บางครั้งการไม่มีคนปากร้ายคอยบังคับขู่เข็ญให้ทำตามใจ มันช่างเงียบเหงาไม่น้อย หลายวันก่อนองค์ฮ่องเต้ได้ทรงเรียกตัวเหลียงเฟิงกลับเมืองหลวงอย่างกะทันหัน
แม้เจ้าตัวไม่อยากจะกลับแต่ก็ขัดรับสั่งของพระบิดาไม่ได้ จึงได้ทิ้งองครักษ์ส่วนหนึ่งพร้อมกับมู่หลางคนสนิทไว้ดูแลหนิงเซียน ส่วนตัวเขาเร่งรีบออกไปโดยที่ไม่ได้บอกลานางสักคำ เพียงเพราะไม่อยากรบกวนเวลานอนพักผ่อน
หลังจากนางตื่นขึ้นมารู้ว่าอ๋องตัวร้ายไปโดยไม่บอกกล่าว ทำให้หนิงเซียนดูเซื่องซึมไปไม่น้อย ทว่าทุกการกระทำกลับรู้ไปถึงเหลียงอ๋องทั้งหมด จากรายงานของมู่หลางที่ส่งรายงานอย่างละเอียดไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่คำเดียวตามคำสั่งผู้เป็นนาย
ผ่านไปกว่าสิบวันก็มิได้ข่าวหรือแม้แต่จดหมายสักฉบับ จากความเหงากลับกลายเป็นความโกรธเคืองอย่างไม่ทราบสาเหตุ อ๋องหนุ่มทำราวกับว่าบุตรในท้องของนางไม่มีตัวตน แค่จะถามถึงบุตรเขาสักคำไม่มีเลยหรือ เหตุใดเมื่อตอนอยู่ด้วยกันถึงได้เป็นห่วงนักหนา
เพื่อไม่ให้ตนเองฟุ้งซ่านมากเกินไป หนิงเซียนจึงหากิจกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำ โดยการถักหมวกและถุงมือถุงเท้าแบบง่าย ๆ ไว้สำหรับเจ้าตัวน้อยที่กำลังจะเกิดมา
“องครักษ์มู่ เรือนหลังนี้ผุพังมากแล้ว ถ้าหากข้าจะขอท่านอ๋องสร้างใหม่ ท่านคิดว่าท่านอ๋องจะอนุญาตหรือไม่เจ้าคะ” ในขณะที่กำลังถักหมวกใบเล็ก หนิงเซียนก็ยังคงมองร่องรอยความเก่าทรุดโทรมของบ้านอย่างไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าวันใดเกิดหักพังขึ้นมาอาจจะเป็นอันตรายก็ได้
“เห็นทีจะยากขอรับ เรือนหลังนี้สำคัญต่อท่านอ๋องมาก ทรงรักและหวงแหนคงไม่อาจให้รื้อถอนแล้วสร้างใหม่ได้ขอรับ” ชายหนุ่มตอบตามความเป็นจริง ทุกวันนี้พระองค์ยังคงส่งคนมาคอยดูแลซ่อมแซมอยู่เป็นประจำทุกเดือน
“สำคัญถึงเพียงนั้นเชียว เพราะอะไรหรือเจ้าคะ” หญิงสาววางของในมือลงทันที ด้วยอยากรู้เหลือเกินเหตุใดเรือนเก่า ๆ หลังนี้เขาถึงได้รักมากถึงขั้นที่ว่าไม่สามารถให้รื้อถอนได้ อีกทั้งในนิยายก็มิได้บอกไว้เสียด้วย
“เดิมทีหมู่บ้านหนานชุนเป็นบ้านเกิดของพระสนมหรือก็คือมารดาของท่านอ๋องขอรับ ท่านอ๋องทรงรักพระมารดามาก หลังจากพระสนมสิ้นใจ ก็มีเพียงเรือนหลังนี้ที่พอจะเป็นของดูต่างหน้าขอรับ” ที่ท่านอ๋องโหยหาความรักเช่นนี้ ก็เพราะพระสนมมาด่วนจากไปตั้งแต่เยาว์วัย อีกทั้งภายในวังก็มีแต่เหล่าอสรพิษมากมาย เด็กน้อยที่ไร้ที่พึ่งย่อมต้องรู้สึกโดดเดี่ยวเป็นธรรมดา
“อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง” นางพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาถึงทำเพียงแค่ซ่อมแซมเท่านั้น ที่แท้เรือนหลังนี้ก็เคยเป็นบ้านเดิมของมารดาอ๋องตัวร้ายนี่เอง เมื่อรับรู้ถึงเหตุผลแท้จริง หนิงเซียนก็อดที่จะสงสารเขาไม่ได้ ไม่แปลกใจเลยทำไมเหลียงเฟิงถึงแสดงความรักต่อใครไม่ถูกวิธี หากเขาอยากจะได้อะไรสักอย่างเขาก็พร้อมจะพุ่งชน โดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายจะเป็นเช่นไร
ถ้าเช่นนั้นต่อไปนี้นางจะทำให้เรือนหลังนี้น่าอยู่มากขึ้น ทำให้บ้านที่แสนสำคัญของเขากลายเป็นบ้านที่อบอุ่น และถ้าหากว่าสักวันหนึ่งเขาได้รับความรักความเอาใจใส่ที่มากพอ ทุกอย่างก็อาจจะไม่เป็นไปตามต้นฉบับก็ได้มิใช่หรือ
“หนิงเซียนหรือเจ้าจะลองเสี่ยงดูสักตั้ง เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจเขาได้” หญิงสาวพึมพำเบา ๆ กับตนเอง พร้อมกับลูบหน้าท้องอย่างแผ่วเบา ความรักความอบอุ่นที่เขาโหยหานางจะเป็นคนมอบทั้งหมดให้เอง เพื่อที่ว่าต่อไปหากตนไม่อยู่แล้ว ความรักที่นางมอบให้จะได้ส่งต่อไปสู่บุตรที่กำลังจะเกิดมา
กายหนาลุกขึ้นเต็มความสูง เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงก้าวอาด ๆ ออกจากห้องไป โดยมีมู่หลางองครักษ์คนสนิทคอยติดตาม เหลียงอ๋องสั่งระดมพลเรียกองครักษ์ฝีมือดีที่สุด จากนั้นได้ออกคำสั่งเพื่อให้พวกเขาออกตามหาสิ่งที่ตนเองต้องการเหล่าองครักษ์ผู้ภักดีต่างแยกย้ายกันไปตามหาที่ที่คิดว่าจะหาสิ่งนั้นเจอ ทว่าเวลาผ่านไปนับเดือนก็ไร้ซึ่งข่าวคราว จดหมายรายงานถูกส่งมาจากทั่วสารทิศ แต่ก็มีเพียงความล้มเหลวที่ได้รับ เหลียงเฟิงปาจดหมายรายงานแต่ละฉบับทิ้ง กายหนาอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน ตนอยากจะออกตามหาด้วยตนเอง แต่ก็มิอาจทิ้งภรรยาและลูกน้อยไปได้ใบหน้าหล่อเหลาบัดนี้เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง หน้าดำคล้ำเครียดและยังซูบผอมลงไปถนัดตา ไร้สง่าราศีของผู้เป็นอ๋อง บุตรตัวน้อยหรือก็ร้องไห้จ้าไม่ยอมหยุด เมื่อใดแฝดน้อยทั้งสองถูกวางไว้ข้างกายมารดา พวกเขาก็จะหยุดร้อง นอนเล่นพูดคุยอ้อแอ้กันทั้งวันไม่มีงอแง แต่ก็ไม่สามารถให้เด็กเล็กอยู่กับคนป่วยได้ตลอดเวลา จึงจำใจแยกพวกเขาออกจากภรรยา และอนุญาตให้อยู่ด้วยกันได้เพียงวันละไม่เกินหนึ่งชั่วยามเท่านั้น (2 ชั่วโมง)หลังจากระบายอารมณ์ความอัดอั้นจึงใจเย็นลงไปได้บ้าง ชายหนุ่มได้เตรียมตัวทำหน้าที่ด
“ชายารองชีพจรอ่อนมาก พวกเจ้าไปตามหมอที” หมอตำแยช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ ทั้งที่ชายารองก็มิได้ตกเลือด หรือเสียเลือดมากจนทำให้สลบไปทั้งอย่างนั้นได้ จะพูดให้ถูกก็คงจะเป็นหาสาเหตุของการหมดสติไปในครั้งนี้ไม่ได้นั่นเอง ซึ่งหมอตำแยเช่นนางถึงจะเชี่ยวชาญด้านการทำคลอด แต่นี่ดูเหมือนจะเกินขอบเขตความสามารถไปเสียแล้วทุกคนภายในห้องทำคลอดต่างร้อนรนและร้อนใจ เพราะไม่เพียงชายารองที่เข้าขั้นวิกฤต พวกตนก็อาจจะต้องตายอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ถ้าหากนางเป็นอะไรไปคนทั้งห้องนี้ก็คงจะรับโทสะของท่านอ๋องไม่ไหว มีเพียงอาผิงเท่านั้นที่ยังพอมีสติ หญิงสาวตรงดิ่งไปตามท่านหมอทันทีที่หมอตำแยพูดจบ ทว่าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเข้ากับหมอหลวงต้วนเข้าพอดี“ผู้ใดไม่เกี่ยวข้องออกไปรอด้านนอก” ต้วนชิงเจาได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขาได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้มาเป็นตัวแทนพระองค์พร้อมกับเฉียนกงกง ด้วยเล็งเห็นว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นได้ทุกเมื่อ อย่างน้อยมีเขาอยู่ด้วยก็สามารถช่วยเหลือได้ทันท่วงทีเหล่านางกำนัลและหมอตำแยได้พากันออกไปรอด้านนอก เหลือไว้เพียงอาผิง เหลียงอ๋อง คอยเป็นลูกมือให้ท่านหมอเท่านั้น“หนิงหนิง อดทนเข้าไว้นะ
“เหลียงเฟิงเจ้าออกไปรอด้านนอกเถอะ ท่านหมอมาแล้ว” หลังจากเยว่ฮูหยินสั่งการบ่าวไพร่ให้เตรียมของใช้เอาไว้สำหรับทำคลอด ระหว่างนั้นหมอตำแยได้มาถึงพอดี นางจึงต้องเรียกหลานชายออกมาเพื่อไม่ให้เกะกะหมอตำแยทำคลอด“หลานไม่ไป หลานจะอยู่กับหนิงหนิง” ชายหนุ่มยืนกรานที่จะไม่ออกไปเด็ดขาด เขาอยากอยู่ในทุกช่วงเวลาร่วมกับนาง ถึงแม้ว่าจะรับเอาความเจ็บปวดมาไว้ที่ตนเองไม่ได้ก็ตาม“เจ็บจังเลยเพคะ ท่านอ๋องข้าเจ็บจนทนไม่ไหวแล้ว” คราวนี้แรงบีบมามากกว่าปกติ น้ำตาที่พยายามจะกลั้นเอาไว้ บัดนี้นางทนไม่ไหวแล้ว หากผู้ใดจะมองว่าอ่อนแอก็ช่างปะไร“หนิงหนิง” เหลียงเฟิงเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ หากจะสกัดจุดก็เกรงว่าหนิงหนิงของเขาจะเป็นอันตรายปัง“ท่านหมอมาแล้วเพคะ” อาผิงวิ่งกระหืดกระหอบมาพร้อมกับหมอตำแยถึงสองคน นางและสหายนางกำนัลหิ้วปีกหมอตำแยเข้ามาอย่างรีบร้อน ช่วยไม่ได้ในเมื่อท่านหมอมัวแต่ชักช้า วิ่งไม่ทันใจเอาเสียเลย“ข้าขอผู้ช่วยสามคน ที่เหลือออกไปรอด้านนอกให้หมด” หมอตำแยเห็นท่าไม่ดี รีบสั่งการให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปด้านนอกให้หมด การคลอดลูกฝาแฝดพบได้ไม่บ่อยนัก ต้องอาศัยประสบการณ์และความระมัดระวังในการทำคลอดม
เหลียงเฟิงได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา ตนเองไม่สบายถึงเพียงนี้ ยังต้องรักษาน้ำใจผู้อื่นไปเพื่ออะไรอีก ชายหนุ่มลุกขึ้นประคองร่างอุ้ยอ้ายของภรรยา เพื่อออกไปต้อนรับฮูหยินเยว่ตามความต้องการของเจ้าตัว“มา ๆ นั่งตรงนี้” เยว่ฮูหยินปราดเข้าไปประคองหนิงเซียนอีกคน ตั้งแต่ได้เจอกันจากการแนะนำของว่าที่บุตรเขย นางรู้ได้ในทันทีว่าหนิงเซียนสมควรแล้วที่หลานชายหลงรัก ก็ในเมื่อเจ้าตัวทั้งน่ารักจิตใจดี และมักจะคิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ทำให้นางพลอยเอ็นดูเหมือนลูกหลานไปด้วยอีกคน“คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ วันนี้มาแต่เช้าเชียว” หญิงสาวเย้าแหย่ไปตามประสาคนคุ้นเคย เยว่ฮูหยินมักจะมาแต่เช้าเช่นนี้เสมอ เมื่อผ้าปักลายใหม่ส่งมาจากหมู่บ้านหนานชุนมาถึง“แหม เจ้าละก็ ป้าก็อยากจะชื่นชมผ้าปักลายใหม่ ๆ เผื่อว่าถูกใจจะได้เลือกสักม้วนสองม้วน” เยว่เจินหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจ ก็ในเมื่อตอนนี้ในหมู่ฮูหยินด้วยกัน นางได้กลายเป็นผู้นำความนิยมด้านการแต่งกายไปเสียแล้ว มีหรือจะพลาดของสวย ๆ งาม ๆ ไปได้“ของเพิ่งจะมาถึง มีหลายลายให้ท่านป้าเลือกเยอะเลยเจ้าค่ะ”“ดี ๆ ข้าชักจะทนรอไม่ไหวเสียแล้วสิ”หลังจากทุกคนนั่งลงประจำที่ หนิงเซียนได้สั่งให้บ่าวรั
อายุครรภ์เข้าสู่เดือนที่เก้า หน้าท้องเริ่มยื่นและใหญ่ขึ้นจนน่าตกใจในสายตาผู้พบเห็น ด้วยความเป็นห่วงภรรยามากเกินไปของเหลียงอ๋อง เขาจึงสั่งห้ามไม่ให้หนิงเซียนทำงานใด ๆ โดยเด็ดขาด ร้านค้าผ้าที่กิจการกำลังไปได้ด้วยดี ได้ยกให้เป็นหน้าที่ม่อตานและนางกำนัลผิงเป็นผู้ดูแลชั่วคราว ด้วยเหตุนี้ทำให้หนิงเซียนว่างจนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกินถึงจะรู้สึกขัดใจที่ถูกห้ามไปหมดเสียทุกอย่าง ทว่านางก็เข้าใจในความหวังดีของสามีในข้อนี้ดี จึงปล่อยเลยตามเลยได้แต่จำยอมอยู่แต่ในตำหนัก วันทั้งวันทำแค่กิน นอน เดินเล่นเพียงเท่านั้นส่วนเรื่องของเยว่สือกับท่านรองแม่ทัพตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทั้งสองครอบครัวต่างก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี จะเหลือก็แต่รอให้ถึงกำหนดฤกษ์ดี เขาทั้งสองก็จะเข้าพิธีได้ร่วมหมอนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง นี่แหละหนาการเกิดมาเป็นพระเอกกับนางเอก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่จัดการได้โดยง่าย ไร้ซึ่งปัญหาให้หนักใจ ไม่เหมือนตนที่เป็นเพียงตัวประกอบ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่รู้ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง“หนิงหนิงทำอะไรอยู่หรือ” กายหนากลับจากปฏิบัติภารกิจตามรับสั่งพระบิดาก็ตรงดิ่งกลับจวนทันที พักหลังมานี้เสด็จพ่ออ่อน
“คารวะฮูหยินเยว่ขอรับ” ชายหนุ่มโค้งคำนับอย่างนอบน้อม พร้อมกันนั้นยังคอยสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย เพื่อประเมินสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น“ทำตัวตามสบายเถอะท่านรองแม่ทัพ มาหาข้าวันนี้มีธุระอะไรหรือ” เรื่องของบุตรสาวกับเหลียงเฟิงนางก็พอทำใจได้บ้างแล้ว ในตอนแรกตนตั้งแง่กับบุรุษผู้นี้มากเกินไป ก็ด้วยมีความหวังว่าบุตรสาวจะลงเอยกับหลานชาย ทว่าเมื่อคืนตนและบุตรสาวได้เปิดอกพูดคุยให้เข้าใจกันแล้ว เยว่สือเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวนางก็อยากจะให้ลงเอยกับบุรุษที่ดีพร้อม แม้พลาดจากเหลียงเฟิงไปแต่แม่ทัพหยางผู้นี้ก็ไม่เลว“เรียนฮูหยินที่ข้ามาในวันนี้ เพื่อจะขอคบหากับบุตรสาวท่านอย่างเปิดเผยขอรับ” ชายชาติทหารยืดอกพูดอย่างหนักแน่น ได้แต่หวังว่าฮูหยินจะเห็นใจพวกเขาทั้งสองบ้าง“ในเมื่อท่านรองแม่ทัพกล้าพูดออกมาตรง ๆ เช่นนี้ จะให้ข้าอนุญาตก็ต้องมาดูกัน ว่าท่านมีดีมากพอแค่ไหน ที่ข้าจะยอมยกบุตรสาวให้” ฮูหยินเยว่แสดงออกว่าหากอีกฝ่ายมีข้อเสนอไม่ดีพอ นางก็จะไม่ยกบุตรสาวให้เด็ดขาด“ข้าหยางจวินให้คำมั่นสัญญา ขอมีนางเพียงผู้เดียว จะรักและดูแลสือเอ๋อร์ไม่เสื่อมคลาย ให้เหมือนกับวันแรกที่ได้รักกัน และข้าขอเอาชีวิตเป็นเ