เขาได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ และตัดสินใจตามมาที่นี่ และสังเกตเห็นว่า เธอสั่งกาแฟมานั่งดื่มไปสองแก้ว ระหว่างที่รอคู่ดูตัว ก็นึกเป็นห่วงเธอขึ้นมา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณหมอทานข้าวเถอะค่ะ”
“หายเผ็ดแล้วใช่ไหม เปลี่ยนกินอย่างอื่นมั้ย”
“ก็ได้ค่ะ”
ทั้งสองคนนั่งทานข้าวกันต่อเงียบ ๆ หมอติณณ์ไม่อยากจะเร่งรัดเธอ เพราะกลัวว่า นอกจากยี่หวาจะไม่ใจอ่อนแล้ว จะกลายเป็นว่า เธอจะเกลียดเขาแทน ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทานข้าว บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ยี่หวาไม่คิดเลยว่า หมอติณณ์จะเอาใจใส่เธอ บางทีอาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนด้วยซ้ำไป
“กินของหวานแก้เผ็ดสักหน่อยนะ เอาลูกตาลลอยแก้วสองที่ครับ”
“คุณหมอชอบกินของหวานด้วยเหรอคะ”
“เมื่อก่อนไม่ได้ชอบหรอก แต่เพราะต้องคอยกิน เวลาใครบางคนกินไม่หมด ก็เลยกลายเป็นชอบไปแล้วน่ะ”
“เปล่าเสียหน่อย ก็แค่อยากให้ลองชิมเท่านั้นเอง”
“ยอมรับเหรอว่า กินไม่หมดจริง ๆ”
“ก็…ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ตอนนั้นกับตอนนี้ เหมือนกันที่ไหนล่ะคะ”
“ก็ได้ งั้นคราวนี้ก็กินให้หมดล่ะ”
ยี่หวาเผยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก หมอติณณ์ได้แต่นั่งอึ้งเมื่อเห็นเธอยิ้มออกมา เขาคิดถึงเธอมากจริง ๆ และไม่เคยลืมได้เลย เรื่องเมื่อห้าปีก่อน ที่ยี่หวาทิ้งเขาไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเขา ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง เขาจะไม่มีทางให้มันเป็นเหมือนเดิมอีก
“ทำไมกินไม่หมดอีกแล้วล่ะ”
“อิ่มมากเลยค่ะ ทานข้าวไปเยอะ ก็เลย…”
"นึกแล้วเชียวไม่เปลี่ยนเลย รู้แบบนี้สั่งมาถ้วยเดียวเหมือนเดิมก็ดีแล้ว"
เขายกถ้วยลูกตาลลอยแก้วของเธอไปกินต่อ เหมือนกับที่เคยทำ ยี่หวาเริ่มหวั่นไหวมากขึ้น เธอก็รู้ใจตัวเอง แค่ไม่อยากยอมรับเร็วเกินไป เพราะความเจ็บเมื่อก่อนนั้น ยังทำให้เธอกลัวอยู่ เขามักจะทำให้เธอหวั่นไหว นี่มันไม่ต่างอะไรกับการจูบท้างอ้อมเลยนะ....
เธอนึกย้อนไปเมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นทั้งคู่คบกันมายาวเกือบหนึ่งปี จนกระทั่งวันเกิดของยี่หวา ซึ่งติณณ์ภพชวนเธอให้มาฉลองที่ห้อง
“จุดเทียนแล้ว อธิษฐานสิยี่หวา”
“ขออะไรก็ได้เหรอคะ”
“แน่นอนสิ พี่เคยโกหกหวาด้วยเหรอ”
ยี่หวาหันมามองเค้กวันเกิดอันเล็ก ที่เต็มไปด้วยความรักของติณณ์ที่มอบให้เธอ ก่อนจะหลับตา และอธิษฐานให้ชีวิตของทั้งคู่ราบรื่น และขอให้ติณณ์เรียนจบอย่างที่ตั้งใจ
“ชอบไหม”
“ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณที่จัดงานวันเกิดให้หวานะคะ”
“แน่ใจนะว่า ไม่อยากฉลองงานใหญ่ ๆ กินเหล้ากับเพื่อน ๆ"
“ไม่ค่ะ หวาแค่มีพี่ติณณ์อยู่ด้วย ก็พอแล้ว”
“รู้ไหมว่าพูดแบบนี้แล้ว หลังจากนี้จะเป็นยังไง”
“เป็นยังไงเหรอคะ”
ยี่หวาหันไปมองหน้าเขา ติณณ์ขยับเข้ามา และก้มลงจูบเธอเบา ๆ ที่ริมฝีปาก ยี่หวาหลับตารับทันที เธอเต็มใจและดีใจ ที่จะมอบครั้งแรกให้ติณณ์ภพอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่คบกันมา ติณณ์ให้เกียรติและดูแลเธออย่างดีมาตลอด ทั้งช่วยสอน ติววิชาที่เธอไม่เข้าใจ จนเธอมีผลการเรียนระดับท็อปสามของคณะได้
“อืมม…. พี่ติณณ์”
“พี่รักหวานะ มีความสุขมาก ๆ นะครับ”
“หวาก็รักพี่ติณณ์ค่ะ”
แค่เริ่มสัมผัสริมฝีปาก ติณณ์ภพก็เริ่มอยากทำมากกว่านั้น เขาละเมียดจูบเธออยู่นานที่โซฟา ไม่นานก็อุ้มแฟนสาวไปที่ห้องนอน เค้กวันเกิดถูกลืมไปเลย เมื่อทั้งสองเปลี่ยนมาฉลองที่ห้องนอนแทน
“พี่ติณณ์…หวาตื่นเต้น”
“พี่ก็เหมือนกัน นี่เป็นครั้งแรกของพี่”
ทุกท่วงท่าที่เขาค่อย ๆ ทำ ปาก ลิ้นที่เกลี่ยที่ยอดอกอย่างละมุน จนเริ่มรุกรุนแรงขึ้น เสียงครางกระเส่าที่เริ่มประทุ เร่าร้อนและรุนแรงจนกระทั่งทั้งคู่ เริ่มสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน
“อ๊าา…พี่ติณณ์…”
ติณณ์ภพจูบเพื่อปลอบเธออีกครั้ง ร่างของทั้งสองสั่นเมื่อเริ่มสอดประสาน แค่เพียงครั้งแรกที่ยี่หวารู้สึกเจ็บ แต่หลังจากนั้นเธอก็ผ่อนคลายลง
“อื้อ…พี่ติณณ์คะ สะ เสียว อ๊าา”
ติณณ์ภพเมื่อเริ่มเข้าที่ เขาก็เริ่มขยับและจูบไปทั่วร่างของแฟนสาว เขาพึ่งรู้ตอนนี้เองว่า เขาต้องการยี่หวา มากกว่าที่เธอรู้เสียอีก
“หวา…. พี่ขออีกรอบนะ”
“อ๊ะ พี่ติณณ์ ซนจังเลย อ๊าา….”
ยี่หวาเองก็เป็นครั้งแรก แต่เธอก็เต็มใจให้เขาจับขย่มรักไปทั้งคืน วันเกิดอายุยี่สิบเอ็ดของเธอ เต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก มีความสุข ตื่นเต้น และเร่าร้อน….
สองเดือนถัดมา
“พี่ติณณ์คะ อย่าพึ่งสิคะ”
“คิดถึงหวามากเลย อย่าพึ่งห้ามสิ วันนี้หายแล้วไม่ใช่เหรอ”
“หายแล้ว อ๊ะ คนบ้า ถ้าหลอกมาขึ้นเตียงแบบนี้ ระวังนะ หวาจะ...อื้อ อ๊าา พี่ติณณ์”
เธอไม่ทันได้พูดอะไร ติณณ์ก็จับเธอกินทั้งวันทั้งคืนอย่างหิวโหย เธอห่างเขาไปไม่เท่าไหร่ ติณณ์ภพก็จะโทรตาม และเช็กเธอตลอดเวลา ความหึงหวงของเขาไม่เป็นรองใครเลย จนทั้งคณะวิศวะรู้ว่า แฟนหนุ่มของยี่หวา ดุมากขนาดไหน ดุที่ไม่ได้หมายถึงดุด่า แต่หมายถึงเรื่องบนเตียง
“อ๊าา พี่ติณณ์ หวาไม่ไหวแล้ว จบรอบนี้แล้วพักก่อน”
“แค่สองรอบเองนะหวา…อาาา เสียวมากเลย หันหลังหน่อยสิ”
“ว่ายังไงนะ หวาอยากจะเจอมีนางั้นเหรอ ทำไมล่ะ”“หวาก็แค่อยากถามเธอสักครั้ง ถึงแม้ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นมานานแล้ว แต่ก็อยากรู้ว่า เธอทำแบบนั้นเพื่ออยากให้พี่สนใจแค่นั้นจริง ๆ เหรอ หรือว่าเธอแค่ไม่ชอบหน้าหวา และพยายามทำให้เราสองคนเลิกกัน”“เรื่องนี้พี่ผิดเอง ตอนนั้นพี่เป็นคนเห็นแก่ตัว ยอมรับว่าในตอนนั้นพี่อยากเรียนจบเกียรตินิยม และให้ความสำคัญกับการเรียนมาก จนปล่อยให้มีนา เข้ามาวุ่นวายในชีวิตมากเกินไป ทำให้ทะเลาะกับหวา แต่ว่า…”“หวาอยากไปงานนี้ค่ะพี่ติณณ์”“จริงเหรอ”“ค่ะ หวาไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก็ไม่ได้เกิดจากหวาตั้งแต่แรก ดังนั้นหวาอยากไปค่ะ”“แต่ว่าพี่เคยบอกกับมีนาว่า ไม่อยากเจอกับเธอ และทุกครั้งที่มีงานแบบนี้ ไม่อยากให้เธอมาเจอหน้าพี่อีก”ยี่หวาจับมือติณณ์ภพอย่างเข้าใจ เขาเองก็คงโกรธมากเหมือนกัน ถึงได้พูดกับมีนาไปแบบนั้น แต่สำหรับยี่หวา เธอก้าวข้ามเรื่องอดีตพวกนั้นมานานแล้ว การที่เธออยากเจอมีนาอีกครั้ง แค่อยากรู้ว่า อีกฝ่ายจะรู้สึกผิดกับเธอ และเขาบ้างหรือเปล่า ก็เท่านั้นเอง“หวาเข้าใจพี่ติณณ์นะคะ แต่เราไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นก็ได้ เราสองคนไม่จำเป็นต้องหลบหน้าเธ
“แต่ว่านี่มัน…”“ถ้างั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ลุงจะโอนให้หนู แต่มีข้อแม้ว่าจะมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน หรือไม่ก็รอให้หนูกับเจ้าติณณ์มีทายาทก่อน แล้วจะยกหุ้นนี้ให้หลานคนแรก แบบนี้ดีมั้ยติณณ์”“ครับลุงภาส ผมไม่มีปัญหาครับ”ติณณ์ภพหันมามองหน้ายี่หวา เธอยิ้มแห้ง ๆ เป็นคำตอบ เขารู้ดีว่า คนอย่างยี่หวาซื้อไม่ได้ด้วยเงิน แต่ลุงของเขาก็บอกแล้วว่า จะมอบให้ก็ต่อเมื่อทั้งคู่มีทายาท เท่ากับว่าตอนนี้ ยี่หวาก็ไม่ต่างกับถูกมัดมือชกกลาย ๆ นั่นเองห้องของติณณ์ภพ“ลุงภาสแค่หวังดีนั่นแหละ ที่จริงลุงกลัวว่าพี่ จะตัดสินใจไปเมืองนอก และไม่อยู่ช่วยเขาที่โรงพยาบาลน่ะ”“อะไรนะคะ พี่ติณณ์คิดจะไปเมืองนอกด้วยเหรอคะ”ติณณ์ภพเดินมานั่งโซฟาในห้องข้าง ๆ ยี่หวาและดึงเธอเข้ามากอด“พี่ยอมรับว่าเคยคิดเอาไว้ แต่นั่นเป็นก่อนที่จะเจอหวา พี่ไม่คิดเลยนะว่า จู่ ๆ จะได้เจอหวาที่โรงพยาบาล ปกติพี่ไม่เคยเดินไปที่ตึกนั่นเลย เพราะไม่ได้สนใจเรื่องการทดสอบเครื่องมือแพทย์ แต่ว่าวันนั้น หมอธนิตขอให้ไปช่วยดู เพราะหมออีกคนไม่ว่าง พี่ก็เลยไปให้”“เพราะแบบนี้นี่เอง นี่ถ้าไม่เจอกันในวันนั้น พี่ติณณ์ก็จะไปเมืองนอกจริงเหรอคะ”“ใช่แล้วล่ะ ทางโรง
ยี่หวาถลึงตามองหน้าติณณ์ภพทันที แม้แต่หมอธนิตเอง ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ดูเหมือนว่าในห้องนี้ จะมีแค่ท่านผู้อำนวยการเท่านั้น ที่รู้ว่าติณณ์ภพเป็นใคร“พี่ติณณ์ นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”เธอพยายามกัดฟัดถามเขารอดไรฟัน เพื่อไม่ให้ท่านประธาน ที่หันมามองหน้าทั้งคู่และยิ้มสงสัย เขาหันไปจับมือเธอ และแนะนำอย่างเป็นทางการ“ยี่หวา นี่คือคุณ “ภาสกร” ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบาล แล้วก็… เป็นลุงแท้ ๆ ของพี่ด้วย”ยี่หวาตั้งตัวไม่ติด และรีบยกมือไหว้ ภาสกร อีกครั้ง“สวัสดีค่ะ ขอโทษค่ะที่หวาไม่ทราบมาก่อน”“ไม่เป็นไรหรอกหนูยี่หวา ตามสบายเถอะไม่ต้องเกร็ง นี่แฟนแกที่เคยเล่าให้ลุงฟังสินะ”“ครับลุงภาส นี่ยี่หวา เธอเป็นแฟนผมครับ”“เอาล่ะ ๆ มีอะไรค่อยว่ากัน ไม่ต้องตกใจไปหรอก ในนี้ก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น อ้าวคุณหมอธนิต ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าติณณ์มันก็ไม่ได้บอกคุณ ว่ามันเป็นใครน่ะ”“เอ่อ… เรื่องนี้ผมเองก็พึ่งจะทราบเหมือนกันครับ”“ไม่แปลกหรอก ติณณ์มันไม่ค่อยชอบพูดเรื่องครอบครัว เอาล่ะไม่ต้องตกใจ”แต่มันจะง่ายที่ไหนกันล่ะ จู่ ๆ ยี่หวาก็พึ่งรู้ว่า แฟนหนุ่มของเธอ เป็นถึงหลานชาย ท่านประธานบอร์ดของโรงพยาบ
วัลลภถึงกับคอตก แต่ครั้งนี้เขาคงหาข้อแก้ตัวอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ เพราะก่อนหน้านั้น เขาเองก็ยอมรับว่า ใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือฟางไปหลายเรื่องเหมือนกัน แค่ไม่คิดว่าเรื่องคดีเล็ก ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในแผนก จะถูกขุดขึ้นมาด้วยในวันนี้“เรื่องนี้ผม…”“ตอนนี้ผมให้คุณมีทางเลือกอยู่สองทาง คือยอมขายหุ้นคืน เพื่อจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไปถึงการประชุมบอร์ดในเดือนหน้า ถ้าหากไปถึงขั้นนั้น คุณคงรู้ใช่มั้ยว่า กรรมการบอร์ดบริหาร คงไม่ปล่อยคุณเอาไว้แน่ ๆ และหุ้น 5% ของคุณ ก็คงจะไม่มีมูลค่าอีกต่อไปเช่นกัน”“ท่านประธานครับ เรื่องนี้ผม…”"หรืออีกทางหนึ่ง ยอมขายหุ้นให้ผมคืนในราคาเดิม เงินปันผลในส่วนของคุณในปีนี้ ผมจะยังให้ครบถ้วนเหมือนเดิม แต่คุณต้องถอนตัวออกจากโรงพยาบาล ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก รวมถึงหน้าที่ของคุณในโรงพยาบาลนี้ด้วย แล้วผมจะไม่ติดแบล็กลิสต์คุณ ว่ายังไงคุณวัลลภ"วัลลภรู้ดีว่า นี่เป็นทางที่ถูกบังคับให้เลือก เขารู้ว่าพวกบอร์ดบริหารไม่มีทางเก็บคนไม่มีประโยชน์เอาไว้ และเขาที่ทำผิดอยู่หลายครั้ง ถ้าเรื่องนี้เข้าที่ประชุมจริง ๆ ก็คงไม่มีใครเข้าข้างเขา การเลือกทางที่สอง จะปลอดภัยกับเขามากที่สุด“ท่านประธาน
วัลลภและกัลยา นั่งตัวลีบอยู่ในห้อง ทั้งสองคนเงียบกริบ เมื่อหมอติณณ์ภพบอกว่า นำหลักฐานบางส่วนมาให้ท่านประธาน“เห็นบอกว่าคนที่ถูกจับ เป็นญาติของคุณเหรอ”ท่านประธานหันมามองหน้าคุณวัลลภ ที่นั่งอยู่ตรงข้าม“ครับท่านประธาน เรื่องนี้ผมรู้ดีว่ามันมีต้นสายปลายเหตุ ที่จริงเกิดจากเรื่องแค่เล็กน้อย ผมก็เลยอยากจะมาคุยเพื่อไกล่เกลี่ยดูก่อน”“ใช่ค่ะท่าน อีกอย่างการที่ตั้งกล้องแล้วแอบถ่ายแบบนี้ มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนะคะ ถ้าพวกคุณจะเอาเรื่องลูกฉัน เรื่องนี้ฉันก็จะฟ้องเช่นกัน”กัลยารีบพูดแทรกขึ้นมา หลังจากที่วัลลภพูดยังไม่ทันจบ ท่านประธานนั่งฟังทั้งสองฝ่าย“มีคลิปต้นเรื่องมั้ย ผมยังไม่เห็นสำนวนที่ส่งไปที่ตำรวจ”“มีครับท่านประธาน อยู่ที่ผมครับ ยี่หวา…”“ค่ะ”ยี่หวาต่อสัญญาณไม่นาน ภาพคลิปทั้งหมดที่เธอถ่ายเอาไว้ ก็ถูกโชว์ขึ้นที่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ในห้อง ผอ.ทันที คราวนี้คนที่ถึงกับพูดไม่ออกก็คือกัลยา เพราะแต่ละคลิป แสดงออกถึงความผิดอย่างตั้งใจโดยชัดเจน“นี่มัน…ตั้งใจจับผิดลูกสาวฉันชัด ๆ ดูสิคะ”“จับผิดเหรอ คุณป้าคะนี่เป็นสัญญาณภาพจากกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นภาพที่ไม่อาจเปิดเผยได้ก็จริง แต่ถ้าใค
“ได้สิ งั้นก็รีบไปกันเถอะ”หมอธนิตเองก็ไม่รู้ว่า หมอติณณ์มีแผนการอะไรอยู่ตอนนี้ เพราะเขาไม่ได้บอก ส่วนยี่หวาเองก็รู้แค่ในส่วนที่ต้องรู้เหมือนกัน แต่เธอเชื่อให้ติณณ์ภพ เลยไม่ถามเขา เมื่อทั้งสามคนขึ้นไปที่ห้องผู้อำนวยการ เขาก็ต้องแปลกใจ เพราะในห้องนั้น มีคุณวัลลภ และผู้หญิงอีกคน ที่พวกเขาไม่รู้จักนั่งอยู่ห้องผู้อำนวยการ แผนกศัลยกรรม“อ้าว พวกคุณมาพอดีเลย มานั่งก่อนสิ”หมอติณณ์ดึงตัวยี่หวาเอาไว้ ปล่อยให้ธนิตเดินเข้าไปก่อน และเขากับเธอจึงเดินตามไปทีหลัง เมื่อนั่งลงแล้ว ผู้อำนวยการถึงได้แนะนำให้ทุกคนรู้จัก“เอ่อ นี่คุณวัลลภ และคุณกัลยา เธอเป็น…”“ฉันเป็นแม่ของฟาง เธอนี่เองเหรอที่หาเรื่องลูกสาวฉัน จนต้องเข้าไปนอนคุกตั้งหลายวัน!”“กัลยา” ลุกขึ้นมาชี้หน้ายี่หวาด้วยความโกรธ วัลลภรีบดึงตัวเธอลงมาทันที“ใจเย็น ๆ ก่อน ฉันบอกแล้วไงว่า ค่อย ๆ คุย เอ่อ คุณหมอติณณ์ภพครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีว่ากัลยาน้องสาวผม พึ่งจะทราบข่าวและมาที่กรุงเทพ ก็เลย…”“คุณพาเธอมาในวันนี้ ด้วยเหตุผลอะไรครับคุณวัลลภ”“เอ่อ คือว่าผมแค่อยากจะมาตกลงกับคุณ แล้วก็คนไข้ของคุณ เรื่องหลานสาวของผม ว่าพอจะ…”“ลูกสาวฉันไม่ได้ทำผิด