แชร์

สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ
สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ
ผู้แต่ง: จูเฉิงกง - อันนา

บทนำ : คำสารภาพ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-23 01:49:50

งานมงคลสมรสอันยิ่งใหญ่จบลงแล้ว เสียงดนตรีและการเฉลิมฉลองที่ดังกึกก้องตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน บัดนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยความเงียบงัน เหลือเพียงความอ่อนล้าที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของทุกคน เว้นเสียแต่องค์รัชทายาทผู้เป็นศูนย์กลางของงานในวันนี้

ฉลองพระองค์มงคลลายมังกรห้าเล็บสีแดงสดขับให้พระพักตร์ของพระองค์ซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงเนตรคมที่เคยเป็นประกายด้วยความมุ่งมั่น บัดนี้กลับฉายแววหม่นหมองและว่างเปล่า 

นี่คือการสมรสกับธิดาอ๋อง ที่เกิดขึ้นจากราชโองการของพระบิดา จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อค้ำจุนราชบัลลังก์และถ่วงดุลอำนาจกับแคว้นที่บิดาของนางกุมอำนาจทางทหารไว้ทั้งหมด

ขบวนส่งตัวเคลื่อนไปตามระเบียงยาวที่ประดับด้วยโคมไฟสีแดงสลัว องค์รัชทายาทก้าวพระบาทไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า หัวใจของพระองค์หนักอึ้งราวกับถูกถ่วงด้วยโซ่ตรวนแห่งความทรงจำ พระองค์ไม่ได้ทอดพระเนตร พระชายา ผู้เป็นธิดาของอ๋องนักรบผู้เกรียงไกรที่เดินอยู่เคียงข้างเลยแม้แต่น้อย ในห้วงคำนึงมีแต่ภาพของสตรีอื่น…

รอยยิ้มและแววตาใสซื่อของเด็กสาวชาวบ้านในวัยเยาว์…

แววตาที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตาของทาสหญิง...

ท่าร่ายรำอ่อนช้อยที่แฝงไปด้วยความยั่วยวนของนางระบำในดินแดนแสนไกล…

กลิ่นชาหอมกรุ่นที่ถูกมือคู่หนึ่งวางลงบนโต๊ะยามวิกาล…

เสียงสวดภาวนาในภาษาที่ไม่คุ้นเคยของนักบวชหญิงในดินแดนตะวันตก…

ความทรงจำเหล่านั้นยังคงตราตรึง เมื่อยิ่งใกล้ต้องเข้าหอกับสตรีที่พระองค์ต้องแต่งด้วยเหตุผลทางการเมือง และต้องยกเป็นชายาเอกโดยไม่เคยรู้จักกันมาก่อน  แทนที่จะเป็นหนึ่งในนางที่เขารัก จิตใจก็ยิ่งดำดิ่งสู่ความอาลัย

ในที่สุดบานประตูห้องหอถูกปิดลง ตัดขาดพวกเขาจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ภายในห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นกำยานและเครื่องหอมมงคล ทว่าในสายตาขององค์รัชทายาท มันไม่ต่างอะไรจากกรงทองที่งดงามแต่ไร้ซึ่งอิสรภาพ

พระชายาในชุดเจ้าสาวสีแดงงดงามนั่งลงบนขอบเตียงอย่างสงบเยือกเย็น ผ้าคลุมหน้าสีแดงโปร่งบางบดบังใบหน้าของนางไว้ ทำให้ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าธิดาแห่งอ๋องผู้ทรงอำนาจกำลังรู้สึกเช่นไร ความเงียบที่โรยตัวลงมาระหว่างพวกเขานั้นน่าอึดอัดเสียจนแทบหายใจไม่ออก

ในที่สุด องค์รัชทายาทก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น พระองค์ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ปล่อยให้คำหลอกลวงเป็นรากฐานของสัมพันธภาพที่เปราะบางนี้

"พระชายาหลี่" สุรเสียงของพระองค์แหบพร่าและแฝงความเจ็บปวด "ข้า... ไม่อาจเป็นสามีที่ดีให้เจ้าได้… ข้าขออภัย"

ความเงียบคือคำตอบที่ได้รับ แต่นั่นก็ดีแล้ว พระองค์เพียงต้องการสารภาพความจริงทีกินหัวใจ

"อย่างที่เจ้ารู้มา ก่อนข้าจะมาวิวาห์กับเจ้า ข้าได้ออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันตกเพื่อการทูตและการแสวงหาความรู้ มันทำให้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้าพบเรื่องราวมามากมาย… หัวใจของข้า... มันไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ข้าได้มอบมันให้กับสตรีหลายนางที่พบเจอ... แต่พวกนางทุกคน... ล้วนถูกโชคชะตาพรากไปจากข้าจนหมดสิ้น… ข้าตั้งใจจะรับพวกนางกลับมาด้วย แต่พวกนางกลับตายหรือหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย..."

พระองค์ก้มหน้าลง ยอมรับชะตากรรมที่ต้องจมอยู่กับความสูญเสียไปตลอดชีวิต แต่แทนที่จะเป็นเสียงร่ำไห้หรือตัดพ้อต่อว่า กลับได้ยินเพียงเสียงเสียดสีของแพรไหมเบาๆ

เมื่อเงยพระพักตร์ขึ้น องค์รัชทายาทก็ต้องเบิกเนตรกว้างด้วยความตกตะลึง

บนโต๊ะเล็กข้างเตียง พระชายาของพระองค์กำลังบรรจงวางของบางอย่างลงทีละชิ้น... ชิ้นแล้วชิ้นเล่า…

ปิ่นหยกขาวรูปดอกมู่หลาน ของแทนใจชิ้นแรกที่มอบให้เด็กสาวชาวนาผู้มีรอยยิ้มสดใส

หวีไม้จันทน์หอมสลักลายเมฆที่ซื้อให้ทาสสาวเพื่อเป็นสัญญาแห่งอิสรภาพ

กำไลข้อเท้าเงินร้อยกระพรวน ที่เคยส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งทุกครั้งที่นางระบำผู้เป็นที่รักร่ายรำ

ตลับเงินรูปไข่ที่มอบให้สาวใช้ในปราสาทอันห่างไกล

และสมุดบันทึกปกหนัง บันทึกการเดินทางฉบับที่คัดลอกด้วยลายมือเพื่อมอบให้นักบวชหญิงผู้มีจิตใจงดงาม

ของทุกชิ้นคือสิ่งที่พระองค์มอบให้หญิงสาวที่รัก... และคิดว่าได้สูญเสียพวกนางไปตลอดกาล…

"สตรีที่พระองค์เอ่ยถึง..." น้ำเสียงของพระชายาดังขึ้นลอดผ่านผ้าคลุมหน้า มันเยือกเย็นและเรียบนิ่งจนน่าขนลุก "คือเจ้าของสิ่งของเหล่านี้... ใช่หรือไม่เพคะ?"

องค์รัชทายาทตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาปเป็นหิน ในพระทัยเกิดคำถามมากมายเหลือคณา นางไปได้ของพวกนี้มาได้อย่างไร!? 

เครือข่ายอำนาจของบิดานาง ส่งคนไปจัดการพวกนางงั้นหรือ!?

“ใช่… แต่เจ้า… ได้มันมาอย่างไรกัน?”

"ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะทรงมีคนรักมากมายเหลือเกินนะเพคะ… อยากทรงทราบหรือว่าหม่อมฉันได้มันมาอย่างไร?" นางเอ่ยถามช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ มุมปากภายใต้ผ้าคลุมยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น “สตรีเหล่านั้น… หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 13: ระบำแห่งความทรงจำ

    องค์รัชทายาทจ้องมองรอยยิ้มอันสดใสของซิงจวน รอยยิ้มของรักแรกที่พระองค์โหยหามาตลอด คำขอของนางที่ให้หยุดพักเรื่องราวไว้ก่อนนั้น ไม่ได้สร้างความขุ่นเคืองในพระทัยเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำให้พระองค์ตระหนักว่า สตรีตรงหน้าไม่ใช่เพียงภาพฝันหรือวีรสตรีในตำนาน แต่คือนางผู้มีเลือดเนื้อ มีความเหนื่อยล้า และมีความต้องการเช่นเดียวกับพระองค์ความรัก ความซาบซึ้ง และแรงปรารถนาที่ถูกเก็บกดมานานแสนนานได้ปะทุขึ้นในใจของพระองค์อย่างรุนแรง พระองค์ไม่ได้เอ่ยคำใดต่อ แต่ใช้การกระทำเป็นคำตอบพระองค์โน้มพระพักตร์ลงไปมอบจุมพิตให้แก่นาง... จุมพิตที่แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา มันไม่ได้มีความลังเลของอิซาเบลล่า ไม่ได้มีความเร่าร้อนท้าทายของยาซมิน และไม่ได้มีความโหยหาที่เจือความเศร้าของไลลา แต่มันคือจุมพิตขององค์รัชทายาทที่มอบให้แก่พระชายา... ภรรยาเพียงคนเดียวของพระองค์“ซิงจวน...” พระองค์กระซิบเรียกชื่อนาง “ข้ารักเจ้า... รักทุกตัวตนของเจ้า”ซิงจวนยิ้มรับผ่านจุมพิตนั้น นางสัมผัสได้ถึงความรักที่แท้จริงของพระองค์ แววตาของนางทอประกายขี้เล่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เช่นนั้น... พระองค์พูดเองนะเพคะ”ไม่รอคำตอบ แสง

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 12: ความอบอุ่นในดินแดนหิมะ

    รุ่งอรุณของวันใหม่สาดส่องเข้ามาในห้องหอ แต่บทสนทนาแห่งความทรงจำกลับต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว หลังจากค่ำคืนอันเร่าร้อนที่หลอมรวมสองวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียว ความอ่อนล้าและความสุขสมก็ทำให้พระชายาขององค์รัชทายาทผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของพระองค์เสียก่อนที่จะได้เอ่ยถึงปริศนาของตลับเงินตลอดทั้งวัน องค์รัชทายาททรงปฏิบัติพระราชกิจด้วยพระทัยที่ล่องลอย ภาพของซิงจวนในร่างของไลลาและยาซมินยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง ความรัก ความทึ่ง และความรู้สึกผิดที่ถูกชะล้างไปด้วยความเข้าใจ ก่อเกิดเป็นสายใยที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าพันธนาการใดๆ พระองค์เฝ้ารอเวลาค่ำคืนอย่างใจจดใจจ่อเมื่อเสร็จสิ้นราชกิจทั้งหมด พระองค์ก็รีบเสด็จไปยังตำหนักส่วนพระองค์ของพระชายาทันที แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องรับแขก พระองค์ก็ถึงกับนิ่งไปด้วยความประหลาดใจห้องที่เคยตกแต่งอย่างวิจิตรตามแบบฉบับตะวันออก บัดนี้กลับถูกเปลี่ยนโฉมไปโดยสิ้นเชิงในวันเดียว พรมขนสัตว์หนานุ่มปูทับพื้นไม้ขัดเงา เก้าอี้นวมบุผ้ากำมะหยี่สีเข้มตั้งอยู่หน้าเตาผิงที่แกะสลักจากหินอ่อน บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของดินแดนตะวันตกที่พระองค์คุ้นเคย พระองค์ไม่แปลกใจเท่าไรกับการเปลี่ยนแปล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 11: ระบำแห่งสองวิญญาณ

    ซิงจวนในร่างของยาซมินยังคงยืนอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท แววตาของนางซับซ้อนเกินกว่าจะอ่านได้ มันคือแววตาของนักสู้ผู้ผ่านความตาย แววตาของนางระบำผู้เย้ายวน และแววตาของซิงจวนผู้เปี่ยมรัก... ทั้งหมดหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นางเริ่มต้นเล่าเรื่องราวที่แท้จริงเบื้องหลังระบำแห่งเปลวไฟนั้น...“เมื่อหม่อมฉันไปถึงนครซาร์ราบาดในร่างใหม่... หม่อมฉันไม่ได้อยู่เพียงลำพังเพคะ ความทรงจำของยาซมินได้นำทางหม่อมฉันไปยังที่ซ่อนของคณะระบำที่เหลือ พวกนางคือสตรีนักสู้จากเผ่าเดียวกับยาซมิน ทุกคนต่างมีภารกิจเดียวกัน คือการทวงคืน ‘ดวงเนตรแห่งอัคคี’ กลับคืนสู่บ้านเกิด”“พวกเราไม่ใช่เพียงคณะระบำ แต่คือหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี ทุกคนมีหน้าที่ของตนเอง บางคนเชี่ยวชาญด้านการสอดแนม บางคนชำนาญเรื่องยาสมุนไพรและยาสลบ และบางคนคือยอดฝีมือในการต่อสู้ที่ซ่อนคมดาบไว้ใต้ท่วงท่าที่อ่อนช้อย ส่วนหม่อมฉัน... ในฐานะยาซมิน... คือหัวหน้า คือนักวางแผน และเป็นอาวุธที่อันตรายที่สุดของคณะ”“โชคดีที่มหาเศรษฐีผู้นั้นเป็นคนลุ่มหลงในกามารมณ์และศิลปะที่ฉาบฉวย แผนการของเราจึงเริ่มต้นขึ้นได้อย่างง่ายดาย เรานำเสนอตัวเองกลาวเมืองว่าเป็

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 10: ความโลภ

    ซิงจวนในร่างของไลลายิ้มบางๆ นางมองลึกเข้าไปในดวงเนตรขององค์รัชทายาทที่ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นระคนกันไป“เรื่องราวว่าหม่อมฉันได้มาอย่างไรมันน่าเหลือเชื่อ แต่เรื่องราวที่เหลือเชื่อนี้ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้พระองค์ทรงประจักษ์แก่ใจ... แต่หม่อมฉันขอให้พระองค์เชื่อใจ และหลับตาลงก่อนได้หรือไม่เพคะ”แม้จะยังสับสน แต่แววตาที่จริงใจของนางก็ทำให้องค์รัชทายาทพยักหน้ารับอย่างช้าๆ พระองค์หลับพระเนตรลง ซิงจวนจึงหยิบผ้าแพรเนื้อนุ่มขึ้นมาผูกปิดพระเนตรของพระองค์ไว้เบาๆ บดบังการมองเห็นทั้งหมด เหลือเพียงความมืดและเสียงรอบกายพลันเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นอีกครั้ง...กรุ๊ง... กริ๊ง...เสียงกระพรวนจากกำไลข้อเท้าเงินดังขึ้นอย่างแผ่วเบาแต่ชัดเจน มันเคลื่อนไหวไปรอบๆ ตัวพระองค์อย่างเชื่องช้า ราวกับการร่ายรำที่มองไม่เห็นหัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ พระองค์ก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง ตามเสียงกระพรวนที่นำทางไป ไม่นานนักเสียงก็หยุดลง พร้อมกับสัมผัสอุ่นร้อนที่ปลายนิ้วซึ่งกำลังปลดผ้าผูกตาออกเมื่อลืมพระเนตรขึ้น ภาพตรงหน้าก็ทำให้พระองค์แทบหยุดหายใจ...ยาซมิน... นางระบำผู้เลอโฉมในชุดผ้าแพ

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 9: ระบำแห่งเปลวไฟ (2/2)

    "ข้ารู้สึกผิดต่อไลลาอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธแรงดึงดูดที่ข้ามีต่อยาซมินได้ นางคือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความแข็งแกร่งของไลลาและความสดใสของซิงจวน นางคือพายุที่พัดเข้ามาในหัวใจที่เคยสงบนิ่งของข้า และทำให้กำแพงที่ข้าเคยสร้างไว้เพื่อรอคอยไลลาพังทลายลง ข้าตกอยู่ในสภาวะที่อันตราย... สภาวะที่พร้อมจะยอมจำนนต่อท่วงทำนองต้องห้ามที่นางกำลังบรรเลง"“หลายวันต่อมา ในค่ำคืนแห่งการเจรจาธุรกิจ มหาเศรษฐีได้จัดงานเลี้ยงส่วนตัวขึ้นอีกครั้ง เหล่านางระบำของยาซมินทำหน้าที่รินสุราและให้ความบันเทิง ข้าสังเกตเห็นว่าพวกนางกำลังมอมเหล้าองครักษ์ของข้าและทหารยามของคฤหาสน์ด้วยสุราผสมยาสลบอ่อนๆ พร้อมทั้งโปรยเสน่ห์ยั่วยวนจนทุกคนเคลิบเคลิ้มและหย่อนยานต่อหน้าที่”“ข้ารู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ข้าไม่ได้หลงใหลในเสน่หาผิวเผินเหล่านั้นและไม่ได้ต้องการดื่มสุรา จึงพยายามปลีกตัวออกจากงานเลี้ยงกลับไปยังห้องพักเพื่ออ่านตำรา แต่ยาซมินก็ตามข้ามา นางเข้ามาและรุกข้าอย่างหนักหน่วงด้วยเสน่ห์ทั้งหมดที่นางมี เพื่อให้ข้าดื่มสุราให้ได้” องค์รัชทายาทหยุดเล่า สบตากับซิงจวนอย่างรู้สึกผิด “ข้ารู้ว่านางมีแผนการบางอย่างจึงแสร้งทำเป็นเผล

  • สตรีเหล่านั้น หม่อมฉันรู้จักดีเพคะ   บทที่ 8: ระบำแห่งเปลวไฟ (1/2)

    องค์รัชทายาทนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นแววตาของไลลา ก่อนจะทอดพระเนตรลงไปยังกำไลข้อเท้าเงินร้อยกระพรวนที่นางหยิบขึ้นมาเป็นชิ้นต่อไป เสียงกรุ๊งกริ๊งแผ่วเบาที่ดังขึ้นปลุกความทรงจำที่ทั้งเย้ายวนและอันตรายให้หวนคืนมาอีกครั้ง“ไลลา... ไม่สิ ซิงจวน...”“จะเรียกหม่อมฉันว่าอะไรก็แล้วแต่พระองค์เถิดเพคะ” ซิงจวนในร่างทาสสาวเอ่ยขึ้น“ก่อนที่ข้าจะเล่าเรื่องต่อไป มีบางอย่างที่ข้าต้องสารภาพตามตรง” พระองค์เริ่มต้นด้วยสุรเสียงที่จริงจัง แฝงความละอายพระทัย “มันอาจทำให้เจ้าเจ็บปวด... นอกจากเจ้าในฐานะไลลาแล้ว ข้าได้เผลอกายและใจให้กับสตรีอื่นด้วย... แต่อย่างไรก็ตาม ข้าขอยืนยันว่าซิงจวนคือรักแรกและรักเดียวของข้าเสมอมา และไลลาคือสัมพันธ์สวาทด้วยรักครั้งแรกของข้า... แต่นางผู้นี้... นางแตกต่างออกไป”เมื่อเห็นซิงจวนพยักหน้ารับฟังอย่างสงบ พระองค์จึงได้เริ่มเล่าเรื่องราวต่อไป“หลังจากแยกกับไลลา ข้าเดินทางต่อไปยังแคว้นพาร์ซา เพื่อเจรจาเรื่องการเปิดเส้นทางการค้าใหม่กับนครซาร์ราบาด ในครั้งนี้ผู้ที่เราต้องเจรจาด้วยไม่ได้มีแต่เจ้าผู้ครองนครโดยตรง แต่ยังมีมหาเศรษฐีผู้กุมอำนาจการค้าส่วนใหญ่ของที่นั่น เขาต้องการสร้างสายสัมพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status