“พี่หนิงเซียนเหม็นอะไรหรือเจ้าคะ ข้าว่าอาหารแต่ละอย่างหอม ๆ ทั้งนั้น มิได้มีอะไรเหม็นนะเจ้าคะ” เยว่สือทำจมูกฟุดฟิดดมตามหากลิ่นเหม็นที่ว่า แต่ก็ไม่เจออะไรสักอย่าง
“แม่นางเยว่สืออย่าใส่ใจข้าเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องกินให้เยอะ ๆ นะเพคะ จะได้มีแรง” ในเมื่อหวงนักไก่ตุ๋นโสมท่านก็กินให้หมดเถิด แม้จะรู้เหตุผลที่ไม่ยอมให้นางกินก็ตาม แต่ความขุ่นเคืองก็ยังไม่จางหาย มือบางคีบเนื้อไก่ส่งให้เหลียงอ๋อง หากแต่มิได้วางไว้บนถ้วยข้าวชายหนุ่ม หนิงเซียนป้อนมันด้วยมือนางเอง เป็นเช่นไรแม่นางเอก ตัวร้ายผู้นี้ตัวประกอบเช่นข้าจะรับไว้เอง
เหลียงอ๋องที่ตั้งท่ารออยู่แล้วมีหรือจะพลาด เขาโน้มใบหน้าลงเพื่อรับไก่ที่ภรรยามอบให้ด้วยความเต็มใจ ศึกครั้งนี้คาดการไว้อยู่แล้วเขามีแต่ได้กับได้
“พี่เฟิงลองจานนี้ดูสิเจ้าคะ ข้าให้พ่อครัวในวังทำให้เป็นพิเศษเลย” ในขณะที่คุณหนูเยว่กำลังคีบผัดเห็ดหอมในซอสสูตรพิเศษจากฝีมือพ่อครัววังหลวง ได้ถูกหญิงสาวอีกคนคีบอาหารอย่างอื่นตัดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านอ๋องชอบเห็ดหอมหรือ แต่พระองค์เคยบอกหม่อมฉันว่าไม่ชอบกินนี่เพคะ” หนิงเซียนชายตามองเหลียงอ๋อง และยังรอคอยให้เขาตอบตามใจนางต้องการ
“อืม ใช่ข้าไม่ชอบกินเห็ด” คนกลางเช่นเขาจะทำอะไรได้ นอกเสียจากตอบรับคำอย่างว่าง่าย มิหนำซ้ำยังอ้าปากรับอาหารที่ภรรยาคนงามส่งให้เข้าปาก เคี้ยวจนแก้มตุ่ยด้วยความเอร็ดอร่อย
“แต่เมื่อก่อนท่านชอบกินมากนี่เจ้าคะ” เยว่สือมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ นางและเขาเติบโตมาด้วยกัน เขาชอบอะไรหรือมิชอบอะไรนางย่อมรู้ดี
“ตอนนี้ข้ามิชอบแล้ว” เหลียงอ๋องตอบหน้าตาเฉยเมย มิได้สนใจคำพูดของบุตรสาวท่านราชครูแม้แต่น้อย หนิงเซียนบอกไม่ชอบเขาก็ไม่ชอบ หรือถ้าหากนางบอกว่าเขาชอบเขาก็จะชอบ อย่างเช่นขนมหวานชิ้นโตที่กำลังจะเข้าปากเขาในตอนนี้ แม้จะหวานจนแสบคอก็ต้องฝืนกลืนมันลงไปให้ได้
การกระทำของคนทั้งคู่บ่าวไพร่ต่างก็จับจ้องไม่วางตา ทุกคนยืนอมยิ้มไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะซ่งกงกงวันนี้เหลียงอ๋องผู้ที่เขาเลี้ยงดูมาเองกับมือ บัดนี้ได้พบสตรีที่พระองค์พร้อมจะปกป้องและวางใจได้เสียที บ่าวไพร่ทุกคนที่เห็นเจ้านายมีความสุข พวกเขาก็พลอยมีความสุขไปด้วย
หลังจากมื้ออาหารอันแสนวุ่นวายในวันนั้น หนิงเซียนก็ไม่ได้พบกับความสงบสุขอีกเลย เยว่สือเวียนมาหาได้ไม่เว้นแต่วัน ทั้งความสนิทสนมที่คุณหนูเยว่แสดงออกต่อเหลียงอ๋อง พานทำให้หนิงเซียนไม่พอใจ
ในแต่ละวันที่บุตรสาวท่านราชครูมาเยือน มักจะเป็นวันที่เหลียงอ๋องอยู่วังเสมอ นั่นจึงทำให้หนิงเซียนต้องเกาะติดท่านอ๋องไม่ห่างเช่นกัน แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ดูเหมือนจะไม่รำคาญแต่อย่างใด ดูจากใบหน้าคมที่เอาแต่ยิ้มมุมปากไม่หุบ ไม่ว่าผู้ใดได้เห็นก็ต้องคิดว่าพระองค์กำลังมีความสุขอย่างแน่นอน
แต่แท้จริงแล้วในความสุขมันก็มีความขมขื่นปนอยู่ด้วย หลังจากเยว่สือจากไปหนิงเซียนไม่ยอมพูดจากับเขาอีกเลย และนางยังคงเก็บตัวเงียบราวกับเฝ้ารออะไรบางอย่าง ทำให้เหลียงเฟิงหงุดหงิดใจไม่น้อย ที่ไม่สามารถเข้าใจในตัวภรรยาได้เลย
“ท่านอ๋องมิลองถามอนุหนิงไปตรง ๆ ล่ะพ่ะย่ะค่ะ ถ้าท่านไม่ถามจะรู้ได้อย่างไรว่านางคิดอะไรอยู่” มู่หลางที่เห็นผู้เป็นนายเอาแต่นิ่งเงียบมาหลายวัน เขาก็มิอาจจะนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“ทำดีมากมู่หลาง ถ้าครั้งนี้สำเร็จข้าจะหาเมียให้เจ้าสักคน” เหตุใดเขานึกไม่ถึงเรื่องนี้กันนะ เพียงแค่เขาถามก็จะได้คำตอบแล้ว ง่ายถึงเพียงนี้แต่ตนเองกลับนึกไม่ออกเสียได้
เพื่อจะได้เปิดใจพูดคุยกับภรรยาคนงามให้รู้เรื่อง กายหนาลุกออกจากโต๊ะทรงงานทันที ชายหนุ่มตบไหล่คนสนิท พร้อมกับชื่นชมในความคิดอันชาญฉลาดของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินจากไป
“กระหม่อมไม่แต่งภรรยาพ่ะย่ะค่ะ”
“ไฉฉือหยุดความคิดของเจ้าเดี๋ยวนี้” คำพูดจากปากสาวเจ้าไม่ค่อยจะเข้าหู มู่หลางพยายามข่มกลั้นความโกรธของตนเองอย่างสุดความสามารถ“พวกเจ้าเป็นอันใดกัน น่ารำคาญยิ่งนัก จะไปไหนก็ไป” หลังจากเขากับภรรยาแอบฟังมู่หลางพูดคุยอยู่นาน ได้จังหวะเหมาะจึงแสร้งทำเป็นไม่พอใจไล่คนทั้งสองไปที่อื่นเสีย“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง กระหม่อมขอเวลาสักครู่พ่ะย่ะค่ะ” หากวันนี้ตกลงกันไม่เข้าใจ เห็นทีว่าไฉฉือคงต้องได้ยืดเวลากลับบ้านไปหาท่านป้าแล้ว“ไม่ต้อง อีกสองวันค่อยกลับมาทำหน้าที่ของเจ้า ไปแก้ปัญหาให้จบ อย่าให้ข้าเห็นเช่นนี้อีก” เหลียงเฟิงตวาดเสียงดุ ความจริงแล้วเขาก็อยากจะเล่นงิ้วต่อ แต่ภรรยาสุดที่รักกลับให้เขารีบจบบทบาทเจ้านายอารมณ์ร้ายนั่นเสีย ช่างน่าเสียดาย“ขออภัยอีกครั้งพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” องครักษ์หนุ่มสำนึกผิดที่ตนทำให้นายเหนือหัวต้องรำคาญใจ ทั้งที่วันนี้ท่านอ๋องกับหวังเฟยควรจะได้ออกมาทานข้าวนอกอย่างสำราญใจแท้ ๆ กายหนาหันกลับไปคว้ามือเล็กคนข้างกาย พาอีกฝ่ายขึ้นชั้นสามไปอย่างรวดเร็ว“ว๊าย! พี่มู่เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” ไฉฉือร้องทัดทาน มือบางรวบเก็บชุดส่วนบนไว้แน่น ยิ่งพี่มู่ของนางดึงแรงเพียงใด
“เป็นอะไรไปไฉฉือ” หนิงเซียนเอ่ยถามขึ้น เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินผิด ๆ ถูก ๆ“นายหญิงเจ้าคะ ให้ข้ากลับเถอะเจ้าค่ะ คนมองเต็มเลย สงสัยข้าน้อยแต่งตัวประหลาด” หญิงสาวกระซิบกระซาบเสียงเบา ตั้งแต่นางพาเข้าในโรงเตี๊ยม ก็ถูกผู้คนจับต้องตลอดทางเดิน ทำให้นางไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าใดนัก“เป็นเพราะเจ้างดงามพวกเขาจึงได้มอง ไปกันเถอะ ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่อยากเจอพี่มู่ของเจ้าหรือ”“พี่มู่อยู่ที่นี่หรือเจ้าคะ” เมื่อนายหญิงเอ่ยชื่อพี่ชายที่แสนดี หญิงสาวก็หูผึ่งขึ้นมาทันที หลงลืมความอายไปชั่วขณะ“ใช่แล้ว ไปกันเถอะ” มู่หลางจงจำไว้ที่เจ้าพูดว่าจะไม่แต่งงานน่ะ ข้าจำคำนั้นขึ้นใจเชียวละ หุ หุเพราะหลายครั้งที่นางได้ยินคำนี้ออกจากปากองครักษ์หนุ่ม หนิงเซียนก็เฝ้ารอวันที่มู่หลางจะพลาดพลั้งบ้าง ส่วนมากคนพูดเช่นนี้ก็มักจะไม่พ้นผิดไปจากที่พูดเสียทุกรายมู่หลางหายใจฟึดฟัดเมื่อเห็นอีกคนเดินเข้ามาด้านในโรงเตี๊ยม วันนี้ไม่รู้ว่าท่านอ๋องคิดอะไรอยู่ ถึงได้ออกมานั่งรอหวังเฟยที่โต๊ะด้านนอก แทนที่จะเปิดห้องพิเศษเหมือนทุกครั้งไป นั่นใครสั่งใครสอนให้แต่งกายประหลาดเช่นนั้น เดินทีกระโปรงเปิดเปลือยไปถึงขาอ่อน แต่งมายั่
“น้องสาวทางสายเลือดหรือไม่” ตรงส่วนนี้ที่นางรู้สึกสงสัย ก็ไหนมู่หลางเคยบอกว่าไม่มีครอบครัวแล้วอย่างไร เหตุใดถึงได้มีน้องสาวโผล่มาได้“ไม่ ๆ เจ้าค่ะ ข้าน้อยเป็นเพียงบุตรสาวคนข้างบ้านพี่มู่ แต่ว่าเติบโตมาด้วยกันจึงสนิทกันเจ้าค่ะ” หญิงสาวรีบชี้แจงให้นายหญิงคนงามเข้าใจ นางและพี่มู่ห่างกันตั้งหกปี แม้จะเคยสนิทสนมกันมาก ทว่าเมื่อโตขึ้นพี่มู่กลับเว้นระยะห่าง แม้แต่เคยเล่นกอดคอกันเมื่อตอนเด็ก ๆ เขายังสั่งห้ามมิให้เข้าใกล้ ซึ่งนางก็ไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าใดนัก“จริงหรือ แล้วเขาดูแลเจ้าดีหรือไม่” ที่หนิงเซียนซักถามเช่นนั้น ก็เพราะว่ามู่หลางเป็นคนค่อนข้างจะทึ่มทื่อปากหนักในเรื่องชายหญิง นางก็อยากจะรู้เขาจะมีความรู้สึกพิเศษอะไรกับไฉฉือหรือไม่ สตรีหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักออกปานนี้ ไม่มีความรู้สึกอันใดก็คงจะแปลกไม่น้อย“ดีมากเจ้าค่ะ มีอะไรก็นึกถึงข้ากับท่านแม่ตลอดเลย นี่ก็ห่วงว่าพี่มู่จะหาภรรยาไม่ได้ แก่ไปคงได้อยู่ตัวคนเดียว ท่านแม่จึงให้ข้ามาดูให้เห็นกับตาเจ้าค่ะ” ด้วยความใสซื่อ ไฉฉือจึงพูดออกมาอย่างไม่มีปิดบัง แต่เมื่อถึงตอนนั้น หากเขามีคนรักขึ้นมาจริง นางก็ไม่รู้ว่าตนเองจะทำใจรับได้หรือไม่ ที่ผ่านมาต
ไฉฉือสาวน้อยจากหมู่บ้านชนบทยืนชะเง้อคอยาวอยู่หน้าประตูวังอันใหญ่โต นางไม่คิดว่าพี่มู่จะอยู่ดีเกินคาดไปมาก เมื่อได้เห็นกับตาก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งที่ผ่านมานางและมารดากลัวว่าเขาจะอยู่อย่างยากลำบาก เงินที่แบ่งปันให้นางกับครอบครัวทุกเดือนก็มากโข แล้วไหนจะมีของฝากราคาแพงอีกมากมาย เพราะแบบนี้มารดาจึงไม่สบายใจ เกรงว่ามู่หลางจะเอาแต่ทำงานหนักไม่รู้จักดูแลตนเอง เงินที่ได้มาก็คงจะส่งให้พวกตนทั้งหมด ด้วยเขามีนิสัยคิดถึงผู้อื่นมากกว่าตนเองเสมอครอบครัวไฉฉือและมู่หลางไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดแต่อย่างใด เป็นเพียงเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันเท่านั้น ตอนเด็กนางและเขาสนิทกันมาก ในตอนมู่หลางอายุได้สิบหนาวบิดามารดาตายจากด้วยโรคระบาด ไม่มีญาติมิตรคอยดูแล มารดาไฉฉือสงสารจึงได้ส่งเสียเลี้ยงดูราวกับลูกในไส้ สำหรับสายตาของหญิงสาว มารดาออกจะรักมู่หลางมากกว่านางที่เป็นบุตรสาวแท้ ๆ เสียอีกเมื่อเติบโตต่างฝ่ายต่างแยกย้าย ไฉฉือเป็นเพียงสตรีจึงทำได้แค่ช่วยมารดาทำสวนทำไร่อยู่บ้านนอก ส่วนมู่หลางเขาได้เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหางานทำ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย มีเพียงจดหมายพร้อมกับตั๋วเงินแนบมาให้ในทุก ๆ เดื
เด็ก ๆ สามคน รวมไปถึงมู่หลางนั่งล้อมวงดื่มชากินขนมกันอยู่ศาลาพัก พร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน จวนแม่ทัพหยางให้ความเอ็นดูเด็กแฝดเป็นอย่างมาก ฮูหยินหยางอยากให้บุตรชายได้มีบุตรแบบนี้สักคู่ทว่าแต่งงานมาได้สองปีกลับยังไม่มีหลานให้อุ้ม พวกเขาจึงแก้เหงาด้วยการขอท่านหญิงน้อย ท่านอ๋องน้อย มาเล่นที่จวนแม่ทัพในบางครั้งขนมพร้อมกับน้ำชาแสนอร่อยถูกลำเลียงมาวางจนเต็มโต๊ะ ทำเอาเด็ก ๆ ทั้งสามตาลุกวาวอย่างถูกอกถูกใจ มาจวนแม่ทัพทีไรล้วนแล้วแต่มีของอร่อยให้ได้กินจนเต็มคราบแต่เมื่อกลับถึงวังของหวานเหล่านี้จะกินตามใจปากไม่ได้แล้ว เพราะท่านแม่มักจะจำกัดการกินของพวกเขาเสมอ ท่านแม่บอกว่าเด็กกินของหวานไม่ดี ฟันจะผุ ถูกแมลงตัวร้ายกินหมดปาก“เฮ้อ” เด็กหญิงเคี้ยวขนมแก้มตุ่ย นั่งถอนหายใจราวกับมีเรื่องให้หนักใจเป็นหนักหนา กระนั้นก็ยังยกขนมในมือขึ้นกัดเข้าไปอีกคำโต“ไม่สบายตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะท่านหญิง” หลี่หยุนรีบวางขนมในมือทันที พร้อมกับถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง“เราไม่เป็นไร เราแค่กังวลใจ”“ท่านหญิงกังวลใจเรื่องอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ เล่าให้กระหม่อมฟังได้หรือไม่” มู่หลางรู้สึกเป็นห่วง ท่านหญิงเป็นเด็กร่าเริง น้อยนักท
“หนิงหนิง พี่ทนไม่ไหวแล้ว”กายหนาจับภรรยาหันหน้าเข้าผนังห้องทันที ก่อนจะถลกกระโปรงหญิงสาวขึ้นถึงเอว จากนั้นท่อนเนื้ออันใหญ่โตสอดเข้าผสานเนินสาวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังออกแรงโยกไปตามอารมณ์ดิบเข้าออกเป็นจังหวะช้าเร็วตามแรงอารมณ์ ไม่แม้แต่จะเล้าโลมให้เสียเวลา“ท่านพี่เดี๋ยวก่อน” หนิงเซียนบัดนี้นางได้ถูกคนตัวโตตอกอัดตนเองเข้ากับผนังอย่างไม่ทันตั้งตัว นางและเขาใช้ชีวิตรักฉันสามีภรรยามานาน จนบุตรแฝดทั้งสองอายุได้สามหนาวแล้ว ทว่าความต้องการของสามีก็มิได้ลดน้อยลงจากเดิม ในบางครั้งออกจะมีความต้องการมากล้นเสียด้วยซ้ำตั้งแต่เจ้าสองแสบเริ่มโต นางและเขาก็มิได้มีเวลาให้กันมากเท่าใดนัก ด้วยบุตรทั้งสองต่างงอแงอ้อนขอนอนด้วยทุกค่ำคืน แม้พวกเขาจะโตมากพอที่จะแยกห้องนอนกันได้แล้ว แต่ก็ยังเกาะติดผู้เป็นมารดาราวกับลูกลิง บิดาผู้หลงบุตรมีหรือจะไม่ยอมตามใจ ผลกรรมทั้งหมดได้ตกมาอยู่ที่เขาแทน“พี่ขอเถอะ ประเดี๋ยวลูกก็คงกลับจากเรียนวิชาดาบแล้ว” เขาอดกินภรรยามาเกือบเจ็ดวันแล้ว เวลานี้ได้โอกาสเหมาะ จึงไม่พลาดที่จะกลืนกินภรรยาสาว ทุกเวลาล้วนมีค่าสำหรับเขา“อ๊ะ! แรงไปแล้วนะเจ้าคะ” หนิงเซียนหัวโยกหัวคลอน เขาไม่ยอมผ่อน