แชร์

บทที่ 13

ผู้เขียน: หว่านชิงอิ๋น
เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนมองไปที่ลั่วชิงยวนที่ประตูด้วยสายตารังเกียจ

ซูโหยวขมวดคิ้วและก้าวไปข้างหน้า และกันไม่ให้นางเข้ามาด้านในอีกครั้ง ลั่วชิงยวนมองเขาอย่างเฉียบขาด ก่อนจะผลักเขาออกไปแล้วเดินเข้ามา

สายตาที่เฉียบคมเมื่อสักครู่ ทำให้ซูโหยวเกิดความกลัวเล็กน้อย

น้ำเสียงของฟู่เฉินหวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ "เจ้าจะก่อเรื่องอันใดอีก?"

ลั่วชิงยวนมองไปที่ลั่วเยวี่ยอิงอย่างเย็นชา นางหยิบเครื่องประดับปีศาจนั้นออกมา แล้วถามเสียงเย็น "ทำไมเจ้าไม่อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุที่ล่อสายฟ้านี้ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังหน่อยเล่า"

ลั่วเยวี่ยอิงรู้สึกผิดเล็กน้อย และไม่กล้ามองนาง แต่นางก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง "ท่านพี่ถามข้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ซูโหยวเองก็เห็นว่า ข้าเป็นคนหยิบของชิ้นนั้นออกไป ท่านพี่นำมันกลับมาเพื่อจะพิสูจน์อันใด?”

"นั่นเป็นเพราะข้าเป็นคนขอให้เจ้านำของชิ้นนี้ออกมา แน่นอนว่าเจ้าไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้" ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ

ลั่วเยวี่ยอิงปฏิเสธที่จะยอมรับความจริง นางมองหน้านางด้วยน้ำตาคลอเบ้า และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสาร "ท่านพี่พูดอะไรก็ล้วนเป็นเช่นนั้น ท่านพี่เป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตั้งแต่เด็กจนโตข้าก็เชื่อฟังท่านมาตลอดะ"

น้ำเสียงและหน้าตาที่น่าสงสารนั้น ทำให้ผู้คนคิดว่า ลั่วชิงยวนรังแกนางตั้งแต่นางยังเด็ก!

สิ่งนี้กระตุ้นให้ฟู่เฉินหวนที่ปกป้องนาง เขาตำหนิลั่วชิงยวนอย่างเย็นชา "ลั่วชิงยวน เจ้าอย่าลืมสิ่งที่ตัวข้าอ๋องผู้นี้เคยเตือนเจ้า! ออกไปซะ!"

ความโกรธพลุ่งพล่านในใจของลั่วชิงยวน นางทุบสิ่งนั้นลงบนพื้นทันที หลังจากที่มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ มีเข็มเหล็กแหลมคมซ่อนอยู่ในซากปีศาจนั้น ความหนาเท่าหัวแม่มือ ปกคลุมด้วยลวดลายสายฟ้าและอักษรรูน

“เห็นหรือยัง? สิ่งที่ล่อสายฟ้าไม่ใช่ของประดับนี่ แต่เป็นซากสายฟ้าที่ซ่อนอยู่ด้านใน!”

ทุกคนตกใจเมื่อเห็นสิ่งนี้ ลั่วชิงยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?

ใบหน้าของลั่วเยวี่ยอิงซีดเซียว แต่นางตอบสนองอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยความประหลาดใจ "ท่านพี่ ทำไมท่านถึงนำมันกลับเข้ามา! รีบนำมันออกไปเถิดเจ้าค่ะ! มันจะทำร้ายท่านอ๋องนะเจ้าคะ!"

ฟู่เฉินหวนมองไปที่ซูโหยว และซูโหยวก็เข้ามาหยิบสายล่อฟ้านั่นแล้วโยนออกไปนอกประตูทันที

ลั่วชิงยวนกอดอกและยิ้มอย่างเย็นชา "ซากนี้ไม่สามารถก่อให้เกิดฟ้าผ่าลงมาได้ นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งที่ล่อสายฟ้าเท่านั้น และในตำหนักอ๋องแห่งนี้มีสิ่งนี้ซ่อนอยู่มากกว่าสิบชิ้น มันจะต้องวางไว้ในทิศทางต่าง ๆ เพื่อสร้างพลังบางอย่างเฉพาะ และเมื่อมีพายุฝนฟ้าคะนองเท่านั้น ถึงจะสามารถดึงดูดสายฟ้า!"

"และลั่วเยวี่ยอิง เจ้าไม่เข้าใจข้อเท็จจริงแม้แต่ผิวเผินด้วยซ้ำ! เจ้าจงใจปกปิดความจริง และแอบอ้างความดีความชอบ เจ้ากลัวอะไรกันแน่?"

นางรู้ว่าลั่วเยวี่ยอิงจะไม่ให้โอกาสนางทำประโยชน์ต่อหน้าฟู่เฉินหวน แม้ว่านางจะไม่ต้องการความดีความชอบนี้ แต่นางก็ไม่สามารถมองดูความเจ้าเล่ห์ของลั่วเยวี่ยอิงได้!

นางแค่ต้องการใช้โอกาสนี้ฉีกหน้ากากความเจ้าเล่ห์ของลั่วเยวี่ยอิงต่อหน้าสาธารณะเท่านั้น!

ลั่วเยวี่ยอิงไม่คาดคิดว่า คนโง่เขลาผู้นี้จะเข้าใจสิ่งเหล่านี้จริง ๆ แถมนางยังพูดอย่างชัดเจน และมีเหตุผล แต่นางกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ใบหน้านางแดงผาดอย่างรวดเร็ว

"ข้า...ข้าไม่ได้..."

ลั่วเยวี่ยอิงไม่สามารถตอบโต้ได้ ดังนั้นนางจึงหันศีรษะไปทางฟู่เฉินหวน และร้องไห้อย่างเสียใจว่า "ท่านอ๋อง หม่อมฉันมิได้..."

"นอกจากการแสร้งร้องไห้ขอความเห็นใจ เจ้าทำอะไรได้อีก? หากเจ้ามีความสามารถจริงก็จงไปหาสิ่งล่อสายฟ้า และพิสูจน์ความสามารถของเจ้าสิ! พิสูจน์ว่า เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตทุกคนจริง ๆ !" น้ำเสียงของลั่วชิงยวนคมกริบราวกับมีด นางเปิดเผยลั่วเยวี่ยอิงอย่างไม่เกรงใจ

ลั่วเยวี่ยอิงกังวลมาก แต่นางทำได้เพียงร้องไห้

ขณะนั้นสายตาที่ซูโหยวมองลั่วเยวี่ยอิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย หากนางเข้าใจสิ่งนี้จริง ๆ นางควรโต้เถียงลั่วชิงยวน แทนที่จะเอาแต่ร้องไห้

ในทางตรงกันข้าม ลั่วชิงยวนพูดถึงสิ่งล่อสายฟ้าได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผล แม้ว่ามันจะฟังดูไร้สาระ แต่ก็มีสิ่งที่ล่อสายฟ้าอยู่จริง

และเครื่องประดับนั้น อยู่ที่นั่นก่อนที่ลั่วชิงยวนจะแต่งงานกับท่านอ๋องเข้ามาภายในตำนหนัก ดังนั้นจึงเป็นไปมิได้ที่ลั่วชิงยวนจะเป็นคนวางไว้ที่นั่นเพื่อแสดงละคร

"ท่านอ๋อง หม่อมฉัน... หม่อมฉันมิรู้จริง ๆ ว่าสิ่งล่อสายฟ้าคืออะไร หม่อมฉันแค่คิดว่ามันน่าจะเป็นชั่วร้าย หม่อมฉันจึงหยิบมันออกไป หม่อมฉันมิเข้าใจเลยว่าสิ่งที่ท่านพี่พูดคืออะไร" ลั่วเยวี่ยอิงเงยหน้าขึ้นอย่างไร้เดียงสา ด้วยรูปลักษณ์ที่น่ารักและน่าสงสาร

ลั่วชิงยวนคิดว่า หลักฐานอยู่ตรงหน้าฟู่เฉินหวนขนาดนี้ เขายังคงไม่ฟังความข้างเดียวของลั่วเยวี่ยอิงหรอกกระมัง?

สิ่งที่นางต้องการคือความยุติธรรม

แต่ทว่านางกลับโดนลั่วเยวี่ยอิงขโมยไป!

อย่างไรก็ตาม เมื่อฟู่เฉินหวนเห็นลั่วเยวี่ยอิงร้องไห้ เขาก็จ้องมองลั่วชิงยวนอย่างเฉียบคม พร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความโกรธ "นอกจากแข่งขันอำนาจ เจ้ายังทำอะได้อีก? ตำแหน่งพระชายาของเจ้าแท้จริงแล้วก็ควรจะเป็นของลั่วเยวี่ยอิง เจ้ายังกล้ามาเรียกร้องอะไรที่นี่อีก!”

“ออกไปซะ!” ฟู่เฉินหวนโกรธจัด

คิดว่าลั่วชิงยวนเป็นสายลับที่ฟู่อวิ๋นโจวส่งมา จุดประสงค์ของการเรียกร้องความดีความชอบนี้เพื่ออะไรกัน หรือนางต้องการได้รับความไว้วางใจจากทุกคน เพื่อที่จะได้เป็นสายลับที่อยู่เคียงข้างเขา!

เมื่อลั่วชิงยวนถูกตำหนิ นางก็โกรธขึ้นมาทันที

“หม่อมฉันบุ่มบ่ามเองที่ช่วยชีวิตท่านไว้ถึงสองครั้ง! ฟู่เฉินหวน ท่านเป็นหนี้ชีวิตหม่อมฉันสองครั้ง!”

นางหันไปด้วยความโกรธ

เมื่อเห็นฉากนี้ ซูโหยวก็ขมวดคิ้ว ดูเหมือนอาการไม่พอใจของลั่วชิงยวนนั้นเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรม ท่านอ๋องปรักปรำนางเช่นนั้นหรือ?

ด้านนอกฝนยังคงตกหนัก และมีฟ้าร้องคำราม เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับลั่วชิงยวนหรือไม่ เขาจึงรีบออกไป ตั้งใจจะส่งคนสองคนพานางกลับไปที่ห้อง

อย่างไรก็ตาม ลั่วชิงยวนไม่ได้กลับไปที่ห้อง แต่นางเดินมาที่โถงทางเดินด้วยความโกรธ และย้ายหอกนั่นไปที่อื่น

ตัวล่อสายฟ้าอื่น ๆ ยังไม่ถูกเคลื่อนย้าย แม้ว่าตัวล่อในห้องจะถูกโยนเข้าไปในลานแล้ว การย้ายตัวล่อที่นี่ไปยังตำแหน่งอื่น สามารถสร้างพลังล่อสายฟ้าได้

ซูโหยวผู้ซึ่งเพิ่งเดินออกจากห้องและเห็นฉากนี้

วินาทีต่อมาก็มีเสียงดังโครมคราม

ฟ้าผ่าลงมาจากฟากฟ้า!

ฟ้าผ่าลงมาแทบจะในทันที ทำให้หลังคาแตก

“ท่านอ๋อง!” ซูโหยวอุทาน

ทันทีที่ฟ้าผ่าลงมาที่หลังคา ไฟก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ฝนตกหนักไม่ได้ทำให้ไฟดับในทันที แต่ไฟยังคงลุกลามท่วมเรือนทั้งหลังอย่างบ้าคลั่ง

“ท่านอ๋องระวังเพคะ!” ลั่วเยวี่ยอิงรีบพุ่งตัวใส่ฟู่เฉินหวน

บาดแผลของฟู่เฉินหวนเจ็บปวดอย่างรุนแรง เขากัดฟันและลุกขึ้น รีบห่มผ้านวมและอุ้มลั่วเยวี่ยอิงออกจากห้อง

"ท่านอ๋อง! ท่านอ๋อง!" ซูโหยวกระวนกระวายจนอยากจะรีบเข้าไปในเรือน แต่ถูกไฟขวางเอาไว้

จู่ ๆ ลานบ้านก็วุ่นวาย เซียวชูพาองครักษ์เข้ามาช่วยผู้คนจำนวนมาก ทุกคนต่างถอดเสื้อผ้าออกแล้วตบเพื่อดับไฟ

ไฟมอดลงบ้างแล้ว แต่ทันใดนั้น สายฟ้าอีกเส้นหนึ่งก็ฟาดลงมา และจุดไฟให้ลุกไหม้ใหญ่กว่าเดิม

ตู้ม…

คานหัก

ในนาทีสุดท้าย ฟู่เฉินหวนรีบออกจากห้องพร้อมกับลั่วเยวี่ยอิงในอ้อมแขน ท่านหมอกู้เองก็รีบตามออกมาเช่นกัน

เมื่อพวกเขาก้าวออกมา เรือนทั้งหลังก็พังทลายลง

ลั่วชิงยวนไม่แปลกใจที่เห็นฉากนี้ นางรู้จักการก่อตัวเหล่านี้ดี และนางสามารถควบคุมทิศทางของสายฟ้าได้อย่างแม่นยำ สายฟ้านี้ไม่ได้เล็งไปที่เตียงของฟู่เฉินหวน นางไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าพวกเขา เพียงแค่ต้องการกำจัดความโกรธในใจ และสอนบทเรียนให้แก่เขาเท่านั้น

ดังนั้นนางจึงไม่แปลกใจเลยที่ฟู่เฉินหวนยังมีชีวิตอยู่ และออกมาจากห้องนั้น

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ฟู่เฉินหวนออกมา และมอบลั่วเยวี่ยอิงให้ซูโหยว สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่นางด้วยเจตนาสังหารที่รุนแรง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1545

    ทั้งสองฝ่ายต่างชักกระบี่ออกมา จ้องมองหน้ากันด้วยความเป็นศัตรูลั่วชิงยวนเห็นว่าพวกเขากำลังจะต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งแม่ทัพคนต่อไปแต่นางไม่มีเวลาให้เสียไปอีกแล้ว“แม่ทัพจี้ ข้ามีธุระอื่น เรื่องที่นี่ข้าขอฝากท่านไว้ ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนถามจี้เฉียนตอบตกลงโดยมิลังเล “ไม่มีปัญหา!”จากนั้นลั่วชิงยวนก็พาโฉวสือชีและหุ่นเชิดสองตัวรีบออกจากจวนตระกูลฉีไปวังเหิงมองแผ่นหลังของลั่วชิงยวนที่ออกไปอย่างโกรธเคือง “จับตัวพวกนั้นมา! อย่าให้ออกไปได้!”ในขณะที่วังเหิงเงื้อกระบี่ฟาดฟัน จี้เฉียนก็รีบพุ่งเข้าไปขวางวังเหิงไว้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่การต่อสู้อย่างดุเดือดในทันทีส่วนพวกลั่วชิงยวนนั้นฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหนีออกไปมิไกลนัก จูลั่วและสือโท่วกำลังพาคนมาสมทบสือโท่วถามด้วยความร้อนใจ “คุณหนูเล่า? คุณหนูใหญ่อยู่ที่ใด?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ฉีอวี้มิได้อยู่ที่นั่น”“ขบวนเจ้าสาวที่เราเห็นบนถนนก่อนหน้านี้น่าจะเป็นฉีอวี้!”การที่ใช้ฉีอวี้ข่มขู่ลั่วชิงยวนให้มาติดกับดักเป็นเพียงกลลวงเท่านั้นประการแรกคือ เพื่อถ่วงเวลา ประการที่สองคือ เพื่อสังหารลั่วชิงยวน“สือโท่ว เจ้าไปหาที่ปลอดภัย จัดการสองคนนี้ไว้ก่อน จำไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1544

    ลั่วชิงยวนจ้องมองนายท่านฉีด้วยสายตาคมกริบพลางกำกระบี่ในมือแน่น ในดวงตาฉายแววมุ่งสังหาร“จะรอดชีวิตไปได้หรือไม่มิใช่ท่านเป็นคนตัดสิน!”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “ไปมัดสองคนนี้ไว้”“อย่าให้พวกเขาลุกขึ้นยืนได้”โฉวสือชีพยักหน้า เขารีบไปหาเชือกแล้วจับหุ่นเชิดสองตัวที่ยังดิ้นรนอยู่บนพื้นมัดไว้แน่นลั่วชิงยวนเงื้อกระบี่พุ่งเข้าใส่นายท่านฉีอย่างดุร้ายน่าเกรงขามนายท่านฉีรีบลงมือโต้กลับ เข้าต่อสู้กับลั่วชิงยวนขณะนั้นเอง เสียงฝีเท้าดุดันก็ดังมาจากภายนอกในวินาทีต่อมา จวนตระกูลฉีก็ถูกล้อมไว้ทั้งหมดประตูใหญ่ก็ถูกถีบเปิดออกโฉวสือชีเพิ่งมัดหุ่นเชิดทั้งสองเสร็จ เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกำกระบี่แน่นด้วยท่าทางตื่นตัวเห็นบุรุษสวมเกราะนำผู้คนเดินเข้ามาด้วยท่าทางดุดันนายท่านฉีปัดฝ่ามือของลั่วชิงยวนออก แล้วกล่าวอย่างสงบ “แม่ทัพจี้ ในที่สุดเจ้าก็มาถึงแล้ว”“ใครก็ได้ จับสตรีผู้นี้ให้ข้า!”นายท่านฉีออกคำสั่งทว่าแม่ทัพจี้กลับไพล่มือไว้ด้านหลังพลางยกยิ้มโดยมิได้สั่งการ ไม่มีผู้ใดสนใจนายท่านฉีเลย“จี้เฉียน! ลงมือสิ!” นายท่านฉีตวาดด้วยความโกรธทว่าจี้เฉียนกลับโบกมือ ทหารที่อยู่ด้านหลังก็วิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1543

    “เช่นนั้นฉีอวี้ก็ยังมีชีวิตอยู่!”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในใจพลันเกิดข้อสันนิษฐานหนึ่งขึ้นมาจากนั้นทั้งสองก็ลุกขึ้น รีบไปดูคนที่อยู่ในโลงศพในขณะที่เปิดโลงศพ ลั่วชิงยวนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นบิดาของฉีอวี้ เจ้าเมืองฉีเพิ่งจะถอนหายใจอย่างโล่งอก จู่ ๆ คนในโลงศพก็ลืมตาขึ้นมา แล้วยื่นมือทั้งสองข้างออกมาบีบคอของลั่วชิงยวนทันใดนั้นก็พุ่งกระโดดออกมาจากโลงศพลั่วชิงยวนถูกบีบคอจนถอยกรูดออกไป ก่อนจะถูกอีกฝ่ายใช้แรงมหาศาลกระแทกเข้ากับกำแพงเต็มแรงเมื่อมองเจ้าเมืองฉีที่อยู่ตรงหน้า ปรากฏว่าดวงตาของเขาแดงก่ำขุ่นมัว เต็มไปด้วยโทสะ ไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะโดยเฉพาะที่คอของเขา มีรอยเย็บปะติดปะต่อกัน แสดงว่าหัวนี้ถูกเย็บติดกลับไปเขามิใช่มนุษย์แล้วมือที่บีบคอของนางนั้นออกแรงมาก ลั่วชิงยวนใกล้จะหายใจมิออกแล้วส่วนโฉวสือชีก็ประสบสถานการณ์เดียวกัน บัดนี้ทั้งสองถูกบีบคอติดกำแพงจึงดิ้นมิหลุดในเวลานั้นเอง นายท่านฉีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขาเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยพร้อมกับหัวเราะเยาะ “ลั่วชิงยวน พวกเจ้ามิได้มาช่วยฉีอวี้หรอกรึ หากพวกเจ้ากล้าสังหารบิดามารดาของฉีอวี้ ข้าจะดูว่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1542

    ด้วยการปิดล้อมของผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ วันนี้ลั่วชิงยวนย่อมต้องตายเป็นแน่!ทว่าสิ่งที่นายท่านฉีและฮูหยินฉีคาดมิถึงคือ กระบี่เพลิงรักในมือของลั่วชิงยวนนั้นทรงพลังยิ่งนักเมื่อลูกธนูนับหมื่นพุ่งเข้ามา ลั่วชิงยวนก็กวาดกระบี่เพลิงรักในมือออกไปฟันลูกธนูนับมิถ้วนขาดสะบั้นทันใดปราณกระบี่สั่นสะเทือนทำให้ลูกธนูที่พุ่งมาสะท้อนกลับไปมีผู้คนล้มลงด้วยคมธนูในทุกทิศทางโฉวสือชีปกป้องฉีอวี้ไว้ทั้งกายเมื่อฮูหยินฉีเห็นภาพนั้นก็ตกใจมาก แล้วตวาดว่า “พวกไร้ค่า!”“นำธนูมา!”ฮูหยินฉีหยิบธนูขึ้นมา แล้วเล็งไปที่ลั่วชิงยวนทันใดนั้น ลูกธนูก็พุ่งเข้ามาโฉวสือชีอุทาน “ระวัง!”สายตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางหันกายวูบหนึ่ง คมธนูในดวงตาพลันขยายใหญ่ขึ้นนัยน์ตาของลั่วชิงยวนเย็นชา ร่างกายเปี่ยมจิตสังหาร ชักกระบี่ฟันออกไปอย่างแรงนางคว้าปลายคมธนูไว้ แล้วหันกายโยนกลับไป พลังโจมตีอันดุดันพุ่งตรงเข้าใส่ฮูหยินฉีฮูหยินฉีกำลังจะยิงลูกธนูดอกที่สอง แต่ถูกคมธนูที่หักแล้วปักเข้าที่ไหล่อย่างแรงร่างกายทรงตัวมิอยู่ พลันถอยหลังไปหลายก้าว“ฮูหยิน!” นายท่านฉีตกใจ รีบเข้าไปประคองฮูหยินฉี“ฆ่านาง! จัดการ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1541

    “หากมีคนฉลาดก็จะรู้เองว่าควรทำเช่นไร”ท้ายที่สุดแล้ว ฉีเฮ่าก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือเฉินชี เหล่าแม่ทัพนายกองในค่ายทหารอวิ๋นโจวย่อมจ้องมองตำแหน่งแม่ทัพในเวลานี้ การเลือกข้างในยามนี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตในภายหน้าของพวกเขาจูลั่วพลันเข้าใจ “ได้ ข้าจะไปบัดเดี๋ยวนี้”จากนั้นลั่วชิงยวนก็มองโฉวสือชี “เจ้าไปบุกเข้าตระกูลฉีกับข้า”“ให้สือโท่วคุมคนไปรอรับอยู่ด้านนอกตระกูลฉี”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของตระกูลฉีหน้าประตูใหญ่ที่ไร้ผู้คนกลับแฝงไว้ด้วยบรรยากาศที่เคร่งขรึมอย่างน่าประหลาดลั่วชิงยวนผลักประตูใหญ่เข้าไปทันทีในลานอันกว้างใหญ่มีโลงศพสองใบตั้งอยู่ บนโครงไม้มีสตรีผมเผ้ายุ่งเหยิงเปื้อนเลือดถูกมัดไว้ นางหมดสติไปแล้วบริเวณโดยรอบมีกองฟืนอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งทันทีที่ก้าวเข้าสู่ประตูใหญ่ ลมที่พัดเข้ามาก็แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมทั้งสองเดินเข้าไปทางประตูใหญ่ ในพริบตาเดียวประตูก็ปิดลงองครักษ์นับสิบชีวิตปรากฏตัวขึ้นจากทุกสารทิศ ล้อมพวกเขาไว้ในทันทีเบื้องหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนแต่งกายหรูหราเดินเข้ามา ทั้งสองคือบิดามารดาของฉีเฮ่าดวงตาของพวกเขาที่มองลั่วชิงยวนน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1540

    “เจ้าอยู่ในตระกูลฉีนานเท่าใดแล้ว คุ้นเคยกับตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลฉีหรือไม่?” ลั่วชิงยวนถามจูลั่วตอบว่า “คุ้นเคย”จากนั้นจูลั่วก็วาดแผนที่เมืองอวิ๋นโจวแบบง่าย ๆ และแผนที่ของจวนตระกูลฉีแบบละเอียด แล้วมอบให้ลั่วชิงยวนหลังจากลั่วชิงยวนจดจำแผนที่ได้แล้วก็มอบแผนที่ให้โฉวสือชี“วันพรุ่งเมื่อเข้าไปในเมืองอวิ๋นโจวแล้ว จงติดต่อคนของเราให้พร้อมก่อน สือโท่วเป็นคนในเมืองอวิ๋นโจว เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่ ถึงเวลานั้นก็ให้เขาพลิกแพลงตามสถานการณ์”“ต้องช่วยฉีอวี้ออกมาให้ได้”โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นทั้งสามก็รอจนฟ้าสาง แล้วจึงตามขบวนคาราวานของเถ้าแก่จี้เข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวคืนนั้นอวิ๋นเฟิงก็มิกลับมา การที่ฉีอวี้ถูกจับตัวไปย่อมเป็นฝีมือเขาแน่นอนคณะเดินทางเข้าสู่เมืองอวิ๋นโจวได้อย่างราบรื่นบนถนนคึกคักเป็นพิเศษ มีเสียงฆ้องกลองดังขึ้นและมีขบวนเจ้าสาวกำลังเดินสวนมาท่าทางโอ่อ่าสง่างาม ผู้คนตามท้องถนนต่างหลีกทางไปสองข้างกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ขบวนทั้งหมดมีคนนับร้อยเกี้ยวเจ้าสาวหรูหราอลังการ ผ้าคลุมหน้าประดับลูกปัดระยิบระยับแกว่งไกวส่งเสียงกังวานเพียงแต่มองเห็นเงาร่างในเกี้ยวได้มิชัดเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status