ในสวนรัตติกาลที่เปล่งประกายไปด้วยเวทมนตร์ เคลยืนอยู่ใต้ต้นวิลโลว์โบราณ มองความงามที่เขาพยายามสร้างขึ้นมาอย่างตั้งใจ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบสำหรับค่ำคืนนี้ ตั้งแต่โคมไฟระยิบระยับที่ห้อยระหว่างกิ่งไม้ ไปจนถึงกลีบดอกไม้ที่โปรยปกคลุมพื้นดินรอบ ๆ จุดที่เขาจะสารภาพรัก
เคลยกมือขึ้นจัดโคมไฟอันสุดท้าย ขณะนั้นเสียงกระแทกดังขึ้นจากอีกฝั่งของสวน
“จินเจอร์! หยุดนะ!” เคลหันขวับไปมองทันที เจ้าจินเจอร์ แมวสีส้มตัวป่วน กำลังงับโคมไฟหนึ่งในโคมที่จัดไว้อย่างประณีต เขาพยายามดึงมันลงมาด้วยแรงทั้งหมดของตัวเอง
“ฉันอุตส่าห์ทำงานนี้มาตั้งแต่เช้า! นี่คิดว่าตัวเองทำได้สวยกว่าฉันหรือไง!” เคลก้าวพรวดพราดไปหามัน จินเจอร์ปล่อยโคมแล้วกระโดดลงมาบนกลีบดอกไม้ที่โปรยไว้ ราวกับเป็นเวทีของตัวเอง มันเดินส่ายหางไปมา ก่อนจะหยุดหันมายิ้มยียวนเหมือนแมวที่รู้ดีว่ามันเป็นจุดศูนย์กลางของโลก
ก่อนที่เคลจะจับตัวมันได้ เสียงหัวเราะขี้เล่นของเอร่าก็ดังขึ้นจากมุมสวน “เคล นายเครียดไปหรือเปล่า? โคมไฟกับกลีบกุหลาบนี่ก็ไม่ได้สวยไปกว่ารินสักหน่อย แค่นายยืนเฉย ๆ เจ้ารินก็คงละลายแล้ว!”
เคลหันไปมองเอร่า ผู้ถือดอกกุหลาบช่อใหญ่ในมือเหมือนจะช่วย แต่กลับทำหลุดมือให้กลีบดอกไม้ร่วงกระจายเต็มพื้นแทน “เอร่า! นายทำอะไรลงไป!” เคลร้องลั่น
“พวกนายหยุดป่วนเลยนะ! ฉันอุตส่าห์เตรียมมาหลายอาทิตย์แล้วนะ!” เคลยืนกอดอก ถอนหายใจหนัก รู้ดีว่าเพื่อนคนนี้จะไม่หยุดจนกว่าเขาจะหมดความอดทน
เอร่าไม่วายแซวต่อ “นายรู้ไหม? นายดูเหมือนเจ้าบ่าวที่เตรียมงานแต่งงานเลยนะ! เจ้ารินต้องน้ำตาไหลแน่ ๆ เมื่อเห็นสิ่งที่นายเตรียมไว้”
“ฉันไม่ได้เตรียมงานแต่งงาน! ฉันแค่...แค่...” เคลหน้าแดงก่ำ พูดตะกุกตะกัก
จินเจอร์ที่นั่งอยู่บนกองกลีบดอกไม้ ร้องเมี้ยวเหมือนจะร่วมขบขันกับเอร่า เคลชี้นิ้วไปที่มัน “นายด้วย! อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะว่าทำอะไรไปบ้าง!”
“ใจเย็นสิ เจ้าบ่าว” เอร่าหัวเราะลั่น “ถ้านายตะโกนมากกว่านี้ เจ้ารินได้ยินก่อนถึงเวลาจะไม่เท่เลยนะ”
“เอร่า ถ้านายพูดอีกคำ ฉันจะโยนนายออกไปพร้อมกับจินเจอร์!” เคลพูดเสียงเข้ม
“โอเค โอเค!” เอร่ารีบยกมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ แต่ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายหันมายิ้มขี้เล่น “แต่บอกเลยนะ ถ้าคืนนี้นายล้มเหลว ฉันกับจินเจอร์จะจัดแผนสำรองให้เอง!”
“นั่นคือสิ่งที่ฉันกลัวที่สุด!” เคลตะโกนตามหลัง แต่ในใจก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเพื่อนที่แสนจะ...ช่วยไม่ได้ของเขาเดินหัวเราะออกไป
จินเจอร์กระโดดขึ้นมาบนบ่าเคล ร้องเมี้ยวเบา ๆ ราวกับอยากให้กำลังใจ เคลลูบหัวมันเบา ๆ ก่อนจะมองไปยังสวนที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ เขาสูดลมหายใจเข้า ความตื่นเต้นเริ่มเข้ามาแทนที่ความหงุดหงิด
“คืนนี้ต้องออกมาดี...ไม่มีอะไรผิดพลาดอีกแล้ว” เขาพูดเบา ๆ ให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะกลับไปเตรียมงานต่อ
แต่ก่อนค่ำคืนจะเริ่มต้นขึ้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รินเดินผ่านแปลงดอกไม้ในสวนที่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ดอกไม้บางส่วนดูเหมือนจะถูกจัดเรียงใหม่ และมีร่องรอยการเคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ ต้นวิลโลว์โบราณที่เขาชอบที่สุด เขาหรี่ตา มองไปที่ต้นไม้ที่ดูมีบางอย่างติดอยู่บนกิ่งสูงสุด ใช่แล้ว มันคือโคมไฟ! โคมไฟที่ไม่ควรจะมีอยู่ที่นั่น
“แปลกจริง...” เขาพึมพำ
จินเจอร์กระโดดขึ้นมาบนไหล่ของริน เอาหัวชนแก้มเขาเหมือนจะพูดว่า “สืบสิ! สืบ!”
รินลูบหัวมันเบา ๆ แล้วเดินตรงไปที่ที่พักของเคล
เมื่อเขาเจอเคล กำลังม้วนเชือกอะไรบางอย่างอยู่ รินยืนกอดอกมองอย่างจับผิด “เคล นายกำลังทำอะไร?”
เคลสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงของริน แต่รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “อะ...อะไร? ไม่มีอะไรนี่ แค่...ซ่อมเชือก”
รินขมวดคิ้ว มองเชือกที่เหมือนใหม่เอี่ยมในมือของเคล “ซ่อมเชือก? เชือกที่ใหม่จนยังไม่เคยใช้? นี่มันแปลกเกินไปแล้ว เคล นายหลบหน้าฉันมาหลายวันแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่า?”
“เปล่า...ไม่มีอะไรเลย ฉันแค่...อืม...เอ่อ...” เคลเกาหัว ตอบตะกุกตะกัก
ก่อนที่เคลจะพยายามด้นสดไปมากกว่านี้ เสียงของเอร่าก็ดังขึ้นจากอีกมุมหนึ่ง “เขาเตรียมอะไรน่ะเหรอ? อ๋อ! ก็แค่แอบจัดงานเลี้ยงวันเกิดแมวให้จินเจอร์น่ะสิ!”
“วันเกิดจินเจอร์?” รินหันขวับไปหาเอร่า
เอร่ายิ้มแฉ่ง พลางทำหน้าจริงจังแบบเกินเหตุ “ใช่แล้ว! นายไม่รู้เหรอ? จินเจอร์อายุครบ...สิบปีพอดี! ใช่ไหมเคล?”
เคลอ้าปากพะงาบ ๆ มองหน้าเอร่าเหมือนจะพูดอะไร แต่เอร่าก็พูดแทรกต่อ “เรากำลังวางแผนเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ โคมไฟ! กลีบดอกไม้! ฉันเองยังคิดจะใส่ชุดแมวไปร่วมงานด้วยนะ!”
รินมองหน้าเคลที่ตอนนี้สีหน้าคล้ายกำลังกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มที “เคล นี่เรื่องจริงเหรอ?”
“เอ่อ...ใช่! ใช่...จินเจอร์ต้องมีงานวันเกิดที่สมบูรณ์แบบ!” เคลกลืนน้ำลาย
จินเจอร์ที่เพิ่งวิ่งมาพอดี กระโดดขึ้นไปบนไหล่ของรินอีกครั้ง ร้องเมี้ยวเสียงดังเหมือนจะพูดว่า “ฉันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย!”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันช่วยเตรียมด้วยได้ไหม?” รินจ้องแมวตัวป่วน ก่อนหันไปมองเคลที่เหงื่อเริ่มไหล
“ไม่ได้! ความลับ! นายช่วยไม่ได้เด็ดขาด!” เอร่ากระโดดเข้ามาขวาง
“ได้...แต่ถ้าฉันรู้ว่าพวกนายแอบทำอะไรไม่ดีละก็...” รินยืนกอดอก มองทั้งสองคนด้วยสายตาสงสัย
“ไม่มีอะไรแน่นอน!” เอร่าตอบเร็วจี๋ ก่อนลากเคลออกไปจากที่นั่นทันที
“วันเกิดจินเจอร์? นี่มันไม่เมกเซนส์เลยสักนิด” เมื่อทั้งสองคนพ้นสายตาไป รินก็ถอนหายใจออกมา ก่อนหันไปมองแมวตัวป่วน “จินเจอร์ นายเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้กันแน่?”
แมวตัวน้อยที่น้ำหนักเยอะร้องเมี้ยวเบา ๆ แต่สายตาเหมือนจะบอกว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน!”
วันนั้นมาถึงแล้ว สวนส่องแสงสว่างใต้แสงโคมไฟอ่อน ๆ และกลิ่นดอกกุหลาบที่แบ่งบานทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความหอมอบอวล เคลทั้งตื่นเต้นและประหม่า เขาต้องการให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับริน
ขณะที่เคลทำการปรับแต่งครั้งสุดท้าย เอร่าและจินเจอร์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พลังความสนุกสนานของพวกเขาทำให้บรรยากาศสงบหายไป
“เคล ที่นี่ดูดีมาก!” เอร่ากล่าวพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น จินเจอร์ร้องเมี้ยวเหมือนจะเห็นด้วยและถูตัวกับขาเอร่า
เคลถอนหายใจ รู้ว่าการปรากฏของสองตัวป่วนอาจทำลายช่วงเวลาที่เขาพากเพียรสร้างขึ้นมา
“เอร่า จินเจอร์ พวกนายต้องออกไปเที่ยวคืนนี้ซะ นี่ เอาไป” เขายื่นถุงเงินเล็ก ๆ ให้เอร่า “ไปสนุกในเมือง แล้วคืนนี้อย่ากลับมา”
ดวงตาของเอร่าเปล่งประกายด้วยความขบขัน ถึงอย่างนั้นก็พยักหน้าเข้าใจถึงความสำคัญของค่ำคืนนี้ “ตกลง เคล เราจะให้ความเป็นส่วนตัวกับนาย ขอให้โชคดีนะ!”
“ถ้านายอกหัก ให้จำไว้ว่า นายยังมีฉันกับจินเจอร์นะ” เอร่าโบกมือแบบขี้เล่น ทิ้งท้ายด้วยความเป็นห่วงเพื่อนรัก พร้อมหัวเราะเสียงดังและวิ่งหนีออกจากสวนไป ทิ้งให้เคลเหนื่อยใจกับเพื่อน
เคลไปเตรียมตัวต่อ เขาหายใจลึกพยายามสงบใจที่เต้นรัว ก่อนที่จะเรียกริน เขาได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
“เคล นี่มันอะไรกัน?” รินเข้ามาในสวน ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจที่เห็นฉากที่งดงามตรงหน้า
เคลจับมือริน นำเขาไปยังจุดที่ตกแต่งอย่างสวยงามใต้ต้นวิลโลว์ “ริน มีบางอย่างที่ผมอยากจะบอกมานานแล้ว การอยู่กับคุณ ได้เปลี่ยนชีวิตผมไปหมด คุณได้นำแสงสว่างและความหวังกลับมาสู่สวนและหัวใจของผม”
“เคล...นายพูดแบบนี้ ฉันไม่รู้จะตอบยังไงดี” รินมองเคล น้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้ง
เคลส่ายหัวเบา ๆ เขาเอื้อมจับมือของรินขึ้นมาแนบที่อกของตัวเอง “ริน คุณรู้ไหม สำหรับคนอื่น ผมอาจเป็นอัศวิน ผู้ที่มีหน้าที่ปกป้องคุณและสวนแห่งนี้ แต่สำหรับผม ผมไม่อยากเป็นแค่อัศวิน ผมอยากเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง คนที่พร้อมจะปกป้องคุณ ดูแลคุณ ไม่ใช่เพราะหน้าที่ แต่เพราะผมรักคุณ”
เสียงของเขาอ่อนโยน แต่หนักแน่นเหมือนคำสัตย์สาบานที่มาจากส่วนลึกของหัวใจ “ริน คุณจะให้โอกาสผมได้รักและอยู่เคียงข้างคุณไปตลอดชีวิตได้ไหม?”
น้ำตาของรินร่วงลงมาอย่างไม่รู้ตัว เขายิ้มทั้งน้ำตาและพยักหน้า “เคล...ผมเองก็รักคุณเหมือนกัน คุณคือคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีความหมาย คุณคือบ้านของผม”
เคลยิ้มกว้าง รวบตัวรินมากอดไว้แน่น ราวกับอยากจะย้ำเตือนให้อีกฝ่ายรู้ว่าทั้งสองคนจะไม่มีวันปล่อยมือจากกัน
“ผมสัญญา” เคลกระซิบเบา ๆ ข้างหูของริน “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
ค่ำคืนนั้นเป็นคืนแห่งความรักที่แสนสมบูรณ์แบบ เสียงหัวใจของทั้งสองคนเต้นประสานกัน ดวงดาวบนฟ้าดูเหมือนจะเปล่งประกายเจิดจ้ายิ่งขึ้น เหมือนกับกำลังเฉลิมฉลองให้กับความรักที่งดงามนี้
ในยามบ่ายของวันอันเงียบสงบ รินนั่งอยู่ข้างเคลใต้ต้นไม้ใหญ่ สายตาของเขาจับจ้องไปที่เคียแรนและเอร่าที่กำลังคุยกันไม่ไกล เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังแว่วมาท่ามกลางสายลมเอื่อย รินยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเคล“เคล คุณเห็นไหม?” รินพูดพลางพยักเพยิดไปทางทั้งสองคน “พี่ดูมีความสุขนะเวลาคุยกับเอร่า ผมไม่ได้เห็นเขาหัวเราะแบบนี้มาตั้งแต่...ตั้งแต่ก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลาย”เคลเหลือบมองแล้วพยักหน้า “อืม ดูเหมือนเอร่าจะทำให้เขาผ่อนคลายได้จริง ๆ แต่คุณคิดว่ามันจะดีไหม? คุณรู้ว่าเอร่าน่ะ...” เขาหยุดชั่วครู่ “ค่อนข้างซนเกินไปหน่อย”รินหัวเราะเบา ๆ “ซน? นั่นเป็นคำพูดที่สุภาพเกินไป ผมคิดว่าเอร่าคือพายุในร่างมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่พี่ต้องการ ใครสักคนที่ทำให้เขาหยุดคิดมากและเริ่มใช้ชีวิตจริง ๆ”เคลเอนตัวพิงต้นไม้แล้วถอนหายใจ “ผมคิดว่าคุณพูดถูก บางทีพวกเขาอาจจะช่วยเติมเต็มกันและกัน... หรือไม่ก็สร้างความวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม”
เช้าวันใหม่ในสวนรัตติกาลเต็มไปด้วยความสดใส สำหรับเคียแรน มันเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง เมื่อชายที่เคยจับดาบต่อสู้ในสนามรบต้องมายืนจ้องเครื่องมือทำสวนอย่างงุนงง เขาถอนหายใจหนัก ก่อนจะหันไปมองเอร่าที่กำลังหมุนคราดในมือเหมือนโชว์มายากล“นี่คือเสียม...แล้วนี่ก็คือคราด นายต้องไม่ใช้มันเหมือนอาวุธ เข้าใจใช่ไหม?” เอร่ายิ้มพลางยื่นคราดให้“นายคิดว่าผมโง่หรือไง?” เคียแรนจ้องเขม็ง“ไม่เลย! ฉันแค่มั่นใจว่านายจะแยกความแตกต่างระหว่างดาบกับคราดได้จริง ๆ” เอร่าตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กลับบ่งบอกว่าเขาแค่ต้องการแหย่“แล้วนายแน่ใจหรือว่าทำงานนี้เป็น?” เคียแรนถามกลับ พลางคว้าเสียมมาขุดดินอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เอร่าเห็นท่าทางแบบนั้นก็หัวเราะลั่นเอร่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่น แต่แฝงไว้ด้วยความท้าทาย “ขอบอกเลยนะ เคียแรน ผมน่ะไม่ได้เป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพร แต่ยังเป็นอัศวินด้วย! ด้านดา
รินมองไปที่พี่ชายด้วยความกังวลใจ “แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?” รินถามขึ้นเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงแฝงไปด้วยความห่วงใย“ก็...เพื่อนในเมืองให้พักอยู่ที่ห้องเล็ก ๆ หลังร้านค้า แต่ไม่สะดวกเท่าไร” เคียแรนตอบ พร้อมกับถอนหายใจเบา ๆ “พี่พยายามหลีกเลี่ยงการไปในที่ที่คนพลุกพล่าน กลัวว่าจะมีใครจำพี่ได้ ซินดิเคทมีอำนาจอยู่มาก”“ทำไมไม่มาอยู่ที่นี่ล่ะ? ที่สวนปลอดภัยกว่า และไม่มีใครเข้ามาได้ง่าย ๆ โดยไม่ผ่านพวกเรา” รินขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยชวนคำพูดของรินทำให้เคลชะงัก เขาหันมามองรินทันที แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร เอร่าก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียนที่เป็นเอกลักษณ์“ใช่เลย! นายคือเจ้าของสวนที่ถูกต้องนี่นา ริน นายจะให้ใครอยู่หรือไป มันก็ขึ้นอยู่กับนายหมดเลย” เอร่าพูดพลางยักคิ้วให้เคียแรน “แต่...ตอนนี้ห้องพักเต็มหมดแล้วนี่? จะให้นอนกับฉัน...ก็กลัวเคียแรนจะหนาว”“หนาว?” เคลหันไปมองเอร่า คิ้วกระตุก &l
เสียงเอะอะจากทางเข้าสวนดังแว่วมา รินที่กำลังจัดเรียงดอกไม้อยู่สะดุ้งเล็กน้อย เขาหันมองด้วยความสงสัย ใจเต้นแรงด้วยความกังวล“เกิดอะไรขึ้น?” เขาพึมพำเบา ๆ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังที่มาของเสียงภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้รินขมวดคิ้ว เคลยืนอยู่ในท่าทางตึงเครียด จับจ้องไปที่ชายแปลกหน้าซึ่งถูกเอร่าจับแขนไว้แน่น ส่วนจินเจอร์ที่พุงกลม ๆ ของมันห้อยจนเกือบถึงพื้น กำลังยืนโยกตัวอยู่บนพื้นราวกับกำลังฉลองชัยชนะ“เกิดอะไรขึ้น?” รินถามเสียงดัง ขณะที่กวาดตามองไปที่ทุกคน“โอ้ ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไรใหญ่โตหรอก แค่เจอคนแปลกหน้าที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แถวนี้ ฉันเลยช่วยจัดการสักหน่อย” เอร่าหันมาพร้อมรอยยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์“ช่วยจัดการ?” รินถามด้วยน้ำเสียงไม่เชื่อถือ เขามองชายแปลกหน้าที่ถูกจับอยู่ “แล้วจินเจอร์…ทำอะไร?”“อ้อ เจ้าจินเจอร์นี่สิ กระโดดแตะหน้าเขาเหมือนฮีโรเลยละ!” เอร่าพูดพลางหัวเราะเสียงด
รุ่งอรุณของสวนรัตติกาลถูกแต่งแต้มด้วยความหอมหวานที่อบอวลในอากาศ รินและเคลนั่งอยู่ใกล้กันใต้ต้นไม้ใหญ่ ดวงตาของทั้งคู่สะท้อนแสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านใบไม้ลงมา ใบหน้าของรินระเรื่อเล็กน้อยเมื่อนึกถึงค่ำคืนที่ผ่านมา แต่เขาก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นเคลยื่นมือมาสัมผัสแก้มของเขาอย่างแผ่วเบา“เมื่อคืน...คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสำคัญที่สุดในโลก” รินพูดเบา ๆ สายตาสองคู่ประสานกัน ความอบอุ่นในคำพูดทำให้หัวใจของเคลเต้นรัว“ใช่เพราะคุณเป็นจริงๆ ริน ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนใจ” เคลยิ้มอ่อนโยน พลางลูบแก้มรินด้วยปลายนิ้ว“คุณรู้ไหมว่าคุณพูดแบบนี้แล้วผมจะไม่อยากลุกไปไหนเลย คุณทำให้ผมรู้สึกว่าผมไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว” รินหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับพิงไหล่ของเคล“งั้นเราจะนั่งตรงนี้ทั้งวันก็ได้” เคลแซวกลับพร้อมหัวเราะ รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ“นี่คุณทำให้ผมกลายเป็นคนติดหวานไปแล้ว คุณคิดว่ามันจะดีเห
หลังจากคำสารภาพที่จริงใจและอบอุ่น ริมฝีปากของเคลและรินค่อย ๆ เข้าหากัน ราวกับวินาทีนั้นโลกทั้งใบได้หยุดหมุน ในความคิดของเคล ความอบอุ่นของรินคือสิ่งที่เขาเฝ้าฝันถึง เสี้ยววินาทีที่ริมฝีปากแตะกัน เขารู้สึกเหมือนพลังงานบางอย่างที่ไม่อาจบรรยายได้กำลังหลั่งไหลผ่านเข้ามา เคลสัมผัสถึงความอ่อนนุ่มของริมฝีปากริน ความละมุนละไมที่เปี่ยมไปด้วยความซื่อสัตย์และความรัก“ริน…ผมรู้แล้วว่าความหมายของชีวิตคือการได้อยู่เคียงข้างคุณ” เขาคิดขณะที่ปล่อยให้ริมฝีปากกำลังประทับกันในความคิดของริน เขารับรู้ถึงน้ำหนักของจูบนี้ น้ำหนักของคำสัญญาและความรู้สึกทั้งหมดที่เคลมอบให้ รินรู้สึกว่าร่างกายกำลังสั่นไหวน้อย ๆ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความอบอุ่นที่เคลมอบให้ ริมฝีปากของเคลเปรียบเสมือนเปลวไฟอ่อน ๆ ที่หลอมละลายความหนาวเหน็บในหัวใจเขา“เคล…คุณไม่ใช่เพียงอัศวิน แต่คุณคือคนที่ทำให้ผมรู้ว่าความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร” รินคิดในขณะที่ปล่อยตัวให้ตกอยู่ในอ้อมกอดของอีกฝ่ายการจูบขอ