‘เย่! พี่คิระมาแล้วววว เย่ๆๆๆ พี่คิระมาแล้ววว’
หลังจากต่อปากต่อคำจนเฮียคินยอมอุ้มฉันเดินลงจากเรือ ก็มีเด็กๆกลุ่มหนึ่งที่ยืนรออยู่ไกลๆ กระโดดโลดเต้นดีใจ และร้องตะโกนพร้อมกับวิ่งเข้ามาหาเรากันใหญ่ “ไง” ฟุ้บ! เฮียคินเอ่ยปากทักเด็กๆด้วยน้ำเสียงใจดีและวางร่างฉันลง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงไปเพราะเด็กๆที่วิ่งเข้ามาตัวเล็กมาก และพยายามเงยหน้าและกระโดดๆขึ้นมาจะคุยกับเขาด้วยท่าทางตื่นเต้นที่ได้เจอจนฉันรู้สึกได้ ....แต่แอบรู้สึกผิดเลยแฮะ นี่ใช่มั้ยที่เขาบอกว่ามีคนรออยู่ แล้วฉันดันมัวแต่เล่นยื้อเวลาเอาไว้ - -* “พี่คิระ หนูท่อง ABC ได้แล้ว พี่จะฟังเลยมั้ย A…B…C…D…” “แต่หนูท่อง ก.ไก่ ได้ ก.ไก่...ข.ไข่...” “ส่วนหนูก็อ่านหนังสือ ป.2 แล้วด้วย แค่ยังมีบางอันที่ยาก อ่านไม่ค่อยเข้าใจ” “หึ...” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่แย่งกันพูดกับเขา ทำให้ฉันหลุดยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนี่ยน่ะหรอ คนที่ชอบบ่นว่าฉันพูดมากน่ะ เห็นตอนนี้เอาแต่ส่งยิ้มหวานๆให้เด็กๆ ไม่รู้จะสองมาตรฐานไปไหน “พี่คิระ แต่ว่ามีอยู่คนนึงที่ไม่ชอบอ่านหนังสือก็คือ ‘ลาซา’ ไม่รู้ว่าจะขี้เกียจไปถึงไหนค่ะ” เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งพูดขึ้นมา และชี้ไปที่เด็กผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ไกลๆ และค่อยๆก้าวขาเดินเข้ามาใกล้ “คนนี้เมียนายหรอ?” เอ๋? ถ้าให้ฉันเดา...นี่คงเป็นลาซาสินะ เด็กผู้ชายอายุประมาณ 7 ขวบที่เอาแต่จ้องฉันด้วยความสงสัย แต่ไม่ใช่เมียสักหน่อย ฉันชอบผู้ชายไม่ได้ชอบเจ่เจ้นะ เจ้าหนูลาซาคงเข้าใจผิดไปอ่ะ ฮ่ะๆ “อ้าว ทำไมเรียกว่านาย ไม่เรียกว่าพี่คิระแบบพวกเรา -3-” “ก็อยากเรียกนายแบบพวกนั้น แล้วจะมายุ่งอะไรเล่า” พอได้ยินสรรพนามที่เรียกเฮียแตกต่างจากคนอื่น เด็กผู้หญิงคนเดิมก็แย้งขึ้นมา ลาซาเลยชี้ไปที่กลุ่มคนชุดดำที่มากับเฮียแล้วส่งเสียงดุเธอออกไป “ก็ใช่ U_U” ฟุ้บ! “นี่ เราเป็นผู้ชายอย่าไปเสียงแข็งใส่สาวน้อยแบบนั้นสิจ๊ะ แล้วทำไมลาซาไม่อ่านหนังสือล่ะ อ่านไม่เข้าใจหรือว่า...” “เมียนายชื่ออะไร?” ฉันค่อยๆนั่งลงและบอกกับลาซาที่ทำเด็กผู้หญิงหน้าเจื่อนไปเลย แต่ก็โดนลาซาจ้องกลับมาจริงจังอย่างกับกำลังสัมภาษณ์กันอย่างตั้งใจ “เอ่อ ที่จริงพี่ไม่ชะ....” “บอกหน่อยเมียนายชื่ออะไร เอาชื่อจริ....” “ชื่อเล่นก็พอ ...ลิซ่า” แล้วยังไม่ทันที่ฉันจะตอบ เฮียคินก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนจะจ้องไปที่ลาซาแบบ... เหมือนมีอะไร แต่ก็ดูไม่มีอะไร งงมั้ย - -* “อืม (- -)(_ _) นายหญิงลิซ่า ถึงไม่ชอบอ่านหนังสือแต่ผมอ่านเข้าใจ” “....ครับ” ครั้งนี้เฮียคินส่งเสียงเข้มขึ้นมานิดหน่อย แล้วลาซาก็ดูกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดประโยคเมื่อกี๊ออกมาใหม่ “แต่ผมอ่านเข้าใจ....ครับ” ซึ่งไม่ทันไรเด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนจะเป็นคู่ปรับลาซาก็แย้งขึ้นมาอีกซะได้ “โกหก! ลาซาไม่เคยอ่านหนังสือเลย จะเข้าใจได้ยังไง >[]<” “ยุ่ง! แล้วจะมายุ่งอะไรอยู่ได้!” หมับ! “พี่คิระ ลาซาชอบว่า” พอโดนลาซาตะคอกใส่ สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มก็โดดไปเกาะแขนเฮียคิน จนเฮียทำหน้าดุๆ แล้วจ้องที่ทั้งสองคน “ห้ามทะเลาะกัน เคยบอกไปแล้วไง” “พี่คิระขา ลาซาว่าหนูทุกวันจนหนูน้อยใจ T^T” ฮ่ะๆ ทำไมเหมือนฉันเห็นตัวเองเวลาอ้อนเฮียเลยอ่ะ เนี่ย มันบอกแบบนี้ จริตผู้หญิงเรา ต้องเอาแก้มถูไถเข้าไป คิกๆๆๆ “ขี้ฟ้อง ขอโทษก็ได้ นาย...ดูนี่ให้หน่อยได้มั้ย อันนี้คืออะไร” พรึ่บ! พูดจบลาซาก็ยื่นสมุดเล่มนึงมาตรงหน้าเรา มันเป็นภาพวาดยึกยืออะไรสักอย่าง เฮียคินก็เงียบและมอง แต่ไม่ยอมตอบแถมยังสงสายตาให้ลาซาเหมือนกำลังทวงอะไร... “…..” “คืออะไร...ครับ -_- ทำไมต้องบังคับซาอยู่ได้” อ้อ... เพราะลาซาถามแบบไม่มีหางเสียงไง พอพูดเพราะเฮียถึงยอมตอบ “คอมพิวเตอร์” “คอม...อะไรนะนาย ในเมืองขายแพงมั้ย คะ...ครับ -_-” “ฮ่ะๆ พูดเพราะเชียวนะ :P” ระหว่างที่ลาซาทำหน้าเซ็งๆ สาวน้อยที่กอดแขนเฮียก็พูดจาล้อเลียนจนฉันยังหลุดขำ ส่วนเฮีย... “อยากได้?” “(- -)(_ _) แต่ไม่ขอนายหรอก จะเก็บเงินแล้วฝากนายซื้อมาให้...ครับ เฮ่อ! ไม่พูดคำนี้แล้วได้มั้ย - -*” “ตัวแค่นี้เอาคอมฯมาทำไร” นั่นสินะ ดูๆแล้วเกาะนี้ก็ไม่น่าจะมีสัญญาณมือถือเลยแฮะ ไม่ต้องถามถึงสาย LAN ไว้เล่น Internet หรือ WIFI “ดูจากทีวีเค้าบอกว่าในนี้มีดาวเยอะเลยนะนาย…ครับ” “นะครับนายจ้ะลาซา” ฉันแก้คำพูดลาซาออกไป แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปรับสมุดของลาซามาดู และเห็นว่าแทบทุกหน้าในสมุดเต็มไปด้วยรูปวาดเยอะแยะ อู้หูววว....วาดสวยกว่าฉันไปอีก อายเด็กอ่ะ ขอญาตมุดหน้าเข้าไปแอบในรูปู แต่เอ๊ะรู้สึกจะมีหนังสือซ้อนสมุดอยู่อีกเล่มนี่ “ขอโทษครับนายหญิง เดี๋ยวนี้ตรงนั้นมีดาวสิงโตด้วยนะนาย มีตั้งหลายวันแล้ว แบบนี้เปี๊ยบเลย คืนนี้นายจะนอนนี่มั้ย” พูดไป ลาซาก็ค่อยๆดึงหนังสือที่ซ้อนอยู่ด้านล่างในมือฉันออกไป และเปิดมันก่อนจะชี้ให้เฮียคินมองภาพกลุ่มดาวในนั้น สลับกับชี้ไปบนท้องฟ้าระบุตำแหน่งที่ว่า แถวโขดหินสูงๆที่เหมือนหน้าผาข้างบนนั่น “อืม ไว้คืนนี้มาดู แดดแรงเข้าไปข้างในกัน” หมับ! พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้น มือข้างนึงของเฮียคินถูกเกาะไว้โดยเด็กคนนั้น ส่วนมืออีกข้าง เขาเอื้อมมันมาจับมือฉัน “แล้วนายหญิงจะมาดูกับเรามั้ย” “ก็ลองถาม” เอ๋.... หมายถึงถามฉันอ่ะหรอ? “นายหญิง...ครับ รู้จักมั้ยดาวสิงโต นายหญิงเกิดเดือนไหน” ลาซาเขย่งแล้วโบกหนังสือไปมาด้วยท่าทางดีใจ “หืม...พี่หรอ เดือนกันยายนจ้ะ” “กันยายน เดือน 9... สิงหาเดือน 8... แล้วนายหญิงเกิดวันที่เท่าไหร่” “3 จ้ะ” พอฉันตอบไป ลาซาก็หยุดคิดนิดหน่อย ก่อนจะเปิดหนังสือหาอะไรบางอย่างจนวุ่นวาย “ราศีสิงห์ / ราศีสิงห์” แล้วทั้งลาซาและเฮียคินก็พูดออกมาพร้อมกัน ฉันเองก็พยักหน้าให้ “ใช่จ้ะ รู้เรื่องราศีด้วยหรอเนี่ย ลาซานี่เก่งจริงๆ” “งั้นก็พอดีเลย ดาวสิงโตเป็นดาวประจำราศีสิงห์นะนายหญิง! ….ครับ นายอย่ามาจ้องกันนักสิ -_-” พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นได้ไม่เท่าไหร่ เลเวลเสียงลาซาก็แผ่วลงแถมยังหันไปบ่นเฮียคินอุบอิบ แต่เอ๊....? พูดจริงหรอเนี่ย “ดาวประจำราศีสิงห์?” “ใช่! ...ครับ นี่ไงหนังสือเล่มนี้นายซื้อมาให้ คืนนี้มาดูดาวราศีนายหญิงกันมั้ย? แต่ดูตอนค่ำๆนะ ถ้านายหญิงมาเดี๋ยวซาเอาน้ำมะพร้าวมาให้” ยิ่งรู้ว่าเป็นดาวประจำราศีของฉัน ก็ดูเหมือนลาซาจะยิ่งกระตือรือร้นเข้าไปใหญ่ ก็นะ... “ได้อยู่แล้ว งั้นเกี่ยวก้อยสัญญาเลย โอเคมั้ย?” พูดจบฉันก็ยื่นนิ้วก้อยออกไป แต่พอเห็นแบบนั้นลาซาก็รีบเอามือไขว้หลังและตอบกลับมาเสียงแข็ง “ไม่ได้!” “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะ?” แล้วลาซาก็เหลือบมองไปหาเฮียคิน ก่อนจะกระดึ๊บๆเข้ามาใกล้ฉันสองก้าวก่อนจะตอบกลับมา “ก็เป็นผู้ชายห้ามฉวยโอกาสกับผู้หญิงนะ นายสอนไว้” “เอ๋....” นี่คือเจ่เจ้สอนให้เด็กน้อยหวงตัวหรอ บ้า น้องเค้าเป็นผู้ชายนะ จะเอาตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ “ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงของนายต้องหวงมากแน่ นายหญิงเป็นเมียนายห้ามหว่านเสน่ห์ เดี๋ยวนายก็ฆ่าตายหรอก ไม่กลัวรึไง” ระหว่างที่ฉันแอบคิดและขำคนเดียวในใจ ลาซาก็ส่งเสียงซุบซิบมา มะ...เมียหรอ? “เดี๋ยวลาซา ไม่ชะ....” “จะซุบซิบกันอีกนานมั้ย -_-” แต่ยังไม่ทันได้แก้ตัว เฮียที่ยืนรอพวกฉันคุยกันกลางแดดก็ส่งเสียงดุออกมา ลาซาเลยถอยออกไป “นั่นสิ ร้อนแล้วนะซา ไปเข้าร่มกันมั้ย -3-” สาวน้อยที่เกาะแขนเฮียหยีตาสู้แสงแดด แล้วลาซาก็พยักหน้าให้ “ก็ได้ ไม่คุยแล้ว งั้นเจอกันตอนดึกที่เดิมนะนาย...ครับ -_-” “อืม แล้วไม่ต้องก่อกองไฟไว้ เดี๋ยวมาก่อให้” “ไม่อ่ะ ซาก่อเป็นแล้ว นายเคยสอนไง ไปนะนาย...ครับ ไม่ชอบพูดครับเลยนะเนี่ย ยากจะตาย” แล้วลาซาก็เดินนำสาวน้อยคนนั้นไป ทิ้งให้ฉันยืนยิ้มแบบฟินๆคนเดียว ก็แหม... เคยดูในการ์ตูนญี่ปุ่นนะเนี่ย สองคนนั้นเป็นเพื่อนสนิทกันตอนเด็ก แต่โตมาอาจเป็นคนรักกันก็ได้ อิ๊อิ๊ >////< “ยิ้มไร?” แล้วภาพริมหาดที่มีหัวใจสีชมพูปิ๊งปั๊งลอยล่องของฉันก็หายไปซะงั้น เพราะเฮียคินดันส่งเสียงเข้มขัดจินตนาการออกมาซะได้ “ก็...ใจดีจังนะคะ เด็กๆพวกนั้นส่งยิ้มให้เฮียกันใหญ่ ^_^” เชอะ! อันที่จริงหนูก็แกล้งพูดไปเฉยๆแหละน่า “ไหนล่ะ คุณครูจะไปสอนหนังสือ?” “ก็ไปสิคะ....” จ๊อกกก... เย้ยยย นี่ฉันกำลังจะก้าวขาแล้วเนี่ย แต่ท้องดันร้องขึ้นมา “เอ่อคือว่า แหะๆ ไปสอนแน่แต่ว่าหนูหิวค่ะ ก่อนอื่นเราน่าจะไปหาอะไรกินกันอ่ะ =_=^” แล้วเฮียก็ส่ายหัวออกมาพร้อมกับคำพูดตำหนิฉัน เชอะ! “ไร้ประโยชน์แถมยังเป็นภาระ” “อ๊ะๆ ทำไมมาหาเรื่องว่าหนูซะได้อ่ะ -3-” พรึ่บ! แต่แปลกที่ครั้งนี้เค้าไม่คิดจะต่อปากต่อคำ แล้วทิศทางที่ตอนแรกเฮียคินจะมุ่งหน้าไปที่มุมหนังสือ ก็ถูกเปลี่ยนให้หันหน้าไปที่โซนอาหาร ก่อนจะพาฉันเดินตรงเข้าไปซึ่งมันค่อนข้างไกล เห็นลางๆว่าพี่สาวใจร้ายกับคุณป้าคนนั้นกำลังวิ่งวุ่นช่วยกันเตรียมอาหารกันใหญ่ “อยู่ให้ห่างยัยนั่นเอาไว้” อยู่ๆ เฮียคินก็พูดขึ้นมา และจ้องไปที่เธอคนนั้นก่อนจะหันมาหาฉันซึ่งก็... “เฮียก็ให้ห่างทุกคนแหละค่ะยกเว้นตัวเอง ทั้งที่ความจริงตัวเองนั่นแหละน่ากลัวกว่าใคร” กร้ากกกกก... สุดยอดไปเลย เจอสกิลแย๊บๆฮุค เถียงคำไม่ตกฟากของฉันเข้าไป เล่นเอาเหวอล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ “อ๋อหรอ จะดูมั้ยดาว?” เย้ยยยย... “ดูสิคะ ดูๆ นั่นดาวประจำราศีหนูไม่ดูได้ไง -3-” เห๊อะ! น่าเบื่อจริงๆตาลุงนี่ คงจะรู้สินะว่าฉันคิดจะขอพรจากดาวดวงนี้ เพราะฉันอินเรื่องราศีเกิดมากกว่าใคร “หน้าตาอย่างนี้จะทำดาวหมองหมดมั้ย?” “เอ๊...อย่ามายอกย้อนกันด้วยคำพูดคนอื่นเค้านะ หน้าตาแบบหนูมันทำไม >[]<” โอ้โห พอตัวเองถือไพ่เหนือกว่านี่โชว์พาวเลยจ้า แต่ copy คำพูดคนอื่นเค้าเป็นฝ่ายเดียวมั้ง ขอยอกย้อนด้วยคำเฮียบ้างจะว่าไง “ที่นี่ไม่เห็นดาวพุธกับดาวเสาร์ที่คลั่งไคล้หรอกนะ ถ้าคาดหวังก็คิดใหม่” “แหมๆ ก็รู้อยู่แล้วแหละค่ะ หนูอยู่บนเกาะนี่นา ไม่ได้อยู่บนกาแล็คซี่ถึงจะเห็นดาวพวกนั้นได้ ก็แค่อยากเห็นว่าดาวสิงโตหน้าตาเป็นไง -3-” “3 กันยา วันเสาร์... พ.ศ.อะไร?” แล้วจังหวะที่ฉันค่อยๆเดินบนหาดทรายจะเข้าไปที่โซนอาหารซึ่งก็เริ่มใกล้เข้ามา เฮียคินก็ถามใหม่ แต่... “เรื่องไรหนูจะบอก” โฮ่ะๆๆๆ เราไม่พลาดหรอกพ่อหนุ่ม วันเดือนปีเกิดกับของรักของหวงเค้าเอาไปเล่นของใส่กันได้ หนูก็ต้องเซฟตัวเองเอาไว้ “ตามใจ แต่บ้านที่มี Dream Catcher เยอะๆหลังสุดท้ายในป่า...” “ทำไม?” เพราะเฮียคินพูดออกมาแล้วไม่ยอมพูดต่อ ฉันเลยยื่นหน้าเข้าไปถามด้วยความสงสัย เฮียเองก็ทำเป็นหันไปชมนกชมไม้ “...แม่หมอประจำเกาะ เค้าว่าแม่นขนาดเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้” หาา O[]O! วะ...ว่าไงนะ แม่หมอ?! แม่หมออะไรเอ๊าะๆนะ พรึ่บ! แล้วพอพูดจบเฮียคินก็ปล่อยมือฉัน แถมทำท่าจะเดินหนีไป แต่เรื่องไรจะยอม มาทำให้เค้าหูผึ่งแล้วจะจากไปอ่ะ หมับ! “เดี๋ยว ยังไงซิคะ เฮียพูดจริงหรอ เค้าอยู่ไหน??? ไหนอ่ะ ทางเข้าป่าไปทางไหนเฮียพาหนูไปหน่อยได้มั้....” “ไม่! ….งมงาย” ง่าาา โอ้วม่ายยยย ทั้งที่อุตส่าห์จับมือและตั้งคำถามออกไปแบบตื่นเต้นที่สุดอย่าบอกใคร เฮียก็สะบัดมือและเดินหนี ทำให้ฉันยกมือขึ้นกุมขมับแล้วหันซ้ายหันขวา พยายามเพ่งกระแสจิตควานหาบ้านหลังสุดท้ายในป่าใหญ่ให้ได้ โอ้โหววว นี่เรื่องใหญ่นะเนี่ย มีคนที่มองเห็นอนาคตอยู่ใกล้ฉันแค่เอื้อมมือแบบนี้ มิน่าล่ะ! มิน่าล่ะทำไมเกาะนี้ถึงมาปลีกวิเวกอยู่แสนไกล ก็เพราะมีผู้วิเศษลงมาจุติ เลยต้องซ่อนตัวให้มิดชิดดดดด >[]< “เชอะ! งั้นหนูไปหาเองก็ได้” พูดจบฉันก็หันหลังให้เฮียคินที่เดินลิ่วๆหนีไป และเดินย้อนกลับไปคนละทางกับเขา ใช่แล้วล่ะ... นี่คงเป็นโชคชะตาสินะ ฟ้ากำลังวัดใจฉันให้ตามหาให้เจอ ...คนที่จะสามารถบอกถึงอนาคตต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าของเรา หมับ! แล้วทั้งที่เดินไปไกลขนาดนั้นแล้วอ่ะ อีตาลุงงี่เง่าก็ยังเดินกลับมาดึงแขนฉันที่แยกทางเดินกันแล้ว ให้เดินย้อนไปกลับไปทางเดียวกับเขา โอ่ยยยย จะมาวุ่นวายอะไรอีกเล่า! “ถ้าไม่ดื้อ ก่อนกลับจะพาไป” “เอ้า แล้วที่ผ่านมาหนูดื้อตรงไหนเล่า!” เนี่ย! เหมือนโดนตบหัวแล้วลูบหลัง เหมือนตาลุงนี่มาหลอกให้อยากแล้วมาลากฉันเดินไปกับเขา -3- “ก็ดื้อทุกตรง ไม่รู้ตัวเลยไง๊ เชื่อฟังก็แต่เรื่องงมงาย” “โอ๊ย! คำก็งมงาย สองคำก็งมงาย แบบนี้หนูจะสมหวังกับรุ่นพี่เตโชตอนไหน >[]<!” ใช่ อนาคตเรื่องเดียวที่อยากรู้คือเรื่องนี้เลยเนี่ยปัดโธ่! แล้วพอฉันตะโกนออกไป เฮียคินก็ชะงักฝีเท้าทันที ก่อนจะหันขวับมาหาฉันที่กำลังตั้งท่าจะโวยวายใหม่ กึก! “……” แต่...รู้สึกจะไม่ใช่แค่เฮียคินแฮะ เพราะมันเกิดขึ้นอีกแล้วน่ะสิ ท่าทางเหมือนมีใครมาหยุดเวลาทุกคนบนเกาะนี้เอาไว้ แล้วทำไม...ทำไมทุกคนที่นี่ถึงมองเราด้วยสายหน้าน่ากลัวแบบนั้นอ่ะ ฮะ...เฮียคินก็เหมือนกัน หมับ! “โอ๊ย!” “อย่ามาพูดชื่อไอ้เวรนั่นที่นี่ ถ้าไม่อยากตะ...!” “คุณคิระ คุณลิซ่า! ทานข้าวกันค่ะ” แล้วทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก เฮียคินกระชากแขนฉันเข้าไปเต็มแรงแล้วโพล่งออกมาจนฉันร้องออกไปเสียงดัง แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงของคุณป้าตะโกนขึ้นมาขัดเอาไว้ด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังไม่ต่างกันหลายชั่วโมงต่อมา..."กลับมาแล้วค่าาา U_U"ฉันยื่นซองเอกสารที่ใส่ทะเบียนสมรสเป็นหลักฐานให้เฮียติณณ์ดู แล้วก็เพิ่งสังเกตว่าในนี้มีทั้ง Nightshade และ Nightshade's Lady นั่งอยู่"เอ้าโรส! แล้วก็พวกเฮียๆด้วยนี่นา สวัสดีค่าทุกคน~ ^_^""ไง ได้ข่าวว่าไม่โสดแล้วหรอ ใช่ม้า~"โรสเอ่ยปากแซวฉันก็หันไปยิ้มกับเฮียโย แต่ไม่ได้การละ เฮียๆอยู่ที่นี่ทั้งที"หึ๊ยยย ฟ้องเฮียดีกว่า เฮียขะ...."กึก...แล้วพอก้าวขาจะไปโผล่ตรงกลางระหว่างเฮียโยกับเฮียพาย อยู่ๆขาฉันก็ชะงักไปเพราะสายตาผู้หญิงของเฮียพายที่มองมาพอดี"เอ่อคือ...""ขอโทษนะ...ลิซ ที่วันนั้นเข้าใจผิด"เอ๋??? รุ่นพี่เป็นฝ่ายขอโทษฉันงั้นหรอ เรื่องจริงหรอเนี่ย ฉันเลยหันไปมองหน้าเฮียพายสลับกับเฮียคิน นี่อย่าบอกนะว่ามีใครไปทำอะไรมาเนี่ย"อ๋อ เอ่อคือ...ไม่เป็นไรเลยค่ะเจ๊...นิลลา แหะๆ""ว่า?"จังหวะที่ฉันหันไปยิ้มแห้งๆ เฮียพายก็ถามมา โอ๊ะเกือบลืมแหนะฟุ้บ!"คือว่าเฮียขาาา~ อะแฮ่ม ลิซขอแทรกหน่อยน้า เฮียขา เฮียคินบังคับให้หนูไปจดทะเบียน โดยมีเฮียติณณ์! เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดค่าา... อะแฮ่มอีกที! เฮียช่วยกระทืบใครสักคนให้หน่อยได้มั้ยคะ หนูปวดร้าวหัวใจมากที่เค้ามาป
วันต่อมา..."ไม่สนค่ะ! ถ้าไม่ใช่รูปนกฟีนิกซ์ หนูจะไม่ยอมประทับตราเด็ดขาด >[]ฉันตะโกนออกไปแบบแน่วแน่สุดๆไปเลย ก็มีอย่างที่ไหนอ่ะ ตื่นเช้ามายังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟัน เฮียคินก็มาขู่ให้คนอื่นเค้าเอาดาบไขว้มาประทับไว้บนตัว และให้เหตุผลว่าการประทับตราเป็นการบ่งบอกว่าเราคือ Dark Shadow แต่โหย! ตั้งมีดดาบเชียวนะ เกิดมันมีชีวิตแล้วแทงเข้าไปในเนื้อหนังอันละเอียดอ่อนของฉันจะว่าไงอ่ะ =[]="Dark Shadow ต้องประทับตราเดียวกัน -_-""ก็หนูไม่อยากเป็....""ถ้าพูดมันออกมาอีกครั้ง..."เสียงเข้มกับสายตาดุๆถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะยอมอ่อนลงนิดนึง เชอะ! "อะไรคะ ที่จริงหมายถึงไม่อยากให้ตราประทับเป็นรูปมีดดาบต่างหากล่ะ -3-""เลือกตำแหน่งที่อยากประทับไว้เลย"พรึ่บ!พูดจบเฮียคินก็ลุกขึ้นจากเตียงเฉย เดี๊ยะๆ ทำเป็นมาสั่งเนาะ"ไม่! หนูไม่เลือก ไม่สนใจ ไม่ประทับตราแน่ๆจะบอกให้"ฟุ้บ!ฉันทิ้งตัวนอนแล้วดึงผ้าห่มคลุมโปงไปเลย ก็ไม่อยากได้มีดดาบ ไม่ชอบอ่ะมันคม กลัวมันแทงเข้าไปควักไส้ หยึ๋ยยยย =[]=! ซาหยองจาตายยย"จะดื้อจนนาทีสุดท้ายเลยรึไง""ไม่ดื้อ! หนูไม่ได้ดื้อ หนูแค่ไม่ชอบ...""อาบน้ำแต่งตัว เช้าบินไปจดทะเบียน
"แย่จริงๆ คุณเปิดตัวอลังการขนาดนี้ ลูกหลานได้หัวใจวายกันพอดี :)""ท่านย่า""ท่านแม่"กึก!สิ้นสุดคำพูดของท่านปู่ เฮียคินที่ยืนอึ้งก็พูดออกมาเสียงสั่น เขาก้าวขาจะเดินตรงเข้าไปหาท่านย่าเช่นเดียวกับเจ๊เฟรย์ที่น้ำตาคลอขึ้นมาแบบฉับพลัน แต่ทั้งเฮียและเจ๊ก็ต้องชะงัก คงเพราะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังประคองร่างเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่อาการสาหัส ท่านย่าเลยหันมองทั้งคู่ และเงยหน้ามองรุ่นพี่เตโชที่สีหน้าเขาเองก็ทึ่งไม่จากพี่น้องคนอื่นเลยสักนิดกึก...กึก...กึก...ไม่รอให้ใครพูดอะไร ท่านย่าปรับสีหน้าให้ดูนิ่งเรียบ ก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮียแม็คและรุ่นพี่เลโอที่ถูกประคองเอาไว้ เฮียแม็คพอเห็นแบบนั้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีขยับตัวให้หลุดจากการประคอง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งคุกเข่าก้มหัวต่อหน้าท่านย่า และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก"ผมขอโทษครับท่าน ขอโทษ...สำหรับทุกเรื่องครับ"ภาพตรงหน้าทำให้ฉันหันมองเจ๊เฟรย์ที่ยืนนิ่งทันทีที่ได้ฟัง ท่านย่าเองก็มองไปที่เธอ และค่อยๆยกฝ่ามือขึ้นวางบนบ่าเฮียแม็คที่ยังอยู่ในชุดเจ้าบ่าวที่ตนเองเป็นคนออกแบบ ก่อนจะตบบ่าเขาเบาๆ และพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
วันทดสอบหัวใจของรักษาการ...“โอเคมั้ย?”เฮียแม็คในชุดแปลกตาที่นั่งตรงข้ามกันพูดกับฉัน คงเพราะฉันเริ่มจะเลิ่กลั่ก ก็นี่มันเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ฉันเลยส่ายหัวออกไปอย่างไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน“ใจเย็นๆลิซ"“หนูอาจไม่ใช่หนึ่งสตรีที่เค้าตามหากันก็ได้”นั่นสินะ... อย่าว่าแต่การเป็นหนึ่งสตรีเลย คนที่ร่ำลือว่าเป็นเนื้อคู่ตอนนี้ ฉันเห็นเขาแค่แว๊บเดียวเมื่อเช้าที่ห้องแต่งตัว แล้วเฮียคินก็เดินหนีหายไปไหนไม่รู้ มีแค่คำสั่งที่กำชับพี่ไคยะเอาไว้ว่าให้ฉันอยู่แต่ในห้องนี้“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับการเป็นหนึ่งสตรีตรงไหน”เฮียแม็คทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ มือก็เอื้อมมาหยิบสมุดโน้ตฉันไปเปิดดูสิ่งที่ฉันพอจะนึกอะไรได้แล้วโน้ตเพิ่มลงไป“เกี่ยวสิคะ ก็แค่ทดสอบยังทำไม่ได้ แถมหนูตะคอกใส่เฮียคินกับท่านปู่เสียงดังมากด้วย กับเฮียคินน่ะ...เราคุยกันน้อยลงมาก ช่วงวันสองวันนี้ U_U"“ไอ้คินมันยุ่งๆ อย่าคิดมาก ส่วนเรื่องในห้องประชุม คนเรามันก็ตกใจกันได้”“...เฮียแม็ค”“?”ฉันส่งเสียงเรียกคนตรงหน้าออกไปเสียงอ่อน เขาก็แค่เลิกคิ้วขึ้นนิดนึง แล้วก็นะ มันดูอ่อนแอมากเลยที่จะต้องพูดว่า...“หนูอยากกลับบ้านค่ะ"แล้วแค่นั้นเฮีย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...- ห้องทำงานคิระ -แกร๊กๆๆๆ“จิ๊!”“อย่าเครียดนักสิ”“มันอีกแค่นิดเดียวเองค่ะ เหมือน XVII ตั้งใจปั่นประสาทหนูน่าดู ย้ายโลเคชั่นทุกครั้งที่ออนไลน์เลยมั้ง โรคจิต!”“.......”ฉันตอบกลับเฮียคินทั้งที่มือยังคาอยู่บนคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊คแบบนี้ แล้วเพราะโดนเฮียเงียบใส่นี่แหละ เลยทำให้ฉันหยิบมีดสั้นเล่มนึงใกล้ๆมือปาออกไปที่เป้าข้างหลังเขาแบบหงุดหงิดฉึก!หึ...มันดูแปลกใช่มั้ยล่ะ ที่มีเป้านิ่งให้ระบายอารมณ์ได้เต็มที่ แต่เป้านี้ยังถือเป็นอะไรที่เบสิคมากเลย เพราะในห้องเฮียคินไม่เหมือนห้องเจ๊เฟรย์เลยสักนิด เขาเอาอาวุธเยอะแยะมาวางเรียงเป็นของตกแต่งเหมือนที่ชอบเอาปืนซ่อนไว้ในทุกอาณาเขตของคอนโดไม่มีผิด“ยังปาแม่นเหมือนเดิมนี่ หนึ่งสตรี”“เฮียแม็ค~”เสียงที่คุ้นหูทำให้ฉันละสายตาจากเป้ามองคนที่เดินเข้ามาในห้องทันที แล้วเฮียคินนี่ออกตัวดุมาเชียว“ดีใจกว่าเจอหน้าผัวอีก -.-”ชิชะ! ไม่ต้องเลยนะ ทำมาเป็นพูดดี“เฮียแม็คไปไหนมาคะเนี่ย ไม่เจอตั้งหลายวันอ่ะ”“มันไล่”“อ้าว จับได้แล้วเจ้าตัวดี -3-”พอฟังเฮียแม็คตอบมา ฉันก็ส่งสายตาฟาดฟันไปให้เฮีย เขาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ที่จริงเฮียคินก็บอกฉันแล้วล
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...“ลิซ...จะไม่พูดไรหน่อยเลยหรอ?”นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันนั่งฟังความจริงว่าพวกเขาเป็นใคร? Dark Shadow คืออะไร? จากปากเฮียคินและเจ๊เฟรย์ ซึ่งพี่เคนชินและพี่ไคยะเองก็อยู่ที่นี่และทุกคนกำลังจ้องมาแต่เฮียคินกับเจ๊ก็พูดไม่หมด ทั้งสองคนพูดถึงการทำความผิดของสภาก็จริง แต่ก็ไม่ได้พูดถึงวิธีน่ากลัวที่ใช้จัดการกับสภาไปแล้ว น้่นก็คือความโหดร้ายที่เฮียคินกับรุ่นพี่เตโชทำ ซึ่งอย่างที่รู้กัน ฉันเห็นภาพเหตุการณ์ตอนพิพากษาพวกนั้นเมื่อกี๊ ถึงจะไม่มีช่วงที่รุนแรงเลือดสาดมันก็พอจะรู้อยู่ดีและที่เล่ามามันก็มีเรื่องใหม่ๆที่ฉันไม่ได้รู้ลึกอย่างความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาของเฮียคินกับรุ่นพี่ แต่บอกตามตรงนะฉันก็ยังแอบโกรธรุ่นพี่เตโชอยู่ดี แล้วก็กำลังสนใจเรื่อง XVII มากกว่าด้วยตอนนี้“หนูเข้าใจทุกอย่างเลยค่ะ”ฉันเลือกจะตอบคำถามท่ามกลางความเงียบในห้องแบบขอไปที เฮียคินพอเห็นฉันนิ่งก็มองมาและทำท่าจะพูดอะไร ฉันเลยชิงพูดไปก่อน“เจ๊คะ หนูขอยืมได้มั้ย โน้ตบุ๊คเครื่องนี้”ได้ฟังแบบนั้นเจ๊เฟรย์ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังหันไปพยักหน้าให้พี่เคนชินหยิบมันมาทันทีและพอได้มา สิ่งแรกที่ฉันอยากจะมั่นใจก่อน คือ X