"เสื้อผ้าผู้หญิงของนายเหรอน่ะ"
ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาววัยสิบสี่ที่นั่งซักเสื้อผ้าในกะละมังใบเล็กอย่างทะมัดทะแมง "ผู้หญิงที่ไหนล่ะแม่? ของพี่มนเขา" "ของมน?" เอ่ยถามออกไปเหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยินจากปากลูกสาว "ก็นายอุ้มพี่มนมาจากคอกม้า เห็นว่าใช้งานจนเป็นลม...กลัวเป็นขี้ปากคนอื่น" "แล้วเอามาไว้ที่บ้าน? แม่ว่าชักจะแปลก ๆ" "ใช่ไหมแม่? แต่นายคงไม่อยากดูแลเองนั่นล่ะ เลยต้องเอาพี่มนมาด้วย" เด็กสาวเงียบไปอีกอึดใจ...ก่อนจะหันมาสบตาแม่คล้ายจะมีความคิดไปในทิศทางเดียวกัน "ที่แปลกกว่านั้นคืออะไรรู้ไหมแม่?" "แล้วแกจะพูดให้แม่อยากรู้ทำไมเนี่ย...จะเล่าก็เล่ามา แต่อย่าเสียงดังไป หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง" ผู้เป็นแม่ตั้งใจรอฟังประโยคสำคัญจากปากลูกสาว "นายพาพี่มนไปนอนที่ห้อง...ห้องที่ว่าก็คือห้องนอนของนายเอง" "อกอีแป้นจะแตก!" "อุทานได้เชยมากแม่...แค่ขึ้นไปนอนบนเตียง นายไม่ได้ทำอะไรพี่มน...นี่ก็ออกไปรีสอร์ต เดี๋ยวสักพักพี่มนตื่นก็คงกลับไปเองนั่นล่ะ" "รู้แล้วก็เหยียบไว้เลย ไม่ต้องเล่าไปเล่ามา...เข้าใจที่แม่พูดไหม?" น้ำเสียงที่เอ่ยออกไปสั่งกำชับอย่างหนักแน่น ด้วยความที่ทำงานที่นี่มานานโดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่สองแม่ลูกทั้งมาทำความสะอาดและทำกับข้าวมื้อเย็นให้ผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งส่วนใหญ่ธราดลจะไม่โปรดอาหารเช้า เนื่องจากดื่มเพียงกาแฟดำแก้วเดียวก็อยู่ท้อง ส่วนตอนกลางวันถ้าไม่ไปรับประทานอาหารพร้อมกับคนงานในไร่ที่โรงอาหารส่วนกลาง...ก็จะไปรับประทานอาหารที่รีสอร์ตนับเป็นการดูงานไปในตัว แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจจนต้องหวนกลับมาคิดซ้ำไปซ้ำมาก็คือ...นายของเธอไม่เคยพาผู้หญิงที่ไหนขึ้นห้องนอนตัวเอง หากจะอาศัยบริการเพื่อบำบัดความต้องการในเรื่องอย่างว่า นายของเธอก็จะไปที่รีสอร์ตเป็นส่วนใหญ่ แม้กระทั่งคนรักล่าสุดอย่างคุณศศิธรที่นายเศร้าโศกเสียใจมาแรมปี...ยังให้พักห้องแยกต่างหาก เธอเองก็ชักได้กลิ่นทะแม่ง ๆ ไม่ต่างกับบุตรสาวที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นนั่นล่ะ เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าร้องดังขึ้นคาดว่าพายุฤดูร้อนจะเข้าตามพยากรณ์อากาศที่แจ้งไว้ จนสองแม่ลูกถึงกับผงะด้วยความตกใจ สาวน้อยวัยสิบสี่ที่ตากผ้าในที่ร่มเสร็จเรียบร้อยถึงกับรีบวิ่งไปเก็บกะละมังคว่ำไว้ที่เดิม ส่วนผู้เป็นแม่ก็รีบปิดเตาในครัวให้เรียบร้อย "แม่หนูลืมเก็บผ้า" "งั้นก็ไปกันก่อน...ค่อยวนกลับมาดูมนใหม่" ประทับจิตพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความคิดของผู้เป็นแม่ ขืนชักช้ากว่านี้ได้ซักผ้าใหม่อีกรอบแหง ๆ สาวน้อยรีบเดินออกไปล็อกประตูหน้าเรือนใหญ่ของเจ้านายให้เรียบร้อย ก่อนจะวนกลับมาทางหลังบ้าน กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ผู้เป็นแม่สตารต์ไว้รอก่อนหน้านั้นอยู่ก่อนแล้ว "บิดสุดแรงเกิดไปเลยแม่!...หนูกลัวเราจะเปียกก่อนถึงบ้านซะก่อน" "งั้นก็เกาะเอวแน่น ๆ พร้อมหรือยังนังหนู? จะไปแล้วนะ!" บรื้น!!! บรื้น!!! สิ้นเสียงบิดรถของผู้เป็นแม่ สาวน้อยวัยสิบสี่ก็ดูเหมือนจะหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นพิเศษกับการซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ออกตัวแรงด้วยความเร็วสูง ปกติแม่ของเธอจะไม่ขับรถเร็ว...แต่ด้วยสถานการณ์บังคับให้ต้องแข่งกับเวลาจึงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น ประทับจิตอดคิดถึงพี่สาวที่นอนป่วยอยู่ที่เรือนใหญ่คนเดียวไม่ได้... 'รอหน่อยนะพี่มน เดี๋ยวองุ่นจะรีบกลับมา' โดยหารู้ไม่ว่า...คนที่จะต้องนอนแบ็บเป็นรายต่อไปก็คือเธอกับแม่นั่นเอง ธราดลกลับมาถึงบ้านก่อนฝนจะตก แต่ยิ่งควบม้าให้เร็วเท่าไหร่...ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่ทัน เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาตอนนี้ชุมฉ่ำไปด้วยเม็ดฝน ชายหนุ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกจากตัวก่อนจะโยนไปที่ตะกร้าในส่วนของโซนซักล้าง หางตาเหลือบไปเห็นชุดชั้นในของผู้หญิงที่ตากไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่พอมองย้อนไปเห็นเสื้อยืดสีอ่อนคุ้นตากับกางเกงยีนสีซีดก็พอนึกออกว่าใครเป็นเจ้าของชุดนั้น แอบนึกเคืองอยู่หน่อย ๆ ที่กล้าดียังไงเอาชุดของตัวเองมาตากไว้ที่บ้านของเขา...ป่านนี้คงจะกลับไปที่ท้ายไร่แล้วล่ะมั้ง คิดมาได้ถึงตรงนั้นก็อดมีความรู้สึกสงสารขึ้นมาไม่ได้ บ้านหลังเก่าซอมซ่อที่แค่ฝนหยดเล็ก ๆ ยังซึมไปทั่วทั้งบ้าน แล้วนี่พายุฤดูร้อนโหมกระหน่ำขนาดนี้...เธอจะใช้ชีวิตยังไงกัน? หากความคิดด้านดำมืดกลับบอกตัวเองว่า...นั่นคือสิ่งที่ลูกสาวนักโทษอย่างเธอสมควรได้รับแล้ว กายแกร่งค่อย ๆ ถอดกางเกงยีนสีเข้มสะบัดออกจากกายตามเสื้อไปอีกตัว ทั้งกายของเขาตอนนี้จึงล่อนจ้อน เพราะแม้แต่กางเกงชั้นในที่เปียกจนฉ่ำไปทั้งพวง...ก็เห็นทีว่าจะใส่ต่อไม่ได้ มือหนาคว้าผ้าขนหนูที่ตากอยู่เพียงผืนเดียวมาพันเอวสอบไว้แน่นเพื่อไม่ให้อุจาดตาเจ้าบ้านเจ้าเรือนจนเกินไป ทั้งมัดกล้ามหน้าอกหน้าท้องที่เต็มไปด้วยลอนซิกแพ็กอย่างคนที่มักออกกำลังกายเป็นประจำ เนื่องจากธราดลมีฟิตเนสส่วนตัวที่บ้าน...ไหนจะงานที่ฟาร์มวึ่งต้องใช้แรงกายเป็นหลัก จึงทำให้ร่างกายของเขาค่อนข้างหนาขึ้นจากเมื่อสี่ปีที่แล้ว ไฟในห้องรับแขกดับลงเหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟตรงหัวบันไดที่ยังเปิดค้างไว้ บรรยากาศเงียบเชียบจนน่าประหลาดใจ อันที่จริงเขาควรจะชินกับความรู้สึกนี้ด้วยซ้ำ...สี่ปีที่ผ่านมาล้วนตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่าเขาสามารถเผชิญกับมันได้... แม้จะเงียบเหงาหรือเจ็บปวดเจียนตายยามมองไปที่ภาพของแม่บนกรอบไม้สีทองนั่น เขาเพียงแค่รอเวลา...ตามเบาะแสที่เพื่อนของเขาเพิ่งแจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ธราดลหยุดอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างเบาที่สุด ไม่รู้เขาแอบหวังไปเองหรือเปล่า?... หวังว่าใครบางคนที่เขานึกเกลียดแสนเกลียดจะยังอยู่ที่เดิม...บนเตียงของเขา ห้องทั้งห้องมืดมิด...หากยังพอมีแสงจากฟ้าที่แลบเป็นระยะ ๆ พอให้เห็นร่างเล็กที่ยังนอนขดตัวอยู่บนเตียง "เธอนี่มัน...อู้งานชะมัด!" คนถูกบ่นยังคงหลับสนิท...มีเพียงเสียงลมหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอ ร่างหนายืนพิงกรอบประตู มองใครบางคนอยู่นานโดยไม่พูดอะไรเลย ก่อนที่ร่างบางจะพลิกตัวไปอีกฝั่ง...โดยไม่รู้เลยว่าผ้าห่มหนาร่นลงไปอยู่ที่ปลายเท้าแทบทั้งหมด นัยน์ตาคมถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ...ทันทีที่เห็นแก้มก้นงามงอนได้รูปโผล่พ้นออกมาจากชายเสื้อเชิ้ตตัวโปรดของเขา "นี่คงเป็นแผนการของเธอที่ตั้งใจยั่วฉันสินะ" พูดออกไปราวกับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ... ทว่าบางอย่างภายใต้ผ้าขนหนูกลับแข็งขันขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ แม้กระทั่งเจ้าตัวเองยังรับรู้ได้ถึงความทรมานจากอาการปวดหนึบที่ว่า...ร้อนรนจนต้องนึกหาทางปลดปล่อย ก่อนที่คนต้นเหตุจะตื่นมาเห็นก่อนนั่นล่ะ "ร้อน...หิว..." เสียงเล็ก ๆ บ่นพึมพำเบา ๆ ทว่าเขาได้ยินทุกถ้อยคำที่เธอเอื้อนเอ่ยทั้งหมด จะขยับเข้าไปใกล้กว่านี้ก็ไม่ใช่เรื่อง...เดี๋ยวจะเข้าแผนยัยตัวร้ายนั่นเสียก่อน เปลือกตาบาง ๆๆค่อนข้างหนักอึ้งยามที่เธอค่อย ๆ พยายามลืมตาตื่นขึ้นมา พอรับรู้ได้ว่าร่างกายของตัวเองอ่อนเพลียจากการเดินทางประกอบกับการทำงานหนัก จ๊อก!!! เสียงท้องร้องขึ้นมาด้วยความหิวโหย แน่สิ...วันนี้ทั้งวันข้าวสักคำก็ยังไม่ตกถึงท้อง เพราะคน ๆ เดียวเลยแท้ ๆ ดีหน่อยแค่ได้นอนเต็มตื่น วิมลลักษณ์ค่อย ๆ ปรับสายตาท่ามกลางความมืด อากาศภายในห้องนี้เย็นฉ่ำ แต่เหมือนตัวเธอจะเริ่มร้อนนิด ๆ ฟูกที่นอนหนา ๆ นิ่ม ๆ แบบนี้ เห็นทีว่าจะไม่ใช่ฟูกนอนประจำของเธอแน่ ๆ "ที่นี่คือที่ไหนกัน?" ริมฝีปากอวบอิ่มบ่นพึมพำออกไปด้วยความฉงน ก่อนจะยกมือจับตามเนื้อตัวของตัวเองแล้วพบว่า...นี่มันไม่ใช่ชุดของเธอ ร่างกายของเธอมีเพียงเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่เพียงตัวเดียวไว้ห่อหุ้มร่างกายเท่านั้น มือบางล้วงเข้าไปด้านใน...มันไม่เหลืออะไรเลย ทั้งชุดชั้นในด้านบนและด้านล่าง ร่างบางสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ ก่อนจะดีดตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงนอนกว้าง...ฟูกนอนหนานุ่มที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาหลับอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่เป็นเพราะความไม่ระวังตัวอีกนั่นล่ะ ที่ทำให้ตัวเธอเองถึงกับหน้สมืดจนจะหล่นไปกองอยู่กับพื้น...หากไม่มีมือหนาของใครบางคนมาคว้าเอาไว้เสียก่อน "กรี๊ด!!!!!!"องุ่น...เป็นยังไงบ้าง พี่ขอโทษนะที่เป็นต้นเหตุทำให้องุ่นกับน้าเยาว์ต้องเป็นแบบนั้น"เสียงหวานเอ่ยออกไปอย่างขอโทษขอโพยสาวน้อยวัยสิบสี่ผ่านทางโทรศัพท์จนปลายสายนึกแปลกใจว่าเพราะอะไรเธอจึงโทษตัวเอง ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับวิมลลักษณ์เสียหน่อย"หนูกับแม่รีบกลับไปเก็บผ้า แม่เลยขับรถเร็วไปหน่อยจ้าพี่มน ไม่ได้เกี่ยวกับพี่มนซะหน่อย...อย่าโทษตัวเองเลยน่า""ขอบคุณที่ดูแลพี่...แถมยังซักผ้าให้พี่อีก แล้วองุ่นกับน้าเยาว์ออกจากโรง'บาลวันไหน พี่จะได้ไปเยี่ยมบ้าง"วิมลลักษณ์เปิดลำโพง ๆ พร้อมกับลงมือทำอาหารไปด้วย เธอไม่รู้ว่าเขาชอบกินอะไรเป็นพิเศษ...หากเป็นเมื่อก่อนก็มีแต่แม่ของเธอที่ทำหน้าที่นี้เป็นหลัก วิมลลักษณ์เป็นลูกมือช่วยแม่บ้างเล็กน้อย แต่ทุกทีที่เห็นคนตัวโต...เธอก็มักจะปั่นจักรยานเผ่นแน่บกลับบ้านทุกครั้งไป เธอกลัวนัยน์ตาคมดุ ๆ คู่นั้น ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้นึกชอบสักนิดเดียว "นี่ก็กำลังเก็บของเตรียมจะกลับแล้วจ้ะพี่มน แล้วนี่พี่มนทำอะไรอยู่...เหนื่อยไหม?"เอ่ยถามออกไปเพราะรู้ดีว่าพี่สาวของเธอคงไม่เหลือใครให้พูดคุยในช่วงนี้...แต่ดูเหมือนเสียงปลายสายจะเงียบไปครู่หนึ่ง"ไม่เหนื่อยหรอก องุ่นกับน้าเยาว
ฟิ้ว!!!!เสียงปลิวพร้อมกับสิ่งของบางอย่างลอยละล่องตกลงมาที่ศีรษะของสารวัตรหนุ่มอย่างพอดิบพอดี ก่อนจะพบว่ามันคือผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่ลอยมาจากทางด้านหลัง"ไม่ไปทำงานทำการหรือไงมึงน่ะ"น้ำเสียงกวนประสาทจากเจ้าของผ้าขนหนูผืนเมื่อครู่เดินเข้ามาพร้อมกับร่างของคนท็อกซิกที่เขาเคยต่อว่าเอาไว้ก่อนหน้านี้ ยืนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้...ก่อนจะเดินเข้ามาลูบคอลูกชายตัวโปรดด้วยความรักราวกับต้องการบอกเจ้าสีนิลเป็นนัย ๆ ว่า'ทำดีมากลูกชาย'"เอาเปรียบประชาชนด้วยการโกงเวลางาน...กูจะยัดข้อหาให้หนัก ๆ เลย"ฮี้!!!!เสียงเจ้าสีนิลร้องขึ้นมาเหมือนเป็นลูกคู่ขานรับทุกถ้อยคำที่นายของมันพูดเมื่อครู่ ราวกับลูกขุนพลอยพยัก...จนสารวัตรหนุ่มเข้าใจแจ่มแจ้งได้เป็นอย่างดี นิสัยไม่ต่างกับเจ้าของของมันสักนิดเดียวธราดลก้าวขึ้นเหยียบโกลนข้างตัวม้า ก่อนจะเหวี่ยงขาขึ้นพาดผ่านหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว แผ่นหลังกว้างตั้งตรงอย่างสง่าในชุดเสื้อโปโลสีเข้มพร้อมกับกางเกงยีนสีเข้าชุดกัน มือหนึ่งจับบังเหียนแน่น ก่อนจะหันกลับมามองหญิงสาวที่ยืนลังเลอยู่ข้างม้าสีขาวอ่อนอีกตัว“เสร็จธุระแล้วก็ขี่เจ้าสีนวลตามฉันมาที่ท้ายไร่ ฉันมีเรื่องงานจะคุยกับเธอ”
เสียงน้ำที่ไหลผ่านทางสายยาง ท่ามกลางแดดยามสายที่ส่องลอดยอดไม้ ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีเข้มกางเกงยีนพับขา ก้าวเท้าไปยังลานล้างม้าด้านข้างของตัวคอก มือหนึ่งถือสายยาง อีกมือหิ้วถังแชมพูม้ากลิ่นหอมอ่อนๆ เดินตรงมาหาเจ้าสีนิลกับสีนวลที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว เจ้าสีนิลเป็นม้าเพศผู้สายพันธุ์อาราเบียนสีดำเข้ม ถือได้ว่าเป็นนักวิ่งตัวฉกาจของฟาร์มม้าแห่งนี้จากม้าทั้งหมดเกือบร้อยตัวเห็นจะได้มีคนเคยบอกว่าม้ามักพยศก็เห็นจะจริง...ท่าทางจะนิสัยเหมือนกับเจ้านายของมัน สีนิลไม่ยอมให้ใครจับตัวได้ง่าย ๆ มันยอมฟังแต่เจ้านายของมันเท่านั้น และด้วยนิสัยแสนพยศของมันจึงทำให้ลำบากเวลาอาบน้ำหรือแปรงขน...หลัก ๆ ธราดลจะเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง เพราะม้าตัวนี้เป็นม้าตัวโปรดที่เขารักมาก อันที่จริงเขาก็รักสัตว์ทุกชนิดที่เขาเลี้ยงทุกตัว แต่บางครั้งเจ้านายของมันก็ไม่ได้มีเวลาที่จะมาดูแลด้วยตัวเอง คำสั่งประกาศิตของเขาจึงตกมาอยู่ที่เธอในการดูแลเจ้าสีนิลในช่วงสองปีก่อน...แรก ๆ ต้องเรียกได้ว่าเธอถูกมันถีบไม่เว้นแต่ละวัน กว่าจะรู้จักนิสัยใจคอและทำความเคยชินกับมันล้วนใช้ระยะเวลาเกือบปี หน้าที่หลัก ๆ ของเธอนอกจากให้อาหาร ทำความสะ
ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! เสียงสั่นจากสายเรียกเข้าที่โทรมาในช่วงเช้าของวัน จนคนที่เพิ่งจะข่มตาหลับได้ในช่วงรุ่งสางถึงกับหัวเสีย ก็จะไม่ให้เขาหัวเสียได้อย่างไร...ในเมื่อใครบางคนมีอิทธิพลถึงกับทำให้เขาต้องรีบฉวยกล่องปฐมพยาบาลมาจากเธอด้วยความรีบร้อน เจ้าลูกชายภายใต้กางเกงนอนผ้าฝ้ายมันดันไม่รักดี...เผลอแข็งโด่ขึ้นมาจนแทบจะทนไม่ไหวทันทีที่เขาเดินเข้าไปใกล้คนตัวเล็ก...ด้วยเห็นว่าอีกเพียงนิดเดียวกล่องปฐมพยาบาลที่ว่าจะหล่นใส่หัวเธอแล้วแท้ ๆเขาแค่ต้องการทดสอบจิตใจตัวเองด้วยเช่นกัน...ว่าจะสามารถจัดการความรู้สึกของตัวเองได้หรือเปล่า ธราดลค้นพบทันทีเลยว่า...ยากเกินไป บางทีเขาอาจจะห่างเหินเรื่องอย่างว่าไปนาน ค่ำคืนนี้อาจจะต้องให้คนคุ้นเคยจัดหาสาวข้างกายที่สะอาดสะอ้านมาให้สักคน ไม่เช่นนั้นคนที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยอย่างเขาคงได้เผลอทำอะไรที่ไม่ควรทำ ลูกสาวฆาตกร!...ธราดลท่องไว้จนจำขึ้นใจ ที่แม่เขาตาย...ก็เพราะแม่ของเธอ กริ๊ง!!!!! กริ๊ง!!!!!เสียงโทรศัพท์เงียบไปสักพัก ก่อนจะกลายเป็นเสียงกดกริ่งจากหน้าบ้านแทน จะเป็นใครไปได้ที่หน้าด้านหน้าทนกล้าต่อกรเจ้าของบ้านได้ขนาดนี้ถ้าไม่ใช่...นิติกร ผู้บุกรุกในคร
เสียงฟ้าร้องคำรามยังดังก้องอยู่ในความทรงจำของเด็กสาววัยสิบสี่กับแม่ของเธอจนผวา แม้เหตุการณ์จะผ่านมาตั้งแต่เมื่อวานช่วงหัวค่ำ แต่ภาพทุกอย่างยังชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น รถจักรยานยนต์ที่เธอขี่ซ้อนผู้เป็นแม่เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านรีบไปเก็บผ้าที่ตากไว้ หากยังไม่ถึงกลางทางดี พายุฝนที่กระหน่ำลงมาไม่ลืมหูลืมตาจึงทำให้ถนนลื่นยิ่งกว่าที่เคยผู้เป็นแม่ที่พยายามบังคับรถให้ตรงเส้นทาง แต่ในวินาทีแห่งความเป็นความตายนั้นเองจากการขับรถด้วยความเร่งรีบ ทำให้ล้อหน้ากลับไถลไปบนผิวน้ำที่ขังอยู่ เสียงเบรกที่เสียดสีกับพื้นและเสียงผู้เป็นแม่ร้องคร่ำครวญโอดโอยดังขึ้นพร้อมกับลูกสาว ก่อนที่ร่างของทั้งสองจะล้มกระแทกพื้นอย่างแรงกว่าจะรู้สึกตัวอีกที ทั้งคู่ก็เปียกโชกและเจ็บระบมไปทั้งร่าง ประทับจิตที่เจ็บน้อยกว่าพยายามพยุงผู้เป็นแม่เข้าบ้านด้วยหัวใจที่เต้นแรงทั้งจากความตกใจและความเจ็บที่ร้าวระบมเดือดร้อนผู้เป็นพ่อที่เดินออกมารับสองแม่ลูกด้วยความตกใจ ดีที่ห้องพักอยู่ชั้นล่าง...จึงไม่ต้องลำบากตะเกียกตะกายเดินเหินขึ้นไปชั้นสอง จักรกฤษณ์มองเห็นความเจ็บปวดของทั้งภรรยาและลูกสาวคนโตถึงกับน้ำตาคลอ ดีที่คนเล็กไม่เจ็บไปอ
เสียงน้ำไหลกระทบจานชามดังเป็นจังหวะเบา ๆ เธอพยายามระมัดระวังมากที่สุดเพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นมาใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพงของเขา ในขณะที่คนตัวโตที่กำลังนั่งเอนตัวพิงพนักเหมือนไม่มีอะไรอยู่ในสายตานอกจากภาพยนตร์บนหน้าจอแอลอีดีที่กำลังฉายอยู่ แต่ในความเป็นจริง นัยน์ตาสีนิลกำลังเลื่อนไปทางห้องครัวบ่อยครั้งมากกว่าที่จะมองหน้าจอเสียอีก ดวงตาคมคู่นั้นแอบชำเลืองไปทางเธอเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เธอเอื้อมมือไปหยิบจานที่เพิ่งล้าง หรือสะบัดน้ำออกจากมือ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผลอมองอากัปกิริยาของคนร่างบางโดยไม่ให้เธอรู้ตัว ก่อนที่จานใบสุดท้ายจะถูกล้างจนเสร็จสิ้น มือบางคู่นั้นเช็ดมือจนแห้งก่อนจะหันตัวกลับมาทางเขา ธราดลนั่งหลังตรงก่อนจะเบนสายตาไปทางหน้าจอแอลอีดีขนาดใหญ่ พร้อมกับเร่งเสียงภาพยนตร์ที่กำลังฉายอยู่เบื้องหน้าให้ดังขึ้น วิมลลักษณ์ไม่แน่ใจมากนักว่าชุดปฐมพยาบาลยังเก็บไว้อยู่ที่เดิมหรือเปล่า ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปเห็นว่ามันวางอยู่สูงกว่าที่ควร มือบางเอื้อมไปหยิบกล่องยาที่อยู่ด้านบนจนปลายเท้าเขย่ง "อ๊ะ...อีกนิดเดียว" ใบหน้าเล็กขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะใช้แขนเรียวยืดขึ้นจนสุดความสามารถ อีกเพียง