เข้าสู่ระบบบทที่ 8 อุบัติเหตุเล็กๆ
ร่างสูงใหญ่ของธนินทร์เดินนำพิมไปตามทางเดินที่ปูด้วยหินกรวด ผ่านต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา แสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมารำไร อากาศอบอ้าวเล็กน้อยแต่ก็ยังคงมีลมพัดเอื่อยๆ บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงแมลงและเสียงนกร้องแผ่วๆ ไกลๆ ไม่นานนัก พิมก็เห็นอาคารเตี้ยๆ หลังหนึ่งตั้งอยู่ไม่ไกล มีกลิ่นหอมของอาหารลอยมาตามลม ธนินทร์เดินตรงเข้าไปในอาคารนั้น ซึ่งเป็น โรงอาหาร ของฟาร์ม บรรยากาศภายในโปร่งโล่ง สะอาดสะอ้าน มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่หลายตัววางเรียงรายอยู่ ในโรงอาหารมีคนงานของฟาร์มกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งทานข้าวกลางวันอยู่ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ชายวัยกลางคนถึงสูงอายุ ทุกคนหันมามองนายใหญ่และสาวสวยข้างๆ ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ธนินทร์เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ให้กับพวกเขา ไม่ได้ทักทายอะไรเป็นพิเศษ เขารับจานอาหารที่ดูเรียบง่ายแต่ก็น่าทานมาสองจานจากแม่ครัว จานหนึ่งมีข้าวสวยร้อนๆ กับแกงหมู อีกจานหนึ่งเป็นผัดผักรวมมิตร เขายื่นจานผัดผักให้กับพิม "กินนี่" เขาพูดสั้นๆ พิมรับจานมาด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเขาจะตักอาหารให้เธอด้วยตัวเอง อาหารหน้าตาน่าทานและกลิ่นหอมชวนหิวทำให้ท้องของพิมร้องประท้วงอีกครั้ง ธนินทร์เดินนำไปที่โต๊ะว่างมุมหนึ่งของโรงอาหาร พวกเขานั่งลงตรงข้ามกัน พิมมองจานผัดผักรวมมิตรตรงหน้า มันดูเรียบง่ายแต่ก็มีสีสันชวนมอง เธอเป็นคนทานง่าย มีอะไรก็กินอันนั้น ไม่ค่อยเรียกร้องอะไรมาก ‘ผัดผัก...โอเค กินได้’ พิมคิดในใจ เธอตักผัดผักเข้าปาก รสชาติกลมกล่อม ไม่จัดจ้านเกินไป ทำให้เธอกินได้อย่างสบาย จากนั้นเธอก็เลื่อนสายตาไปที่จานแกงหมู ธนินทร์ตักให้เธอพยักหน้าให้ตัวเองเล็กน้อย ‘แกงหมู...เดี๋ยวขอชิมดูก่อน’ พิมตักแกงหมูเข้าปากช้าๆ รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกง เนื้อหมูนุ่มลิ้น แม้จะเป็นอาหารพื้นบ้าน แต่ก็ทำได้อย่างพิถีพิถัน มันอร่อยกว่าที่เธอคิดไว้มากนัก ทำให้พิมทานอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อยและเงียบงันไปพร้อมกับธนินทร์ ตลอดมื้อกลางวัน ความเงียบยังคงปกคลุมระหว่างทั้งคู่ เขาทานอาหารอย่างเงียบๆ และรวดเร็ว ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงเสียงช้อนส้อมกระทบจานแผ่วๆ และเสียงพูดคุยของคนงานคนอื่นๆ ที่ดังมาจากโต๊ะไกลๆ พิมเองก็ทานอาหารอย่างตั้งใจ เพราะความหิวทำให้รสชาติของอาหารธรรมดาๆ อร่อยขึ้นเป็นทวีคูณ สายตาคมกริบของธนินทร์เหลือบมองไปยังพิมเป็นระยะ เขาเห็นเธอตักแกงหมูเข้าปากช้าๆ แล้วก็พยักหน้าเล็กน้อยราวกับพึงพอใจในรสชาติ ‘ท่าทางจะทานง่ายกว่าที่คิดไว้’ เขาคิดในใจ เมื่อเช้าเธอดูหงุดหงิดกับการโดนสั่งให้ไปอาบน้ำ แต่ตอนนี้เธอกลับดูเป็นธรรมชาติและผ่อนคลายขณะทานอาหาร การที่เธอไม่บ่นเรื่องอาหาร หรือมีท่าทีไม่พอใจกับเมนูง่ายๆ แบบนี้ ทำให้เขารู้สึกว่าเธอเป็นคนไม่เรื่องมาก ไม่เหมือนผู้หญิงในสังคมที่เขาเคยเจอที่มักจะพิถีพิถันกับการกินอยู่เป็นพิเศษ เขามองเห็นแววตาที่ดูมีความสุขเล็กๆ เมื่อเธอได้กินอาหารอร่อยๆ ธนินทร์ไม่ได้พูดอะไร เขายังคงทานอาหารต่อไปอย่างใจเย็น แต่สายตาของเขากลับจับจ้องไปยังผู้หญิงตรงหน้าอย่างเงียบงัน ราวกับกำลังประเมินและทำความเข้าใจในตัวเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พิมกำลังทานแกงหมูอย่างเอร็ดอร่อย พลางคิดว่ารสชาติอาหารที่นี่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้ จังหวะนั้นเอง... "โอ มาย กอด!" เธออุทานออกมาเสียงดังเล็กน้อย พร้อมกับก้มลงมองสำรวจเสื้อยืดสีขาวตัวโปรดของตัวเองด้วยสีหน้าตกใจ มีคราบสีเหลืองส้มของแกงหมูกระเด็นเลอะอยู่ตรงหน้าอกเป็นวงกว้าง พิมถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอเป็นคนที่ชอบใส่เสื้อผ้าสีขาวมากๆ แต่มักจะมีปัญหาซุ่มซ่ามอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาทานอาหารที่เป็นน้ำหรือมีเครื่องเทศเยอะๆ แบบนี้ที่มักจะมีอะไรกระเด็นเลอะเสื้อผ้าอยู่ตลอด ส่วนธนินทร์กำลังตักข้าวเข้าปากอย่างเงียบๆ เมื่อได้ยินเสียงอุทานของหญิงสาวตรงหน้า สายตาคมกริบของเขาก็หยุดลงที่คราบแกงสีส้มที่ประดับอยู่บนเสื้อยืดสีขาวของพิมอย่างเด่นชัด ‘ซุ่มซ่ามดีนี่... สมกับที่เป็นคนไม่เรียบร้อย’ เขาคิดในใจอย่างไม่รู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก ตั้งแต่เมื่อเช้าที่เห็นเธอในสภาพไม่พร้อม เขาก็พอจะเดาได้ว่าเธอไม่ใช่กุลสตรีอะไรนัก ‘แต่ก็ไม่ได้น่ารังเกียจอะไร... แค่เลอะ’ เขามองคราบแกงแล้วก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร มันก็แค่คราบอาหารบนเสื้อผ้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับเขา ร่างสูงใหญ่ตรงข้ามไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เขาวางช้อนลงช้าๆ แล้วหยิบกระดาษทิชชูที่วางอยู่บนโต๊ะ ยื่นมือไปจะช่วยเช็ดให้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสังเกตตำแหน่งที่เลอะดีๆ อีกครั้ง เขาเลยทำแค่ส่งยื่นทิชชูให้พิมโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว แววตาของเขายังคงนิ่งเรียบไม่แสดงความเห็นอกเห็นใจปรากฏให้เห็นชัดเจน พิมมองกระดาษทิชชูที่ยื่นมาตรงหน้า เธอรับมันมาจากมือของเขาโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าเธอแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยกับความซุ่มซ่ามของตัวเอง เธอรินน้ำสะอาดจากเหยือกบนโต๊ะลงบนกระดาษทิชชูจนชุ่ม แล้วค่อยๆ บรรจงซับลงไปบนคราบแกงที่เนินอกของเสื้อขาวอย่างเบามือและรวดเร็ว เธอรู้วิธีจัดการกับคราบแบบนี้เป็นอย่างดีจากการที่เลอะเทอะอยู่บ่อยครั้ง เธอบรรจงซับน้ำออกอยู่หลายที พยายามเช็ดคราบแกงนั้นออกก่อนที่มันจะฝังแน่น ดวงตาของพิมจดจ่ออยู่กับการทำความสะอาดคราบนั้นอย่างจริงจัง ท้ายที่สุด คราบแกงสีเหลืองส้มก็จางลงไปมาก จนแทบมองไม่เห็นในระยะไกล แต่สิ่งที่ทิ้งไว้คือ รอยดวงน้ำขนาดใหญ่ ที่เปียกชื้นบนเนื้อผ้าบริเวณเนินอก เสื้อยืดสีขาวเนื้อบางเมื่อโดนน้ำ ยิ่งแนบเนื้อและเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านในมากขึ้นกว่าปกติ บริเวณเนินอกที่ต่อกับขอบบราจึงปรากฏให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นภายใต้เนื้อผ้าที่เปียกชื้น มันไม่ได้โป๊เปลือย แต่ก็เผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าของสรีระที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างเด่นชัดภายใต้เสื้อสีขาวที่เปียกน้ำ ธนินทร์ยังคงนั่งนิ่ง มองการกระทำของพิมตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเห็นเธอรับทิชชูไปรินน้ำ แล้วบรรจงซับคราบแกงที่เนินอกอย่างคล่องแคล่ว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่มือของเธอ และเสื้อสีขาวที่เปียกน้ำแล้วแนบไปกับผิว แต่แล้ว...เมื่อคราบจางหายไป สิ่งที่ปรากฏขึ้นแทนคือ รอยน้ำขนาดใหญ่ ที่ทำให้เสื้อสีขาวเนื้อบางแนบไปกับผิวเผยให้เห็นรูปทรงที่ซ่อนอยู่ภายในชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะบริเวณเนินอกที่ต่อกับขอบบรา มันไม่ใช่การตั้งใจโชว์ แต่เป็นผลจากความซุ่มซ่ามที่เพิ่งเกิดขึ้น สายตาคมกริบกวาดมองไปยังบริเวณนั้นช้าๆ เขาไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีหน้า แต่ภายในใจกลับรับรู้ถึงภาพตรงหน้าอย่างเงียบงัน ‘ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด... ในสภาพแบบนี้’ ธนินทร์ยกมุมปากนิดเดียว ก่อนจะก้มลงทานอาหารของตนเองต่อ เขายอมรับในใจว่ารูปร่างของเธอนั้นไม่ธรรมดา แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ตาม ส่วนพิมยังคงไม่รู้ตัวถึงร่องรอยน้ำที่ทำให้เสื้อยืดสีขาวแนบเนื้อเผยสรีระ เธอหันกลับไปสนใจอาหารในจานและทานต่ออย่างเป็นปกติ ธนินทร์เองก็ไม่ได้เอ่ยปากเตือน หรือแสดงท่าทีใดๆ ที่จะทำให้เธอรู้ตัวถึงสภาพเสื้อของตัวเอง เขาเพียงแค่เหลือบมองเธอเป็นระยะ แล้วกลับมาทานอาหารของเขาต่ออย่างใจเย็น เมื่อเธออิ่มแล้ว เธอวางช้อนส้อมลงก่อนดื่มน้ำไปอีกอึกใหญ่ ทางธนินทร์เองก็ทานอาหารเสร็จแล้วเช่นกัน เขาวางช้อนส้อมลงอย่างเงียบๆ แล้วเลื่อนจานเปล่าไปด้านข้างเล็กน้อย ดวงตาคมกริบของเขายังคงจับจ้องมาที่คุณพิมเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาไม่แม้แต่จะถามว่าพิมอิ่มไหม หรือถามความเห็นเกี่ยวกับอาหาร เขาเพียงแค่ลุกขึ้นจากเก้าอี้โดยไม่พูดอะไร พิมมองตามเขาด้วยความงุนงง ไม่แน่ใจว่าเขาจะไปไหนต่อ "ถ้าทานเสร็จแล้ว...ก็กลับไปพักผ่อนได้" ธนินทร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเรียบเฉยเช่นเคย เขามองคุณพิมนิ่งๆ ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อนำจานไปเก็บ เธอก็พยักหน้ารับคำของเขาอย่างงงๆ แล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตามไป เพื่อนำจานของตัวเองไปเก็บเช่นกัน -🖤🤍🖤-บทที่ 64 การจัดการของธนินทร์"ส่วนหลังจากนั้น..." ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม "ตอนพิมกลับไปบิน ผมจะจัดตารางงานตัวเองเพื่อไปหาพิมให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้""ทุกครั้งที่พิมมีวันหยุดเราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าพิมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม" ธนินทร์กล่าวอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม "ถ้าพิมสะดวกที่จะกลับมาที่นี่ ผมก็จะจัดเตรียมทุกอย่างให้พิมกลับมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้ได้อย่างเต็มที่""... ผมจะโทรหาพิมทุกวัน” ธนินทร์กล่าวอย่างมั่นใจ "เราจะวิดีโอคอลกันทุกคืนก่อนนอน ถ้าพิมไม่เหนื่อยเกินไป""ผมจะทำให้พิมรู้สึกว่า ผมอยู่ข้างพิมเสมอ ไม่ว่าพิมจะอยู่บนฟ้า หรืออยู่ต่างประเทศ" ธนินทร์กระชับมือพิมแน่น "ความสัมพันธ์ของเราจะไม่ทรมาน อย่างที่พิมกังวล""ผมจะพิสูจน์ให้พิมเห็นว่า ผมพร้อมที่จะเป็นที่พึ่งให้พิมได้เสมอ ไม่ว่าพิมจะเจอเรื่องอะไรก็ตาม"ธนินทร์เพิ่งนำเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรมในการดูแลพิมในความสัมพันธ์ทางไกล แต่พิมกลับยังคงเต็มไปด้วยความกังวล เธอคิดถึงแฟนคนปัจจุบันที่แม้จะToxicแต่ก็อยู่เคียงข้างกันเสมอ"ถ้าเราจะคบกันจริงๆในฐานะแฟน แล้วต่างคนต่างอ
บทที่ 63 บทสนทนาที่เกินเรื่องธนินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นคง "เรื่องที่พิมต้องกลับไปบิน... พิมไม่ต้องกังวลเลย""สองเดือนที่พิมอยู่กับผมที่นี่... ผมจะทำให้พิมมั่นใจว่า ผมจริงจังมากแค่ไหน""ส่วนเรื่องหลังจากนั้น... ไม่ว่าพิมจะไปอยู่ที่ไหนหรือทำอะไร" ธนินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของพิม "ผมก็จะอยู่ตรงนี้เสมอ และพร้อมที่จะรอพิม"‘แปลว่านี้จะกลาย... เป็น Love with Long Distance สินะ’ พิมคิดในใจ เธอไม่เคยต้องการอยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้เลย ‘มีแฟนเหมือนไม่มี’ พิมรู้สึกเหนื่อยใจกับความคิดที่ตีกันอยู่ในหัว ‘ความสัมพันธ์นี้คงไม่เวิร์คแน่ๆ มีอุปสรรคเยอะไป มีสิ่งให้กังวลเยอะไป’ เธอคิดถึงความยากลำบากของการคบหากันทางไกล ทั้งระยะทาง เวลาที่ไม่ตรงกัน ความเหงา และความไม่มั่นคงชายหนุ่มมองออกว่าพิมกำลังครุ่นคิดอย่างหนักและเห็นแววความกังวลในดวงตาของเธอ เขารู้ว่าพิมกำลังมองเห็นอุปสรรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"ผมรู้ว่าพิมกำลังคิดอะไรอยู่" ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น "พิมกำลั
บทที่ 62 อย่าเล่นกับธนินทร์ mini NC+ธนินทร์ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดเขากลับกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นและกดศีรษะของเธอลงมาอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เธอขัดขืนได้หญิงสาวรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร มือที่เคยดันอกกว้างไว้แน่น รีบดึงขึ้นมาปิดปากของเขาไว้แทน ในเสี้ยววินาทีนั้นร่างกายส่วนบนของพิมก็แนบชิดไปทั้งตัวบนร่างกายส่วนบนของธนินทร์ มือนิ่มขวางกั้นระหว่างริมฝีปากหนานุ่มของเขากับริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้ธนินทร์รู้สึกถึงแรงปะทะจากมือบางที่ปิดปากเขาไว้แต่เขากลับไม่ได้โกรธหรือหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับเป็นความปรารถนาที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดวงตาของเขาจ้องมองพิมอย่างลึกซึ้งและร้อนแรงเขาไม่ได้ถอยกลับหรือหยุดสิ่งที่กำลังกระทำอยู่ ใบหน้าคมยังคงโน้มเข้าหามือของพิมที่ปิดปากเขาไว้ราวกับจะพยายามจูบผ่านฝ่ามือของเธอให้ได้ ริมฝีปากของเขาเม้มแน่นลงบนฝ่ามือของพิมเป็นการแส
บทที่ 61 ยั่วนักหรอคำพูดของพิมเป็นการเสนอทางออกที่เธอคิดว่านี้คือสิ่งที่ผู้ชายทุกคนต้องการ และธนินทร์ก็เป็นหนึ่งในผู้ชายพวกนั้น เธอมองว่าก็ตกลงให้ชัดเจนไปเลยเพื่อตัดจบความสัมพันธ์ โดยไม่ต้องมาเร้ารือหรือพยายามมากมายอย่างที่เขากำลังทำอยู่ให้เสียเวลาธนินทร์ชะงักค้างอยู่กลางอากาศใบหน้าของเขาที่กำลังจะโน้มลงไปจูบพิมแข็งทื่อไปในทันที แววตาที่เคยเต็มไปด้วยความปรารถนาและความอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นความโกรธที่ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง ธนินทร์ไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนโดยเฉพาะจากคนที่เขาตั้งใจจะจริงจังและปรารถนาร่างสูงถอนใบหน้าออกจากพิมอย่างรวดเร็วจนเกิดระยะห่างขึ้นอีกครั้ง มือที่เคยแตะแก้มพิมอย่างอ่อนโยน ลดลงมาบีบที่วางแขนเก้าอี้ของตัวเองแน่นจนข้อกระดูกขาวโพลน กรามของเขาขบกันจนขึ้นเป็นสันนูนสาวตาคมมองพิมด้วยแววตาที่เย็นชาและดุดันราวกับพยายามควบ
บทที่ 60 จริงจังหรือแค่อยากได้พิมมองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาแดงก่ำสะท้อนถึงความเจ็บปวดและความสับสนที่ถาโถมเข้ามาในใจ เธอรับรู้ถึงความจริงใจในแววตาและคำพูดของเขาแต่ก็ยังคงไม่เข้าใจในจุดยืนของธนินทร์"ถึงแม้พิมจะกลับไปหาเขางั้นเหรอ...?" พิมถามเสียงแผ่วใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ เธอไม่รู้ว่าธนินทร์จะยังคงยืนยันคำพูดนั้นอยู่หรือไม่ หรือเขาแค่พูดไปอย่างนั้นเพราะไม่ได้รู้สึกกับเธอมากขนาดนั้นเขามองพิมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจังและความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง มือที่จับหลังมือของเธออยู่ก็กระชับขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดไปให้เธอ"ใช่...." ธนินทร์กล่าวเสียงทุ้มต่ำและหนักแน่น ทุกคำพูดชัดเจนและตรงไปตรงมาจนพิมรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในอก"ไม่ว่าพิมจะเลือกทางไหน... ผมก็จะยังอยู่ตรงนี้เสมอ"เ
บทที่ 59 ความสัมพันธ์เป็นพิษ"แล้วพี่จะยอมไปหรอ เครื่องลำเดิม" พิมถามด้วยความเป็นห่วงปลายสายเริ่มหงุดหงิดอีกครั้ง ตอบในทำนองว่า ก็เพราะไม่ยอมนั่นแหละถึงไฟลต์ดีเลย์ แต่สุดท้ายถ้าบริษัทให้ไปก็ทำอะไรไม่ได้"อือม ก็จริง" พิมพึมพำตอบด้วยความเข้าใจในสถานการณ์ของแฟนธนินทร์ที่นั่งฟังบทสนทนาอยู่ตลอดเวลา สีหน้าของเขายังคงเรียบเฉยแต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความโกรธและความไม่พอใจอย่างรุนแรง เมื่อได้ยินว่าแฟนของเธอหงุดหงิดที่พิมแสดงความเป็นห่วง ธนินทร์รู้สึกว่าชายคนนี้ ไม่ได้มีวุฒิภาวะพอที่จะดูแลความรู้สึกของพิมความรู้สึกของเขาจากความหงุดหงิดส่วนตัวกลายเป็นความห่วงใยพิมอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นที่จะปกป้องหญิงสาวไม่ให้ต้องอยู่กับคนแบบนี้ชัดเจนและแน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆการสนทนาดำเนินมาจนใกล้จะจบ เพราะพิมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับคนรักอีก เพราะดูเหมือนทุกอย่างที่เธอพูดมันสามารถทำให้เขาหงุดหงิดได้ทุกอย่าง"งั้นพี่ไปพักเถอะ หนูไม่กวนดีกว่า" พิมเอ่ยเสียงแผ่วลง เธอเริ่มไม่อยากคุยแล้ว เพราะโดนหงุดหงิ







