....การเจอกันครั้งแรก ด้วยอุบัติเหตุ...จึงนำพามาสู่ความใกล้ชิด... คนหนึ่งที่ตั้งใจรัก...แต่อีกคนกลับเข้าหาเพื่อหวังพียงได้เชยชมร่างกายอันบริสุทธิ์ของเธอ...
もっと見るบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถหลายนับร้อยคัน หลากหลายทุกยี่ห้อทุกชนิด บนจราจรที่ติดขัดหนาแน่นไปด้วยรถเล็กไปจนถึงรถใหญ่ในเมืองกรุงอันแสนจะวุ่นวาย ในยามเช้าของทุกๆวัน เพราะทุกเวลาล้วนมีค่า ต่างต้องพึ่งพาเงินตราในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ของคนหาเช้ากินค่ำ
เอี๊ยด!
โครม!
เสียงล้อรถลากยาวบดเบียดกับถนน เมื่อเห็นว่ามีบางอย่างมาตัดหน้ารถหรูของเขา ทำให้ชนเข้าอย่างจัง ถึงแม้ว่าเขาจะขับมาด้วยความเร็วไม่แรงเสียเท่าไหร่ เพราะชะลอความเร็วเผื่อไว้อยู่แล้ว ในที่ชุมชนแบบนี้ อุตส่าห์จะหลบหลีกจราจรที่ติดขัด แต่กลับต้องมาเจอกับอุปสรรคเข้า
“เฮ้ย! ขับออกมาได้ยังไงวะ ไม่ดูรถหรือยังไง” เสียงก้นด่าพ่นออกมาทันที เมื่อเท้าแตะเบรก
แต่สิ่งที่ปะทะกันอยู่ตรงหน้ารถหรู ก็พอจะคาดเดาได้ว่าเสียหายอยู่มากพอสมควร เพราะแรงปะทะ ทำเอารถตัดหน้ามาล้มลงอยู่ตรงหน้ารถหรูของเขาพังแทบทั้งคัน เพราะสภาพที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักแล้ว
ร่างสูงเปิดประตูรถลงมาดูสภาพรถของตัวเองทันที เพราะถนุถนอมมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเห็นว่าคู่กรณีนั้น เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง กลับลืมเรื่องรถของตัวเองไปเสียสิ้น รีบเข้าไปช่วยยกรถออกเพราะทับร่างของเธอ แล้วช่วยประคองหญิงสาวนั้นขึ้นมา กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ...” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นมา ด้วยความรู้สึกเป็นกังวล พร้อมกับน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเธอคือผู้หญิง
แต่กลับไม่ได้เห็นใบหน้าที่แน่ชัดของเธอ เพราะหญิงสาวสวมหน้ากากอนามัย แล้วสวมหมวกปิดบังใบหน้าทับมาอีกที
“ไม่เป็นไรค่ะพี่...ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวรีบเอ่ยขอบคุณทันทีที่ร่างสูงช่วยมาพยุงเธอขึ้น
แล้วมองดูสภาพรถทั้งสองคัน ทั้งของเธอและของเขาใบหน้าสลดลงมาทันที เพราะรถหรูราคาหลายร้อยล้าน กับของเธอแค่ราคาไม่กี่หมื่น แต่ก็สามารถพาเธอเลี้ยงชีพมาได้นานพอสมควร
“หนูขอโทษด้วยคะ พอดีหนูรีบเลยไม่ทันได้มองว่ามีรถพี่มา พอดีต้องรีบไปส่งของให้ลูกค้าค่ะ ส่วนค่าเสียหายหนูจะรีบทำงานมาจ่ายพี่นะคะ พี่จะเรียกเท่าไหร่ว่ามาได้เลยค่ะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยขึ้นมาทันทีอย่างรู้สึกผิด
“ช่างเถอะคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แล้วรถน้องดูแล้วน่าจะซ่อมไม่ได้แล้ว...” ร่างสูงพูดขึ้น เพราะดูสภาพรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของหญิงสาวแล้ว ไม่น่าจะไปต่อได้ แถมหัวเข่าของเธอที่เห็นรอยถลอกพร้อมกับเลือดที่ไหลซึมออกมาผ่านกางเกงยีนส์ทีเข้ม
“...” หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าร่างสูงนิ่งเงียบทันที ไม่กล้าขยับตัวไปไหน
“ไปขึ้นรถสิพี่ขับไปส่งเอง...ส่วนมอ’ไซค์นี้เดี๋ยวให้คนมาขนไปร้านซ่อมให้ แล้วรถของพี่น้องได้ชดใช้อย่างแน่นอน แต่ไม่ใช่ตอนนี้” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับจ้องมองหญิงสาวผ่านหน้ากากอนามัย แล้วพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรคะ โอ้ยย...” หญิงสาวรู้สึกใจหวั่นๆขึ้นมาทันที เมื่อเจอคำที่ร่างสูงเอ่ยขึ้นมาขู่เธอ ครั้นจะขยับเท้าเดิน กลับต้องร้องโอดโอยออกมาทันที เพราะตึงแผลที่ถลอกบนหัวเข่า
“หึ เจ็บแบบนี้ยังจะทำเป็นเก่งอีก เดินไหวไหม เดี๋ยวพาไปหาหมอเช็คร่างกายด้วย เผื่อสมองได้รับการกระทบกระเทือน...” ร่างสูงเค้นหัวเราะออกมา แต่ก็เข้าไปช่วยประคองพาเธอเดินไปขึ้นรถของเขาอยู่ดี และสิ่งของมากมายที่หญิงสาวห้อยมากับรถ ช่วยถือขึ้นไปในรถด้วย
“นี่พี่...” หญิงสาวขึ้นเสียงใส่ทันที ก่อนจะเข้าไปนั่งในรถหรูของร่างสูง
“จะให้ไปส่งที่ไหน...” ร่างสูงถามขึ้นมาทันที เมื่อทั้งคู่ขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“หนูไม่รู้ว่าเขาเรียกสถานที่นี้ว่าอะไรค่ะ มีแต่แบบนี้ พี่ไปถูกอยู่ใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไรดี เลยยื่นโทรศัพท์มือถือ ที่หน้าจอแตกยับเยินให้กับร่างสูงดู
“ส่งของภาษาอะไรไม่รู้จักสถานที่...คงไม่ใช่คนที่นี่สิท่า” ร่างสูงเอ่ยขึ้นอย่างดูถูกดูแคลน และคาดเดาได้ทันที เลยว่าเธอไม่ใช่คนถิ่นนี้ เพราะสำเนียงภาษาที่ใช้ก้แปลกกับพวกเขาแล้ว
“ค่ะ...ข่อยคนบ้านนอก” หญิงสาวตอบออกมา เป็นภาษาบ้านเกิดทันที
“พูดภาษาที่พี่ฟังออกด้วย อยู่ในรถก็ช่วยถอดหมวกถอดหน้ากากออกด้วย ปิดอย่างกับว่าโจรจะไปปล้นร้านทอง” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับเอื้อมมือจะไปหยิบสายเข็มขัดมารัดหญิงสาว
“จะ จะทำอะไร” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกักทันที เมื่อร่างสูงเข้ามาใกล้เธอ เพราะเกิดจนถึงตอนนี้ ไม่เคยเข้าใกล้กับชายอื่นใด้เลย แม้กระทั่งพ่อก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
“คาดเข็มขัดยังไงล่ะ ไม่รู้จักเหรอ...” ร่างสูงเอ่ยตอบเสียงเรียบนิ่ง แล้วดึงสายเข็มขัดมาตรงหน้าเธอล็อคทันที
พร้อมกับยกมือขึ้นจับหมวกของเธอออกจากศีรษะของเธอทันที ทำเอาผมที่รวบไว้ใต้หมวกแบบลวก ๆ สยายแผ่กระจายลงมาทันที มือหนาดึงหน้ากากอนามัยออกจากหน้าเธอ ทำให้ตอนนี้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำของเธอได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าทรงรูปไข่ รับกับแก้มป๋อง ๆ ทั้งสองข้าง ดวงตากลมโตเพียงเล็กน้อย ดูแล้วช่างน่ารักเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่ไร้เครื่องสำอางแต่งเติมใดๆ แต่กลับขาวใส่สะอาดไร้ที่ติเสียเหลือเกิน ใบหน้าที่เขินอายนี้ช่างต่างกับวาจาที่พ่นออกมาจากปากของคนเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“อะแฮ่ม...ว่าแต่เราชื่ออะไร พักอยู่ที่ไหนเหรอ พี่จะได้ตามไปเก็บค่าเสียหายถูก...” ร่างสูงเมื่อดึงสติได้ รีบดีดตัวออกห่าง แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“พี่...”
“แค่แซวเล่นเอง ทำไมต้องดุด้วย” ร่างสูงออกรถทันที ไปตาจุดหมายของหญิงสาวต่อทันที
“...เอิงเอยค่ะ เรียกเอยเฉยๆก็ได้” หญิงสาวเอ่ยตอบออกมาตามตรง
ปรียาภัทร หรือ เอิงเอย หญิงสาววัย 20 ปี สาวน้อยต่างหวัดที่ดั้นด้นมาอาศัยอยู่ในเมืองกรุงตั้งแต่ที่จบชั้นมัธยมปลาย เพราะต้องการหารายได้มาเป็นค่ารักษาพยาบาลแม้ที่ป่วยด้วยโรคร้าย สาวน้อยบ้านนาที่สู้ชีวิตแต่ชีวิตดันสู้กลับ ส่งตัวเองเรียนจนใกล้จะประสบผลสำเสร็จในอีกหนึ่งปีการศึกษานี้แล้ว
“เอิงเอยชื่อเชยชะมัด...พี่ชื่อเพชรน่ะ”
เพชร พงศกร หนุ่มโสดวัย 30 ปี เป็นบุตรชายคนโตของตระกูลดัง(เรืองพาณิชยากุล) ซึ่งประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่มีชื่อเสียงในระดับต้นๆของประเทศ ชายหนุ่มที่รักชีวิตอิสระสันโดษ บ้างานจนไม่เคยคิดที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาในชีวิต
“เพชรนี้บ่เชยเลยเนาะ...” หญิงสาวแบะปากล้อเลียนร่างสูงขึ้นมาทันที
“บ่นอะไร...”
“เปล่าค่ะ...” หญิงสาวนั่งลงอย่างเงียบ ๆ ทันที
“อย่าให้รู้น่ะ...ว่านินทาพี่ ใช้รถใช้ถนนในเมืองกรุง หูตาต้องไว แล้วนี้ไม่ได้เรียนเหรอ...” ร่างสูงพร่ำสอนหญิงสาวออกไปหนึ่งประโยค ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะอายุของเธอน่าจะอยู่ในช่วงวัยเรียน แต่ทำไมถึงต้องมาทำงานรับหิ้วของพะรุงพะรังไปหมด ทั้ง ๆ ที่ค่าจ้างต่อชิ้นเพียงไม่กี่บาทเอง
“ขอโทษค่ะ...หนูเรียนแค่เสาร์อาทิตย์” หญิงสาวเอ่ยตอบไปตามตรงเมื่อร่างสูงถาม
พงศกรขับรถมาถึงยังจุดหมายในเวลาไม่นาน และก็ทยอยส่งของให้กับลูกค้าของหญิงสาวอทนเธอ เพราะตอนนี้เธอเจ็บอยู่ จวบจนครบทุกคน แล้วจึงขับรถวนกลับคืนทันที แล้วมุ่งหน้าไปยังรงพยาบาลต่อ
เซอร์ไพรส์โรงพยาบาลเอกชน“คุณนิษมีอะไรหรือครับ ถึงได้โทรตามผมมา หนูเอย...” นายแพทย์ณัฐพงษ์ ถามพี่สะใภ้ขึ้น เมื่อถูกโทรตามตัวมาที่โรงพยาบาลกลางดึก แต่กลับต้องเบิกตากล้าง เมื่อคนนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในห้องฉุกเฉินนั้นคือใคร“...นี้หมอณัฐรู้จักสาวน้อยคนนี้ด้วยเหรอ” นิษฐาถามออกไปอย่างสงสัย“อื้ม...เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ ว่าแต่เธอเป็นอะไรมา แล้วพวกคุณสองคนเจอเธอได้ยังไงกัน” ณัฐพงษ์พยักหน้ารับ แล้วถามพี่สะใภ้ออกไปว่าเจอกันได้เช่นไร“...เธอมาสลบอยู่ตรงหน้ารถผมเลยครับคุณหมอณัฐ” ไม้เอกจึงเป็นฝ่ายตอบแทน“...อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น โชคชะตาฟ้าลิขิตชัด ๆ ว่าแต่เจ้าเพชรกับพี่พงษ์ไม่ได้มาด้วยหรือครับ” ณัฐพงษ์พูดออกมา แล้วถามถึงหลานชายและพี่ชายของเขาที่ไม่ให้หน้าเลย“...ตาเพชรมีเรื่องนิดหน่อย ว่าแต่หมอณัฐรู้จักสาวน้อยคนนี้เหรอ” นิษฐาตอบออกไป แล้วถามขึ้นด้วยความสงสัย“ไปคุยกันที่ห้องทำงามผมนะครับ โทรตาพี่พงษ์ด้วย จะได้เล่าทีเดียวเลย” ณัฐพงษ์เอ่ยบอกและก็ออกไปนั่งรอที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขาแทน ปล่อยให้พยาบาลดูแลหญิงสาวต่อ และเอาผลตรวจมาให้เขาที่ห้องเมื่อตรวจดูอาการเสร็จรอไม่เพียงไม่นานพัฒน์พงษ์ก็มาถึง แล
บาดตา บาดใจเมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมาจนถึงดึกมากพอสมควรแล้ว กลุ่มของปรียาภัทรจึงแยกย้ายกันกลับ เพราะเธอต้องกลับไปฉลองกับพงศกรต่อที่คอนโดฯ“อชิ เราฝากไปส่งแตงกวาด้วยนะ เดี๋ยวเรากลับเอง” ปรียาภัทรหันมาบอกทางวชิรวิชญ์ เพราะตอนนี้ภัทรธิดาเมามาก แทบจะทรงตัวไม่อยู่แล้ว“อื้ม...เจอกันเปิดเทอมปีสุดท้ายของพวกเรานะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับให้อย่างเป็นมิตร แล้วพาหญิงสาวที่เมาหลับไปแล้ว ขึ้นรถแท็กซี่พากลับทันที“โอเค บ้ายบ้าย” ปรียาภัทรโบกลาให้แก่ทั้งคู่ ก่อนที่จะเดินออกไปเรียกรถกลับเหมือนกันทว่าติ๊ง!เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดันดังขึ้นมาเสียก่อน มือเรียวกดดูกลับต้องเบิกตากว้าง น้ำตาคลอหน่วยออกมามาทันที เมื่อได้เห็นในสิ่งที่ปลายทางส่งมาให้ แต่ไม่ทราบว่าคือใครที่ส่งมา แต่คนในภาพและคลิปนั้น เธอรู้จักเป็นอย่างดีมองดูสถานที่และโลเคชั่นที่ฝั่งนั้นส่งมา ปรากฏว่าเป็นที่ที่เธออยู่ตอนนี้นั้นเอง แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อกริ่ง กริ่ง กริ่งคราวนี้เป็นการโทรเข้ามาจากคนที่ส่งข้อความหาเมื่อกี้แทน ปรียาภัทรรวบรวมความกล้า มืออันสั่นเทากดรับทันที“สวัสดีคะ...” เสียงที่สั่นคลอนเอ่ยขึ้นทักทาย เมื่อรับสา
รับคำท้า“วันนี้พี่มีธุระ ดึก ๆ ค่อยมาฉลองวันเกิดเอยที่ห้องกันนะ” ร่างสูงเอ่ยบอกเมื่อขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กำลังมุ่งหน้ากลับคอนโดฯ“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จอดดน้าคอนโดฯเลยแล้วกันคะ ไม่ต้องเลี้ยวเข้าไปจอดหรอก น้องเดินเข้าไปทางด้านหน้าเองก็ได้” ปรียาภัทรจึงบอกให้เขาจอดที่ด้านหน้าเลย“ประชดพี่เหรอ...”“เปล่าคะ...”“โกรธหรือเปล่า...” เสียงนุ่มถามขึ้น เมื่อเห็นเธอตอบเสียงแข็งกลับมา“ไม่คะ น้องจะโกรธพี่ไปทำไม”“ก็วันนี้วันเกิดเอย...แต่พี่ดันมามีธุระ” พงศกรเอ่ยบอกอย่างรู้สึกผิดต่อเธอ เพราะว่านัดเพื่อนก่อน แต่พึ่งมาคิดได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ และจะปฏิเสธเพื่อนก็ไม่ทันเอาเสียแล้ว“รอพี่กลับมาก็ได้คะ น้องรอได้ คือมีเรื่องสำคัญจะบอกพี่กับพี่ด้วย” หญิงสาวเอ่ยบอก ประจวบกับรถมาจอดที่หน้าคอนโดฯพอดี เธอจึงรีบเปิดประตูลงจากรถทันที เพราะจอดนานไม่ได้จากนั้นพงศกรจึงขับรถมุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้า เพื่อเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้แก่หญิงสาวก่อนที่จะไปหาเพื่อนที่นัดกันเอาไว้ทันที ไปมันตั้งแต่หัวค่ำนี้แหละ เพราะต้องรีบกลับมาฉลองวันเกิดกับสาวน้อยที่ห้องของเขาด้วย@ Night Club“มีอะไรวะ...”
ทำหน้าที่ของลูกรถยนต์กระบะสี่ประตูป้ายแดงขับมาด้วยความเร็วสูง และจอดอยู่ตรงหน้าของทั้งสามที่ยังคงยืนสนทนากันอยู่ที่เดิม“มาครับ เอาของไปขึ้นรถกัน” พงศกรเปิดประตูรถลงมา แล้วเดินมาช่วยถือของปรียาภัทรเอาไปไว้ที่ท้ายรถน้ำทิพย์ยังคงมองสำรวจดูอย่างพิจารณา ด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลน คิดไปต่าง ๆ นานา ว่าชายหนุ่มคงจะเช่ารถจากที่อื่นมาแน่ เพราะดูรวม ๆ แล้ว คนอย่างปรียาภัทรเหรอจะมีคนรวย ๆ มาชอบ ไม่มีทางเด็ดขาด เธอต้องเหนือกว่าทุกอย่าง“ทิพฟี่ยูคุยกับไผคือบ่เข้าบ้าน ไอตามหายูตั้งโดน” (ทิพฟี่คุณคุยกับใครทำไมไม่เข้าบ้าน ฉันตามหาคุณอยู่ตั้งนาน) เสียงหนุ่มตาน้ำข้าวที่พูดไทยปนอีสานออกอย่างชัดเจน พูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาตามน้ำทิพย์ภรรยาของเขา“ฝรั่งอะไรวะ พูดอีสานชัดแจ๋วเลย” พงศกรเอ่ยซุบซิบกับหญิงสาวพอให้ได้ยินกันแค่สองคน“พี่เพชร” หญิงสาวตวาดเสียงดุใส่ทันที“เอย นี้ผัวเฮาเอง อเล็กซ์” (เอย นี้สามีฉันเอง อเล็กซ์) น้ำทิพย์พูดขึ้นกับปรียาภัทรเสีย“อื้ม...เฮากลับละ ต้องฟ้าวพาแม่ไปโรงบาลอีก” (อื้ม...ฉันกลับละ ต้องรีบพาแม่ไปโรงพยาบาลอีก) ปรียาภัทรไม่ได้สนใจ และไม่อยากเสวนาให้มากความ จึงรีบเดินขึ้นรถไปทันทีคืนน
เอิงเอยพาทัวร์ช่วงสายของวัน“อื้อ...” หญิงสาวรู้สึกหนักตัวเพราะถูกแขนแกร่งกอดไว้แน่น“พี่เพชร พี่ยังไม่ลุกออกจากห้องไปอีกเหรอสายป่านนี้แล้ว” แต่กลับต้องเบิกตากว้างเมื่อตะวันขึ้นชี้โด่แล้ว ร่างสูงยังไม่ลุกออกไปจากห้องของเธออีก“ไปมาแล้ว พี่เมื่อยของีบต่ออีกสักหน่อยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก โดยไม่ได้ลุกขึ้นมาดูหน้าของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย“พี่เพชร แต่วันนี้เราต้องพาแม่ไปเตรียมตัวที่โรงพยาบาลน่ะ” ปรียาภัทรเอ่ยบอกร่างสูงและจับแขนแกร่งที่กอดเธอไว้ออก“ช่วงบ่ายไม่ใช่เหรอ พี่ถามแม่อรแล้ว” ร่างสูงลุกขึ้นมานั่งข้างๆ แล้วบอกหญิงสาวออกไป เพราะอิงอรแม่ของเธอพึ่งบอกเขาตอนเช้านี้เอง“พี่ถามแม่ ถามตอนไหน ทำไมน้องไม่เห็นรู้เรื่องเลย” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นถามอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย“เช้ามืด”“ฮ๊ะ...เช้ามืด” หญิงสาวอุทานออกมาเสียงดัง เมื่อได้ยินที่พงศกรบอก“อื้ม แม่อรรู้เรื่องของเรา และเรียกพี่ไปคุยตั้งแต่เช้าตอนไก่ขันแล้ว” ร่างสูงพยักหน้าให้ แล้วเอ่ยบอกความจริงกับเธอออกไป เมื่อเห็นใบหน้ากังวลของเธอ“...” หญิงสาวไม่พูดอะไรตอบ แต่กลับก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดต่อแม่ที่ไม่บอกความจริง แต่จะให้เธอบอกเช่นไร เพราะสถา
สารภาพ(ผิด) NC“พี่เข้ามาทำไม เดี๋ยวแม่เห็นเอานะ” หญิงสาวรีบเอ่ยบอก เมื่อร่างสูงถอนจูบออกจากปากของเธอ“พี่นอนไม่หลับ” ร่างสูงเอ่ยบอกอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรร่างสูงไม่ได้พูดอะไรให้มากความยาว อุ้มหญิงสาวมาวางลงบนที่นอน แล้วตามไปทาบทับร่างบางเอาไว้อีกที“พี่จะทำอะไร” หญิงสาวถามขึ้น แต่ก็พอจะเดาสถานการณ์ตอนนี้ได้แล้ว“ทำเอย” เสียงเรียบเอ่ยบอกออกมาอย่างจริงจัง“ตะ แต่พี่เพชร ห้องนี้ไม่เก็บเสียงนะ” หญิงสาวรีบดันหน้าอกแกร่งของร่างสูงห้ามเอาไว้ แล้วแย้งขึ้นมาทันที“เอยก็ร้องเบา ๆ สิ” เสียงเรียบเอ่ยกระซิบชิดที่ข้างหูของเธอลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดต้นคอขาวของเธอนั้น ทำเอาเธอขนลุกซู่ไปหมด ลมหายใจเริ่มติดขัดขึ้นมา หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ“พี่เพชร อื้อ...”แต่ไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยพูดอะไรออกมา ร่างสูงก็ก้มลงมาประกบปากของเธอเสียแล้ว ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวหยอกล้อกันอย่างเมามัน กวาดชิมน้ำหวานจากโพลงปากอวบอิ่มนั้นอย่างช่ำชองมือไม้ปลาหมึกเริ่มอยู่ไม่สุขเมื่ออารมณ์เตลิด จับหญิงสาวถอดชุดนอนตัวบางออกอย่างเร่งรีบ และตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง ที่ใช้เวลาถอดไม่ถึงนาทีเสียด้วยซ้ำเนื้อตัวนุ่มนิ่มผิวพรรณขาวสะอาดตา
コメント