ตอนที่ 14
ออกเดินทาง
การไปเยี่ยมบ้านของนางผ่านไปได้ด้วยดี แม้บิดาจะจ้องสามีนางจนตาไม่กระพริบก็ตาม ก่อนที่บิดาจะขอคุยกับเขาส่วนตัวนานเกือบสองชั่วยาม
พอเขากลับออกมาก็มีรอยช้ำบนใบหน้าบางจุด พอนางถามเขาก็ไม่ยอมบอก ครั้นไปถามบิดารายนั้นก็เอาแต่บ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่อง นางจึงไม่เซ้าซี้ต่อ
พอทานข้าวเย็นกับบิดาแล้วนางกับหลงจิวซิ่งจึงขอตัวกลับจวน ก่อนกลับบิดาก็ตามมาส่งถึงหน้าจวน
“เจ้าออกเดินทางไกลครั้งแรกก็รักษาตัวด้วย เมื่อถึงวันเดินทางบิดาจะตามไปส่งเจ้าที่หน้าประตูเมืองเอง”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่ครู่เดียวก็หันไปส่งสายตาอาฆาตให้หลงจิวซิ่งต่อ
“ท่านพ่อรีบกลับเข้าจวนพักผ่อนเถอะ ลูกก็จะกลับแล้วเพคะ” นางเอ่ยพร้อมโบกมือให้บิดา ก่อนจะขึ้นรถม้าหลงจิวซิ่งก็ตามขึ้นมาเราจึงกลับจวนกัน
สายตาของท่านอ๋องนั้นคล้ายจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ยอมหนุนตัวกลับเข้าจวนเมื่อรถม้าของบุตรสาวลับมุมถนนไปแล้ว
วันเดินทางไปเมืองหลวงของนางมาถึงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางกำลังนั่งอยู่บนรถม้า โดยมีบิดาควบม้าอยู่ข้าง ๆ
“ท่านพ่อส่งลูกแค่หน้าประตูเมืองจริง ๆ นะเพคะ ถึงเมืองหลวงแล้วลูกจะส่งจดหมายกลับมาหา” นางเอ่ยกับบิดาขณะที่เปิดหน้าต่างรถม้าไว้
“พ่อจะรอจดหมายจากเจ้า แล้วอย่าลืมเอาจดหมายของพ่อไปส่งให้ไทเฮาด้วย เรื่องนี้ห้ามลืมเด็ดขาด!” ท่านอ๋องเอ่ยย้ำเรื่องจดหมาย
ก่อนขึ้นรถม้าที่หน้าจวนบิดานำกล่องบางอย่างพร้อมจดหมายมาให้นาง บอกว่าให้นำของในกล่องนี้พร้อมจดหมายไปมอบให้ไทเฮา แล้วนางจะปลอดภัยจากคนที่คิดร้าย
นางก็ดีใจอยู่หรอกที่มีบิดาเอาใจใส่เพียงนี้ แต่อีกใจก็รู้ว่าอันตรายอยู่รอบตัวตลอดเวลา ยิ่งกลับเมืองหลวงและต้องเข้าวังอีก สิ่งที่บิดาห่วงจริง ๆ คงเป็นความลับเรื่องฐานะที่แท้จริงของนางมากกว่า
“ถึงประตูเมืองแล้วจากนี้เจ้ารักษาตัวด้วย บิดาจะรอตอบจดหมายเจ้า” ท่านอ๋องเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้บุตรสาวบุญธรรม
“ท่านพ่อตาไม่ต้องเป็นห่วงข้ารับปากแล้วว่าจะดูแลนางให้ดี ท่านพ่อตาวางใจเถอะพะย่ะค่ะ”
หลงจิวซิ่งเอ่ยขึ้นขณะที่ควบม้าลงมาคู่กับท่านอ๋อง สายตานั่นสื่อความนัยบางอย่างที่ท่านอ๋องรู้สึกไม่สบายใจนัก
“ท่านพ่อก็รักษาตัวด้วยนะเพคะ ลาก่อน” นางเอ่ยพร้อมโบกมือให้บิดา รถม้าเคลื่อนผ่านประตูเมืองไปช้า ๆ ก่อนจะเริ่มทำความเร็วขึ้นจนเห็นประตูเมืองไกลออกไปเรื่อย ๆ
ท่านอ๋องมองตามขบวนเดินทางของบุตรสาวไปจนลับสายตา ที่เมืองหลวงมีไทเฮาก็จริงแต่นางอยู่ในจวนตระกูลหลงเขาไม่สามารถวางใจได้จริง ๆ บุรุษผู้นั้นทะเยอทะยานเกินไปวันหน้าบุตรสาวเขาคงพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่
“ไปตามท่านเจ้าเมือง แม่ทัพและกุนซือไปที่จวนข้า เราจะวางแผนจัดการพวกค้าเกลือเถื่อนให้สิ้น ข้าจะได้กลับไปกราบทูลฝ่าบาทที่เมืองหลวงด้วยตนเอง”
ด้วยความไม่วางใจแต่ไม่อาจทิ้งเรื่องทางนี้ได้ ท่านอ๋องจึงคิดจะจัดการให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยตามบุตรสาวไปที่เมืองหลวง
วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า การเดินทางของโจวเยี่ยนเหยียนเป็นไปอย่างราบรื่น ขบวนเดินทางของนางนับว่าใหญ่พอควร เพราะหลงจิวซิ่งเอาของจากเมืองไห่เฟิงกลับไปที่เมืองหลวงด้วย
และเพราะเหตุนี้เราจึงเดินทางกันได้ไม่เร็วนัก แม้นายท่านอย่างหลงจิวซิ่งจะเร่งการเดินทางแล้วก็ตาม
ตอนนี้เราเดินทางกันมาได้เกือบครึ่งทางแล้ว นางเองก็เริ่มคุ้นชินกับการที่ต้องนอนบนรถม้าและไม่ได้อาบน้ำบ้างแล้ว ทำอย่างไรได้ก็มันไม่มีโรงเตี๊ยมนี่
อย่างวันนี้นางก็ได้นอนบนรถม้าอีกเช่นเคย เพราะสามีตัวดีของนางเร่งเดินทาง ตอนเที่ยงผ่านโรงเตี๊ยมจึงเพียงแวะกินข้าวแล้วออกเดินทางต่อเลย
ทั้งที่มันก็ไปได้ไม่ไกลก็ค่ำแล้วแท้ ๆ คงกลัวนางไม่ได้ลำบากกระมั้ง ดีนะที่นางเตรียมเครื่องครัวมาทำอาหารด้วย
เพราะเหตุนี้นางจึงได้กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยทุกวัน และไม่แบ่งให้บุรุษผู้นั้นกินด้วย คิดจะกลั่นแกล้งกันหรือ หึ!!อย่าคิดว่านางไม่รู้นะ
“ฮูหยินอาหารที่เจ้าทำแบ่งมาให้ข้าบ้างได้หรือไม่” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นด้านหลัง ทำให้นางกับไป๋ลู่ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่เงยหน้าขึ้น
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าทำไว้เพียงพอสำหรับสองคนเท่านั้น ไม่พอแบ่งให้ผู้อื่นหรอกเจ้าค่ะ” นางย้ำเสียงที่คำว่าผู้อื่นพร้อมกับมองไปที่เขา
“ภรรยาควรดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของสามี แต่นี่เจ้าทำอาหารทุกวันแต่ไม่คิดจะแบ่งมาให้สามีอย่างข้าเลยสักครั้ง เจ้าเป็นฮูหยินประสาอะไรกัน!!”
ด้วยความหิวบวกกับกลิ่นอาหารที่ยั่วน้ำลายของนาง ทำให้เขาเผลอตะคอกใส่นางไป
“ท่านจะมาโทษข้าได้อย่างไร ในเมื่อท่านเดินทางเช่นนี้บ่อยกว่าแต่ยังไม่คิดเตรียมของไว้ทำอาหารเลี้ยงคน พอข้าทำกินของข้าเองท่านกลับมาต่อว่า ท่านยังเป็นสุภาพบุรุษอยู่หรือไม่!!”
นางก็ขึ้นเสียงใส่เขากลับไป แต่มือยังไม่ยอมวางชามข้าวราวกับกลัวใครจะแย่งไป อย่าคิดว่าตัวเองมีปากอยู่ฝ่ายเดียว เดี๋ยวแม่จะด่าให้ลืมทางกลับเมืองหลวงเลย เดี๋ยวเถอะ!!
“ได้!!! ฮูหยินบกพร่องเช่นนี้ข้าก็ไม่ได้อยากจะทะเลาะให้เสียเวลา พรุ่งนี้เช้าให้รถม้าของฮูหยินไปอยู่ที่ท้ายขบวน ให้คนที่คุ้มกันรถม้าของนางไปคุ้มกันสินค้าแทน”
หลงจิวซิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโห ก่อนจะเดินหายไปทางท้ายขบวน นางพอจะเดาออกว่าเหตุใดเขาจึงอารมณ์หงุดหงิดเพียงนี้
เพราะก่อนหน้านี้นางเห็นคนของเขาเข้ามารายงานบางอย่าง ก่อนเขาจะทำหน้าตาเคร่งเครียดแล้วหายไปท้ายขบวน พอพักค้างคืนที่นี่เขาก็มีอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่เห็น
แต่นางก็อยู่ของนางดี ๆ และทำเช่นนี้มาทุกวัน เขากลับเอาอารมณ์หงุดหงิดนั่นมาลงที่นาง ถ้าไม่ใช่เพราะสมรสพระราชทานนางคงขอหย่าแล้วกลับไปหาบิดาแล้ว
“นายหญิงเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ” ไป๋ลู่เอ่ยถามนายสาวด้วยน้ำเสียงและสีหน้ากังวล
“ช่างเขาสิ เราทั้งสองต่างก็รู้อยู่แก่ใจว่าการแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงเรื่องผลประโยชน์เท่านั้น ก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะต้องใส่ใจเขา เอาไว้เราถึงเมืองข้างหน้าค่อยไปจ้างคนคุ้มกันของเราต่างหากแล้วกัน”
นางเอ่ยพร้อมกับตักข้าวเข้าปากจนหมดชาม ไป๋ลู่จึงเก็บชามไปล้างที่ลำธารให้ นางเลยกลับขึ้นไปพักที่รถม้า
แต่รออยู่นานสาวใช้ของนางก็ไม่กลับมาเสียที นางจึงตัดสอนใจลงจากรถม้าไปตามหาที่ลำธาร
แม้นางจะเป็นฮูหยินของจวน แต่ไม่ได้เอาคนติดตามมาดูแลหลายคนอย่างที่ควรเป็น ที่ติดตามมาก็เพียงห้าคนเท่านั้น สามีนางให้เหตุผลว่าจะทำให้การเดินทางล่าช้า
แต่หลงจิวซิ่งกลับนำคนของตัวเองติดตามมาเป็นพรวน ยามนางจะทำอะไรส่วนมากจึงต้องจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อไปถึงลำธารนางก็ยกตะเกียงส่องไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นตัวสาวใช้ของนางอยู่ดี ไม่ใช่ว่าพลัดตกลำธารไปหรอกนะ
“ไป๋ลู่เจ้าอยู่แถวนี้หรือไม่!!!!” นางลองตะโกนเรียกออกไปก่อน แต่ก็ได้รับกลับมาเพียงความเงียบเท่านั้น
นางจึงเดินเลาะไปตามทางน้ำของลำธาร แต่เดินไปได้ไม่ไกลตัวเองกลับรู้สึกว่ามีคนผลักจนนางเซตกน้ำ
“ช่วย...ด้วย!!!!” นางพยายามส่งเสียงตะโกนเรียกให้คนช่วย ขณะที่ตัวเองพยายามตะเกียกตะกายเข้าหาฝั่ง
แต่กระแสน้ำพัดแรงมากจนบวกกับชุดที่นางใส่ ทำให้ร่างกายนางหนักขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งดิ้นเสื้อผ้าพวกนั้นก็ยิ่งรัดร่างกายนางมากขึ้น
“มีคนตกน้ำไปช่วยเร็ว!!! มีคนตกน้ำ!!! ช่วยด้วย!!!!”
เสียงตะโกนของกลุ่มคนดังขึ้น พอดีกับที่นางเริ่มหมดแรงแล้ว นางจึงฮึดเอาแรงเฮือกสุดท้ายโพล่ตัวเหนือน้ำขึ้นมา
“นั่นนายหญิงไม่ใช่หรือ!! ไปช่วยนายหญิงเร็ว!!!”
เสียงคนตะโกนขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงกระโดดลงน้ำ ก่อนตัวนางจะถูกลากเข้าฝั่งได้สำเร็จ
“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บ่าวผิดเองที่ไม่ดูแลนายหญิงให้ดี นายหญิงบาดเจ็บที่ใดหรือไม่เจ้าคะ” สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหวารีบเอาผ้าห่มมาห่อร่างให้นาง
แม้หิมะจะละลายหมดแล้วแต่น้ำในลำธารยังเย็นจัดอยู่ ทำให้นางตัวสั่นราวกับเจ้าเข้า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน! กลางดึกเจ้าควรนอนอยู่แต่ในรถม้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงออกมาเดินเพ่นพ่านจนตกลำธารได้เช่นนี้!!!”
เสียงของหลงจิววิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิ ก่อนจะมองนางด้วยสายตาไม่พอใจนัก
“ขะ ข้าออกมาตามหาไป๋ลู่ นาง...หายตัวไป” นางเอ่ยตอบเสียงสั่นเพราะความหนาว
หลงจิวซิ่งมองนางด้วยสายตาเวทนาเล็กน้อย ก่อนจะเข้ามาอุ้มนางขึ้นแล้วเดินกลับไปที่กองไฟ
“ให้คนออกตามหาตัวสาวใช้ของนายหญิง ส่วนเจ้าไปเตรียมชุดใหม่ให้นายหญิงเจ้าเสีย” หลงจิววิ่งเอ่ยกับสาวใช้ของนางอีกคน
เสี่ยวหวารับคำแล้วรีบวิ่งนำไปที่รถม้าของนางก่อน นางที่กำลังหนาวจนตัวสั่นจึงซบหน้าลงกับอกเขา
“เพราะความดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเอง เจ้าจึงได้อยู่ในสภาพเช่นนี้” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะของนางคล้ายจะตำหนิแต่เสียงอ่อนกว่าเมื่อครู่
นางไม่ตอบอะไรเพราะตอนนี้หนาวจนปากสั่นหมดแล้ว แต่ในใจก็เถียงว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันเสียหน่อย
ตอนที่ 28หาเรื่องพักนี่หลงจิวซิ่งปวดหัวกับการส่งสินค้าลับเป็นอย่างมาก เพราะล่าสุดสินค้าที่เขาลอบนำเข้ามาถูกทางการจับกุมได้ทั้งหมด และคนที่เป็นผู้นำจับในครั้งนี้ก็คืออ๋องโจวจิ้งห้าว พ่อตาของเขานั่นเองมูลค่าสินค้าครั้งนี้เสียหายกว่าสิบล้านตำลึงทอง นับว่ามากที่สุดตั้งแต่ทำการค้านี้มาเลยก็ว่าได้“นายท่านตอนนี้คนของเราส่งข่าวมาว่าอ๋องโจวจิ้งห้าวเค้นเอาความจากคนของเราจนสาวมาถึงพ่อค้าที่ส่งของให้เราแล้วขอรับแต่ยังไม่สามารถจับตัวได้ และพ่อค้าที่เราทำการค้าด้วยก็ส่งคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา หากไม่ช่วยเหลือเขาขู่จะเปิดโปงเรื่องทุกอย่างขอรับ”คนของหลงจิวซิ่งเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ เมื่อเปิดอ่านชายหนุ่มก็ขย้ำมันจนยับยู่ยี่ด้วยความโกรธ“จัดการเสีย คนตายย่อมไม่สามรถพูดได้ อย่าให้มันได้มีโอกาสเอ่ยปากถึงข้าได้!” เอ่ยจบก็เผาจดหมายฉบับนั้นทิ้งทันที“มูลค่าสินค้าที่เราสูญเสียไปนั้นมากมายนัก ตอนนี้เงินใ
ตอนที่ 27อยากพบหน้าด้านจงเยว่ชิงที่อยู่ ๆ ก็ล้มป่วยนั้น เมื่อได้ยินเรื่องที่หลงจิวซิ่งเรียกอนุจี้ไปปรนนิบัติตนก็รู้สึกไม่พอใจทันที“เป็นไปได้อย่างไร ข้ารับใช้เขาไม่ได้เขาก็เรียกหาสตรีอื่นทันทีหรือ แล้วที่บอกว่ารักใคร่ข้ามากมายนั่นเป็นเพียงเรื่องโกหกสินะ!!”“นายหญิงใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่างไรคุณชายใหญ่ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น นายหญิงจะใส่ใจไปทำไมกัน คนที่นายหญิงควรใส่ใจคือนายท่านต่างหากเจ้าค่ะ” มี่มี่เอ่ยเตือนนายสาว“จริงสิ แต่ข้าล้มป่วยเช่นนี้จะพบผู้ใดได้อีก กว่าจะหายนายท่านคงลืมข้าไปแล้วกระมั้ง” หญิงสาวเอ่ยอย่างหงุดหงิด“ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าล้มป่วยข้าจะยังจะมาหาเจ้าเช่นเดิมนั่นแหละ” เสียงบุรุษดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับตัวคนที่ถือกล่องบางอย่างเข้ามา“นายท่านข้ากำลังป่วยอยู่อย่าเข้าใกล้ข้าเลย ท่านจะติดหวัดจากข้าเอาได้นะเจ้าคะ&rdqu
ตอนที่ 26เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนหลงจิวซิ่งโกรธทั้งฮูหยินเอกและมารดาตัวเอง วันนั้นจึงประชดโดยการทิ้งสตรีทั้งสองให้รอเก้ออยู่ในเรือนตามลำพัง ส่วนตัวเองก็ไปนอนกกกอดกับอนุจงเช่นเคยแต่อนุทั้งสองไม่ได้เหมือนนาง ที่ไม่ได้รับความโปรดปรานก็สามารถอยู่ได้ ดังนั้นวันนี้นางจึงมาหาแรงจูงใจให้ทั้งสองเสียหน่อย“หากพวกทั้งคนใดคนหนึ่งสามารถปรนนิบัติคุณชายใหญ่ได้ก่อน ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม” นางเอ่ยขณะที่ทั้งสองมายกน้ำชาให้ตนในเช้าวันถัดมาที่นางทำเช่นนี้เพราะอยากเห็นชายหนุ่มแตกหักกับอนุจง ทุกอย่างทำไปเพราะความสนุกของตัวเองล้วน ๆแต่อีกนัยหนึ่งคือเขาจะได้ไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายเรื่องกิจการของนาง ที่ยามนี้ดำเนินการไปได้เกือบเสร็จแล้ว“จริงหรือเจ้าคะ!!! นายหญิงพอจะบอกได้หรือไม่ว่ารางวัลนั้นคือสิ่งใด” จี้เหมยกุ้ยเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะชอบมันหรือไม่ เครื่องหัวชิ้นนี้ทำมาจากหยกชั้นดี การออกแบบงดงามยังไม่มีวางขายในเมืองหลวง เพราะมันเป็นเครื่องประดับที่ข้าสั่งทำขึ้นมาเอง”นางเอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องเครื่องประดับในมือให้ทั้งสองดู แม้จะเป็นเพียงปิ่นระย้าแต่รูปแบบงดงามนัก“งดงามยิ่งนัก ข้าไม่เคยเ
ตอนที่ 25แม่สามีซ่งอี้เฉินได้ยินทุกประโยคที่หญิงสาวพูดคุยกัน ตนตามนางมาตั้งแต่หอนางโลม เข้าออกร้านอาภรรณ์และร้านเครื่องประดับ จนมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้“นางช่างแสดงงิ้วได้เก่งกาจนัก หากนายท่านไม่ให้ข้าเฝ้าดูนางก่อนหน้านี้ ข้าคงคิดว่านางน่าสงสารแล้ว อึก!!!!”ซุนเข่อซินพูดจบก็รู้สึกจุกที่ท้องทันที เพราะถูกผู้เป็นนายซัดพลังยุทธใส่ แม้ไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำเอาเขาตัวงอได้เช่นกัน“พูดมากเช่นนี้ข้าควรส่งเจ้าไปฝึกกับอี้เจินสักสองปี” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับมองลูกน้องตัวเองด้วยสายตาเย็นชา“ยะ อย่าเลยขอรับ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว” ซุนเข่อซินรีบปิดปากตัวเองทันที ก่อนจะถูกไล่ให้ไปเอารถม้า เพราะโจวเยี่ยนเหยียนออกจากห้องข้าง ๆ แล้วหลงจิวซิ่งกำลังตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานหลังร้าน ก็มีบ่าวเข้ามาแจ้งว่าอนุจงเอาสำรับมาส่ง“รีบให้นางเข้ามา” ชายหนุ่มวางพู่กันในมือลงพร้อมกับลุกไปรับหญิงสาว“ท่านพี่ทำงานอยู่หรือเจ้าคะ ข้ามารบกวนท่านหรือไม่” จงเยว่ชิงเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม“รบกวนอะไรกันเจ้าอุตส่าห์หิ้วปิ่นโตมาหาข้าเพียงนี้ แต่เจ้าไม่น่าลำบากเอาอาหารมาส่งข้าเช่นนี้เลย นั่งก่อนเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับประคอง
ตอนที่ 24รับอนุให้สามีเมื่อได้ฟังจบนางก็ยิ้มเย้ยหยันออกมาทันที ที่สร้างเรื่องพวกนี้ก็เพื่อเอาไว้บีบให้นางอยู่ใต้เท้าตัวเองนี่เอง“เกินไปแล้ว!! ถึงกับใส่ร้ายกันเพียงนี้คงไม่ต้องการให้นายหญิงออกงานสังคมได้เลยสินะ” ลู่หลิ่งเอ่ยเพราะโกรธแทนนายสาว“พวกเจ้าเชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรือไม่” นางหันไปถามสาวใช้ทั้งสองอย่างใจเย็น“จะเชื่อได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อพวกข้าก็อยู่กับนายหญิงตลอดเวลา ย่อมมองออกว่านายหญิงเป็นคนเช่นไร” ลู่หลินรีบเอ่ย“เช่นนั้นข้าจะเล่านิทานให้ฟัง” นางเอ่ยพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่ตนสันนิษฐานเกี่ยวกับสามีผู้นี้ด้วย“เช่นนั้นนายหญิงจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ ขนาดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่นานยังกล้าทำถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นายหญิงไปเข้าเฝ้าไทเฮามาแท้ ๆ พวกเขายังไม่เกรงใจเลยสักนิด”ลู่หลินเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล คนจวนนี้ไม่คิดเกรงกลัวอำนาจของราชวงศ์เลยสักนิด คงคิดว่าการค้าของตัวเองเรืองอำนาจมากสินะ“ข้าคิดว่าจะให้บิดาช่วยเรื่องหย่า จากนั้นข้าจะหายไปเสีย ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเปิดกิจการเลี้ยงตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์อีก”นางเอ่ยความคิดที่ตนวางแผนไว้ แ
ตอนที่ 23ฮูหยินอำมหิต“ฮูหยินน้อยเกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ ให้พวกบ่าวเข้าไปได้หรือไม่!!” เสียงลู่หลิ่งตะโกนมาจากด้านนอก“เข้ามา!!!! แล้วให้คนมาพาคุณชายใหญ่กลับเรือนไปด้วย!!!!!” นางเอ่ยพลางหอบหายใจเพราะความโกรธเมื่อเห็นสภาพของหลงจิวซิ่งสาวใช้ทั้งสามก็รีบเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองทันที“นายหญิงเจ็บที่ใดหรือไม่เจ้าคะ!!”ลู่หลินรีบเข้ามาดูนาง ก่อนจะตาโตอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นนางมีเลือดซืมที่มุมปาก พร้อมกับใบหน้าด้านซ้ายเริ่มบวมแดงแล้ว“ไปตามหมอเถอะ” นางบอกสาวใช้สั้น ๆ ก่อนจะเดินไปรอที่ห้องรับรองแขก เพราะหากมีการตามหมอเรื่องก็คงวุ่นวายกว่านี้แน่กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ผ่านมาเกือบสองชั่วยาม หมอมาดูอาการนางแล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ก่อนจะเขียนใบสั่งยาแล้วกลับไปส่วนหลงจิวซิ่งนั้นหัวแตก หากเป็นในโลกที่นางจากมาคงได้เย็บไม่ต่ำกว่าสิบเข็มแน่ นอกนั้นก็ปากแตกแล้วก็พกช้ำเล็กน้อยเพราะล้มใส่โต๊ะทานข้าว“ฮูหยินน้อยเจ้าอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!” ฮูหยินใหญ่ที่ได้โอกาสจึงเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ฮึก!! ท่านพี่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับฮูหยินน้อยตอนอยู่เมือ