หุบเขาจอมมาร…
ม่านหมอกจางลอยเหนือหุบเขาจอมมาร ฟ้าถูกบดบังด้วยเงาเมฆครึ้ม แสงจันทร์ส่องประกายลงมายังกลางหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสตรีร่างบางระหงนอนอยู่บนแท่นบรรทมของจอมมาร แก้มขาวซีดของนางดูอ่อนแรง แต่ยังคงความมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างประหลาด
ไป๋เทียนหลงนั่งมองนางนิ่งนาน แววตาคมกริบของเขาฉายแววสับสน เหตุใดกัน…เหตุใดเขาจึงรู้สึกผูกพันกับนางลึกล้ำถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากเห็นนางเจ็บปวด
ทันใดนั้น มู่หลินกระอักเลือดออกมา สีแดงเข้มไหลเปรอะริมฝีปาก
“มู่หลิน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ็บตรงไหน บอกข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว
“…ใยไม่ฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ที่จวนนั้นเลย พาข้ามาที่นี่ทำไม”
ไป๋เทียนหลงนิ่ง ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนาง แต่มู่หลินเบือนหน้าหนี
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”
“จอมมารเช่นเจ้ามีคำขอโทษด้วยรึ ข้าขันนัก”
นางแค่นหัวเราะแม้ร่างกายจะอ่อนแรง
เขาถอนหายใจแผ่วเบา
“ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เจ้ากินยาก่อน”
ไป๋เทียนหลงยื่นยาถ้วยหนึ่งให้นาง แต่มู่หลินสะบัดหน้าหนี เขาพยายามอีกครั้งแต่นางยังคงดื้อดึง จนในที่สุด…เขาตัดสินใจดื่มยาทั้งหมดก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าหานาง
ใช้สองมือประคองแก้มนางแนบแน่น จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประกบลงที่กลีบปากของนาง มอบยาให้ผ่านจูบอันแนบแน่น
มู่หลินเบิกตากว้าง นางพยายามผลักเขาออก แต่เรี่ยวแรงกลับหายไปหมดสิ้น นางรู้สึกถึงไออุ่นและหัวใจของเขาเต้นแรง
“นี่ท่าน…เลวอย่างจอมมารจริงๆ”
นางกัดฟันพูดทั้งใบหน้าแดงซ่าน
ไป๋เทียนหลงยกยิ้มมุมปาก
“เจ้าบังคับข้าเองนะ”
มู่หลินเม้มริมฝีปากแน่น นางพยายามข่มความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ
“ข้าจะเป็นตายอย่างไรไม่เกี่ยวกับท่าน ข้าจะกลับไปหาอาจารย์”
ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบา
“เจ้าคิดว่าที่แห่งนี้อยากเข้าออกได้ตามใจอย่างนั้นหรือ”
มู่หลินนิ่งไปสักครู่ก่อนกระอักเลือดออกมาอีกระลอก แคร่ก แคร่ก!
ไป๋เทียนหลงรีบประคองร่างของนาง
“เจ้าต้องไปแช่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อฟื้นฟูพลัง ไม่เช่นนั้นร่างกายเจ้าจะย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ ”
“ปล่อย! ท่านอย่ามายุ่งกับข้า”
แม้ปากจะปฏิเสธ แต่หัวใจของนางกลับร่ำร้องหาความอบอุ่นจากเขา
ไป๋เทียนหลงไม่พูดอะไร เขาอุ้มนางขึ้นแนบอก ก้าวเดินไปยังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางม่านหมอกที่ลอยต่ำ แขนแกร่งกระชับร่างของนางไว้แน่น แก้มนวลแนบอยู่กับแผ่นอกแข็งแกร่งจนได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นหนักแน่น
เมื่อมาถึงริมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาค่อยๆ วางร่างของนางลง น้ำใสเย็นระยิบระยับใต้แสงจันทร์ทอดตัวอย่างเงียบสงบ เขาหันหลังให้นางโดยมิได้ละลาบละล้วง เพื่อให้เกียรตินางอย่างที่สุด
มู่หลินแช่กายในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ความเย็นซ่านแล่นไหลไปทั่วร่าง รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่ค่อยๆ ฟื้นคืน นางหลุบตามองไป๋เทียนหลง แผ่นหลังกว้างของเขาดูสง่างาม
นางแช่น้ำไปสักพักก็มองเห็นงูที่เลื้อยอยู่ในน้ำ นางตกใจกรีดร้อง
“กรี๊ด!”
ไป๋เทียนหลงสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงร้องของนาง ก่อนจะหันไปมองอย่างรวดเร็ว
“มู่หลิน เจ้าเป็นอะไร!”
ยังไม่ทันให้นางตอบ เขาก็กระโดดลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทันที น้ำกระเซ็นเป็นวงกว้าง มู่หลินตกใจจนใช้มือปิดตา ไป๋เทียนหลงคว้างูโยนออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับมาหานาง
แต่ทันทีที่เขาหันมา มู่หลินก็โผเข้ากอดเขาแน่น ลมหายใจอุ่นรดอยู่ตรงแผ่นอกกว้างของเขา
“มันไปหรือยัง”
“ยังอย่าพึ่งปล่อยข้านะ”
มูหลินรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของเขา นางลืมตาขึ้นทันที
“นี่ท่านจับมันออกไปแล้วนี่ ทำไมไม่บอกข้า... ยังปล่อยให้ข้ากอดท่านอยู่อีก”
นางบ่นเสียงสั่น ไป๋เทียนหลงหัวเราะในลำคอ แววตาแฝงความเจ้าเล่ห์
“ก็เจ้ากลัว ข้าก็ต้องปกป้องเจ้า เจ้านี่แปลกจริงๆ ปราบมารปีศาจมามากมาย แต่กลับกลัวแค่งูตัวเล็ก ๆ”
มู่หลินเม้มปากแน่น นางถลึงตาใส่เขา
“ข้ากำลังคิดอะไรเพลิน ๆ ก็เลยตกใจต่างหากเล่า!”
นางพยายามจะผละออกจากอ้อมแขนเขา แต่กลับพบว่าร่างกายทั้งสองแนบชิดกันมากเกินไป น้ำใสทำให้เสื้อผ้าของนางบางแนบเนื้อจนเห็นสัดส่วนราง ๆ นางรู้สึกถึงลมหายใจร้อนของไป๋เทียนหลงที่รินรดอยู่ข้างแก้ม เขามองนางนิ่ง ก่อนจะค่อยๆ ก้มลงมาใกล้
“ปล่อยข้าได้แล้ว…”
นางพึมพำ เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่ไป๋เทียนหลงกลับไม่ปล่อย เขากลับกระชับร่างบางให้เข้ามาแนบชิดอกมากขึ้น ดวงตาของเขาทอประกายวาววับ นางรับรู้ได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านจากร่างของเขา
“ข้าจะปล่อยก็ได้…”
เขาพูดเสียงแผ่ว ก่อนที่ริมฝีปากอุ่นของเขาจะกดลงบนกลีบปากนุ่มของนางอย่างแผ่วเบา
มู่หลินสะดุ้ง หัวใจเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก นางตั้งใจจะผละออก แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟัง นางได้แต่หลับตาแน่น
ลมหายใจหอบถี่ เมื่อไป๋เทียนหลงจูบลึกขึ้น เขาค่อยๆ ไซร้ริมฝีปากไปตามมุมปากของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะส่งปลายลิ้นสัมผัสเพื่อชิมรสหวานจากโพรงปากของนาง
นางเผลอครางออกมาแผ่วเบา ความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
แต่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัวของนาง มู่หลินได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางผลักเขาออกอย่างแรง แล้วฟาดฝ่ามือไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มแรง
“เพี้ยะ!”
ไป๋เทียนหลงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองนางด้วยสายตาขบขัน เขาเลียริมฝีปากตัวเองยกยิ้มเบาๆ
“จอมมารบ้า! คิดจะล่วงเกินข้าหรือไง!”
นางตวาด หน้าแดงซ่านทั้งโกรธและเขินอาย
ไป๋เทียนหลงยกมือแตะแก้มที่โดนตบ ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
“อะไรของเจ้า ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อครู่เจ้าเต็มใจ เจ้ายังครางออกมาเลย ใยมาโทษข้าฝ่ายเดียว”
มู่หลินโกรธจนพูดไม่ออก นางรีบลุกขึ้นจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ทันที เดินสะบัดออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ไป๋เทียนหลงมองตามร่างระหงของนาง รอยยิ้มของเขายังไม่จางหาย นี่มันคือความรู้สึกจริง... หรือเป็นเพียงการหลอกล่อให้รัก เพื่อแย่งชิงมุกพลังจันทราเท่านั้นกันแน่…
ตลอดเวลาสามวันที่ผ่านมา ไป๋เทียนหลงไม่ได้ละเลยการดูแลมู่หลิน เขาป้อนยา ปรุงสมุนไพร และอยู่เคียงข้างนางเสมอ ไม่ปล่อยให้นางต้องเผชิญกับความเจ็บปวดเพียงลำพัง
แต่หัวใจของเขากลับปั่นป่วนทุกครั้งที่สบตานาง… และนางเองก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นในใจได้เช่นกัน
“ข้าถามท่านหน่อย ทำไมท่านถึงมาเป็นจอมมาร”
มู่หลินถามด้วยความสงสัย เพราะจากที่นางสัมผัสเขาไม่ใช่คนที่มีจิตใจที่เลวร้าย
“อย่างที่เจ้าเห็น ครอบครัวของข้าไม่มีใครต้องการข้ากับท่านแม่ ท่านแม่ของข้าต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกเหยียดหยามสารพัด ต้องทนกับคำว่ามีลูกกับชู้ จนวันหนึ่งนางถูกใส่ร้ายว่าพยายามฆ่าเมียรองของท่านพ่อ
ทุกคนพยายามให้ท่านแม่รับผิดแต่ท่านแม่ยืนกรานว่าไม่ได้ทำ ท่านพ่อจึงทำโทษให้ไปคุกเข่ากลางหิมะ จนแม่ข้าล้มป่วยไม่เกินสามปีท่านก็จากข้าไป
ข้าต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยว โดนคนรังแก ข้าออกจากบ้านเป็นคนเร่ร่อน ใช้ชีวิตในคอกวัว คอกหมู เพื่อซุกหัวนอน หนาว ทรมาน อดมื้อกินมื้อ จนมาเจอจ้าวแห่งจอมมารรับข้าเป็นบุตรบุญธรรม”
เขาเล่าด้วยทั้งน้ำตาความขมขื่น เขากำหมัดแน่น
“แล้วท่านคิดจะเป็นจอมมารอย่างสมบูรณ์จริงๆ หรือ”
มู่หลินถามด้วยความห่วงใย
“ข้าเดินมาไกลกว่าที่จะหวนกลับ ข้าอยากแก้แค้นต่อจากนี้ต่อจะต้องเป็นจอมมารสืบทอดจากจ้าวจอมมาร”
“หากท่านไม่อยากเป็นข้าช่วยท่านได้ ไปหาอาจารย์ของข้า ได้ไหม”
“ข้า...ยังไม่คิดเรื่องนี้”
“ท่านเชื่อข้านะ ข้าช่วยท่านได้ ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดจ้าวแห่งจอมมารเอง”
“เจ้าอย่าพูดคำพูดแบบนี้ที่นี่อีกถ้าไม่ยากตาย แม้แต่ข้ายังช่วยเจ้าไม่ได้”
มู่หลินเม้มปาก จิตใจของนางตอนนี้ต้องการช่วยให้เขาเป็นจอมมาร หรือจิตใจนางผูกพันกับเขาเสียแล้ว
ไป๋เทียนหลงพยายามเรียกมู่หลินให้ได้สติ แต่ร่างของนางกลับแน่นิ่ง ดวงตาปิดสนิท ร่างกายเย็นเฉียบ เขาก้มลงมองแผลที่ถูกพิษจากปีศาจงู รอยแผลแดงก่ำและรอบๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้ คือการขับพิษออกไปแต่ที่แห่งนี้... กลับเป็นจุดที่เขาไม่สามารถใช้พลังภายในได้ และไม่มีสมุนไพรใดจะช่วยขับพิษได้เลย สิ่งเดียวที่พอจะเป็นไปได้คืออาศัยพลังหยินหยางเพื่อช่วยนาง"มู่หลิน! เจ้าฟังข้าไหม? ตอบข้าสิ!"ไป๋เทียนหลงเรียกอย่างร้อนรน จนในที่สุดเปลือกตาของนางก็ขยับเล็กน้อย นางฝืนลืมตาขึ้น มองหน้าเขาด้วยสายตาพร่ามัว"ข้ารู้สึกตัว... แต่ข้าเจ็บเหลือเกิน... ทรมานเหลือเกิน..."เสียงของนางแผ่วเบาราวสายลม นางหอบหายใจถี่ร่างกายสั่นสะท้านจากพิษที่กัดกินเข้าไปในกระแสเลือด"อดทนไว้! ข้าจะช่วยเจ้า อย่ากลัว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตาย!""ที่นี่ใช้พลังปราณไม่ได้... ไม่มียาถอนพิษ... แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?"มู่หลินเอ่ยด้วยความอ่อนแรง แววตาของนางสะท้อนความสิ้นหวัง"ข้าไม่รอดแล้ว ไป๋เทียนหลง... เจ้าทิ้งข้าไว้ที่นี่เถอะ ปล่อยข้าไป""หยุดพูด! ข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า!"ไป๋เทียนหลงตวาดเสียงเข้ม ดวงตาของเขาสั
หุบเขาอสรพิษเต็มไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งพืชมีพิษและไม่มีพิษ แต่ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดคือเถาวัลย์กินคน หากมันพันร่างเหยื่อเมื่อใด มันจะค่อยๆ เลื้อยเข้าไปในปาก แล้วดูดกลืนพลังชีวิต สูบฉีดเอาหัวใจของเหยื่อเป็นอาหาร ทว่าโชคดี... คืนนี้พวกเขาทุกคนรอดพ้นมาได้รุ่งอรุณมาเยือน ทุกคนตื่นเตรียมพร้อมออกเดินทาง กว่าพวกเขาจะพ้นจากหุบเขานี้ได้ ต้องใช้เวลาอีกสองวัน เส้นทางข้างหน้าผ่านถ้ำคับแคบ เต็มไปด้วยอันตรายมู่หลินปรายตามองไป๋เทียนหลงก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ท่านเคยคิดไหม ว่าวันหนึ่งจอมมารเช่นท่านจะต้องมาใช้ชีวิตอย่างคนไร้พลังเวทเช่นนี้”ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบาๆ ดวงตาคมลึกจับจ้อง มู่หลินอย่างมีนัย“ข้าไม่เคยนึกเลย ว่าวันหนึ่งจะต้องตกอยู่ในสภาพนี้… แต่ข้ากลับรู้สึกดีที่มีเจ้าร่วมเดินเคียงข้าง”คำพูดนั้นทำเอาหัวใจของมู่หลินสะดุดไปชั่วขณะ นางหลบตาก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่นกลบเกลื่อนความรู้สึกที่ตีรวนในอก“นี่ท่านกำลังจะเกี้ยวข้าใช่หรือไม่?”ไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วเล็กน้อย รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ระบายบนริมฝีปาก“ถ้าข้าบอกว่าใช่... เจ้าจะว่ายังไง?”มู่หลินเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “รีบเดินเถอะ ศิษ
เหล่าบุรุษขะมักเขม้นกับการนำท่อนไม้มาผูกด้วยเถาวัลย์ เสียงเชือกเสียดสีกันดังเป็นจังหวะเมื่อพวกเขาโยงมันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างแพข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเมื่อข้ามแม่น้ำไปยัง "หุบเขาอสรพิษ" แล้วจะไม่สามารถใช้พลังใด ๆ ได้ การอยู่รอดที่นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถเพียงอย่างเดียว“ข้าคิดว่าแข็งแรงพอแล้ว เชิญทุกคนขึ้นแพได้”เซียวหานเอื้อมมือออกไปให้ทุกคนจับเพื่อขึ้นแพด้วยท่าทีสุภาพและอบอุ่น“ขอบคุณเจ้าค่ะศิษย์พี่” เหล่าสตรีๆ กล่าวขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง ก่อนก้าวขึ้นไปอย่างระมัดระวังแต่เมื่อเซียวหานลืมตัว ยื่นมือให้ไป๋เทียนหลงตามมารยาท กลับถูกเมินราวกับอากาศ ไป๋เทียนหลงก้าวขึ้นแพโดยไม่แม้แต่จะหันมามองเขา สายตาของทั้งสองเย็นชาต่อกันเหล่าสตรี ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับกลั้นหัวเราะไม่อยู่“พร้อมเดินทาง ทุกคนระวังตัวด้วย”เซียวหานกล่าวเตือนก่อนโอบไหล่ซิวเหยาเบาๆ ราวกับให้กำลังใจทั้งสองสบตากันเพียงชั่วขณะ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่ามีใจให้กัน เพียงแค่ยังไม่มีใครกล้าสารภาพ“พี่ใหญ่ ข้างหน้าเราจะเจออะไรบ้าง ข้าไม่เคยออกเดินทางแบบนี้”ไป๋เยี่ยนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นปนหว
ท่ามกลางป่าใหญ่ในหุบเขาหมอกมายา หลังจากที่ทุกคนเพิ่งเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาแล้ว บัดนี้ทุกอย่างสงบลง แต่ละคนต่างเลือกที่พักเพื่อเตรียมออกเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น"เมื่อครู่เจ้ากลัวหรือไม่...มู่หลิน?"ไป๋เทียนหลงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความห่วงใย สายตาคมลึกมองนางอย่างต้องการคำตอบจากใจจริง"ข้าไม่กลัวหรอก ข้ารู้ว่าท่านจัดการได้"นางตอบกลับอย่างมั่นใจ ดวงตาเปล่งประกายศรัทธาในตัวเขาไป๋เทียนหลงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย"ทำไมเจ้าถึงอยากช่วยข้า?""ข้ารู้สึกว่าท่านเป็นเพียงมนุษย์ผู้หนึ่งที่ถูกจ้าวแห่งมารหลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อเป็นตัวแทนขึ้นครองบัลลังก์มาร "ไป๋เทียนหลงหัวเราะเบา ๆ แววตาฉายความซับซ้อนบางอย่าง"ข้าอาจจะอยากเป็นจอมมาร มีพลังอำนาจเหนือสิ่งใดก็ได้""ข้าว่าท่านคงไม่ทำเช่นนั้นหรอก ข้ารู้ดี"นางยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเขาไป๋เทียนหลงพยักหน้าเบา ๆ แต่ในแววตาคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างที่ยังไม่เปิดเผย เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งที่อยู่ข้างหลังนาง"เจ้าอย่าขยับ!" เขาสั่งเสียงเข้ม ก่อนพุ่งเข้ามาบังนางจากบางสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ใกล
การเดินทางสู่หุบเขากระดูกขาวเริ่มต้นขึ้น ทันทีที่ทั้งสี่คนลงมาถึงตีนเขา มู่หลินมองไปยังเส้นทางข้างหน้าก่อนเอ่ยเตือนทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจัง“การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตราย เราจะต้องผ่านด่านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ด่านหุบหมอกมายา ด่านหุบเขาอสรพิษ ด่านหุบเขาเทพ และผ่านอีกหลายด่านกว่าจะถึง หุบเขากระดูกขาว ทุกเส้นทางล้วนท้าทายมีบททนสอบและเสี่ยงตาย ขอให้ทุกคนระวังตัวให้ดี”“เข้าใจแล้ว ข้าจะระวังตัว”เสียงตอบรับดังขึ้นอย่างมั่นใจ แต่นั่นกลับเป็นเสียงของบุรุษที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพวกเขามู่หลินเบิกตากว้าง หันขวับไปมองต้นเสียง เช่นเดียวกับเซียวหานและซิวเหยาที่เตรียมชักกระบี่ออกมา“ไป๋เทียนหลง!?”ดวงตาของมู่หลินฉายแววประหลาดใจ ก่อนเปลี่ยนเป็นความยินดีอย่างเห็นได้ชัด“ท่านมาได้อย่างไร?”นางทักทายเขาพร้อมกับแนะนำเขาให้ศิษย์พี่ของนางได้รู้จัก“ศิษย์พี่ทั้งสอง นี่คือไป๋เทียนหลงที่ข้าเคยเล่าให้ฟัง”เซียวหานยังคงจ้องเขาด้วยสายตาไม่ไว้ใจ ส่วนซิวเหยานั้นแทบจะพุ่งเข้าหาด้วยความเข้าใจผิด หากมู่หลินไม่เอ่ยเตือนเสียก่อนไป๋เทียนหลงพยักหน้าทักทายพวกเขา ก่อนเอ่ยแนะนำชายร่างสูงในอาภรณ์สีดำที่ยืนอยู่ข้างหลัง“
ณ เขาไท่ซวน...ทุกคนร้อนใจถึงการหายตัวไปของมู่หลิน จึงกระจายกำลังกันค้นหาอย่างเร่งรีบ ทว่า..."อาจารย์ ข้ากลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้ทุกคนชะงักหันไปมองนักพรตอี้เซียนหันขวับ สีหน้าเคร่งเครียดทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง"มู่หลิน! เจ้าไปที่ใดมา?! ทำไม...!"สีหน้าของนักพรตเปลี่ยนไปทันที ดวงตาเฉียบคมจับจ้องมู่หลินอย่างไม่ละสายตา พลังอันดำมืดบางอย่างแผ่ซ่านออกมาจากตัวศิษย์หญิงของเขามู่หลินชะงักไปเล็กน้อย มองอาจารย์ด้วยความสงสัย"อาจารย์ อะไรกันหรือเจ้าคะ?""กลิ่นอายมาร... ทำไมทั่วทั้งตัวเจ้าถึงมีพลังมารที่รุนแรงเช่นนี้?! เจ้าไปที่ใดมา?! ตอบข้าบัดเดี๋ยวนี้!!" นักพรตอี้เซียนเสียงเข้มกว่าปกติมู่หลินกัดริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะตอบ"ข้าถูกจอมมารจับตัวไป... ที่หุบเขาจอมมาร..."บรรยากาศเงียบงันลงทันที"เจ้าว่าอะไรนะ?!"แววตาของนักพรตฉายความตกใจปนระแวดระวัง เขาจ้องมองศิษย์ของตนราวกับกำลังมองหาความผิดปกติบางอย่าง"นี่เป็นเรื่องใหญ่! ทำไมพวกเขาถึงปล่อยเจ้ากลับมา?!"มู่หลินเม้มริมฝีปาก นึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ "ข้า... ข้าเองก็ไม่รู้เจ้าค่ะ"นักพรตอี้เซียนสูดหายใจลึก สี
หุบเขาจอมมาร…“พี่มู่หลิน!” เสียงใสของไป๋เยี่ยนดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจ เมื่อเห็นสหายที่คุ้นเคย“ไป๋เยี่ยน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง มาที่นี่นานแล้วหรือยัง?”มู่หลินถามพลางจับไหล่นางเบาๆไป๋เยี่ยนถอนหายใจแล้วเล่าเสียงแผ่ว“ข้ากำลังจะไปแจ้งข่าวกับอาจารย์ของท่าน แต่ระหว่างทางเจอโจรป่า ดีที่องครักษ์ของพี่ใหญ่ช่วยไว้ แต่ว่า...พวกเขากลับจับข้ามาที่นี่แทน”มู่หลินขมวดคิ้วแน่น ความโกรธเริ่มก่อตัวขึ้น“ป่านนี้อาจารย์และศิษย์พี่ทั้งหลายต้องเป็นห่วงข้าแล้ว”สายตาของนางตวัดไปมองไป๋เทียนหลงที่ยืนสงบนิ่งอยู่มุมห้อง ราวกับไร้ความรู้สึก“ท่านจอมมาร! ท่านจับน้องสาวตนเองมาทำไม? นี่หรือคือหัวใจของพี่ชาย ช่างอำมหิตนัก!”น้ำเสียงของนางแข็งกร้าว ขณะที่ไป๋เยี่ยนรีบสะกิดแขนมู่หลินเป็นเชิงปรามไป๋เทียนหลงมองนางนิ่ง ก่อนจะกล่าวเรียบ ๆ“ที่ข้าพาเจ้ามารักษาที่นี่ เจ้ากลับว่าข้าอำมหิตหรือ?”“ใช่! ต่อให้ท่านช่วย แต่ไม่ยอมให้คนติดต่ออาจารย์ข้า ป่านนี้อาจารย์ของข้าต้องตามหาข้าทั่วแล้ว”มู่หลินกล่าวไป๋เทียนหลงแค่นเสียงเย็นชา“ไม่ต้องห่วง ข้าให้คนไปส่งพวกเจ้าพรุ่งนี้”ไป๋เยี่ยนลังเลก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา“พี่ใหญ่... ท่านพ่
หุบเขาจอมมาร…“นี่ท่านจับข้ามาขังไว้ที่นี่เป็นเวลาสามวันแล้วนะ! ถ้าพี่ใหญ่ข้ารู้เรื่องนี้ ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักแน่!” ไป๋เยี่ยนจ้องเขม็งไปยังบุรุษชุดดำตรงหน้าเฮยเฟิง องครักษ์ผู้ภักดีแห่งจอมมาร กลับยิ้มมุมปากอย่างใจเย็น เขาชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธจนแก้มแดงเรื่อ ทว่ายิ่งเธอขัดขืน ความน่าเอ็นดูก็ยิ่งเพิ่มขึ้น“นี่เจ้ายังไม่รู้หรือ ว่าข้าได้แจ้งเรื่องนี้กับท่านจอมมารแล้ว และท่านจอมมารเองก็สั่งให้ข้าจัดการกับเจ้าเช่นนี้” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ“อย่าให้ข้าออกไปได้เชียว! ข้าจะไปฟ้องพี่มู่หลินให้มาจัดการเจ้า!” ไป๋เยี่ยนกัดฟันกล่าวอย่างขุ่นเคือง ดวงตาเป็นประกายโกรธจัดเฮยเฟิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบข้างหูเธอ“พี่มู่หลินของเจ้า ป่านนี้... ท่านจอมมารของข้าคงกำลังทำให้เขามีความสุขไปแล้ว....คงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนี้แล้ว”ไป๋เยี่ยนชะงัก หัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?! ข้าจะไปหาพี่มู่หลิน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ องครักษ์บ้า!”เฮยเฟิงยืนกอดอก มองหญิงสาวที่ดิ้นรนอย่างขบขัน“ท่านจอมมารมอบหมายให้ข้าดูแลเจ้า หากขัดใจข้า ข้าสามารถ 'จัดการ' ได้ทันที” เขาเน้นคำสุดท้ายชัดถ้อย
หุบเขาจอมมาร…ม่านหมอกจางลอยเหนือหุบเขาจอมมาร ฟ้าถูกบดบังด้วยเงาเมฆครึ้ม แสงจันทร์ส่องประกายลงมายังกลางหุบเขา ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงสตรีร่างบางระหงนอนอยู่บนแท่นบรรทมของจอมมาร แก้มขาวซีดของนางดูอ่อนแรง แต่ยังคงความมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างประหลาดไป๋เทียนหลงนั่งมองนางนิ่งนาน แววตาคมกริบของเขาฉายแววสับสน เหตุใดกัน…เหตุใดเขาจึงรู้สึกผูกพันกับนางลึกล้ำถึงเพียงนี้ เขาไม่อยากเห็นนางเจ็บปวดทันใดนั้น มู่หลินกระอักเลือดออกมา สีแดงเข้มไหลเปรอะริมฝีปาก“มู่หลิน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง เจ็บตรงไหน บอกข้า” น้ำเสียงของเขาอ่อนลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“เจ้าช่วยข้าไว้ทำไม…” นางเอ่ยเสียงแผ่ว“…ใยไม่ฆ่าข้าให้ตายเสียตั้งแต่ที่จวนนั้นเลย พาข้ามาที่นี่ทำไม”ไป๋เทียนหลงนิ่ง ดวงตาฉายแววสำนึกผิด เขาเอื้อมมือไปหมายจะเช็ดคราบเลือดที่มุมปากของนาง แต่มู่หลินเบือนหน้าหนี“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเจ้า ข้าขอโทษ”“จอมมารเช่นเจ้ามีคำขอโทษด้วยรึ ข้าขันนัก”นางแค่นหัวเราะแม้ร่างกายจะอ่อนแรงเขาถอนหายใจแผ่วเบา“ข้าไม่อยากทะเลาะกับเจ้า หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน เจ้ากินยาก่อน”ไป๋เทียนหลงยื่นยาถ้วยหนึ่งให้นาง แต่มู่หลินสะบั