หลายชั่วโมงต่อมา...
MAKAWYN P. / AKIRA P. UNLOCK ROOM # 7 ฉันยืนมองตารางการใช้ห้องซ้อมของเฮียแม็คและคิระตอนนี้อย่างชั่งใจ เรื่องบนเครื่องที่มีปากเสียงกับเฮียแม็คนิดหน่อย ฉันไม่ได้ติดใจอะไรหรอก กลับกัน...ฉันกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เฮียแม็คเตือนสติ มันดูมีค่าขึ้นมาแล้วล่ะ เพราะเมื่อเลือกจะทำผิดกฎหมาย ท่านเซนจิและเฮย์โซ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็ถือว่าละเมิดกฎของ Dark Shadow เต็มๆเลยไง ฉันเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องซ้อมและลังเลที่จะเปิดเข้าไป จะว่าไป...คิระเองก็อยู่ในนี้ นี่ฉันควรบอกพวกเขาดีมั้ย? กับคิระ...ถึงแม้ตัวจะอยู่ที่นี่ แต่โดยภาคบังคับแล้ว หมอนี่อยู่สังกัดผู้นำและย้ายออกไม่ได้ ก็ถือว่าไม่มีความเกี่ยวข้องร้อยเปอร์เซ็นต์กับสังกัดสภากฎ หรือจะให้พูดกันง่ายๆ คิระเลือกสังกัดเองไม่ได้ ในขณะที่ทุกคนใน Dark Shadow จำเป็นต้องซ้อมอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อประทับตราเป็นเมมเบอร์อย่างสมบูรณ์แบบในสังกัดที่ตัวเองอยากอยู่ไง และข้อดีของการบอกไป คือถ้าคิระรู้ตัวว่ากำลังจะเจอกับอะไร สังกัดผู้นำก็มีกำลังคนพร้อมช่วยเหลือมากมาย แต่ถ้าบอกเฮียแม็คให้รับรู้ด้วยก็เท่ากับดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วถ้าเหตุการณ์มันเลวร้าย เขา...ก็อาจได้รับอันตราย แต่แค่เจ็บตัวมันไม่เท่าไหร่ ที่ห่วงคือเขา...จะเสียใจรึเปล่านะ จะหมดศรัทธาที่มีในตอนนี้มั้ย เพราะเหตุผลหลักที่เฮียแม็คฝึกอย่างหนักในวันนี้ คือเขาคาดหวังว่าหลังจากการทดสอบในปีหน้า เขาจะเลือกยืนหยัดในสังกัดสภา ไม่ได้ตามไปอยู่สังกัดผู้นำกับคิระ เฮียแม็คตั้งใจมากๆว่าจะเป็นผู้รักษาความถูกต้องของ Dark Shadow ให้ได้... ติ๊ด! ครืดดดด จังหวะที่ฉันหยุดคิด ใครบางคนก็กดเปิดประตูจากด้านใน ทำให้ฉันที่คิดหนักเงยหน้าไปมอง และเห็นว่าเป็นคิระที่ฉันเลือกจะบอกหมอนี่ตอนนี้แบบไม่ให้เฮียแม็คต้องมาเกี่ยวข้องด้วยก็ได้ “คิระ...” “ไอ้คิน!” กึก... ฝีเท้าของคิระที่กำลังจะเดินผ่านฉันไปหยุดชะงักเพราะเสียงเรียกของเฮียแม็คจากข้างใน ก่อนที่เฮียแม็คจะเดินเอามือถือที่หมอนี่ลืมไว้มาให้ แล้วคิระก็หันมาหาฉัน “มะ...ไม่มีไร” บ้าเอ๊ย ฉันจะพูดออกไปได้ยังไง ในเมื่อเฮียแม็คเล่นมายืนอยู่ตรงหน้าแบบนี้ แล้วพอได้ฟังแบบนั้นคิระก็เดินออกไปแบบไม่สนใจ ฉันเองก็ได้แค่มองตามอย่างคิดหนัก และเดินเข้าห้องซ้อมตามเฮียแม็คมาเงียบๆ แต่ให้ตายเหอะ ยิ่งเห็นท่าทางไม่รู้เรื่องรู้ราวของคิระตัดสลับกับภาพผู้ชายในห้องแลปที่ขาดใจไปต่อหน้าในไม่กี่วิ ภาพพวกนั้นมันกวนใจฉันมากจริงๆ “เริ่มจากไรก่อนดี...” ฉันได้ยินเสียงเฮียแม็คที่ถามมานะ แต่ความรู้สึกสองขั้วที่กำลังแยกแยะระหว่างดีชั่วและถูกผิดจากสิ่งที่เจอวันนี้มันน่าสับสนจริงๆ หรือฉันควรปล่อยให้มันเป็นเรื่องของท่านเซนจิ? เพราะตั้งแต่เข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันก็พอจะรู้ว่าท่านเซนจิไม่ค่อยลงรอยกับท่านผู้นำเท่าไหร่ มันอาจเป็นเรื่องผลประโยชน์ อำนาจ หรืออะไรบางอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวกับฉันเลย และมัน...ก็ยากเกินจะเข้าใจ อีกอย่างเพราะฉันไม่ใช่ Dark Shadow น่ะสิ เลยไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงกับเรื่องนี้ ที่สำคัญเท่าที่จำความได้ ด้วยปัญหาภายในของสังกัดผู้นำ คิระกับเตโช Nightshade ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของท่านก็แตกคอกันมาตั้งนาน วันที่ท่านเซนจิเลือกจะอ้าแขนรับคิระในวัยเด็กมาวนเวียนอยู่ในสังกัดสภาฯ ตอนแรกฉันคิดว่ามันคือความปรารถนาดีกับหมอนั่นซะอีก แต่ดูเหมือนยิ่งโต...สิ่งที่ฉันคิดน่าจะผิด ทำไมอยู่ๆสภากฎถึงกลายเป็นสังกัดที่ละเมิดกฎขึ้นมา ทำไมอยู่ๆคิระถึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญกันนะ? ถึงขนาดใช้คิระเป็นหนูลองยา แปลว่ามีหลายเรื่องที่ฉันพลาดไป แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม... แม้จะเป็นลูกบุญธรรม แต่นี่มันเรื่องของ Dark Shadow ไม่ใช่เรื่องของฉันด้วยซ้ำ หมับ! “เดีย!” “ฮะ?” ฉันหลุดจากความคิดวกวนและตอบเฮียแม็คที่เอื้อมมือมาจับไหล่ สีหน้าเฮียเองตอนนี้ก็ดูสงสัย “เป็นไรมั้ย?” “มะ...ไม่” “แน่ใจ?” “อืม” เฮ่อ...ช่างเถอะ เรื่องคิระเอาไว้ก่อนละกัน เพราะเฮย์โซก็เป็นคนบอกเองว่าคนที่ต้องเอายานั่นให้คิระกินคือฉัน อนาคตมันต้องมีวิธีหลบเลี่ยงได้บ้าง ถึงตอนนั้น...ฉันจะเซฟหมอนั่นในฐานะเพื่อนเฮียแม็คแล้วกัน “ถ้ายังติดใจเรื่องเมื่อเช้า ไว้วันหลังมาใหม่ก็ได้” เฮียแม็คพูดมาอย่างเข้าใจผิด และเดินไปหยิบมือถือกับผ้าเช็ดหน้าทำท่าจะเดินออกไป แต่.. หมับ! “เฮีย! มันไม่ใช่แบบนั้น” ฉันตรงเข้าไปคว้าแขนเฮียไว้ เพราะอย่างที่บอก เรื่องบนเครื่องฉันต้องขอบคุณเขาที่ทำให้คิดได้ด้วยซ้ำ “งั้นสรุปเลือกได้ยัง?” เฮียแม็คถามมาอีกครั้ง ฉันเองก็งงๆ จนหันมองตามสายตาเฮียแม็คไปหยุดที่แท่นวางอาวุธที่อยู่ไม่ไกล แค่นั้นก็พอจะเดาได้ว่าเขาให้เลือกอาวุธสักอย่าง แต่เปิดมาก็จะสอนแบบน่ากลัวเลยเหรอเนี่ย -.- “เดียว่า...” “เบสิคเลย ปืน” “นั่นเอาไว้ท้ายสุดได้มั้ย” ฉันเดินตามมากดมือเฮียแม็คที่หยิบปืนสั้นขึ้นมาให้เขาวางมันลงที่เดิม แต่เฮียก็ไม่สนใจ เขาหยิบมันขึ้นมาใหม่ “นี่แหละ ง่ายสุด” “แต่เดียไม่ชอบเสียงมันเท่าไหร่” “แล้วไง?” เฮียแม็คย้อนมาเล่นเอาฉันไปไม่เป็น เขายอมวางมือถือและผ้าเช็ดหน้าลง ก่อนจะเดินไปทาบฝ่ามือบนแท่นระบุตัวตน กดอะไรสองสามที ผนังห้องก็เปิดออกเผยให้เห็นเป้ายิงปืนพร้อมซ้อม และคงไม่ต้องบอกว่าฉันประหม่าแค่ไหน “จะเดินมารับเอง หรือจะให้โยนให้” เขาถามมาอย่างกับจะหาเรื่องมากกว่าสอนกันซะอีก และคำพูดนั้นทำให้ฉันรีบเดินหน้ามุ่ยเข้าไป “ทำไมชอบหาเรื่องกันอยู่ได้” “ก็บอกแล้วที่นี่ไม่มีคนตามใจ” “แล้วใครเค้าอยากจะฝึก!” “ก็บังคับอยู่นี่ไง” สงครามขนาดย่อมก่อตัวขึ้นนิดหน่อย แต่อย่ามาจริงจังนักสิ ก็ฉันน่ะ...กลัวเขายิ่งกว่าใคร “จับแบบนั้นจะยิงยังไง” นั่นไง ไม่ทันไรคนที่ยังไม่ทันจะสอนก็ตั้งท่าจับผิดกันซะได้ “ยิงใส่ตัวเองมั้ง ก็เฮียไม่สอนจะรู้ได้ไง” พรึ่บ! “จับแบบนี้” พอฉันพูดไปแบบนั้น อยู่ๆเฮียแม็คก็เดินเข้ามาแล้วคว้ามือฉันจับปืนให้ถูกต้องโดยมีมือของเขาซ้อนมือฉันอยู่ข้างบน ก่อนจะยกปืนขึ้นเล็งไป “เนี่ย พอสอนก็จับได้” ถึงจะแกล้งบ่นอุบอิบแต่ความจริงใจมันสั่นขึ้นมานิดหน่อยจังหวะที่เขาต้องเอาตัวเองมาโอบร่างฉันไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เสียงลมหายใจของเขามันดังคลอเบาๆอยู่ข้างหูฉันไง “ถ้ามีคนจะฆ่าเรา...จะทำยังไง?” เฮียแม็คถามมาเบาๆ ฉันแอบเหลือบไปมองก็เห็นสายตาเขาจดจ่ออยู่ที่เป้า ซึ่งใครเป็นคนออกแบบเป้ายิงก็ไม่รู้ เหมือนคนจริงได้อีก แถมมีเลือดกระเด็นได้ด้วย ฉันเคยเห็นเฮียซ้อมก่อนหน้านี้ “ตั้งใจหน่อย” พอฉันขยับตัวดุ๊กดิ๊กภายใต้อ้อมกอดเขา เฮียแม็คก็ส่งเสียงดุมา แต่ถ้ามีคนจะฆ่าฉันงั้นเหรอ... “เดียก็ต้องชิงฆ่ามันก่อน...มั้ง” แล้วหลังจากที่ตอบไป เฮียแม็คก็พยักหน้าอย่างพอใจ “ใช่... จำไว้ให้ขึ้นใจ เมื่อไหร่ที่เราต้องเอาปืนเล็งไปที่ใคร ทุกอย่างในเวลานั้นคือการเอาตัวรอด” ปัง! เฮือก O_O! พะ...พูดจบเฮียแม็คก็ลั่นไกออกไปทั้งที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาฉันตาโตสะดุ้งเฮือกและหันกลับไปหาเขาทันที เฮียแม็คเห็นท่าทางของฉันเลิ่กลั่ก น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งดุมาก “สมาธิ... แล้วถ้ามีคนไล่ยิงเรา เราโดนยิงสาหัสแล้ว จะทำยังไง?” คนที่โอบฉันไว้ไม่พูดเปล่า เพราะฉันตกใจเลยมัวแต่หันหนีเป้าที่เลือดทะลักเหมือนคนจริง เฮียแม็คก็ยิ่งโน้มตัวลงมา เฮียใช้ใบหน้าของเขาแนบกับหน้าของฉัน และดันหน้าฉันให้กลับมาโฟกัสทีเป้าอีกทีก่อนจะถามมานิ่งๆ “ว่าไง เราโดนยิงสาหัสแล้ว...” คำถามราบเรียบแต่เสียงเข้มมากราวกับเตือนสติให้ฉันโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสักที แต่อย่างที่บอก เขาใกล้กันมากเกินไปแล้ว >_< “กะ...ก็ต้อง...หนี” “ไม่ใช่” “ไม่รู้ เดียไม่รู้” ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ฉันตอบไปแบบใจสั่นเป็นกลองชุด และเชื่อว่าท่ามกลางห้องซ้อมที่เงียบงันนี้ เฮียแม็คต้องได้ยินมันแน่ >_< “ฟาราเดีย...” เฮียแม็คเรียกชื่อฉันที่เผลอหลับตาปี๋ก้มหน้าลงเพราะกลัวว่าเขาได้ยินเสียงใจที่เต้นแรงตอนนี้ มือข้างหนึ่งของเขาถูกเอื้อมมาจับใบหน้าฉันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะขยับมันเชิดขึ้นไปมองที่เป้าอีก “หะ...หาหมอ ถ้าโดนยิงสาหัส...ก็ต้องรีบ...ไปหาหมอสิ” บ้าจริงๆ เสียงฉันมันเริ่มสั่นเพราะสัมผัสพวกนี้ ในขณะเฮียแม็คทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด “ก็ยังผิดอยู่ดี” “เฉลยเถอะเฮีย >_<“ เพราะน้ำเสียงน่าฟังมันดังคลออยู่ข้างๆแบบนี้ ทำฉันกลัวความลับในใจแตกจนมือไม้อ่อน แขนที่ตั้งฉากกับพื้นเล็งปืนไปที่เป้าร่วงลงทันที เลยกลายเป็นสองแขนของเฮียแม็คที่กุมมือฉันอยู่ก็ร่วงลงมาพร้อมกัน และเหมือนเขากำลังโอบกอดฉันอยู่ตอนนี้ “หึ...เด็กน้อย การปฐมพยาบาลเพียงหนึ่งเดียวที่เราต้องทำในระหว่างที่ยิงปะทะกัน คือการยิงใส่ผู้จู่โจม ถ้าไม่รอดก็ไม่มีวันได้ไปหาหมอสิ” เฮียแม็คที่กอดฉันพูดมาแบบติดตลก ฉันเลยพยักหน้ารับฟังสิ่งที่เขาพูด ทั้งที่ตัวเองพูดอะไรไม่ออก แล้วอยู่ๆเฮียแม็คก็พูดเสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้ง “จำไว้... ไม่ว่าต้องปะทะกับใคร อย่าให้มันไล่ต้อนเราจนจนมุม อย่าให้ใคร...มาตามล่าเรา เราคือผู้ล่า! และจะล่าผู้อื่น! ต้องทำให้ใครก็ตามที่คิดหมายหัวเรารู้สึกว่า...” พรึ่บ! “มันนั่นแหละ! ที่ทำผิดพลาดอย่างมหันต์!” เหมือนหลอกล่อให้ฉันตายใจในตอนแรก เพราะพอถึงประโยคสำคัญ เฮียแม็คก็กระชับฝ่ามือล็อคนิ้วฉันเข้าล็อคพร้อมลั่นไกและคว้ามือฉันยกขึ้นเล็งเป้าแบบไม่ยอมให้ตั้งตัวได้ทัน ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! “กรี๊ดดดด >_<“ ถึงตรงนี้ฉันหลับตากรี๊ดสุดเสียง สะบัดมือออกจากปืนและหมุนตัวกลับหลังหัน เอามือปิดหูซุกหน้าอยู่บนอกเขา แต่เปล่าประโยชน์เลยจริงๆ เพราะเฮียแม็คยังคงดันตัวฉันให้หันกลับไปหาเป้าซ้ำๆอีก พรึ่บ! “สุดท้าย...” “พอแล้ว >_<!” ฉันโพล่งออกไปดังที่ยังเอามือปิดหูดังลั่น เฮียแม็คก็ยิ่งเพิ่มระดับเสียงของเขามากลบเสียงของฉัน “ถ้าไม่รู้จะยิงที่ไหน....!” “ไม่! เฮียอย่ายิงหัวหุ่นเด็ดขาด >_<!” ฉันพูดออกไปอย่างรู้ทัน และไม่ยอมเปิดตามองแน่นอน ในหัวหุ่นนั้นมันมีสมองปลอมที่เหมือนจริงมากๆ เฮียแม็คยิงตรงนั้นบ่อย ฉันเคยมองเขาจากด้านหลังกระจกหลายครั้ง! “ใช่! หัว หัวใจ ไม่ก็คอหอย แล้วมันจะดับคาที่ง่ายๆ :)” ฟังจากเสียงก็รู้เลยว่าเฮียตั้งใจแกล้งแน่ เขาดูพอใจมากๆที่ฉันรู้ทัน ก่อนที่เฮียจะกระชากมือฉันที่ปิดหูไปกำด้ามปืนอีกครั้ง! หมับ! “ไม่เฮีย!” “มือนิ่งๆดิ” “ไม่เอานะ” “ลืมตา!” “ก็บอกว่าไม่!!!” เรายื้อกันอยู่นานพอควร ยิ่งฉันกลัวมาก เฮียแม็คก็ยิ่งบังคับให้เปิดตามองไป แต่แล้วอยู่ๆเขาก็เงียบ... “โอเค พอละเลิกเล่น แต่ดูนั่นดิเห็นไรมั้ย” ไม่รู้ทำไมเฮียแม็คถึงยอมง่ายๆ เขาปล่อยมือฉันและวางปืนลง พอเป็นแบบนั้นฉันก็ถอยหลังจากที่วางปืนมาหนึ่งก้าวจนหลังติดแผงอกกว้าง ก่อนจะยอมลืมตาขึ้นช้าๆ เฮียแม็คก็คว้าปืนขึ้นมาทันทีและหลุดขำ “หึ...” พรึ่บ! “กรี๊ดดด ไม่! เราบอกให้หยุดไงแม็ค! ถ้าไม่หยุดเราโกรธจริงๆด้วยนะ!!!” เพราะรู้ว่าเขาจะลั่นไกอีกแน่ ฉันเลยกรี๊ดและตะคอกเสียงดังในคำพูดที่ลืมตัวไปอย่างมาก อึก... ระ...เรางั้นเหรอ มะ...แม็คเหรอ “......” และแน่นอน ไม่ใช่แค่ฉันที่พอได้ฟังก็เงียบไป เฮียแม็คเองที่ขำๆกำลังจะลั่นไก เขาก็เงียบ และในจังหวะเดียวกันนั้น... 'OPEN THE DOOR, BE CAREFUL!' ประตูห้องซ้อมถูกเปิดออกในตอนที่ฉันก้มหน้านิ่งเพราะไม่กล้าจะหันไปมองหน้าเฮียแม็คตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ขะ...เขาจะจำได้มั้ย ในทุกครั้งที่ถูกเขาแกล้งตอนเด็ก ฉัน...จะพูดแบบนั้น “ขออนุญาตเข้าเขตฝึกซ้อมนะคะคุณลูกชาย ^_^” คนที่เดินเข้ามาคือป้ามาร์ธา แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังเลือกจะก้มหน้า ส่วนเฮียแม็ค เขาเองก็ค่อยๆปลีกตัวออกห่างออกไป “อ้าว...คุณฟาเดียก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ” “ค่ะ ป้ามาร์ธา” ฉันตอบกลับและค่อยๆหันหน้าไป แต่จังหวะที่บังเอิญเงยหน้าขึ้นไปสบตา ก็เจอเฮียแม็คกำลังจ้องมา “โอ้โห ดูเหมือนจะมีคนเริ่มฝึกแล้ว :)” ป้ามาร์ธาเอ่ยปากแซวฉันที่ได้ยิ้มกลบเกลื่อนความผิดปกติก่อนหน้า ก่อนที่ท่านจะหันไปหาเฮียแม็ค “แม่จะมาถามว่าเย็นนี้แม็คอยากกินอะไร?” “อะไรก็ได้ครับแม่” ปากตอบป้ามาร์ธา แต่ตาเขายังจ้องฉันไม่หยุด จะทำยังไงดี เฮียแม็คต้องรู้แล้วแน่ๆ “คุณฟาเดียล่ะคะ อยากกินอะไร” “ดะ...เดีย เหรอคะ?” ฉันทวนคำพูดป้ามาร์ธากลับไป แล้วท่านก็พยักหน้า “ใช่ค่ะ ไปกินข้าวด้วยกันสิคะ ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันพิเศษ :)” “วันพิเศษ?” เฮียแม็คเลิกคิ้วนิดหน่อย แล้วป้ามาร์ธาก็เอาแต่อมยิ้ม “ก็เป็นวันที่แม่อยากทำกับข้าวเองไง” “แม่ก็ทำเองทุกวันอยู่แล้วนี่ครับ” “แต่วันนี้แม่มีผู้ช่วยเพิ่มมาหนึ่งคนไงครับ” พูดจบป้ามาร์ธาก็หันมาหาฉันและยังคงส่งยิ้มบางๆมาให้ เฮียแม็คเองหลังจากพูดคุยกับแม่เขา ก็ยังไม่ยอมละสายตาจากฉันไปไหน17.00 PM
“ส่วนผสมทอดมันกุ้งเรียบร้อยแล้วค่ะ” ฉันยกส่วนผสมที่ปรุงเสร็จเรียบร้อยมาวางตรงหน้าคุณป้ามาร์ธาที่กำลังหั่นผักอยู่อย่างมั่นใจ มันต้องอร่อยแน่นอนอยู่แล้ว เพราะคุณป้ามาร์ธาคนนี้นี่เองที่เป็นคนสอนสูตรนี้ให้ แม้ว่าท่านเองก็อาจจะลืมฉันไป... “จ้ะ ระหว่างนี้ก็...” “ต้องเอาไปแช่ตู้เย็นให้ส่วนผสมเกาะตัวกันดีก่อนสัก 30 นาที ใช่มั้ยคะ?” ฉันพูดในสิ่งที่ท่องจำมาอย่างดีตั้งแต่เด็กๆออกไป คุณป้าก็ยิ้มๆแล้วพยักหน้า “ถูกต้องแล้วค่ะคุณฟาเดีย” “อื้ม ที่จริงคุณป้าไม่ต้องเรียกเดียว่า...” “คุณ...ใช่มั้ยคะ” ฉันเปิดประเด็นระหว่างที่แรปชามส่วนผสมและยกมันเข้าไปแช่ในตู้เย็น ป้ามาร์ธาก็พูดสวนมา “ใช่ค่ะ เรียกเดียว่าเดีย หรือฟาเดียเฉยๆดีกว่า” “แล้วถ้าป้าอยากเรียกอย่างอื่นล่ะคะ” หืม... “ถ้าเรียกแบบไม่มีคำนำหน้า อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ เดียไม่ใช่ Dark Shadow ไม่ต้องยกย่องกันมากก็ได้ คุณป้าก็รู้นี่นา” ฉันหยิบผักบางอย่างที่วางอยู่มาช่วยหั่นอีกแรง แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะคำที่ป้ามาร์ธาพูดมา “งั้นป้าเรียกว่าคุณว่า 'ฟา' ได้มั้ยคะ?” ฉึบ! “ขะ...คะ?” จังหวะที่มีดหั่นลงบนผักจนขาดออกจากกัน ฉันก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองคุณป้ามาร์ธาด้วยความสงสัยในคำพูดนั้น แต่ยังไม่มีใครพูดอะไร เฮียแม็คก็เดินเข้ามาซะก่อน “แม่ครับ ตู้เย็นบ้านเรามีไรรองท้องได้บ้าง” ป้ามาร์ธาหลังพูดคำนั้นกับฉัน และได้ฟังคำถามของเฮียก็ยังหั่นผักต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น จนกระทั่ง... “แม่มีไอติมวานิลลา...ในช่องฟรีซนะครับ” ตอนพูดคำว่าไอติมวานิลลา ป้ามาร์ธาก็ยั้งมือที่หั่นผัก เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มบางๆให้กับฉัน เฮียแม็ครู้แบบนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นตักไอติมใส่ถ้วยเล็กๆกำลังจะเดินออกจากครัวไป แต่ก็ถูกป้ามาร์ธาเรียกไว้ “แม็ค” “ครับ?” “ตักเผื่อน้องด้วยสิลูก” อึก... ฉันค่อยๆวางมีดในมือลงและเผลอกลืนน้ำลายลงคอนิดหน่อย เพราะดูเหมือนคุณป้ามาร์ธาในตอนนี้จะ... “ท่านเซนจิต้องว่าเราแน่ ถ้าเอาลูกสาวเค้ามาแล้วดูแลไม่ดีน่ะ :)” พูดไป สีหน้าของคุณป้ามาร์ธาที่ก้มหน้าหั่นผักต่อและแอบอมยิ้มบางๆคนเดียว ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกสับสนใช้ได้ “ไม่เป็นไรค่ะ เดียไม่ค่อยชอบกินของหวานก่อนกินข้าวแบบนี้” “เหรอคะ?” คุณป้ามาร์ธาเงยหน้ามองฉัน สีหน้าแบบนั้นดูเหมือนกำลังกลั้นยิ้มยังไงบอกไม่ถูก “งั้นไว้กินข้าวเสร็จ แม็คก็มาตักให้น้องสิ” “......” ถึงตรงนี้ ไม่ใช่แค่ฉันที่เริ่มแปลกใจในตัวคุณป้า แต่เฮียแม็คเองก็มองฉันสลับกับท่าน แล้วป้ามาร์ธาก็พูดมา “ตอบแทนที่น้องทำให้ทอดมันกุ้งให้แม็คกินไง อย่าบอกนะว่าลูกแม่จะใจดำ” “ได้ครับแม่” ป้ามาร์ธาพูดติดตลกออกมา เฮียแม็คเลยพยักหน้า แล้วไม่นานเขาก็เดินออกไปจริงๆ ส่วนฉัน... “ทำไมมองป้าแบบนั้นล่ะคะ คุณฟาเดีย?” “ปะ...เปล่าค่ะ ขอโทษค่ะ” คงเพราะมันก้ำกึ่งหรือบังเอิญเกินไปน่ะสิ ไอติมวานิลลา... ใช่ ทั้งฉันและเขา เราชอบกินไอติมวานิลลาก่อนกินข้าวเสมอเลยนี่นา แต่เรื่องนั้นมันนานมากแล้วนะ ขนาดเฮียแม็คยังจำไม่ได้ ฉันก็ไม่คิดว่าคุณป้ามาร์ธาจะ... “คุณเฟรย่าเธอทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นเลย แต่แปลกจังนะคะ คุณฟาเดียดูออกตั้งแต่แว๊บแรกเลย ว่าป้าจะทำทอดมันกุ้ง ของโปรดลูกชาย” ประโยคที่สื่ออะไรบางอย่างถูกพูดมาอีกครั้ง ฉันเลยเลือกจะถามไปตรงๆ “ป้ากำลังจะพูดอะไรงั้นเหรอคะ?” และแน่นอน ป้ามาร์ธาก็สวนกลับมาทันที... “ป้าต่างหากล่ะคะ ที่ควรเป็นฝ่ายถามคุณมากกว่า” “ถามหนู?” “ใช่ค่ะ :)” พูดจบคุณป้าก็วางมีดในมือลง เธอเงยหน้ามายิ้มให้ฉัน แต่ไม่นานหลังจากนั้น แววตาที่จ้องมาก็แฝงไปด้วยความหนักใจที่มีอยู่มากมายเหมือนกัน และ... “ฟา...” อึก... ใช่แล้วสินะ ถ้าเรียกกันเต็มปากแบบนี้... ไม่รู้ฉันกลืนน้ำลายลงคอรอบที่เท่าไหร่ของวัน แต่มีคนจำได้สักคน มันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ... “ทำไมไม่บอกพี่เค้าไปล่ะลูก ว่าฟาคือฟาเดีย ไม่ใช่ฟาร์ดา”วันต่อมา“ไม่ค่อยเห่อกันเลยนะครับ”คิระแกล้งแซวอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงที่ถึงแม้จะผ่านไปหลายปีก็ยังดูแข็งแรงอยู่ แถมวันนี้ทุกคนที่เกี่ยวข้องรวมถึงเมมเบอร์นับร้อยก็แต่งตัวสวยหล่อเป็นพิเศษ บรรยากาศโดยรอบของหอประชุมที่ถูกรีโนเวทใหม่ดูเป็นทางการและไม่มีที่นั่งส่วนไหนแบ่งฝั่งแบ่งฝ่ายอย่างเดิมเตโช โมเน่ต์ คิระ ลิซ่า เลโอ และเฟรย่า นั่งประจำในที่ของตัวเองโดยมีอดีตผู้นำและท่านผู้หญิงนั่งตรงกลาง ราวกับเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานถัดจากทั้ง 6 คนมีตำแหน่งที่ว่างอยู่ทั้ง 2 ที่ ซึ่งอยู่ในระนาบเดียวกันโดยไม่มีการแบ่งชนชั้นหรือลำดับความสำคัญกำลังรอการกลับมาของมาโครและฟาเดีย มีเพียงพื้นที่ที่ถูกจัดให้ระดับความสูงไม่มากเกินไปอย่างด้านซ้ายมือของเหล่าพ่อแม่ที่ถือครองตำแหน่งต่างๆเท่านั้น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กๆทั้ง 5 คนเรียงตามลำดับ ประกอบไปด้วยไคโร – ลูกชายของคิระกับลิซ่าโซลาร์ – ลูกสาวของเตโชกับโมเน่ต์มาร์คัส – ลูกชายของมาโครกับฟาเดียริคกิ – ลูกชายของเฟรย่ากับเลโอ และลิมา – ลูกสาวของคิระกับลิซ่าซึ่งตอนนี้ เด็กๆที่สนิทกันอย่างรวดเร็วต่างก็กำลังแย่งกันพูดคุยกับมาร์คัสที่ชะเง้อหน้
@ เซฟต์เฮ้าส์อดีตผู้นำ“เดีย!”เฟรย่าที่ได้สติและถูกนำตัวกลับมารักษาลุกพรวดด้วยความเป็นห่วงทันทีที่เห็นน้องเดินเข้ามาส่วนฟาเดีย เธอนิ่งเงียบและดูเฉยชา แม้แต่หน้าเฟรย่าตอนนี้ยังมองไม่ชัด ม่านน้ำตาของเธอบดบังทุกสิ่งจนถ้าไม่ได้มาโครเดินจูงมือเข้ามา เธอก็มองไม่เห็นทางด้วยซ้ำ“ร้องไห้ทำไม เจ็บตรงไหนบอกพี่ หมอ!”เสียงเฟรย่าตะโกนดังลั่น มาโคร เตโช คิระ รวมถึงเลโอที่แยกตัวออกไปช่วยดูเลล่าให้ก็ไม่มีใครปริปาก จนกระทั่งอดีตผู้นำ ท่านผู้หญิง โมเน่ต์ และลิซ่าเดินเข้ามา“ขอหนูไปอยู่ที่อื่นสักพักได้ไหมคะ”ฟาเดียเห็นหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่ เธอก็ตั้งคำถามอย่างเลื่อนลอย แต่ลึกๆก็คาดหวังให้พวกเขาที่มองมาอย่างนึกสงสารช่วยเห็นใจเธอบ้าง“หนูอยู่ที่นี่ไม่ไหวเลย…หนูรับ...อะไรพวกนี้ไม่ไหว...มัน…”เธอส่ายหน้าส่งสัญญาณต่อต้านสิ่งรอบตัวขึ้นมาฉับพลัน ก่อนอดีตผู้นำจะเดินเข้ามา พร้อมกันกับที่เธอพุ่งเข้าไปกอดและทรุดลงปล่อยโฮออกมาจนตัวสั่น“หนูเหนื่อย...หนู...”“ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร”นี่เป็นครั้งแรกด้วยซ้ำที่ทุกคนได้เห็นอดีตผู้นำหน้าเครียดที่สุดจากที่รับมือกับเรื่องอะไรต่อมิอะไรมามากเฟรย่าที่ได้ฟังแม้จะรู้เ
"นี่สำหรับเมียกู!ต่อไป...ก็มึงสินะ""ขอเรากับคุยเฮซก่อน"พอเห็นมาโครเดินท่าทางเอาเรื่องกลับมา ฟาเดียก็ตัดสินใจเอาตัวเองเข้าไปขวาง เขาหยุดเดินมองเธอนิ่งๆ แต่ถึงแววตาดุร้ายคู่นั้นมันน่ากลัวกว่าทุกครั้งฟาเดียก็ยัง“ได้ไหม”"รักมันรึไง"เสียงห้วนและเยือกเย็นที่เขาไม่เคยใช้กับเธอตั้งคำถาม ยิ่งเห็นเธออึ้งจนอึกอักมาโครก็ยิ่งตะคอก"ถามว่ารักมันไหม?!"พรึ่บ!ฟาเดียตกใจ รีบเลื่อนมือไปทาบอกแกร่งเพื่อให้เขาใจเย็นลงก่อนตอบอย่างหนักแน่น"ไม่""ชัดไหม?!"แค่นั้นเองที่มาโครเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงเธอไปถามเฮย์โซที่มองเหตุการณ์นี้อยู่เช่นกัน"ปล่อยมัน"เขาสั่งลูกน้องให้แก้มัดเฮย์โซเช่นเดียวกับที่แก้มัดคาร์เตอร์ ก่อนจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเฮย์โซมาเผชิญหน้าอย่างเหลืออดมานาน"มึงมีโอกาสตั้งมากมายที่จะปกป้อง! แต่มึงจ้องจะเอาคนของกูให้ได้!""คนของมึง ใครวะ กูไปยุ่งกับรักษาการตอนไหน"ผลัวะ!หมัดหนักๆของมาโครซัดเข้าหน้าเฮย์โซเต็มแรงไม่มียั้ง"ไม่ต้องมาเล่นลิ้น""งั้นกูเล่นเมียมึงได้ไหม”เฮย์โซไม่ลดละเลยที่จะต่อปากต่อคำเพราะไม่ชอบหน้ามาโครเหมือนกัน อีกอย่างเขารู้ตัวดีว่านาทีนี้ไม่มีอะไรจะเสีย"คำว่าเมียกูที่มึงพูด ก็
5 นาทีต่อมา“ไม่เจอเลย กำลังเสริมก็มาไม่ทัน 10 นาทีนี้แน่ ไหนจะตู้ที่ซ้อนกันไว้อีก”เลล่ารายงานไปพร้อมกับก้าวขาตามมาโครที่แยกกับทุกคนซึ่งตอนนี้ช่วยกันหาฟาเดียและเฟรย่าอย่างร้อนใจ“ท่านผู้หญิงกับอดีตผู้นำกำลังช่วยคิดอีกแรง แต่นายรู้ใช่ไหมยังไงมันก็เสี่ยงเพราะเวลากระชั้นชิดเกินไป”“มันเอาเข้าไปตอนไหน”กึก!มาโครหยุดเดินทันทีที่ฉุกคิดขึ้นได้ และกวาดสายตาอย่างใช้ความคิดท่ามกลางตู้คอนเทนเนอร์เป็นร้อยๆที่สูงท่วมหัวเขา พลางคิดว่าถึงคนของ Dark shadow ที่เอามาจะไม่มากพอสำหรับการเช็คทุกตู้ชั้นล่างทั้งหมดพร้อมกัน แต่อย่างน้อยตู้ชั้นล่างกว่า 60% ก็ถูกเช็คอย่างเร่งด่วนแล้วและไม่มีใครหาเจอ“เฟรย์สู้กับไอ้เวรนั่นอยู่ก่อนเราจะมาไม่เกิน 30 นาที ประเมินจากความสามารถของเฟรย์ ถึงสู้แรงไม่ไหวก็ใช่ว่าการสู้จะจบง่าย รอยแผลบนตัวไอ้ยักษ์มีไม่น้อย แปลว่าเฟรย์สู้เต็มกำลัง จากสถิติและทักษะที่ฝึกมา การสู้หนักระดับนี้เฟรย์ยื้อได้เกิน 20 นาที ซึ่งก็แทบจะเท่ากับเวลาที่เรามาถึงนี่”“หมายความว่า...”“มันบอกว่า 2 ตู้ แปลว่าแยกไว้คนละตู้ ถ้าต้องการถ่วงเวลาให้เราหาไม่เจอ มันคงไม่เอาไว้ตู้ใกล้กันแน่ และหรือถ้าจะเอาไว้ตู้ช
ไม่กี่นาทีต่อมาโครม!!!ประตูโกดังสะเทือนลั่น พร้อมกันกับร่างของไอ้ยักษ์ที่เคยทำร้ายเฟรย่ากระเด็นจากด้านนอกเข้ามาด้วยฝีมือมาโครที่เดินเข้ามานิ่งๆพลั่ก!“เมียกูอยู่ไหน!”หลังจากผลักเฮย์โซที่ลากคอเข้ามาเองกับมือ เลโอก็ตั้งคำถามเสียงห้วนอย่างไม่เกรงกลัวลูกน้องของคาร์เตอร์ที่ตอนนี้มีจำนวนเยอะกว่าในคลิปแบบทวีคูณ“มึง...”คาร์เตอร์คุ้นหน้ามาโครอยู่แล้ว แต่มันหยุดคิดนิดหน่อยพอเห็นเลโอที่มาด้วย ก่อนลูกน้องคนสนิทจะเข้ามากระซิบ“อ๋อ ไอ้พวก Nightshade แล้วที่เหลือล่ะวะ หรือพวกมึงกล้ามาแค่นี้”ใช่ คำถามนี้ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะท่ามกลางคนกว่า 20 คนตรงนี้ อีกฝั่งมีแค่มาโครและเลโอที่มาพร้อมเฮย์โซในสภาพอิดโรยเท่านั้นและแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ไอ้ยักษ์ แต่มาโครกับเลโอจัดการพวกหน้าประตูโกดังจนเกลี้ยงด้วยสองมือเปล่าเท่านั้น“ถามโง่ๆ ถ้ามาก็เห็นแล้วป่ะ ความลับเลยนะ ที่จริงเพื่อนกูไม่ให้ค่ามึงเลยว่ะ”เลโอตอบยียวนอย่างตั้งใจกวนประสาท ส่วนมาโครก็ยกยิ้มมุมปากจนคาร์เตอร์เสียเซลฟ์ที่ผู้มาเยือนไม่มีทีท่าจะหวั่นอะไรกองทัพของเขาด้วยซ้ำ“มั่นใจขนาดนี้แปลว่าสั่งคนล้อมพวกกูไว้แล้วสินะ”“อยากรู้ไม่ให้คนไปดูวะ”“เห็นด้
@ โกดังร้าง ท่าเรือ X“ดี! ก็ให้มันรู้ไปว่าพวก Dark shadow จะเปิดหน้าสู้กับกูตรงๆไหม ฮ่าๆๆๆ”เสียงคาร์เตอร์หัวเราะลั่นโกดังอย่างชอบใจ ก่อนจะมองสภาพหมดสติเพราะถูกทำให้สลบอย่างไม่ทันตั้งตัวของเฟรย่าและฟาเดียที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล“อีนี่ใช่ไหมที่สั่งระเบิดโกดังเก็บยากู!”ฝ่ามือหยาบกระด้างของคาร์เตอร์จิกผมเฟรย่าขึ้นมาจ้องแล้วสะบัดออกอย่างหัวเสีย ก่อนจะใช้อีกมือบีบแก้มฟาเดียขึ้นมาอย่างเคียดแค้น“ส่วนอีนี่ อีตัวดีที่เอาเงินกูไปงั้นสิ”เพี๊ยะ!พูดจบคาร์เตอร์ก็ใช้หลังมือตบเรียกสติฟาเดียจนสะดุ้งตื่น สิ่งแรกที่เธอทำ คือกวาดสายตามองหาเฟรย่าที่เจ็บหนักกว่า เพราะจำได้ว่ากระสุนสาดเข้ากระจกฝั่งนั้นเต็มๆ“พี่เฟรย์! พี่เฟรย์เป็นไรมากรึปะ...”“หุบปาก! เงินกูอยู่ไหน!”ไม่เว้นช่วงให้ฟาเดียพูดจบประโยคด้วยซ้ำ คาร์เตอร์ก็ตรงเข้ามาบีบคอเธออย่างคาดคั้น“เงินอะไร”“มึงอย่าทำเป็นไม่รู้”จริงอย่างที่คาร์เตอร์พูด ฟาเดียรู้ว่ามันคือเงินซื้อขายยาเสพติดระหว่างคาร์เตอร์กับสภา เงินที่เธอถูกพ่อบุญธรรมอย่างท่านเซนจิและเฮย์โซรวมหัวกันโอนเข้าบัญชีตัวเองที่ไม่ได้ใช้งาน และอดีตผู้นำเป็นคนได้ข้อมูลพวกนั้นมาทำให้เธอตาสว่