"ไม่รู้แหละฉันทำไปแล้ว..ไม่มีทางเลือกด้วย" "เรื่องบ้าอะไรว่ะ!!!" "ฉะนั้น..รีบบอกพวกเขาไปสิว่าเรามีอะไรกันแล้ว" "เหอะ!!!!"
View More1 ปีต่อมา_ ท่ามกลางบ้านหลังแสนอบอุ่น แม่ครัวตัวน้อยกำลังยุ่งกับการเตรียมมื้อค่ำเช่นทุกวัน เวลานี้เธอเลือกปรุงมื้ออาหารเต็มไปด้วยผักหลากสี จับใส่เนื้อสัตว์เพียงนิดเดียวตามที่สามีชอบทาน"เฮียมาแล้วแน่เลย" เสียงรถยนต์คันหรูเทียบจอดตรงลานกว้าง เธอรับรู้ได้ทันทีว่าซิลค์กลับมาบ้านแล้ว รีบวางทัพพีในมือลงกดปิดสวิตช์เตาไฟฟ้า ก่อนวิ่งออกนอกครัวหน้าตายิ้มแย้ม ต้อนรับผู้เป็นสามีด้วยอารมณ์ดี"ดีใจอะไรขนาดนั้น?" น้ำเสียงเข้มย้อนถาม ท่าทางของเมียรักวิ่งก้าวเร็วไม่กลัวว่าจะหกล้มบ้างเลย เธอโผล่กอดแม้ยังใส่ชุดกันเปื้อนจากในครัวอยู่ ทำให้เขาต้องก้มจูบหน้าผากมนด้วยความคิดถึงเช่นกัน"ก็อยู่บ้านคนเดียวมันเหงานี่หน่า วันนี้เฮียเหนื่อยไหมคะ หนูลองทำน้ำผลไม้ด้วยนะ" ระหว่างที่พูดโมอายังไม่ยอมปล่อยร่างกำยำ สวมกอดอยู่แต่ก็ก้าวเดินไปตรงโซฟารับแขกพร้อมๆกัน เธออาสาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเอาอกเอาใจ"มันหวานสู้เราได้ไหม""ต้องพิสูจน์นะคะ" ร่างอรชรหายเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบเยือกน้ำผลไม้คั้นสด กับขวดน้ำเปล่าและแก้วใสใส่ถาด รีบยกมาเสิร์ฟให้คนตรงโซฟาดื่มแก้กระหาย เรียกความสดชื่นหลังเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน"อร่อยดีนะ"
หลายวันต่อมา_"พี่รีนพาหลานมาเล่นกับหนูอีกแล้วแน่เลย" เมียรักรีบชะโงกดูผ่านหน้าต่างกระจกบานเลื่อน ยามมานั่งก่อกวนสามีในห้องทำงาน เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นจอดลานกว้าง สีคันเดิมไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกรักเด็กขึ้นมา หรือเพราะหลานของซิลค์ชอบอ้อนเก่ง ช่วยเติมเต็มความเหงาของสองคนในบ้านได้ดี"อืม" น้ำเสียงเข้มตอบกลับราวไม่สนใจ เมื่อรับหน้าที่ตรวจเช็คสสารสำคัญอยู่ ผ่านหน้าจอคอมโดยมีเจ้าหน้าที่ในแลปคุยวีดีโอคอลด้วย เพราะเขาอยากใช้เวลาหลังงานวิวาห์ชดเชยให้ภรรยาสาวอย่างเต็มที่ก่อน"งั้นหนูไปล่ะนะ" ช่วงเวลาของเจ้าหน้าที่ห้องแลปคนนั้นก้มอ่านเอกสารอยู่ ร่างอรชรรีบพุ่งตัวหอมแก้มสากฟอดใหญ่ เธอรู้ดีว่าสามีหนุ่มจะกดปิดกล้องได้รวดเร็ว จึงไม่กลัวภาพลักษณ์นายแพทย์อัจฉริยะเสียหาย สองเท้าเรียวสวยรีบก้าวเดินออกจากห้องทำงาน ไปต้อนรับมารีนซึ่งมีศักดิ์เป็นสะใภ้คนรอง สั่งให้ลูกน้องช่วยกันเตรียมอาหารว่างสำหรับเด็ก และเครื่องดื่มน้ำหวานพอประปราย"สวัสดีค่ะพี่รีน" ถึงแม้เธอจะเป็นสะใภ้คนโตของครอบครัว แต่ด้วยอายุน้อยกว่าจึงยกมือพนมไหว้หญิงสาว ที่จับลูกสาวและลูกชายสองข้าง ไร้ใบหน้าซายน์ไม
หนึ่งเดือนต่อมา_@ งานวิวาห์ Silk&Moar ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวเจ้าบ่าว บรรยากาศงานวิวาห์ชื่นมื่น ตกแต่งสไตล์เรียบง่าย ท่ามกลางบรรดาญาติใกล้ชิดและคนสนิท เพื่อให้เป็นตามความประสงค์ที่เจ้าของงานอยากสงวนช่วงเวลาสำคัญ ให้สิทธิ์ครอบครัวเจ้าสาวไร้ข้อกังวลใจ"แกสวยสมเป็นเจ้าหญิงจริงๆนะยัยโม" เป็นเสียงของเพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยชม หลังจบพิธีการในช่วงเช้า เห็นโมอาในชุดเจ้าสาวสีขาวประดับเลื่อมเพชรวาววับ กำลังย่างกรายมาทักทาย ด้วยชุดโชว์ไหล่มนทั้งสองข้างขับผิวออร่าสว่างไสว จวบจนเวลายามบ่ายคล้อยอากาศตรงที่จัดงานไม่ได้รู้สึกร้อนเลย"แค่อดีตหน่ะเบลล์" เธอเอ่ยบอกเพื่อนสาว ขณะยืนรอเจ้าบ่าวแยกตัวไปคุยกับกลุ่มเพื่อน ปล่อยให้แขกคนอื่นเข้าหาเจ้าสาวแสดงความยินดี เพราะซิลค์เองไม่ใช่คนชอบพูดสักเท่าไหร่ แม้ในงานมงคลของตัวเอง ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรเลย นิสัยของเขาบางอย่างก็ควรยกเว้น เลือกแลกเปลี่ยนใช้ความเข้าใจจะดีกว่า ชีวิตคู่หลังจากนี้เพิ่งเริ่มต้น"แต่ยังไงฉันก็ดีใจกับแกด้วยจริงๆนะ เห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาอดซึ้งไม่ได้จริงๆ" เบลล์แกล้งหยิบผ้าเช็ดหน้าคล้ายซับน้ำตาหยอกล้อ แม้ว่าข้างในจะรู้สึกเช่นที่
ณ ประเทศไทย"จะแยกห้องกันอีกทำไม?""หนูยังงอลคุณอยู่ค่ะ โทษฐานปล่อยหนูกลับไปก่อนเอง!" เสียงของคนตัวเล็กป่าวประกาศจริงจัง ตลอดเวลาการเดินทางกลับจนกระทั่งถึงบ้านซิลค์ ยังหยุดเถียงอยู่ตรงบรรไดทางขึ้น ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปจนหลายคนยากเดาความคิด ร่างสูงยืนถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เขาอุตส่าห์เผชิญหน้าอยากพาภรรยาสาวกลับมาเคียงคู่ แต่ไฉนเลยโมอาไม่ยอมฟังคำอธิบาย ยืนกรานเถียงให้เตโชจัดห้องส่วนตัวเหมือนครั้งเก่า"ไปรับกลับแล้วนี่" พอฝ่ามือหนาจะเอื้อมจับหัวไหล่มนหันคุยกัน ร่างอรชรดันสลัดออกเชิดหน้าใส่ประหนึ่งต้องการเอาชนะ ท่ามกลางบอดี้การ์ดชายสองคนต่างสับสน เพราะไม่รู้จะเข้าข้างเจ้านายคนไหนก่อนดี"พี่เต!ขอกระเป๋าโมด้วยค่ะ" เธอบอกผ่านน้ำเสียงแข็งจนอีกฝ่ายยอมลดทิฐิลง เอนหน้าสากให้ลูกน้องทำตามคำสั่งที่หญิงสาวต้องการ แม้แต่เดโม่เองก็ไม่เข้าใจว่าโมอาคิดสิ่งใดแน่ ทำตามแค่รักษากฎระเบียบของบ้าน ห้ามคนอื่นเดินขึ้นข้างบนยกเว้นเจ้าของและเตโชคนสนิท"ครับ" เตโชยอมยื่นกระเป๋าสัมภาระส่งให้ ครั้นต้องการนำไปจัดไว้ห้องมาเฟียหนุ่ม แต่ทว่าดูเหมือนการกลับมาครั้งนี้คงได้ปวดหัวมากกว่าเดิม"อ้อ...แล้วของใช้หนูในห้องคุณเอาม
วันต่อมา_"องค์หญิงตื่นค่ะตื่น!!" เสียงของพี่เลี้ยงอย่างลิลลี่พยามตะโกนเรียกหญิงสาวบนเตียง เมื่อโดนบุพการีเธอออกคำสั่งให้ไปพบ เพราะมีเรื่องสำคัญซึ่งทุกคนกำลังรออยู่ นาฬิกาบนฝาพนังไล่เดินไปช่วงถึงสิบโมงเช้า เป็นเวลาก่อนที่โมอาจะตื่นทุกวัน บวกกับความร้อนใจของพี่เลี้ยงต้องรีบส่งมือเขย่าขาเรียวกระวนกระวาย"หื้อ..อะไรพี่ลิลลี่!" เมื่อคนถูกปลุกกระทันหัน ยังไม่รู้สึกว่านอนเต็มอิ่ม กว่าเมื่อคืนเธอจะทำใจหลับลงได้เกือบเข้าสู่เช้าวันใหม่ ครั้นยังติดใจถ้อยคำของมาร์แชลล์อยู่ห้วงหัวสมอง เขารับปากว่าจะพากลับไปประเทศไทยได้ยังไง หากบิดาและมารดาไม่ยินยอม"รีบตื่นเถอะค่ะ ทุกคนรอองค์หญิงที่ห้องโถงกันหมดแล้ว" ลิลลี่รีบเตรียมสิ่งของขณะอธิบายบอก เหลือเวลาไม่มากแล้วหากหญิงสาวไปไม่ทันการณ์ อาจเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกแบบนึง"รอ?รอเราทำไม?" ร่างอรชรค่อยๆลุกชันตัวขึ้นพิงหัวเตียงช้าๆ ไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายตามพี่เลี้ยงสักนาทีเดียว แถมยังยกมือชี้ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนมากกว่า ท่าทางใจเย็นสลับกัน"ก็ไปสัญญาอะไรกับองค์ชายไว้ล่ะคะ ถ้าช้าอีกนิดเผื่อพวกท่านเปลี่ยนใจ ลิลลี่ไม่มาป...." แค่ลิลลี่พยามบอกยังไม่ทันจบประโยคดี
"โดนเมียทิ้งเหรอเฮีย??" ผู้เป็นน้องชายเอ่ยถามขึ้น ดึงทุกสายตาเหลียวมอง สัมผัสได้ถึงบรรยากาศนิ่งสงัด ที่เจ้าของห้องไม่พึงประสงค์แก่แขกไม่ได้รับเชิญ"จะกลับได้หรือยัง?" ซิลค์กับตอบไม่ตรงคำถาม เหลือบมองผ่านสายตาเชิงตำหนิ ชวนรุ่นน้องขนลุกซาบซ่าน เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยไล่ให้ได้ยิน ร่างสูงสง่าเอนหลังพิงพนักท่าทางเยือกเย็น หยิบปากกาขึ้นมาควงเล่น ระหว่างรอผู้ร่วมอาศัยในห้องออกไป"ดุจังล่ะเฮีย ถ้าไม่บอกไม่เป็นไรก็ได้ แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าผมช่วยได้เสมอ" ซายน์ทำหน้าทะเล้นใส่ ลุกตรงไปนั่งแทรกกลางระหว่างเอเดนกับภาคิน จนพวกเขาเขยิบอย่างรำคาญ"ช่วยได้?" เป็นคำถามพูดขึ้นที่ทำให้ผู้ฟังไม่ได้รู้สึกดี เหมือนแฝงความคิดบางอย่างดูไม่น่าจะธรรมดาเท่าไหร่ ร่างสูงโน้มตัวนั่งค้ำโต๊ะทำงาน ประสานสองมือหนายกระดับใต้คางสาก"สั่งๆมา ไอเดนกับไอคินพร้อมอยู่แล้ว" ซายน์รีบพูดปัดป่าย หยักหัวไหล่ข้างนึงเรียกความหมั่นไส้ ใช้ข้อศอกทั้งสองข้างกระทุ้งใส่ท่อนแขนรุ่นน้อง ดั่งโยนโทษมหันต์โดยที่พวกเขาไม่ได้ทำผิดเลย"ไปอเมริกากัน" ซิลค์บอก ด้วยความที่ใบหน้าเย็นชาไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ยิ่งซ้ำเติมความรู้สึกว่าเอเดนกับภาคินไม่น่
Comments