ในขณะที่สองสาวกำลังนั่งจิตใจห่อเหี่ยวอยู่ที่โต๊ะม้าหินข้างตึกคณะ รถยนต์คันหรูสีดำมันปลาบก็แล่นเข้ามาจอดอย่างรวดเร็วจนเสียงห้ามล้อดังสนั่น ดึงดูดทุกสายตาที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้นให้หันไปมอง
เรือนร่างอวบอิ่มในชุดนักศึกษารัดรูปกระโปรงสั้นจู๋ลงมาจากรถยนต์คันนั้นพร้อมเดินนวยนาดเข้ามาในบริเวณลานนั่งเล่นที่มีโต๊ะม้าหินตั้งเรียงรายอย่างมั่นใจ
“แหม นึกว่าจะมาไม่ทันเรียนซะแล้ว เป็นไง คิริว เขาเด็ดสมคำร่ำลือไหม”
ชื่อของชายหนุ่มที่ดังมาจากโต๊ะของรุ่นน้องในคณะหลังจากสาวสวยคนนั้นเดินเข้าไปนั่งรวมกลุ่ม ทำให้สองสาวที่กำลังคิดไม่ตกกับปัญหาชีวิตหันไปมองยังโต๊ะด้านข้างพร้อมกัน
สาวสวยเหยียดยิ้ม ยกกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงใบใหม่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ เรียกเสียงฮือฮาของสาว ๆ กลุ่มนั้นให้ดังระงม
“โห นี่เขาเปย์กระเป๋าแกเลยเหรอ นังนิต้า”
นิต้าพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจที่สามารถทำให้หนุ่มหล่อร้ายสุดฮอตของคณะวิศวะติดใจเธอได้ถึงเพียงนี้
“หูย อิจฉา หายไปคืนเดียวได้กระเป๋ากลับมา แล้วเรื่องบนเตียงล่ะ สมคำร่ำลือไหม”
“ที่สุด”
“ว้ายยยยยย อิจฉา”
สาวสวยในกลุ่มกรีดร้องออกมาพร้อมกัน นึกอิจฉาวาสนาของเพื่อนที่เมื่อคืนส่งสายตายั่วยวนจนคิริวลากออกมาจากผับเพื่อไปต่อยังคอนโดมิเนียมสุดหรู ทั้งที่ในโต๊ะของเขามีสาวสวยนั่งคลอเคลียอยู่หลายคน
“แปลว่าเขาติดใจแกแล้วล่ะสิ คืนนี้ว่าไง เขาให้แกไปหาอีกไหม”
เพราะชื่อเสียงของหนุ่มวิศวะสุดฮอตกลุ่มนี้เป็นไปในแนวทางเดียวกันคือ หล่อ รวย เลว ใช้ผู้หญิงเปลือง แม้จะสายเปย์แต่ก็ไม่ค่อยชอบใช้ผู้หญิงคนเดิมซ้ำหลายครั้ง โดยเฉพาะคิริว ที่ไม่เคยคบกับใครเป็นแฟน และไม่เคยให้ค่าผู้หญิงคนไหนนอกเตียงทั้งนั้น ถ้านิต้าสาวสวยถูกเรียกใช้อีกครั้งก็แปลว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะให้เป็นคนสำคัญ แม้จะไม่เคยมีผู้หญิงซึ่งโชคดีคนนั้นเลยก็ตาม
“ก็ยังไม่เห็นว่ายังไงนะ แต่นั่นคิริวเลยนะ เคยใช้ผู้หญิงซ้ำที่ไหน เขาขี้เบื่อจะตาย ได้นอนกับเขาแค่คืนนึง ได้กระเป๋าราคาตั้งหลายหมื่น ต่อให้เขาไม่เรียกหาฉันอีก ก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว”
“จริง แค่นี้ก็บุญกีบารมีแต๊สแล้วจ้าเพื่อนสาว คืนเดียว ร่างกายไม่ช้ำด้วย หาเหยื่อแซ่บ ๆ รายต่อไปดีกว่า แต่ถ้าฉันได้แซ่บกับคิริวสักคืนก็คงฟินเหมือนได้ขึ้นสวรรค์”
“ฟินจริง แต่ผอม ๆ เอวบาง ๆ อย่างแก รับความรุนแรงของเขาไม่ไหวหรอก ได้หักครึ่งแน่ ๆ”
สาวสวยทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่มีเคอะเขินราวกับสิ่งที่พูดนั้นมันเป็นเรื่องราวปกติที่ใช้สนทนากันเป็นประจำ
“ลิซ ลิซ อลิซ แกเป็นอะไรวะ นั่งเหม่อตั้งแต่เที่ยงแล้วนะ ฉันถามอะไรแกก็ไม่ตอบ นี่เรียกตั้งสามครั้งแล้วเนี่ย”
อลิษาสะดุ้งโหยงเมื่อมัสยาเรียกชื่อของเธอเสียงดังเป็นครั้งที่สาม หลังจากที่เธอนั่งเหม่อลอยทั้งคาบเรียนจนสิ่งที่อาจารย์สอนไม่ได้สะท้อนเข้าไปในหัวสมองของเธอแม้แต่น้อย
“อะไร เสียงดังไปได้ ยัยเมี่ยง”
“โห คุณนาย ฉันเรียกเธอสามครั้ง”
“แล้วเรียกทำไมล่ะ”
เธอเพิ่งสังเกตว่าอาจารย์สอนเสร็จแล้ว และเพื่อนร่วมคลาสก็กำลังทยอยออกจากห้องจนเหลือเพียงเธอและเพื่อนรักเท่านั้น จึงรีบเก็บของลงกระเป๋าผ้าทรงสวยใบโต
“ฉันถามแกว่า เราจะเอายังไงกันดี นี่ก็เย็นแล้ว แกต้องไปทำงานร้านพี่แก้ว ถ้าแกจะไปหางานที่ไหนฉันจะได้เตรียมตัว เลิกงานจะได้ไปด้วย”
“เอ่อ คือ”
มัสยาเลิกคิ้วสูง รอคอยคำตอบ แต่จนแล้วจนรอด คนที่กำลังสับสนกลับยังไม่สามารถให้คำตอบกับเธอได้
“แกไม่ต้องไปหรอก ฉันรู้แล้วว่าจะไปหาเงินค่าเทอมมาจากที่ไหน”
“ที่ไหน แกจะไปยืมใคร แกไม่มีญาติพี่น้องเหลือแล้วนะ หรือว่า...”
เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขออย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นเรื่องจริงเลย แต่ทว่าไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนช่วยเด็กกำพร้าจนตรอกอย่างพวกเธอได้ นอกเสียจาก...เขา
คนที่สนิทสนมกันจนแค่มองตาก็รู้ใจ พยักหน้ารับช้า ๆ เวลาที่เหลืออีกเพียงวันเดียวเธอจะไม่มีสิทธิ์เรียนต่อกับเพื่อน ๆ ในเทอมนี้ และเธอไม่สามารถเสียเวลาไปอีกหนึ่งปีได้จริง ๆ
“อืม คิริว”
“อลิซ แกจะบ้าเหรอ แกรู้ตัวไหมว่าสิ่งที่แกกำลังคิดจะทำ มันคืออะไร”
“รู้สิ ขายตัวแลกเงิน”
ปลายเสียงเจือสะอื้น ดวงตากลมโตสีน้ำตาลมีน้ำตามาเอ่อคลอ
“อลิซ เราไม่มีวิธีอื่นแล้วเหรอวะ ฉันไม่อยากให้แกทำอย่างนี้เลย”
“ฉันกับแก เรามีเงินติดตัวรวมกันยังไม่ถึงหมื่นเลย พรุ่งนี้ฉันมีเวลาถึงสี่โมงเย็นที่จะเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม แกคิดว่าเราจะไปเอาเงินมาจากไหนมากมายขนาดนั้น”
“แต่ฉันไม่อยากให้แกทำอะไรไร้ศักดิ์ศรีแบบนั้น”
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำ แต่ถ้าแม่รู้ว่าฉันเอาเงินค่าเทอมมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้แม่หมด จนฉันเรียนไม่จบเหมือนเพื่อน ต้อง
ดร็อปเรียนออกมาหางานทำก่อน แกว่าแม่ฉันจะรู้สึกยังไง”
“แต่ถ้าแม่แกรู้ว่าแกขายตัวล่ะ”
“ถ้าแกไม่พูด ฉันไม่พูด แม่จะรู้ได้ยังไง ฉันจะทำแค่ครั้งเดียว แค่เอาเงินมาจ่ายค่าเทอม แล้วฉันจะไม่ทำอะไรทุเรศ ๆ แบบนี้อีก”
“ที่แกเลือกคิริว เพราะได้ยินเด็กกลุ่มนั้นคุยกันเหรอ”
“ใช่ อีกอย่างวันที่เราไปทำงาน เขาเคยให้เบอร์โทรฉันมา แกจำได้ไหม”
“อืม จำได้ หมอนั่นคงจะชอบแก”
“ไม่ได้ชอบหรอก ผู้ชายอย่างเขาจะมาชอบผู้หญิงอย่างฉันได้ยังไง ก็แค่อยากได้เท่านั้นแหละ อีกอย่างที่ฉันเลือกเขา เพราะแกก็เคยได้ยินนี่ว่าเขาไม่ใช้ผู้หญิงซ้ำ แค่คืนเดียว ได้เงินค่าเทอม ได้กลับมาเรียนต่อ ทุกอย่างก็จบแล้ว ต่างคนต่างไป ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“แกจะไม่เสียดายใช่ไหม”
ด้วยรู้ดีว่าอลิษาไม่คิดที่จะสนใจผู้ชายเจ้าชู้หลายใจที่เข้ามาจีบ เพราะต้องการรักษาทั้งตัวและหัวใจไว้ให้ผู้ชายแสนดีที่คู่ควร ถ้าไม่มีผู้ชายคนนั้น เธอก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องหาเรื่องใส่ตัวให้เสียใจเล่น ๆ
“ไม่ แค่เยื่อบาง ๆ แลกกับอนาคตของฉันและความสบายของแม่ ฉันว่ามันคุ้ม”
ภาพแม่ของเธอที่นอนรักษาตัวในห้องพักแบบรวมของโรงพยาบาลที่แออัดราวกับปลากระป๋อง เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดของเตียงข้าง ๆ ยังสะท้อนก้องอยู่ในหู เธออยากให้แม่พ้นจากความลำบากให้เร็วที่สุด และในเมื่อจนตรอก เธอก็พร้อมแลก
“ถ้าแกคิดดีแล้ว ฉันก็จะไม่ห้าม แต่เราจะติดต่อหมอนั่นได้ยังไง แกทิ้งเบอร์เขาไปแล้วนี่ หรือจะให้ฉันไปถามเบอร์โทรจากเด็กเก่าของเขาไหม ฉันรู้จักอยู่หลายคน”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”
มือใหญ่สอดเข้าล็อกท้ายทอย บังคับเธอแหงนหน้าขึ้นรับเรียวลิ้นที่เข้าไปกวาดต้อนความหวานในโพรงปากอย่างหิวกระหาย เมื่อพอใจแล้วก็ละริมฝีปากมาบดจูบกลีบปากนุ่มนิ่มที่เริ่มบวมเจ่อของเธออีกครั้งคนตัวบางหลับตาพริ้ม แหงนเงยใบหน้าขึ้นเมื่อเขาไล้ปลายจมูกพร้อมเม้มจูบไปทั่วแก้มสาว ลามเลยเข้ามาซุกไซ้ยังซอกคอขาว ๆ ซึ่งส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของผิวเนื้อนางที่ผสมผสานกับโลชันทาผิวกลิ่นดอกไม้ กลายเป็นฟีโรโมนชั้นดีซึ่งเขาไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้มาก่อนซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสาวทำเอาเขาแทบคลั่ง จากค่อย ๆ พรมจูบดูดเม้มช้า ๆ จนทั่วทั้งลำคอนั้น กลับกลายเป็นซุกไซ้สูดดมกลิ่นเนื้อตัวเธออย่างบ้าคลั่งราวกับคนที่กำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ทั้งยังส่งเสียงครางฮือในลำคอบ่งบอกความพึงพอใจ ยิ่งทำให้สาวน้อยตัวสั่นสะท้านราวลูกนกชุดคุลมอาบน้ำพร้อมผ้าเช็ดตัวแสนเกะกะถูกถอดทิ้งกองลงบนพื้น ร่างบางลอยหวือขึ้นมาอยู่แนบอก เพียงชั่วอึดใจก็ลงไปนอนอยู่บนที่นอนนุ่ม โดยมีคนตัวโตที่เรือนร่างเปลือยเปล่าไม่ต่างกันคร่อมทับอยู่ดวงตาคมกริบวาบขึ้นเมื่อกวาดมองเรือนร่างบอบบางขาวผ่องตรงหน้า ผิวของเธอเนียนละเอียดขาวสว่างจนตาพร่า หน้าอกใหญ่โตเกินตัวไปมาก มากกว่า
“ริว กินข้าวลูก”คิริวเดินผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาในห้องอาหาร เขาตรงเข้าหอมแก้มแม่ของตัวเองทั้งซ้ายและขวาอย่างประจบประแจง“ไม่กินแล้วครับแม่ ผมมีนัด คืนนี้ไม่กลับมานอนบ้านนะครับ”เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่ทุกคนในห้องอาหารแล้วเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผิวปากอารมณ์ดีอีกครั้ง ในขณะที่คนเป็นป้ายิ้มกริ่มพึงพอใจเพราะคิดว่าหลานชายตัวเองมีนัดกับพิมพ์พลอย“เห็นไหม พี่บอกแล้ว ว่าตาริวยังไงก็ต้องชอบคนสวยแบบหนูพลอย เป็นไงล่ะ เจอกันแค่วันเดียวก็นัดกันออกไปเดตซะแล้ว”ช้องนางหันมองหน้ากับสามีตัวเองด้วยความแปลกใจ ท่าทางคิริวเมื่อคืนนี้ไม่เห็นจะเหมือนคนตกหลุมรักสาวสวยคนนั้นเลยแม้แต่น้อย แต่วันนี้ทำไมอารมณ์ดีที่ได้ออกไปเดตเสียได้ วัยรุ่นนี่เข้าใจยากเสียจริง“ปล่อยให้เป็นเรื่องของเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่ช่อ”“จ้ะ ๆ แค่นี้พี่ก็สบายใจแล้ว ท่าทางคู่นี้จะเป็นไปได้สวย เฮ้อ ได้กลับบ้านเสียที ได้ข่าวว่าลูกยัยผกาเลิกกับแฟนอีกแล้ว เห็นไหม ถ้าเชื่อป้าของมันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องรัก ๆ เลิก ๆ กับคนที่ไม่เหมาะสมแบบนี้หรอก เดี๋ยวจะหาผู้หญิงใหม่ให้เสียหน่อย”“พี่ช่อคะ”“เงียบไปเลยนะเรา ไม่ต้องมาห้ามพี่ ที่ทำทั้งหมดก็เพราะรักและเป็นห่วงหลาน
“แต่ผมมีครับพ่อ ผมไม่ได้ชอบพลอย ไม่ได้อยากมีแฟน ไม่อยากมีคู่หมั้นและไม่อยากแต่งงาน ผมไม่ยินดีที่จะมีงานหมั้นเกิดขึ้น ขอโทษทุกคนด้วยนะครับที่ต้องพูดตรง ๆ แต่ผมว่าแบบนี้มันดีกับพลอยมากกว่า พลอยจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลากับผม เพราะยังไงผมก็ไม่มีวันยอมหมั้นโดยที่ผมไม่ได้รู้สึกชอบหรอกนะครับ”พิทักษ์และกมลชนกอ้าปากค้าง เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคิริวจะกล้าพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้ คงเป็นเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบฝรั่งสินะในขณะที่พิมพ์พลอยทำได้แค่กำมือแน่นและกัดกรามข่มอารมณ์ไม่พอใจที่กำลังจะระเบิดออกมา เธอจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด อย่างไรผู้ชายคนนี้ต้องเป็นของเธอคนเดียวเท่านั้น“คิริว ทำไมหลานเสียมารยาทแบบนี้”ช่อม่วงเอ็ดหลานชายเสียงดัง“ผมพูดความจริงครับป้า”“วันนี้ไม่ชอบไม่เป็นไร เพราะริวกับหนูพลอยเพิ่งเจอหน้ากันแค่ครั้งเดียว ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักกันเลย ป้าอยากให้ริวไปรับพลอยไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกันบ่อย ๆ หาโอกาสใกล้ชิดกัน สักปีครึ่งปีเป็นไง พอถึงตอนนั้น ถ้าไม่ชอบ ค่อยมาว่ากันอีกที แต่ยังไงป้าก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจ ป้าขอยืนยันว่าริวต้องมีคู่ครองที่สมหน้าตา ในฐานะผู้บริหารที่วันหนึ่ง
“คิริว เรียนวิศวะโยธาหรือคะ”แม้จะรู้ประวัติของเขามาบ้างแล้ว แต่ก็ต้องหาเรื่องมาชวนคุย เมื่อเขาเอาแต่พาเธอเดินชมนกชมไม้ ทั้งที่ในมือกดโทรศัพท์ ไม่ได้ชายตามาแลเธอสักนิดเดียวจนรู้สึกอึดอัด“ครับ เรียกผมว่าริวเฉย ๆ ก็ได้นะ แล้วพลอยล่ะ”เขาต้องถามกลับเพื่อไม่ให้เสียมารยาท แต่ที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้เรื่องของเธอเลยแม้แต่น้อย ถ้ารู้เอาไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร“พลอยเรียนบริหารค่ะ เสียดายจังนะคะที่ไม่ได้เรียนมหาลัยเดียวกับริว ได้ข่าวว่าสาวบริหารที่นั่นสวยมากเลยหรือคะ”“ครับ สวยมาก ที่จริงผู้หญิงทุกคนก็มีความสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะดึงเสน่ห์ของตัวเองมาใช้ได้มากกว่ากันเท่านั้นครับ”เธอยิ้มรับคำพูดของผู้ชายเจ้าชู้ที่มองว่าผู้หญิงทุกคนคือดอกไม้งามประดับโลก และเพียงแค่เด็ดดมครั้งสองครั้ง กลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านั้นก็หมดไปเสียแล้วแต่ดอกไม้ราคาแพงอย่างเธอ อย่างไรเสียถ้าเขาเด็ดมาดอมดมแล้ว จะไม่มีวันทิ้งเธอได้ง่าย ๆ เหมือนดอกไม้ไร้ค่าพวกนั้นแน่นอน“แล้วริวชอบผู้หญิงแบบไหนล่ะคะ”เธอเอ่ยถามพร้อมทั้งส่งสายตายั่วยวน ถ้าเธอไม่ใช่คนที่ป้าเขาอยากได้มาเป็นหลานสะใภ้ อย่างไรคืนนี้ก็ต้องมีคลานลงจากเ
แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธแม่ได้ จึงต้องโทรไปรบกวนคนตัวบางที่กำลังจะเข้านอนหลังจากเพิ่งบอกแม่ว่าพรุ่งนี้เธอต้องไปรับงานพิเศษและต้องค้างคืนกับมัสยา“สวัสดีค่ะ”“ฉันเอง”เสียงทุ้มที่เริ่มจะคุ้นหูทำให้เธอแปลกใจ เขากลัวเธอจะเบี้ยวจนถึงขั้นโทรมาเช็กกันเลยหรือ“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า”เธอไม่กล้าเรียกชื่อเขา เพราะไม่อยากให้แม่ที่นอนหลับอยู่ด้านข้างรู้ว่าเธอคุยกับผู้ชาย ก่อนจะแอบเดินเลี่ยงออกมาคุยที่ระเบียงแทน“พรุ่งนี้ฉันขอยกเลิกนัดเราก่อนนะ ฉันมีธุระด่วน”“อ๋อ ได้สิ แล้วนายจะเอายังไงต่อ”“วันเสาร์เธอว่างไหม ฉันจะไปรับเธอที่หอแต่เช้า”“นายจะทำอย่างนั้นตั้งแต่เช้าเลยเหรอ”คนตัวบางเบิกตากว้าง เผลอโพล่งออกไปด้วยความตกใจ คนหื่นๆ อย่างเขาไม่รู้จักอายเลยหรือไง“ทำไมล่ะ ทำไม่ได้หรือไง”“เอ่อ คือ ไม่รู้สิ งั้นถ้านายมารับฉันแต่เช้า คงไม่ต้องค้างคืนใช่ไหม ฉันมีงานพิเศษตอนเย็นทุกวัน”“ร้านเดิมเหรอ”“ใช่”“เธอก็เปลี่ยนวันลาสิ จากวันศุกร์เป็นวันเสาร์”“แต่นายมารับฉันตั้งแต่เช้าแล้ว ยังต้องค้างคืนอีกเหรอ นายจะไม่พักบ้างหรือไง”“หึหึ พักไม่พักเดี๋ยวเธอก็รู้เอง ทำตามที่ฉันสั่งเถอะน่า ฉันเป็นลูกค้าวีไอ
“ไม่มีใครทำแบบนั้นหรอก คนจนก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะหมด”“ฉันก็แค่เตือนด้วยความหวังดี”“งั้นก็ขอบคุณที่มาส่งนะ”“เดี๋ยวสิ พรุ่งนี้เธอคงไม่ลืมใช่ไหม ว่าเรามีนัดกัน”ดวงตาคมกริบวาบขึ้นในความมืด นัยน์ตาสีน้ำตาลลึกล้ำจนอ่านไม่ออก แต่มันกลับทำให้ใบหน้าสาวร้อนวูบวาบแดงซ่านไปจนถึงใบหู“เอ่อ ไม่ลืมหรอก นายจะให้ฉันไปเจอที่ไหนล่ะ โรงแรมอะไร”“ไปคอนโดของฉัน”“คอนโดเหรอ”“อืม สะดวกดี แล้วก็ไปยืนรอฉันที่ข้างตึกคณะแล้วกัน เลิกเรียนจะไปรับ”“ฉันไม่อยากให้ใครเห็น ฉันไปเองก็ได้”“รถติด เสียเวลา งั้นเธอมาหาฉันที่รถก็ได้ เหมือนวันนี้”“อืม ก็ได้”“อย่าลืมเอาเสื้อผ้าไปด้วยล่ะ ชุดนอนไม่ได้นอน มีไหม ฉันชอบแบบนั้น”“อะ เอ่อ ไม่มีหรอก”คำพูดหน้าไม่อายของเขาทำเอาเธอหูอื้อไปหมด จะให้เธอใส่ชุดนอนบางเบาจนมองทะลุปรุโปร่งต่อหน้าเขาได้อย่างไร เธอกะว่าคืนพรุ่งนี้จะขอร้องให้เขาปิดไฟ ซึ่งก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะยอมหรือเปล่า“ไม่มีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ก็ได้ แค่ผิวขาวๆ ของเธอก็คงทำให้ฉันมีอารมณ์มากแล้วล่ะ”ยังไม่ทันจะได้เห็นผิวขาวๆ ของเธอภายใต้ร่มผ้าเลยสักนิด แค่จินตนาการไปตามคำพูดของตัวเอง ลูกชายคนโตที่ขนาดเทียบเท่ามาตรฐา