ตอนที่ 13
มึนตึง
เรื่องที่โจวเยี่ยนเหยียนต้องเดินทางไปเมืองหลวงกะทันหันนั้น ทำให้ท่านอ๋องอยากจะควบม้ากลับมาที่จวนตระกูลหลงอีกครั้ง
แต่งบุตรสาวเข้าไปได้เพียงข้ามคืน ก็จะพานางหนีจากเขาทันที แม้จะรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติที่สามีจะพาภรรยากลับไปพบหน้าบิดามารดา แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี
“ท่านอ๋องเอาเวลาเดินไปเดินมาตรงนี้ไปเตรียมของจำเป็นให้คุณหนูไม่ดีกว่าหรือพะย่ะค่ะ” บ่าวคนสนิทเอ่ยเตือนผู้เป็นนาย
“จริงด้วย!! อันดับแรกต้องเขียนจดหมายหาไทเฮา เจ้าไปเตรียมชุดของนางใส่หีบเย็นนี้ส่งไปให้นางที่จวนตระกูลหลง เดี๋ยวข้าไปเขียนจดหมายก่อน” ท่านอ๋องเอ่ยสั่งคนของตนก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานไป
ด้านโจวเยี่ยนเหยียนที่ได้รู้เรื่องก็ตกใจเล็กน้อย แต่นางเตรียมการณ์เอาไว้หมดแล้วจึงไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร กลับกันนางก็เริ่มวางแผนในใจแล้วว่าจะขยายกิจการร้านชานมไปที่เมืองหลวงด้วย
ขนาดที่เมืองไห่เฟิงอากาศเย็นเพียงนี้ยังนิยมดื่มชานมของนาง หากเป็นที่เมืองหลวงไม่แน่กิจการของนางอาจเป็นไปได้สวยกว่าที่คาดคิดไว้ก็ได้
“นายหญิงอย่างไรพรุ่งนี้ก็ต้องกลับไปเยี่ยมบ้านตามธรรมเนียม นายหญิงจะเตรียมสิ่งใดเป็นของขวัญวันกลับบ้านดีเจ้าคะ” ไป๋ลู่เอ่ยเตือนนายสาว
“อืม!...เดี๋ยวข้าก็ไม่อยู่เมืองไห่เฟิงอีกนานท่านพ่อต้องคิดถึงอาหารฝีมือข้าแน่ เช่นนั้นข้าจะเข้าครัวตุ๋นน้ำซุปแบบต่าง ๆ เอาไว้ให้ท่านพ่อดีหรือไม่” นางเอ่ยถามความเห็นสาวใช้คนสนิท
“เป็นความคิดที่ดีเลยเจ้าค่ะ เพราะน้ำซุปที่คุณหนูทำนั้นแม้แต่พ่อครัวจวนอ๋องยังทำได้ไม่เหมือน เวลาคุณหนูไม่อยู่หากท่านอ๋องคิดถึงคุณหนู คนครัวจะได้เอาน้ำซุปเหล่านี้ไว้ทำอาหารให้ท่านอ๋องทาน”
เมื่อคิดได้อย่างนั้นทั้งสองจึงตรงไปที่เรือนครัวเพื่อเตรียมวัตถุดิบเคี้ยวน้ำซุปทันที ส่วนวิธีการเก็บนั้นที่จวนอ๋องมีห้องเย็นที่ทำเอาไว้เก็บวัตถุดิบนอกฤดูอยู่
นางจึงคิดว่าสามารถเอาน้ำซุปพวกนี้เก็บเอาไว้ได้ อย่างน้อยก็นานเกือบสามเดือนได้แหละมั้ง
นางกับไป๋ลู่ช่วยกันทำน้ำซุปถึงสามหม้อ โดยมีคนครัวช่วยเตรียมวัตถุดิบและเฝ้าเตาให้
เมื่อนางปรุงทุกอย่างได้ที่ก็ให้คนครัวเคี้ยวต่อจนกว่าน้ำซุปจะข้นได้ที่ จากนั้นก็ให้เอาวางพักไว้ให้เย็นแล้วจะตักใส่ไห่ขนาดไม่ใหญ่มากนัก ได้มาทั้งหมดห้าไหพอดี
“เสร็จแล้วให้คนเอาใส่รถม้าไว้เลยนะพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรบกวนพวกบ่าวคนอื่นอีก”
นางเอ่ยพร้อมกับควักถุงเงินออกมาจากเอว แล้วส่งให้หัวหน้าคนครัวที่มาช่วยนางทำน้ำซุป
“ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เรื่องเหล่านี้ปกติก็เป็นหน้าที่พวกบ่าวอยู่แล้ว” หัวหน้าคนครัวเอ่ยอย่างเกรงใจ
“ข้าให้ก็รับไปเถอะ เอาไปแบ่งกันนะแล้ววันนี้ก็ขอบใจพวกท่านทุกคนมาก หากให้ข้าทำกับไป๋ลู่สองคนคงไม่เสร็จแน่” นางเอ่ยจบก็ขอตัวกลับเรือน
เย็นนั้นหลงจิวซิ่งไม่ได้กลับมาค้างที่จวน แต่เขาให้คนมาบอกแล้ว ส่วนเรื่องไปเยี่ยมบ้านของนางพรุ่งนี้เขาบอกว่าจะไปด้วย นางจึงจัดการธุระตัวเองแล้วเข้านอนแต่หัววัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ทำอย่างที่ว่าจริง เมื่อถึงเวลานางก็เห็นเขายืนรอที่รถม้าแล้ว
“คารวะท่านพี่เจ้าค่ะ” นางเอ่ยทักทายตามมารยาท
“ไปเถอะเดี๋ยวบิดาเจ้าจะรอนาน” เขาเอ่ยจบก็ขึ้นรถม้าไปก่อน นางจึงตามหลังไป เขาทำราวกับนางเป็นอากาศอย่างไรอย่างนั้น
ระหว่างทางทั้งสองไม่พูดอะไรกันสักคำ ต่างคนต่างมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับอยู่ในโลกของตน
หลงจิวซิ่งนั้นเหลือบตามองนางบ่อยครั้ง แต่นางก็เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างราวกับว่าด้านนอกนั่นมีสิ่งที่หน้าสนใจมากกว่าเขาเสียเต็มประดาจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ
“ฮูหยินคงรู้เรื่องที่เราจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงแล้ว เจ้าต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะให้คนเตรียมไว้ให้”
เขาเอ่ยถามเพื่อหาเรื่องชวนคุย ในใจก็อย่างให้หญิงสาวเข้ามาออดอ้อนและขอโทษเรื่องเมื่อวาน แต่คำตอบของนางทำให้เขากลับรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าเดิม
“ไม่รบกวนท่านพี่หรอกเจ้าค่ะ ข้าวของเหล่านั้นข้าให้บ่าวจัดการให้หมดแล้ว”
นางเอ่ยพร้อมกับหันมาสบตาเขา นัยคู่งามสื่อให้เขารู้ชัดเจนว่าหากไม่มีท่านข้าก็จัดการทุกอย่างได้ ทำให้หลงจิวซิ่งเค่นเสียงไม่พอใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะสะบัดหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างตามเดิม
“ก็ดี!! เมื่อถึงวันออกเดินทางข้าหวังว่าจะไม่มีปัญหา!” เขากระแทกเสียงตอบเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังโกรธนางอยู่ แต่นางเพียงรับคำแล้วไม่สนใจเขาอย่างเดิม
กว่าจะถึงจวนอ๋องใบหน้าชายหนุ่มก็เดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงสลับกันไปมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่สตรีตรงหน้าเขาก็ยังไม่สนใจอยู่ดี
จวนตระกูลหลง ณ เมืองหลวง
“ยินดีต้อนรับคุณหนูจงเยว่ชิงเข้าสู่ตระกูลหลงนะ บุตรชายข้าเสียมารยาทต่อเจ้าแล้ว แต่เพราะกลับมาแล้วอยากพบหน้าเจ้าทันที จึงให้ข้าส่งเกี้ยวไปรับเจ้ามาเช่นนี้”
ฮูหยินใหญ่มารดาของคุณชายหลงจิวซิ่งเอ่ยกับสตรีที่ก้าวเข้ามาจากประตูข้าง ก่อนหน้านี้ก็รู้อยู่บ้างว่าเขามีใจรักใคร่คุณหนูตระกูลจง
แต่ไม่คิดว่าคนที่เขาชอบพอจะเป็นบุตรีอนุ ที่มารดาเป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่งเท่านั้น แม้หน้าตาจะงดงามชวนมองได้ไม่เบื่อ แต่ก็คงมีเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย ถึงได้ล่อลวงคุณชายใหญ่ของตระกูลหลงได้เช่นนี้
“เป็นเกียรติแก่ตัวข้าน้อยยิ่งนักที่ฮูหยินใหญ่ออกมารอรับด้วยตัวเองเช่นนี้ นี่เป็นของพบหน้าที่ข้าเตรียมมามอบให้ฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับยื่นกล่องไม้แกะสลักลวยลายสวยงามให้แม่สามีตนเอง ฮูหยินใหญ่ก็รับไว้ตามธรรมเนียมเท่านั่น ก่อนจะให้คนพาจงเยว่ชิงไปที่เรือนของนาง
“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ ของที่อนุจงให้มาเป็นผ้าคาดเอวที่ถักจากไหมทองคำเจ้าค่ะ” บ่าวคนสนิทเปิดกล่องไม้ดู ก่อนจะรีบรายงานนายของตน
“หืม...นางเอาของมีค่าเพียงนี้มาจากไหนกัน ฐานะในจวนของนางก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรนี่”
แม้ตระกูลจงจะเป็นตระกูลขุนนาง แต่ก็เป็นเพียงขุนนางขั้นหกเท่านั้น ยิ่งจงเยว่ชิงเป็นเพียงลูกอนุที่เกิดจากบ่าวอีก
ฐานะทางการเงินของจวนก็ไม่ได้ดีมากมายอะไร ถึงขนาดมอบผ้าคาดเอวที่ถักจากไหมทองคำได้ แปลว่าจงเยว่ชิงคนได้จากบุตรชายนางไปไม่น้อยเลย
“เอาไปเก็บไว้ แล้วหลงจิวฉิงไปไหนแล้ว” ฮูหยินใหญ่ถังซิ่นหลิงเอ่ยถามหาบุตรชายคนรองของตัวเอง
ทั้งที่พี่ชายของเขาก็เป็นคนเอาการเอางานช่วยกิจการบิดาจนเติบโตได้อย่างรวดเร็วแท้ ๆ
แต่ไม่รู้เหตุใดบุตรชายคนรองของนางจึงได้ทำตัวเหลวไหลไม่เหมือนคนพี่ วัน ๆ เอาแต่เที่ยวเล่นกับสหายจอมเสเพลเหล่านั้น
“คุณชายรองบอกว่าวันนี้จะไปตกปลากับสหายที่ลำธารฝั่งตะวันตกเจ้าค่ะ ตอนเย็นน่าจะกลับมา” สาวใช้คนสนิทเอ่ยรายงาน
“ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ เมื่อไหร่เขาจะคิดได้อย่างพี่ชายเสียที ว่าแต่คุณชายใหญ่บอกว่าจะพาฮูหยินกลับมาด้วยใช่หรือไม่ นางเป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมท่านอ๋องโจวจิ้งห้าวเลยนี่”
ฮูหยินใหญ่เอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ นางก็พอเข้าใจว่าบุตรชายต้องการอำนาจของท่านอ๋องโจวจิ้งห้าว แต่ไม่คิดว่าจะแต่งเอาบุตรสาวเขามาเช่นนี้
ยามแรกที่รู้ข่าวเรื่องงานแต่งบุตรชาย นางก็แทบจะให้สามีพาไปหาเขาที่เมืองไห่เฟิงทันที แต่เป็นตัวสามีนางนั่นแหละที่สมรู้ร่วมคิดด้วย
เขาห้ามไว้ด้วยเหตุผลที่ว่าออกเดินทางยามนี้ก็ไม่ทัน รอให้เขาพาสะใภ้กลับมายกน้ำชาที่จวนเราดีกว่า ไม่กี่วันต่อมาบุตรชายก็ส่งจดหมายด่วนมาอีกว่าต้องการให้นางรับคุณหนูจงเยว่ชิงเป็นอนุให้ตน
ซึ่งวันที่เขากำหนดมานั้น เป็นหลังจากเขาแต่งฮูหยินเอกเข้าจวนเพียงสามวันเท่านั้น ไม่รู้ว่าบุตรชายนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ จึงได้ขอร้องให้นางทำเช่นนี้
“นายหญิงอย่าเพิ่งคิดกังวลใจไปเลยเจ้าค่ะ คุณชายใหญ่ก็บอกมาในจดหมายว่าอดีตนางเป็นเพียงบุตรสาวชาวนาที่ถูกบิดาเอามาขายเท่านั้นนี่เจ้าคะ”
“แต่ปัจจุบันนางคือบุตรสาวบุญธรรมที่ท่านอ๋องหวงแหนราวกับลูกในไส้ไข่ในหินเจ้าจะให้ข้าวางใจได้อย่างไร เจ้าใหญ่หาเรื่องปวดหัวมาให้ข้าโดยแท้” ฮูหยินใหญ่เอ่ยพร้อมกับขวดขมับตัวเองเบา ๆ
“เจ้าจะคิดมากไปใย อย่าลืมว่าตัวเจ้าคือฮูหยินใหญ่คหบดีอันดับหนึ่งของแคว้นนะ ขนาดฮ่องเต้ยังต้องมองหน้าข้าก่อนจะสั่งนำเข้าสินค้าจากต่างแคว้นเลย”
หลงเจิ้งสิงเอ่ยพลางเดินเข้ามานั่งลงข้างภรรยาตัวเอง พร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แต่นางคือคนของราชวงศ์ ท่านก็ร็ว่าที่ตระกูลหลงไม่ล่มสลายมาหลานรุ่นเพราะพวกเขาไม่ยุ่งกับคนของราชสำนักและเชื้อพระวงศ์ และอีกอย่างข้าจะไม่คิดมากอะไรเลย หากบิดาบุญธรรมของนางไม่ใช่อดีตแม่ทัพเลื่องชื่อที่รบไม่เคยแพ้ศึกใดมาก่อน ท่านพี่อย่างไรท่านก็ปรามเจ้าใหญ่ไว้บ้างก็ดีนะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่เอ่ยเตือนสามีด้วยความเป็นห่วง เพราะนางมีลางสังหรณ์บางอย่าง บุตรชายของนางเป็นคนทะเยอทะยานเพียงใดทำไมนางจะไม่รู้
“ข้าจะปรามเขาเองเข้าวางใจเถอะ ว่าแต่คุณหนูผู้นั้นมาแล้วใช่หรือไม่ นางทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่” ผู้เป็นสามีถามถึงอนุของบุตรชายที่รับเข้ามาใหม่
“เจ้าค่ะ ข้าให้นางไปอยู่เรือนฝั่งตะวักตก ส่วนเรือนฝั่งตะวันออกจะเอาไว้ให้ฮูหยินเอกของเจ้าใหญ่”
“ดีแล้ว ๆ เจ้าก็พักผ่อนเถอะข้าจะออกไปดูร้านที่เปิดใหม่เสียหน่อย อาจกลับค่ำเจ้ากินข้าวก่อนได้เลยนะ”
แล้วผู้เป็นสามีก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ดีจนผิดสังเกตแต่นางก็สลัดความคิดนั้นออกไปแล้วหันมาดูบัญชีของจวนแทน
ตอนที่ 28หาเรื่องพักนี่หลงจิวซิ่งปวดหัวกับการส่งสินค้าลับเป็นอย่างมาก เพราะล่าสุดสินค้าที่เขาลอบนำเข้ามาถูกทางการจับกุมได้ทั้งหมด และคนที่เป็นผู้นำจับในครั้งนี้ก็คืออ๋องโจวจิ้งห้าว พ่อตาของเขานั่นเองมูลค่าสินค้าครั้งนี้เสียหายกว่าสิบล้านตำลึงทอง นับว่ามากที่สุดตั้งแต่ทำการค้านี้มาเลยก็ว่าได้“นายท่านตอนนี้คนของเราส่งข่าวมาว่าอ๋องโจวจิ้งห้าวเค้นเอาความจากคนของเราจนสาวมาถึงพ่อค้าที่ส่งของให้เราแล้วขอรับแต่ยังไม่สามารถจับตัวได้ และพ่อค้าที่เราทำการค้าด้วยก็ส่งคนมาขอความช่วยเหลือจากเรา หากไม่ช่วยเหลือเขาขู่จะเปิดโปงเรื่องทุกอย่างขอรับ”คนของหลงจิวซิ่งเอ่ยพร้อมกับยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ เมื่อเปิดอ่านชายหนุ่มก็ขย้ำมันจนยับยู่ยี่ด้วยความโกรธ“จัดการเสีย คนตายย่อมไม่สามรถพูดได้ อย่าให้มันได้มีโอกาสเอ่ยปากถึงข้าได้!” เอ่ยจบก็เผาจดหมายฉบับนั้นทิ้งทันที“มูลค่าสินค้าที่เราสูญเสียไปนั้นมากมายนัก ตอนนี้เงินใ
ตอนที่ 27อยากพบหน้าด้านจงเยว่ชิงที่อยู่ ๆ ก็ล้มป่วยนั้น เมื่อได้ยินเรื่องที่หลงจิวซิ่งเรียกอนุจี้ไปปรนนิบัติตนก็รู้สึกไม่พอใจทันที“เป็นไปได้อย่างไร ข้ารับใช้เขาไม่ได้เขาก็เรียกหาสตรีอื่นทันทีหรือ แล้วที่บอกว่ารักใคร่ข้ามากมายนั่นเป็นเพียงเรื่องโกหกสินะ!!”“นายหญิงใจเย็นก่อนเถอะเจ้าค่ะ อย่างไรคุณชายใหญ่ก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่งบนกระดานเท่านั้น นายหญิงจะใส่ใจไปทำไมกัน คนที่นายหญิงควรใส่ใจคือนายท่านต่างหากเจ้าค่ะ” มี่มี่เอ่ยเตือนนายสาว“จริงสิ แต่ข้าล้มป่วยเช่นนี้จะพบผู้ใดได้อีก กว่าจะหายนายท่านคงลืมข้าไปแล้วกระมั้ง” หญิงสาวเอ่ยอย่างหงุดหงิด“ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าล้มป่วยข้าจะยังจะมาหาเจ้าเช่นเดิมนั่นแหละ” เสียงบุรุษดังขึ้นที่หน้าห้อง พร้อมกับตัวคนที่ถือกล่องบางอย่างเข้ามา“นายท่านข้ากำลังป่วยอยู่อย่าเข้าใกล้ข้าเลย ท่านจะติดหวัดจากข้าเอาได้นะเจ้าคะ&rdqu
ตอนที่ 26เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนหลงจิวซิ่งโกรธทั้งฮูหยินเอกและมารดาตัวเอง วันนั้นจึงประชดโดยการทิ้งสตรีทั้งสองให้รอเก้ออยู่ในเรือนตามลำพัง ส่วนตัวเองก็ไปนอนกกกอดกับอนุจงเช่นเคยแต่อนุทั้งสองไม่ได้เหมือนนาง ที่ไม่ได้รับความโปรดปรานก็สามารถอยู่ได้ ดังนั้นวันนี้นางจึงมาหาแรงจูงใจให้ทั้งสองเสียหน่อย“หากพวกทั้งคนใดคนหนึ่งสามารถปรนนิบัติคุณชายใหญ่ได้ก่อน ข้าจะมีรางวัลให้อย่างงาม” นางเอ่ยขณะที่ทั้งสองมายกน้ำชาให้ตนในเช้าวันถัดมาที่นางทำเช่นนี้เพราะอยากเห็นชายหนุ่มแตกหักกับอนุจง ทุกอย่างทำไปเพราะความสนุกของตัวเองล้วน ๆแต่อีกนัยหนึ่งคือเขาจะได้ไม่มีเวลามายุ่งวุ่นวายเรื่องกิจการของนาง ที่ยามนี้ดำเนินการไปได้เกือบเสร็จแล้ว“จริงหรือเจ้าคะ!!! นายหญิงพอจะบอกได้หรือไม่ว่ารางวัลนั้นคือสิ่งใด” จี้เหมยกุ้ยเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น“ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะชอบมันหรือไม่ เครื่องหัวชิ้นนี้ทำมาจากหยกชั้นดี การออกแบบงดงามยังไม่มีวางขายในเมืองหลวง เพราะมันเป็นเครื่องประดับที่ข้าสั่งทำขึ้นมาเอง”นางเอ่ยพร้อมกับเปิดกล่องเครื่องประดับในมือให้ทั้งสองดู แม้จะเป็นเพียงปิ่นระย้าแต่รูปแบบงดงามนัก“งดงามยิ่งนัก ข้าไม่เคยเ
ตอนที่ 25แม่สามีซ่งอี้เฉินได้ยินทุกประโยคที่หญิงสาวพูดคุยกัน ตนตามนางมาตั้งแต่หอนางโลม เข้าออกร้านอาภรรณ์และร้านเครื่องประดับ จนมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้“นางช่างแสดงงิ้วได้เก่งกาจนัก หากนายท่านไม่ให้ข้าเฝ้าดูนางก่อนหน้านี้ ข้าคงคิดว่านางน่าสงสารแล้ว อึก!!!!”ซุนเข่อซินพูดจบก็รู้สึกจุกที่ท้องทันที เพราะถูกผู้เป็นนายซัดพลังยุทธใส่ แม้ไม่ได้แรงมากแต่ก็ทำเอาเขาตัวงอได้เช่นกัน“พูดมากเช่นนี้ข้าควรส่งเจ้าไปฝึกกับอี้เจินสักสองปี” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับมองลูกน้องตัวเองด้วยสายตาเย็นชา“ยะ อย่าเลยขอรับ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว” ซุนเข่อซินรีบปิดปากตัวเองทันที ก่อนจะถูกไล่ให้ไปเอารถม้า เพราะโจวเยี่ยนเหยียนออกจากห้องข้าง ๆ แล้วหลงจิวซิ่งกำลังตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานหลังร้าน ก็มีบ่าวเข้ามาแจ้งว่าอนุจงเอาสำรับมาส่ง“รีบให้นางเข้ามา” ชายหนุ่มวางพู่กันในมือลงพร้อมกับลุกไปรับหญิงสาว“ท่านพี่ทำงานอยู่หรือเจ้าคะ ข้ามารบกวนท่านหรือไม่” จงเยว่ชิงเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม“รบกวนอะไรกันเจ้าอุตส่าห์หิ้วปิ่นโตมาหาข้าเพียงนี้ แต่เจ้าไม่น่าลำบากเอาอาหารมาส่งข้าเช่นนี้เลย นั่งก่อนเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับประคอง
ตอนที่ 24รับอนุให้สามีเมื่อได้ฟังจบนางก็ยิ้มเย้ยหยันออกมาทันที ที่สร้างเรื่องพวกนี้ก็เพื่อเอาไว้บีบให้นางอยู่ใต้เท้าตัวเองนี่เอง“เกินไปแล้ว!! ถึงกับใส่ร้ายกันเพียงนี้คงไม่ต้องการให้นายหญิงออกงานสังคมได้เลยสินะ” ลู่หลิ่งเอ่ยเพราะโกรธแทนนายสาว“พวกเจ้าเชื่อข่าวลือเหล่านั้นหรือไม่” นางหันไปถามสาวใช้ทั้งสองอย่างใจเย็น“จะเชื่อได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ ในเมื่อพวกข้าก็อยู่กับนายหญิงตลอดเวลา ย่อมมองออกว่านายหญิงเป็นคนเช่นไร” ลู่หลินรีบเอ่ย“เช่นนั้นข้าจะเล่านิทานให้ฟัง” นางเอ่ยพร้อมกับเริ่มเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟัง รวมทั้งเรื่องที่ตนสันนิษฐานเกี่ยวกับสามีผู้นี้ด้วย“เช่นนั้นนายหญิงจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ ขนาดเพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่นานยังกล้าทำถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นายหญิงไปเข้าเฝ้าไทเฮามาแท้ ๆ พวกเขายังไม่เกรงใจเลยสักนิด”ลู่หลินเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล คนจวนนี้ไม่คิดเกรงกลัวอำนาจของราชวงศ์เลยสักนิด คงคิดว่าการค้าของตัวเองเรืองอำนาจมากสินะ“ข้าคิดว่าจะให้บิดาช่วยเรื่องหย่า จากนั้นข้าจะหายไปเสีย ออกไปใช้ชีวิตคนเดียวเปิดกิจการเลี้ยงตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับราชวงศ์อีก”นางเอ่ยความคิดที่ตนวางแผนไว้ แ
ตอนที่ 23ฮูหยินอำมหิต“ฮูหยินน้อยเกิดสิ่งใดขึ้นหรือเจ้าคะ ให้พวกบ่าวเข้าไปได้หรือไม่!!” เสียงลู่หลิ่งตะโกนมาจากด้านนอก“เข้ามา!!!! แล้วให้คนมาพาคุณชายใหญ่กลับเรือนไปด้วย!!!!!” นางเอ่ยพลางหอบหายใจเพราะความโกรธเมื่อเห็นสภาพของหลงจิวซิ่งสาวใช้ทั้งสามก็รีบเอามือปิดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเองทันที“นายหญิงเจ็บที่ใดหรือไม่เจ้าคะ!!”ลู่หลินรีบเข้ามาดูนาง ก่อนจะตาโตอย่างตกใจอีกครั้ง เมื่อเห็นนางมีเลือดซืมที่มุมปาก พร้อมกับใบหน้าด้านซ้ายเริ่มบวมแดงแล้ว“ไปตามหมอเถอะ” นางบอกสาวใช้สั้น ๆ ก่อนจะเดินไปรอที่ห้องรับรองแขก เพราะหากมีการตามหมอเรื่องก็คงวุ่นวายกว่านี้แน่กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ผ่านมาเกือบสองชั่วยาม หมอมาดูอาการนางแล้วบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก ก่อนจะเขียนใบสั่งยาแล้วกลับไปส่วนหลงจิวซิ่งนั้นหัวแตก หากเป็นในโลกที่นางจากมาคงได้เย็บไม่ต่ำกว่าสิบเข็มแน่ นอกนั้นก็ปากแตกแล้วก็พกช้ำเล็กน้อยเพราะล้มใส่โต๊ะทานข้าว“ฮูหยินน้อยเจ้าอธิบายให้ข้าฟังทีว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร!” ฮูหยินใหญ่ที่ได้โอกาสจึงเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด“ฮึก!! ท่านพี่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับฮูหยินน้อยตอนอยู่เมือ