งเดียวที่เธอจดจ่อคือเสียงที่ดังขึ้นจากอีกฟากของประตู

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินไปมาอยู่ไม่ไกล ราวกับใครบางคนกำลังเคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าห้อง จากนั้นเสียงเรียกของผู้ชายคนเดิมที่ดังขึ้นก่อนหน้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง 

"เหยียนเหยียนเร็วเข้า พ่อต้องรีบไปแล้ว พี่สาวเจียงกำลังรอเราอยู่นะ"

เสียงของผู้ชายคนนั้นฟังดูเร่งรีบแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน 

กันตานิ่งฟังอย่างสงบ เธอไม่ได้ยินเสียงขานรับจากคนที่ถูกเรียกว่า เหยียนเหยียน แต่ยังคงได้ยินเสียงกุกกักดังอยู่หน้าห้อง

เสียงของคนด้านนอกเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลของชายคนนั้นจะดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนเอื้ออาทร

"เด็กดี แม่ของลูกไม่สบาย ลูกไปอยู่กับพี่สาวเจียง ไปวิ่งเล่นกับถังถังดีกว่านะ มาเถอะ พ่อจะพาไปส่ง"

ยังคงไม่มีคำตอบรับจาก เหยียนเหยียน เช่นเดิม แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาที่ขยับออกไปจากหน้าห้อง เสียงนั้นดังห่างออกไปจากบริเวณหน้าประตูเรื่อยๆ นั่นจึงทำให้กันตามีความกล้าพอที่จะแง้มประตูเปิดออกเพื่อแอบมองคนด้านนอก

บอกตามตรงว่า เธอไม่มีความกล้ามากพอที่จะออกไปพบผู้คนในสภาพนี้เลยแม้แต่น้อย

เธอเคยเป็นหญิงสาวที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ทุกกระเบียดนิ้ว ต้องดูดีทุกครั้งเมื่ออยู่ในสายตาผู้อื่น จะให้เธอหาญกล้าออกไปเผชิญหน้ากับผู้คนในสภาพเช่นนี้ได้อย่างไรกัน

กันตายกมือขึ้นแตะเส้นผมของตัวเอง มันพันกันยุ่งเหยิงจนแทบแกะไม่ออก พอไล่ปลายนิ้วลงมาสัมผัสใบหน้า ผิวของเธอสากกร้านเต็มไปด้วยคราบสกปรก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เก่าจนแทบดูไม่ได้ อีกทั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่คลุ้งตลบไปทั่วตัวอีก เธอที่ได้กลิ่นยังฉุนจนแสบจมูกไปหมดแล้ว

เพียงแค่คิดว่าต้องเดินออกไปเจอสายตาผู้คน เธอก็รู้สึกอยากจะหดตัวกลับเข้าไปในมุมมืด ไม่อยากให้ใครพบเห็น ไม่อยากเผชิญหน้ากับใครทั้งนั้น 

แม้จะรู้ว่านี่ไม่ใช่ร่างเดิมของเธอ แม้จะเป็นเพียงร่างของใครอีกคนที่เธอไม่รู้จัก แต่มันก็ไม่อาจทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้เลยแม้แต่น้อย ก็ในเมื่อตอนนี้มันคือตัวเธอนี่

สิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อกันตาแง้มประตูออก คือแอปเปิ้ลผลเล็กๆ ผลหนึ่งในถุงกระดาษที่วางอยู่ใกล้ธรณีประตู หญิงสาวเหลือบสายตามองคนที่คาดว่าเป็นผู้วางมันเอาไว้ แผ่นหลังเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินจากไปอย่างเชื่องช้า ผมดำขลับของหนูน้อยถูกจับมวยเป็นก้อนกลมๆ สองข้าง คล้ายซาลาเปาคู่ดูน่ารักน่าชัง ผ้าผูกผมที่มัดเป็นพู่สั้นๆ ขยับไหวตามจังหวะการก้าวเดินเล็กๆ ฝีเท้าเล็กจ้อยก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา

แสงแดดยามเช้าอาบไล้ร่างเล็กของแม่หนูน้อย ดูจากความสูงแล้วอายุน่าจะราวๆ สามขวบเห็นจะได้ กันตาลอบมองหนูน้อยที่ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้เงาของบุรุษร่างสูงที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน แม้จะมองเห็นได้เพียงเสี้ยวเดียวจากมุมนี้ แต่กันตาก็พอจะเดาได้ว่าชายคนนั้นคงเป็นบิดาของเด็กหญิง มือของเขายื่นออกมารอรับลูกสาวตัวน้อยที่เดินมาถึง 

เสียงปิดประตูหน้าบ้านที่ดังขึ้นในเวลาต่อมา ทำให้กันตาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบก้าวออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เธอเดินตรงไปที่หน้าต่าง แอบมองผ่านช่องเล็กๆ ดวงตาของเธอจับจ้องไปยังร่างเล็กของเด็กหญิงตัวน้อย ที่ตอนนี้ถูกผู้เป็นพ่อยกตัวขึ้นอุ้มอย่างทะนุถนอม ก่อนจะจัดให้นั่งซ้อนอยู่บนจักรยานคันใหญ่

กันตามองใบหน้ากลมเล็กของเด็กหญิงอย่างเผลอไผล มันขาวเนียนราวกับก้อนเต้าหู้ขาวนุ่มๆ คิ้วโก่งน้อยๆ ขับให้ดวงตากลมโตดูน่ารักยิ่งขึ้น แก้มนุ่มนิ่มกลมเหมือนซาลาเปา จิ้มลิ้มราวกับตุ๊กตาที่มีชีวิต หัวใจของเธอพลันอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด

แต่ในวินาทีที่สองพ่อลูกเตรียมจะออกเดินทาง เด็กหญิงที่นั่งอยู่บนเบาะหลังของจักรยานกลับหันมามองตรงหน้าต่างที่เธอหลบซ่อนอยู่ หญิงสาวเผลอกลั้นหายใจ ดวงตากลมโตใสแจ๋วของแม่หนูน้อยทอดมองมาอย่างไร้เดียงสา ราวกับล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ และจากนั้น รอยยิ้มสดใสประหนึ่งแสงตะวันก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์

หัวใจของกันตาเต้นผิดจังหวะ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเพียงแค่รอยยิ้มนั้น ถึงทำให้เธอรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมาในอกได้ขนาดนี้

กันตายกฝ่ามือขึ้นกุมอก รู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาสั่นระริกอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่สายตากวาดมองไปรอบๆ บ้านที่เงียบสงัด ทุกซอกมุมถูกปกคลุมไปด้วยความวังเวง มีเพียงเสียงลมหายใจของเธอที่ดังก้องอยู่ในความเงียบ 

ราวกับว่าภายในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครอื่นอีกนอกจากเธอ

'เด็กดี แม่ของลูกไม่สบาย'

เสียงทุ้มอ่อนโยนของชายคนนั้นดังก้องสะท้อนอยู่ในหัว ทำให้กันตารู้สึกใจสั่นวูบ ความสงสัยแล่นวาบขึ้นมา เธอรีบสาวเท้าไปยังประตูห้องต่างๆ ภายในบ้าน มือเรียวกระชากบานประตูเปิดออกอย่างเร่งร้อน

ห้องแรก... ว่างเปล่า

ห้องถัดมา... ไม่มีวี่แววของใคร

ส่วนห้องสุดท้ายคือห้องที่เธอตื่นขึ้นมา

กันตาเดินสำรวจไปทั่วบ้าน ความรู้สึกกดดันยิ่งทวีขึ้นเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าของตัวเองดังก้องในความเงียบ เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากลำบาก สัญชาตญาณบางอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ในใจว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

หญิงสาวเดินกลับเข้ามาภายในห้องที่เธอฟื้นขึ้นมาในตอนแรก เมื่อไม่พบใครคนอื่นอีกภายในบ้าน ยืนมองใบหน้าของหญิงสาวที่ปรากฏอยู่บนกระจกด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก

"เหยียนเหยียน..."

ริมฝีปากบางขยับเอ่ยชื่อที่เพิ่งได้ยินเมื่อครู่ เสียงนั้นแผ่วเบา แต่กลับดังสะท้อนอยู่ในความคิด

"พี่สาวเจียง..."

ชื่อเหล่านี้เธอรู้สึกเหมือนจะคุ้นเคยอย่างประหลาด แม้จะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับร่างนี้เลยก็ตาม แล้วยังตัวเธอเองที่ตอนนี้เหมือนกับหญิงเสียสติ 

ทันใดนั้น เรื่องราวหนึ่งก็แล่นวาบขึ้นมาในหัว เรื่องราวที่เธอเคยรับรู้มันผ่านตัวหนังสือ 

เหยียนเหยียน หรือหลี่ซูเหยียน เด็กหญิงตัวน้อยวัยสามขวบ ผู้เป็นบุตรสาวของพระเอกในนิยายย้อนยุค เด็กที่ยังไม่เอื้อนเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา แม้จะเติบโตขึ้นจนถึงวัยที่ควรจะพูดได้แล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าเธอเป็นใบ้ เป็นเด็กที่โชคร้าย เกิดจากผู้หญิงที่กลายเป็นคนบ้า ต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีแม่เลี้ยงดู

พี่สาวเจียง หรือเจียงซินหยา หญิงสาวผู้เป็นนางเอกของเรื่อง คนที่ก้าวเข้ามาในครอบครัวนี้พร้อมกับหัวใจที่อบอุ่น คอยดูแลเหยียนเหยียนราวกับเป็นมารดาคนที่สอง และค่อยๆ หลอมละลายกำแพงของพระเอกจนได้ครองรักกัน

เธอจำได้แล้ว...

เรื่องราวนี้...นิยายที่เธอเคยติดหนึบถึงขนาดที่ไม่ยอมนอน จนต้องหยอดเงินเติมอ่านออนไลน์ทีละตอนอย่างไม่ลังเล และเมื่ออ่านจบแล้วก็ยังรู้สึกโหยหา ถึงกับดั้นด้นควานหารูปเล่มมาเก็บไว้ในชั้นหนังสือ มันเป็นหนึ่งในเรื่องที่ตราตรึงใจเธอที่สุด

เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งในครอบครัว ความรัก และการเสียสละ ทุกตัวละครต่างมีบทบาทของตัวเอง ไม่ว่าคนดีหรือคนร้าย ล้วนมีเหตุผล มีที่มา และถูกขับเคลื่อนด้วยสภาพสังคมของยุคสมัย

มันเป็นนิยายที่มีมากกว่าความรักโรแมนติก นักเขียนได้สอดแทรกกลิ่นอายของประวัติศาสตร์จีนในยุค 80 เอาไว้อย่างแนบเนียน ไม่ว่าจะเป็น การปฏิรูปชนบทหลังสิ้นสุดคอมมูนประชาชน การคืนที่ดินให้เกษตรกร และสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ในช่วงเวลานั้น

หมู่บ้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยบ้านดินและกระเบื้องเก่า โทรมและเรียบง่าย ทุกครอบครัวยังคงใช้ชีวิตด้วยการทำไร่ทำนา รายได้ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับผลผลิตและโควต้าของรัฐ ผู้คนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีตุ่นๆ เรียบง่าย เสื้อคลุมผ้าฝ้าย กางเกงผ้าสีหม่น รองเท้าผ้าฝ้ายแบบดั้งเดิม เสียงจักรยานเก่าคันโตลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามถนนลูกรัง ในตลาดเล็กๆ มีแผงขายผัก ข้าวสาร และของใช้พื้นฐานที่ยังคงต้องใช้บัตรปันส่วน

มันคือช่วงเวลาที่ผู้คนยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด บางครอบครัวเริ่มมีโอกาสได้ทำธุรกิจเล็กๆ บ้างก็ยังต้องทำงานหนักในไร่นาให้รัฐ ทุกสิ่งยังคงอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากยุคสังคมนิยมเข้มข้นไปสู่ระบบเศรษฐกิจแบบผสม

และนี่คือบางช่วงบางตอนที่เธอชื่นชอบ เธอหลงใหลในยุคสมัยนั้น อ่านแล้วรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์น่าค้นหา

แต่ใครจะเชื่อ ว่ามันจะกลายมาเป็นสถานที่ที่ชีวิตใหม่ของเธอกำลังติดอยู่ในตอนนี้!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่52 บทส่งท้าย

    ฤดูใบไม้ผลิวนเวียนกลับมาอีกครั้ง ต้นไผ่ข้างบ้านผลิหน่อใหม่สูงเรียงราย ลู่ลมเบาๆ เหมือนกำลังเต้นรำตามเสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่วิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านเหยียนเหยียนโตขึ้นมากแล้ว วันนี้เธอสวมชุดนักเรียนชั้นประถมหนึ่ง ใบหน้าที่เคยกลมป้อมตอนเล็กๆ เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสาวน้อยท่าทางฉลาด ช่างคิด ช่างฝันและข้างกายเธอ คือเจ้าตัวเล็กที่เพิ่งหัดเดิน เด็กชายตัวกลมอารมณ์ดีที่กำลังยิ้มแฉ่ง ส่งเสียงอ้อแอ้อยู่ในอ้อมแขนของมารดาหลี่ซื่อหาน เด็กชายวัยขวบกว่า ผู้เป็นที่รักของทุกคน เจ้าซาลาเปาน้อยของบ้าน หรือเสี่ยวหานหาน ของพี่สาวเหยียนเหยียนภาพของทั้งสองพี่น้องที่อยู่เคียงกันท่ามกลางแสงแดดอ่อนของยามบ่าย ราวกับภาพวาดแสนอบอุ่นที่ไม่มีคำบรรยายใดจะเทียบได้จื่ออิงเข้าสู่บทบาทภรรยาและคุณแม่อย่างเต็มตัว เธอกลายเป็นหัวใจหลักของบ้าน เป็นคนที่ดูแลทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ภายในบ้าน ตอนเช้า เธอจะลุกขึ้นก่อนใคร เตรียมอาหารเช้าให้สามีและลูกๆ พร้อมเสียงปลุกอ่อนโยนที่ทำให้บ้านทั้งหลังเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสช่วงกลางวัน เธอมักใช้เวลาอยู่กับเจ้าตัวเล็ก เสี่ยวหานหาน ที่กำลังอยู่ในวัยซน ชอบยิ้ม ชอบหัวเราะ และชอบเกาะเธอไม่ห่

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่51จบบริบูรณ์

    วันนี้เป็นวันส่งท้ายปีตามปฏิทินจันทรคติ หอร้อยรส ปิดให้บริการเป็นเวลาสามวัน เพื่อให้ทุกคนได้เฉลิมฉลองและใช้เวลาร่วมกับครอบครัว จื่ออิงยืนอยู่หน้าบ้าน มือประคองถ้วยน้ำเต้าหู้อุ่นๆ เอาไว้ ใบหน้าของเธอรับแสงแดดยามเย็นที่นุ่มนวล ลมหนาวต้นปีพัดแผ่วเบาผ่านปลายผม พาเอากลิ่นหอมของขนมปีใหม่ลอยโชยมาแตะจมูก ปีนี้ นับว่าเป็นปีใหม่ปีแรกที่เธอได้ฉลองกับครอบครัวของตัวเองในชีวิตนี้บ้านเรือนทั่วหมู่บ้านต่างตกแต่งด้วยสีแดงสดใส โคมแดงถูกแขวนเรียงรายไหวแกว่งตามแรงลม ผ้าสีแดงผืนยาวห้อยประดับอยู่เหนือประตู ข้างฝาผนังมีคำอวยพรปีใหม่เขียนด้วยพู่กันจีนสีดำอย่างประณีตบนกระดาษแดงสดคำว่า "ซินเหนียนไคว่เล่อ" และ "เจ้าไฉจิ้นเป้า" แขวนไว้เป็นสิริมงคล สื่อถึงความหวังและความมั่งมีในปีที่กำลังเริ่มต้นกลิ่นธูปหอมจากโต๊ะบูชาประจำบ้านและกลิ่นขนมหวานแบบดั้งเดิมลอยคลุ้งในอากาศ เสียงประทัดดังเปรี้ยงปร้างเป็นระยะ สร้างความคึกคักไปทั่วทั้งหมู่บ้าน แทรกด้วยเสียงหัวเราะสดใสของเด็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่ตามท้องถนน พวกเขาวิ่งไล่กันอย่างสนุกสนาน มือเล็กๆ ถือซองแดงคนละใบ ดวงตาเป็นประกายด้วยความสุขและตื่นเต้นบรรยากาศในวันนี้อบอวลไปด

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่50คำตอบเดียว

    เช้าวันถัดมา ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆหมอก ลมยามเช้าเย็นสบายพัดเอื่อยเข้ามาในลานหน้าร้าน กลิ่นหอมจางๆ ของดอกไม้จากกระถางริมทางลอยปะปนมากับสายลม เสียงใบไม้เสียดสีกันแผ่วเบา ช่วยกลบความเงียบที่ก่อตัวขึ้นเมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เจียงซินหยาแต่งกายงดงามอย่างที่เคยเป็นยืนอยู่ใต้เงาไม้ ใบหน้าแต่งแต้มอย่างประณีต ท่าทางน่ารักสดใสสมกับภาพลักษณ์ของเธอเสมอมา ใบหน้าดูบริสุทธิ์ผ่องใส แต่แววตากลับซ่อนความหวังเอาไว้อย่างชัดเจน เธอยืนรออยู่เพียงไม่กี่อึดใจ หลี่เฉินก็เดินออกมาจากด้านในร้านชายหนุ่มหยุดยืนตรงหน้าเธอ สีหน้าสงบ ดวงตาแน่วแน่"ซินหยา"หลี่เฉินเอ่ยเรียกขึ้นก่อน น้ำเสียงราบเรียบแต่ชัดเจน"ฉันมาเอาคำตอบจากพี่ค่ะ"เจียงซินหยาเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาจับจ้องอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่วางตา"พี่จะเข้าสอบเกาเข่าใช่ไหมคะ ตอนนี้ยังทัน ถ้าพี่รีบตัดสินใจ"เสียงของเธอนุ่มนวล ทุกถ้อยคำเต็มไปด้วยความคาดหวังที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนหลี่เฉินเงียบไปเพียงครู่หนึ่ง สายตาเขานิ่งสงบก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ"ฉันตัดสินใจแล้ว"เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มั่นคง"ฉันจะไม่เข้าสอบ"เจียงซินหยาเลิกคิ้วเล็กน้อย ความประหลาดใจแฝงอย

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่49เขาได้เลือกแล้ว

    นับจากวันนั้น จื่ออิงก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องสอบเกาเข่าอีกเลย เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่ใช่เพราะไม่สนใจ แต่เพราะอยากให้หลี่เฉินได้คิดและตัดสินใจด้วยตัวเอง โดยไม่มีแรงกดดันจากเธอแม้ในใจจะมีความห่วงใยอยู่ลึกๆ แต่เธอก็ซ่อนมันไว้ เธอเชื่อว่า การให้เขาได้ใช้หัวใจตัวเองเลือกทางเดิน คือสิ่งที่ดีที่สุดจื่ออิงยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตื่นแต่เช้า เตรียมอาหารให้ลูกและสามี ดูแลร้าน ดูแลบ้าน ทำหน้าที่ของภรรยา แม่ และเจ้าของกิจการเล็กๆ อย่างดีที่สุดแต่หากมองให้ลึกลงไปในแววตาของเธอ จะเห็นความอ่อนโยนแบบใหม่ ความอ่อนโยนที่มาจากการยอมรับ และพร้อมจะเคียงข้างสามี ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหนก็ตามยามเย็นวันหนึ่ง หลังจากวันอันแสนวุ่นวายและเหนื่อยล้าจบลง แสงสุดท้ายของวันทอดยาวผ่านช่องหน้าต่าง เงาของต้นไผ่ข้างหลังบ้านไหวไกวตามลมหลี่เฉินยืนอยู่หลังบ้านเพียงลำพัง มองภาพท้องฟ้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีทองอมส้ม ดวงตาของเขานิ่งสงบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยเสียงของความคิดมากมายที่กำลังประดังประเดเข้ามาการสอบเกาเข่ากำลังใกล้เข้ามาทุกทีเรื่องนี้วนเวียนอยู่ในใจเขาตลอดหลายวันมานี้ เขาเคยฝันอยากจะเป็นอาจารย์ อยากเรียนต่อ อยากรู้ว่า

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่48เคารพทุกการตัดสินใจ

    แสงแดดยามเช้าค่อยๆ สาดเข้ามาทางหน้าต่าง ลูบไล้ผ่านผ้าม่านบางเบา บนเตียง ผ้าปูเตียงยับย่นจากรอยสัมผัสแห่งความวาบหวามเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา หลี่เฉินลืมตาขึ้นช้าๆ แขนยังโอบภรรยาคนงามเอาไว้แนบอก ร่างเล็กของจื่ออิงซุกตัวอย่างสงบอยู่ในอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มมองดูใบหน้าของภรรยาที่ยังซุกอยู่ตรงอกด้วยแววตาอ่อนโยน พลางยิ้มจางๆ ออกมาอย่างมีความสุขนิ้วมือของเขาเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าผากของภรรยา ก่อนจะก้มลงหอมขมับเธออย่างแผ่วเบา ราวกับไม่อยากให้เธอตื่นจากความสงบสุขนี้จื่ออิงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ดวงตายังคงฉ่ำปรือจากความง่วง ทว่าก็เปล่งประกายอ่อนหวานเมื่อมองเห็นใบหน้าของเขา"ตื่นแล้วเหรอครับ" หลี่เฉินกระซิบถาม น้ำเสียงทุ้มนุ่มเปี่ยมด้วยความอบอุ่นจื่ออิงยิ้มน้อยๆ พลางพยักหน้าเบาๆ เธอช้อนสายตาขึ้นมองเขา ในแววตาของหลี่เฉินเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ลึกซึ้งจนหัวใจเธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบกอดอย่างอ่อนโยนที่สุด"สามีคะ"เธอเรียกเขาเสียงเบาเสียงของเธอเบาและนุ่ม ราวกับกลัวว่าคำพูดจะทำลายความสงบที่รายล้อมอยู่"หืม?" หลี่เฉินขานรับพลางโอบกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อย"ขอบคุณนะคะ"เธอพูดแค่น

  • พลิกชะตารักหญิงบ้า   ตอนที่47สัมผัสแห่งรัก

    ค่ำคืนนั้นบรรยากาศในบ้านหลังเล็กเงียบกว่าทุกวัน ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีบทสนทนาเหมือนเคย ต่างคนต่างจมอยู่ในห้วงของความคิดของตัวเอง เต็มไปด้วยความคิดมากมายที่พูดออกมาไม่ได้มีเพียงเสียงหัวเราะของเหยียนเหยียน เมื่อได้ฟังนิทานก่อนนอนดังแว่วมาเป็นระยะจากในห้องนอน เสียงใสๆ นั้นช่วยแต่งแต้มบรรยากาศให้ดูอบอุ่นขึ้นนิดหน่อย ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เงียบลงเมื่อเด็กน้อยเข้าสู่นิทราเมื่อส่งบุตรสาวเข้านอนเรียบร้อยแล้ว จื่ออิงก็ระบายลมหายใจออกมาแผ่วเบา แต่ในใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้งที่ไม่อาจระบายออก ได้แต่เดินมานั่งตรงโต๊ะทำงานเล็กๆ หยิบบัญชีของร้านที่ทำค้างเอาไว้ขึ้นมาดูอีกครั้ง ตัวเลขในตารางเดิมๆ ยังอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็ไม่อาจจดจ่ออยู่กับมันได้ใจของเธอล่องลอยไปไกล ไปอยู่กับความกังวลที่กำลังถาโถม กับเรื่องที่ไม่มีใครช่วยตอบได้ นอกจากตัวเธอเองหลี่เฉินที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินออกจากห้องน้ำในชุดอยู่บ้านแบบสบายๆ กลิ่นสบู่อ่อนๆ ยังติดอยู่บนผิว เขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กค่อยๆ ซับเส้นผมที่ยังเปียกน้ำ แต่พอเห็นภรรยานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงาน เขาก็หยุดเท้าเอาไว้ยืนมอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status