แยม เด็กสาววัยสิบเก้าที่เติบโตมากับแม่ที่เคยเป็นเพียงสาวใช้ในบ้านเศรษฐี แต่โชคชะตาพลิกผันเมื่อแม่ของเธอแต่งงานกับพ่อของ ศรันย์ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้า หล่อ รวย และเพียบพร้อม ทั้งสองกลายเป็น “พี่น้องต่างแม่” ที่ครอบครัวอยากให้สนิทกัน แต่แทนที่จะได้ใกล้ชิด เขากลับมอบให้เธอเพียงคำพูดเสียดสี การกลั่นแกล้ง และสายตารังเกียจ แต่ยิ่งเธอหนี…เขาก็ยิ่งไล่ตาม จนเผลอพลาดมีสัมพันธ์ต้องห้ามในคืนหนึ่ง และมันไม่ได้จบเพียงครั้งเดียว ความผูกพันลับ ๆ ดำเนินต่อไปจนเธอไม่รู้ว่านี่คือรัก…หรือเป็นเพียงความสนุกชั่ววูบของเขา
ดูเพิ่มเติมสายฝนเม็ดเล็กโปรยลงมาจากฟ้า ร่างสูงตระหง่านถือร่มคันสีดำไว้ในมือ ช่อดอกทิวลิปสีม่วงขนาดไม่ใหญ่มากวางไว้หน้าหลุมศพ
นัยน์ตาคู่คมแดงก่ำ ทว่ากลับเก็บกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ในใจ ป้ายหลุมศพตรงหน้าเป็นแม่ของเขา เธอชอบดอกทิวลิปเป็นพิเศษ แผ่นหลังกว้างเย็นยะเยือกขณะมองหลุมศพ เขาแสดงความรู้ได้เพียงเท่านี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าดอกไม้ช่อนี้ควรจะมอบให้แม่เร็วกว่านี้ เขาควรจะกลับมาก่อนที่ทั้งคู่จะหย่ากัน เรื่องราวทั้งหลั่งไหล่เข้ามาในความคิดของเขา ได้แต่คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสอง เมื่อเขากลับมาแม่ก็จากไปแล้ว แถมพ่อยังแต่งงานใหม่อีก เรื่องราวตาลปัตรจนทำสมองของเขาแทบจะระเบิดออกมา ระหว่างที่ศรัณย์ไปฝึกงานที่อเมริกา ไม่มีใครปริปากบอกเขาสักคำเรื่องครอบครัว การกระทำเหล่านี้ทำเขาคับแค้นใจ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะปลุกแม่ขึ้นมาตอบคำถามที่ค้างคาทั้งหมด น้ำฝนสาดลงบนแผ่นหินที่สลักชื่อของป้ายหลุมศพ เสียงน้ำสาดลงบนร่มอีกคัน จนทำให้ศรัณย์ต้องหันกลับไปมอง ชายวัยกลางคนเดินเข้ามากับช่อดอกไม้สีม่วงเช่นกัน รองเท้าหนังเปื้อนไปด้วยโคล้นจากฝน ใบหน้าของทั้งสองมีส่วนคล้ายกันอยู่บางสวน ศรัณย์ไม่ได้ถอยออกจากหน้าหลุมศพ แผ่นหลังของเขายังตั้งตรงราวกับกำแพงกันระหว่างคนด้านหลังกับหลุมศพ มีเพียงแค่เสียงฝนกระหน่ำลงมาที่บ่งบอกถึงระยะห่างของพวกเขา “ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ”น้ำเสียงของเขาเย็นเฉียบพร้อมกับประโยคเย้ยหยันอีกฝ่าย “มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด”มาวินอธิบาย ตอนนี้ลูกชายของเขากำลังโกรธและเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดผิดไป “แล้วพ่ออยากจะให้ผมเข้าใจแบบไหนครับ”คำพูดของเขายังคงเย็นชา โดยไม่สนใจคำอธิบายของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย “เรื่อง…” “เก็บดอกไม้กลับไปเถอะครับ เพราะมันไม่มีที่จะวางแล้ว” มาวินโกรธกับคำพูดและน้ำเสียงของลูกชาย จึงเข้ามาวางช่อดอกไม้ไว้กลับออกไปโดยไม่พูดไม่จาอีก ศรัยณ์มองช่อดอกทิวลิปอย่างรังเกียจ ก่อนจะใช้เท้าแตะมันออกไปจากป้ายหลุมศพแม่ของเขา บทที่ 1 แยมย้ายเข้ามาอาศัยอยู่คฤหาสน์หรูพร้อมกับคุณแม่ แม่ของเธอเพิ่งจะแต่งงานใหม่กับมหาเศรษฐีอับดับต้นๆ เธอไม่แปลกใจเลย เพราะแม่ของเธอเป็นคนทะเยอทะยาน รักความสะดวกสะบาย แม้ว่าคนข้างบ้านจะนินทาต่อว่าอย่างไร แม่ของเธอก็ไม่เคยเดือดร้อน วันนี้เธอเพิ่งจะไปสอบสัมภาษที่มหาลัยชื่อดังมา แถมยังผ่านได้แบบฉลุย แม่บอกว่าไม่ต้องพยายามมากยังไงเธอก็ผ่านอยู่แล้ว หญิงสาวพลิกตัวไปมา เพราะไม่คุ้นเคยกับที่ใหม่จึงนอนไม่หลับ แยมเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนังถึงได้รู้ว่าเธอนอนคิดมากจนถึงเที่ยงคืนแล้ว สาวน้อยรู้สึกคอแห้งจึงลงไปชั้นล่างเพื่อดื่มน้ำ และเธอก็จะเตรียมน้ำขึ้นไปด้วย จะได้ไม่ต้องลงมาดึกดื่น แยมเดินมาถึงห้องครัวก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าลืมใส่รองเท้า เธอเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาออกมาหนึ่งขวด ค่อยๆควานหาแก้วมาดื่มน้ำ เมื่อเธอหันหลังกลับมาก็ปะทะกับชายร่างสูง แยมสะดุ้งจนแก้วในมือตกแตก เศษแก้วหลนกระจ่ายไปตามบริเวณพื้น “ระวัง”คนตัวเล็กร้องห้ามอย่างกังวล กลัวว่าเขาจะเหยียบเข้ากับเศษแก้วเหล่านั้น ทว่าร่างสูงกลับก้าวเข้ามาโดยไม่กลัวเศษแก้วเลยสักนิด “คนใช้ใหม่เหรอ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวตนของเขา สภาพโซเซแบบนี้คงจะกระดกไปหลายขวด ชายหนุ่มเข้ามากระชากร่างเธอออกไปให้พ้นตู้เย็น เขาจับเธอโยนออกไปราวกับว่าเธอเป็นแมวหนึ่งตัว ร่างของแยมลอยออกไปโดยที่เท้าไม่แตะพื้นเลยสักนิด “โอ๊ย” ไหล่กระแทกเข้ากับพื้นแข็งๆ โชคดีที่หน้าไม่ลงก่อน ไม่งั้นคงจะทรมานน่าดู แยมกุมหัวไหล่ไว้แน่น พร้อมกับมองค้อนใส่เขาก่อนจะเดินลากตัวเองขึ้นห้องไป หญิงสาวไม่เคยเห็นเขามาก่อน จึงไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เช้าวันต่อมา สาวน้อยปวดตรงบริเวณหัวไหล่มาก เธอนวดเบาๆก่อนจะรีบแต่งตัวลงมาทานมื้อเช้ากับคุณแม่ เธอเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ได้ไม่กี่วัน จึงไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว แยมนั่งลงเก้าอีใกล้ๆคุณแม่ แม่บ้านกำลังจัดเตรียมที่นั่งสำหรับอีกหนึ่งคนตรงหน้าเธอ ขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าว เสียงฝีเท้าดังมาจาบันไดอีกฝั่ง ร่างสูงประมาณร้อยแปดสิบเก้า สวมชุดสูทสีดำสนิท เธอไม่เคยเห็นใครแต่งตัวเนี้ยบขนาดนี้มาก่อน สายตาคู่เล็กมองสักเกตชายหนั่มอย่างละเอียด เขาไม่ใช่คนที่จับเธอโยนเมื่อคืนหรอกเหรอ ศรัณย์ขยับเก้าเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง เขาไม่ได้สนใจคนที่ร่วมโต๊ะด้วย เพียงแค่นั่งทานเงียบๆ เสียงกระแอมของคุณพ่อดังขึ้น ทำให้แยมรีบวางช้อนในมือลงแล้วหันไปทางต้นเสียง “พ่ออยากจะแนะนำให้รู้จัก” เขากล่าวเสียงหนักแน่น “นี่คือ ลูกชายพ่ออายุห่างจากเธอสิบปีชื่อศรัณย์ แต่เขาบอกว่าอยากมีน้องสาวสักคนมานานแล้ว” แยมหันมองชายตรงหน้า ทว่าเขาไม่ได้สนใจการแนะนำของพ่อตัวเองเลยสักนิด ยังก้มหน้าก้มตาโดยไม่สะทกสะท้านอะไรเลย “สวัดดีค่ะ พี่ศรัณย์”แยมยกมือไหว้ตามมารยาท แต่ไร้เสียงตอบกลับของอีกฝ่าย คุณพ่อถึงกับหัวเสีย ตั้งท่าจะอ้าปากด่าทอแต่แม่กลับห้ามไว้ก่อน“พวกเขาเพิ่งจะเจอกัน ให้เวลาหน่อย” “หนูแยมติดรถไปมหาลัยกับพี่ศรัณย์นะ เขาผ่านทางนั้นอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องลำบากนั่งรถเบียดคนแต่เช้า” เธอชะงักไปเล็กน้อย “แต่หนูไม่อยากรบกวนพี่เขา” “ไม่รบกวนหรอก” คุณพ่อพูดขัดขึ้นมาทันควัน “เขาออกจากบ้านเจ็ดโมงตรง ต่อไปเตรียมตัวให้เรียบร้อย อย่าให้เขารอนาน” น้ำเสียงของเขาไม่ได้เปิดช่องให้เธอปฏิเสธ เธอจึงได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ศรัณย์ลุกจากโต๊ะอาหารแล้วเดินออกไปไม่ให้สุ่มให้เสียง แม้แต่บอกลาก่อนออกไปก็ไม่มี แยมยังสับสนหรือว่าเขาจะออกไปแล้ว เธอจึงลุกยกมือไหว้พ่อกับแม่ก่อนออกไป ชายหนุ่มเดินเร็วมาก ท่อนขายาวก้าวออกไปแต่ละก้าวเปรียบกับเธอเดินสองก้าวเลยล่ะ แยมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น กลัวว่าเขาจะไม่รอเธอ คนตัวเล็กรีบหยิบรองเท้าผ้าใบสีขาวมาสวมอย่างลวกๆก่อนจะวิ่งตรงไปที่รถหรู พรึ่บ! ใบหน้าดวงเล็กชนเข้าแผงอกกำยำ มันแข็งมาจนจมูกเธอปวด คนตัวเล็กรีบถอยห่างในเวลาต่อมา “อย่าเอาความสกปรกของเธอมาเปื้อนฉัน” ร่างสูงตรงหน้าขมวดคิ้ว เขาใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดเสื้อผ้าบริเวณแผงอกที่เธอเผลอชนเมื่อครู่อย่างรังเกียจ และจะโยนทิ้ง แยมจุกอยู่ในอกจนพูดไม่ออก แถมใบหน้าก็ชาจนไร้ความรู้สึก ไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย “ขอโทษค่ะ”หญิงสาวก้มหน้าขอโทษ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรังเกียจเธอมาก ทว่าตอนที่เธอพูดออกไป อีกฝ่ายกลับหายขึ้นรถไปแล้ว “จะไปก็รีบขึ้นมา”น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว นัยน์ตาขลับสีดำไม่ได้ปรายตามองเธอแม้แต่น้อย รถหรูคันสีดำจอดอยู่เบื้องหน้า แยมจึงเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านหลัง เห็นท่าทางไม่พอของเขาจึงเลี่ยงที่จะนั่งข้างคนขับ รถบูกัตติสีดำแล่นออกไปบนท้องถนนด้วยความเร็ว คนตัวเล็กนั่งแข็งทื่อไม่ปริปากสักคำ มองรถวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วแสงแดดยามเย็นทอแสงอ่อนลง ท้องฟ้าสีส้มสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์เป็นแสงสุดท้ายก่อนจะตกดิน เสียงเคาะประตูดังขึ้น บ่งบอกถึงอาหารมื้อเย็นที่แม่บ้านนำขึ้นมาแม่บ้านเห็นเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เป็นเสื้อที่หนาขึ้น สาวน้อยคงจะเช็ดตัวด้วยตัวเองแล้ว แยมทานอาหารเย็นจนหมดจึงให้แม่บ้านนำกลับลงไป สิ้นเสียงปิดประตู คนตัวเล็กจึงลงจากเตียงไปยังประตู เปิดปิดประตูแน่นหน้าลงล็อคเรียบร้อย สาวน้อยหมันตัวกลับมาปิดไฟ ปิดผ้าม่านจนมืดสนิททั้งห้อง เธอทิ้งตัวลงนอนก่อนเข้าสู่หวงนิทราที่ไหลลึก ราวกับเหนื่อยล้ามามากพอแล้วศรัณย์เดินมาหน้าห้องของน้องสาว เขายื่นออกไปผลักประตู ทว่ามันกลับล็อคไว้ ใบหน้าคมคายขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเธอป่วยอยู่หรอกเหรอ หากเป็นอะไรขึ้นมาคนอื่นจะรู้ได้ยังไงร่างสูงเดินลงไปหาแม่บ้าน เขาขอกุญแจสำรองของห้องแยมกลับมา อ้างว่าเธอป่วยจะเขาไปดูอาการ ชายหนุ่มกลับขึ้นมา เขาใช้กุญแจใส่เข้าไปแล้ว แต่เลือกที่จะดึงกลับมาเก็บไว้ แล้วเดินกลับห้องตัวเองไป หากว่าเป็นอะไรไปมันก็เรื่องเธอไม่เกี่ยวกับเขา ก่อนหน้านี้ที่ให้ยาไปก็ถือว่าเขาใจดีมากพอแล้วศรัณย์นึกเหตุการณ์เมื่อค
“ฮ่าห์” เสียงแหบพร่าดังลอดไรฟัน เขากัดกรามแน่น ราวกับกำลังทรมานคนใต้ร่าง จังหวะรักเริ่มทวีคูณเมื่อมัดตอดรัดแน่นขึ้นมือใหญ่กลับมาตรึงเอวเธอไว้แน่น บังคับให้รองรับแรงกระแทกทุกครั้งที่เขาสอดลึกเข้ามา ความหน่วงร้อนในกายทำให้เธอร้องไห้ แต่ก็ไม่อาจผลักไสออกไปได้ น้ำขาวขุ่นก่อนหน้าที่ปลดปล่อยเข้าไปทะลักออกมา บ้านท้ายกลายเป็นสีแดงเพราะรับแรงกระแทกของเขาหญิงสาวน้ำตาร่วงล่นลงบนโซฟาเปียกชื้น ได้แต่ภาวนาให้เขาปล่อยเธอไปสักที “เปลี่ยนที่กันเถอะ”หลังจากเขาปล่อยน้ำรักออกมาอีกครั้งถึงเอ่ยขึ้น ชายหนุ่มปล่อยเรียวขาเล็กทั้งสองลง จากนั้นก็อุ้มร่างเธอขึ้นโดยที่ช่วงล่างยังสอดใส่อยู่ไม่ปล่อย มือแก่งโอบแผ่นหลังบางไว้แน่น อีกข้างเก็บเสื้อผ้าที่ตกหล่นติดมือไปด้วย เขาโอบอุ้มเธอไปชั้น ทุกสัมผัสแนบชิดจนเป็นหนึ่งเดียวจังหวะเดินยังคงทำให้หญิงสาวเสี่ยวซ่าน ช่วงล่างค่อยขยับเบียดเข้ามาข้างในทุกครั้งที่ก้าวขึ้นบันได แยมจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของเขาเพื่อระบายความเจ็บศรัณย์อุ้มมาที่ห้องของเธอเอง เขาผลักประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว โยนเสื้อผ้าในมือถือ ก่อนจับบั้นท้ายเล็กตอกอัดเข้าไ
ร่างสูงลุกยืนเต็มความสูงถอดเสื้อแล้วถอดกางเกงออก เปิดเผยสิ่งที่หลบซ่อนอยู่ข้างในโดยไม่อายสักนิด ท่อนแข็งแรงกำลังชูชันเต็มที่ ขนาดของมันยิ่งทำให้เธอหวาดกลัวคนตัวเล็กที่เห็นก็รีบขยับหนี ทว่าเขากลับกระชากข้อเท้าเธอกลับมาใต้ร่างเขาอีกครั้ง ศรัณย์หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาเพื่อหยิบถุงยางที่เก็บไว้ใช้งาน เขาใช้ฟันคมฉีกออกในครั้งเดียวและใส่มันเข้ากับแก่นกายขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว แยมส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตายิ่งไหลอาบแก้มมากกว่าเดิมมือหนาจอแก่นกายไปยังกลีบเนื้องาม เขาถูไถมันสองสามครั้งก่อนจะกระแทกเข้า ทว่ามันกลับเข้าไปไม่ได้ “ยังไม่เปิดซิงอีกหรอ”ศรัณย์แปลกใจเล็กน้อย เพราะมันแคบเกินไป หากกระแทกเข้าไปในครั้งเดียวเกรงว่าเธอจะรับไม่ไหวชายหนุ่มส่งนิ้วเข้าไปด้านใน ขยับเข้าออกให้ภายในปล่อยน้ำหล่อลื่นออกมาอีกครั้ง ค่อยๆเพิ่มนิ้วเข้าไปให้มันขยายออกทีละน้อยแยมบิดร่างไปมา เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างรุกล้ำเข้ามาภายใน ถึงจะไม่เจ็บมาก แต่เธอกลับรู้สึกรังเกียจมันเมื่อเห็นว่ามีน้ำเหลวออก เขาจึงจ่อแก่นกายเข้าไปอีกครั้ง ค่อยดันเข้าไป ทว่าหญิงสาวกลับส่งเสียงร้องไม่เป็นภาษา และเธอก็ยัง
หญิงสาวลุกพรวดวิ่งออกไปจากห้อง สองมือกอดกระเป๋าในอกแน่น สายลมยามค่ำคืนพัดเข้ามาปะทะใบหน้าจนร่างกายเย็นชื้นไปทั้งร่าง หยาดน้ำตาสีใสไหลลงอาบแก้มอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนดูถูกขนาดนี้มาก่อน ภายในอกรู้สึกหน่วงจนอธิบายไม่ได้ เหมือนเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นอยู่เสมอ แยมเดินตามฟุตบาธไปเงียบๆเพียงลำพัง “ขึ้นรถ” รถหรูคันสีดำขับไล่หลังเธอมา คนข้างในลดกระจกรถลงและพยายามบอกให้สาวน้อยขึ้นรถ น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกดดัน แต่ถึงอย่างนั้น ยิ่งสาวกลับไม่สนใจเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย เธอยังคงเดินต่อไปพร้อมยกมือปาดน้ำตาอยู่หลายครั้ง แยมเลือกที่นั่งแท็กซี่กลับไป โดยไม่สนใจรถหรูที่คอยขับตามมาอยู่ด้านหลัง เมื่อถึงบ้าน ร่างบางจึงรีบสาวเท้าเข้าบ้านอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้ทันว่าเขากำลังวิ่งตามมาข้างหลัง เขาไม่มีทางจะเข้ามาเอ่ยปากขอโทษแน่นอน “บอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไง” “เทำไมต้องทำให้แยมรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าคนอื่นด้วย เลิกยุ่งกับแยมสักที เราต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด คืดว่าการดูถูกคนอื่นมันทำให้ตัว
“จะทำอะไร”ดวงหน้าเล็กตระหนกไปด้วยความกลัวจนชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนตรงหน้าอย่างไม่พอใจ “ฉันจะไปส่ง” “ขอบคุณในความหวังดีค่ะ แต่ฉันไปเองได้”เธอยังคงตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แม่เธอไม่ได้บอกเหรอว่าต้องเชื่อฟังฉัน”เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันกลับคล้ายคำเตือนมากกว่า “…” “รีบไปขึ้นรถ ฉันไม่ชอบพูดเป็นครั้งที่สอง” แยมแบะปากใส่เขา ก่อนจะหมุนตัวไปขึ้นรถอย่างไม่พอใจ เสียงช้อนกระทบจานดังอยู่ในโรงอาหารมหาวิทยาลัย พีชนั่งกินสปาเก็ตตี้ไปพลาง เหลือบมองเพื่อนสาวตรงข้ามอย่างแยมที่กำลังตักข้าวเข้าปากช้า ๆ เลโอนั่งข้างพีช เอียงตัวมาทางเพื่อนสนิทอย่างกระตือรือร้น “วันนี้ไปผับกันป่ะ?” พีชเอ่ยขึ้นก่อน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “มีวงดนตรีมาเล่นสดด้วยนะ สนุกชัวร์” เลโอรีบเสริม “ใช่ ๆ พวกเรากะว่ากินข้าวเย็นแถว ๆ นั้นแล้วไปเที่ยวต่อเลย แกจะไปด้วยไหม” แยมชะงักช้อนในมือ ดวงตาเป็นประกายทันที ความตื่นเต้นแล่นวาบขึ้นมา เธออยากไปมาก อยากปลดปล่อยจากบรรยากาศเคร่งเครียดของการเรียนและกฎเกณฑ์ที่เธอเจอทุกวัน แต่ภาพของศรัณย์ที่บอกไว้ว่าเย็นนี้จะมารับกลับบ้านผุดขึ้นมาในหัว เธอเม้มปากนิดหนึ่ง ก
ตอนเช้าแยมลงมาทานข้าวกับคุณแม่ก่อนออกไป ทว่าวันนี้เธอไม่เห็นผู้ชายคนนั้นโผล่หน้าออกมา ปกติทุกเช้าเขามักจะลงมาทานข้าวเงียบๆแล้วออกไป 14:55 เสียงอาจารย์สอนดังสลับกับเสียงปากกาเขียนลงบนกระดาษ แยมก้มหน้าจดเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกถึงการสั่นของโทรศัพท์ใต้โต๊ะ เธอหยิบขึ้นมาดูอย่างแอบๆ แม่ : แม่จะไม่อยู่บ้านสองสามวันนะ อยู่กับพี่ไปก่อน คิ้วของแยมขมวดทันที นิ้วพิมพ์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว แยม : ไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ แต่ข้อความถูกทิ้งไว้เพียงแค่นั้น ไม่มีคำตอบกลับมา ตกเย็น หลังเลิกเรียน ขณะกำลังเก็บกระเป๋า เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมสายเรียกเข้าไม่คุ้นนัก แยมกดรับเพราะคิดว่าอาจเป็นแม่ ทว่ากลับได้ยินเสียงทุ้มคุ้นหูของใครอีกคน “ลงมาข้างล่าง ฉันมารับ” เธอขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม มารับทำไม แต่ยังคงเดินลงไปด้วยความสงสัย และเมื่อออกมาหน้าโรงเรียนก็เห็นรถสีดำคันหรูจอดรอ ศรัณย์ยืนพิงประตูรถ ราวกับไม่รีบร้อน เขามองเธอด้วยสายตานิ่งๆ แล้วพูดอย่างหนักแน่น “แม่ฝากเธอไว้กับฉัน เพราะฉะนั้น…เชื่อฟังให้ดี”น้ำเสียงนั้นไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันพอให้แยมรู้สึกเหมือนถูกจับกุมตั้งแต่ยังไม่ทันก้าว
ความคิดเห็น