Masukหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เจ้าขาพยายามที่จะเข้ามาตีสนิทกับลีน่าอยู่หลายวันเพราะเธอเองก็ไม่รู้จักกับใครเลยและเพื่อนคนอื่นๆในเซคก็มีกลุ่มกันหมดแล้วเว้นเสียแต่ลีน่า ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนคบแต่หลังจากที่ได้พูดคุยมาหลายวันเธอก็พอจะรู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นคนรักความสันโดษและชอบอยู่คนเดียวเสียมากกว่าการอยู่กับผู้อื่นและถึงแม้จะรู้แต่เธอก็ยังอยากที่จะเป็นเพื่อนกับลีน่าอยู่ดีTT แต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีผลักไสเธอแต่อย่างใดนั่นจึงทำให้หลายวันที่ผ่านมานี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่พัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้นจนสามารถพูดคุยกันได้หลายๆเรื่องแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน "ลีน่าวันนี้เรากินอะไรกันดี" เสียงใสของเจ้าขาเอ่ยถามยังหญิงสาวผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆกันภายในโรงอาหารของคณะหลังบคิดอยู่นานแต่ก็ยังไม่สามารถเลือกเมนูที่จะทานได้ "พิชซ่าไหม?" ลีน่าเสนอขึ้นมาเพราะพิซซ่าคือเมนูสิ้นคิดที่สุดสำหรับเธอแล้ว "โอเค งั้นเดี๋ยวลีน่าไปซื้อน้ำนะ ส่วนเราไปซื้อพิซซ่าเอง" หลังแบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพสองสาวก็แยกย้ายกันไปซื้อของตามหน้าที่ของตนทุกๆวันเธอและลีน่าจะแยกกันไปซื้ออาหารและน้ำเพราะจะได้ไม่เสียเวลามากเกินไปอีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น ในขณะที่เจ้าขากำลังต่อแถวซื้อพิซซ่าต่อจากนักศึกษาคนอื่นๆอยู่นั้นจู่ๆคนที่ต่อแถวอยู่ทางด้านหน้าก็ถอยหลังมานั่นจึงทำให้เธอถอยเซไปด้านหลังด้วยเหมือนกันจนทำให้แผ่นหลังบางนุ่มนิ่มนั้นไปกระทบเข้ากับแผลงอกแกร่งของคนด้านหลังเข้าอย่างจัง พลั่ก!! "อ๊ะ! ขะ ขอโทษค่ะ..." คนตัวเล็กรีบทรงตัวให้กลับมาเป็นปกติก่อนจะรีบหันกลับไปขอโทษคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนทว่าในช่วงจังหวะที่ใบหน้าหวานใสเงยหน้าสบตากับคนตัวสูงนั้นเธอก็ต้องชะงักไป เพราะสายตาเรียบนิ่งและใบหน้าที่ดูหล่อเหลาอย่างไร้ที่ติของคนที่อยู่ด้านหลังนั้นทำให้เธอจำได้ในทันทีว่าเขาคือเพื่อนร่วมเซคหลังห้องคนนั้น... "ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มเรียบนิ่งที่ดังขึ้นราวกับระฆังที่เรียกสติของเจ้าขาให้กลับมา ก่อนที่คนตัวเล็กจะก้มหัวให้เขาไปหนึ่งครั้งแล้วรีบหันกลับมาเหมือนเดิมด้วยหัวใจที่สั่นไหวเล็กน้อย ทำไมกันนะ แม้สายตาของเขาจะเรียบนิ่งแต่ทว่าเธอกลับรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ดึงดูดมากเหลือเกิน ใบหน้าน่ารักนั้นเผลอครุ่นคิดถึงคนที่อยู่ด้านหลังไปครู่หนึ่งแต่เพียงไม่นานเธอก็รีบส่ายหน้าไปมาทันทีราวกับต้องการไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมองแล้วพยายามเรียกสติของตัวเองกลับมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินไปสั่งพิซซ่ากับแม่ค้าเมื่อถึงคิวของตนเข้าพอดี โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของคนที่อยู่ด้านหลังกำลังจ้องมองปฏิกิริยาของตัวเองอยู่ตลอดด้วยใบหน้าราบเรียบที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมาเช่นเคยแต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่.... ช่วงเย็นของวัน ภายในห้องรับรองของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังขนาดกว้างขวางและหรูหรามีร่างของชายหนุ่มใบหน้าเรียบนิ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกลางห้องในขณะที่นัยน์ตาคมคู่นั้นก็จ้องมองไปยังแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้าที่มีข้อมูลบางอย่างอยู่ด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกนึกคิดใดๆออกมา 'ไอยรา เบญจมินทร์ ' นัยน์ตาคมคู่นั้นไล่สายตามองไปยังตัวอักษรตรงหน้าที่แสดงข้อมูลและรูปภาพของหญิงสาวใบหน้าสวยหวานนัยน์ตากลมโตของใครบางคนอยู่แบบนั้น และเพียงไม่นานรอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาแต่ก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของเพื่อนสนิทสองคนที่เดินเข้ามา การกระทำดังกล่าวนั้นทำให้คิ้วหนาทั้งสองข้างของเคลวินแทบจะจรดกันอยู่ร่อมล่อก่อนเสียงทุ้มที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจจะดังขึ้นมา "สัสเคลมัวทำอะไรอยู่วะ?!" "เคาะประตูไม่เป็น?" "เคาะทำไมเสียเวลา" ลูคัสเอ่ยอย่างไม่แยแสก่อนจะเดินเข้าไปยังโต๊ะที่เพื่อนตัวสูงกำลังนั่งดูอะไรบางอย่างอยู่ "แล้วนี่มึงทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ลงไปสักที" ไวกว่าความคิดมือหนาของลูคัสก็เอื้อมเข้าไปหยิบแผ่นกระดาษที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูก่อนที่เขาจะชะงักไป "นี่มันเด็กใหม่นี่ มึงเอาประวัติเธอมาดูทำไม?" ลูคัสเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของเพื่อนเท่าไรนัก เคลวินไม่ได้ตอบคำถามไร้สาระของเพื่อนสนิทแต่กลับคว้าเอากระดาษแผ่นนั้นกลับมาแล้วเก็บมันไว้ในลิ้นชักเหมือนเดิม "ถึงกับมานั่งอ่านประวัติเขาแบบนี้ มึงกำลังคิดจะทำเรื่องชั่วๆ อยู่ใช่ไหม?" "มึงสนใจเธอหรอ" แม็คนัสที่ยืนเล่นเกมอยู่เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง "เรื่องของกู" แม้เคลวินจะไม่ได้ตอบออกมาตามตรงแต่กลับทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนหันมองหน้ากันทันทีอย่างเข้าใจในสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างดี "นั่นมันเด็กทุนของย่ามึงเลยนะเว้ย" ลูคัสเอ่ยปรามขึ้นมาเพราะย่าของเคลวินนั้นเป็นถึงเจ้าของมหาลัยแห่งนี้และไอ้คนที่นั่งหน้าหล่อๆ เลวๆ อยู่ตรงนั้นก็คือผู้สืบทอดตำแหน่งคนต่อไป แบบนี้แล้วมันยังจะทำตัวเป็นสมภารกินไก่วัดอีกหรือไง "แล้วยังไง" "มึงยังสติดีอยู่หรือเปล่าเนี่ย" เคลวินไม่ได้สนใสในคำพูดของเพื่อนสนิทตัวเองเท่าไรนัก ร่างสูงทำเพียงลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินออกจากห้องรับรองไปทันทีด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ทิ้งให้ลูคัสและแม็คนัสต่างหันมองหน้ากันอย่างรู้ดีว่าไม่สามารถห้ามเพื่อนตัวเองได้ เพราะอยู่ด้วยกันมานานจนรู้เช่นเห็นชาติกันหมด ไม่เว้นแม้แต่คนที่เพิ่งเดินออกไปที่ถึงแม้ว่าภายนอกมันจะดูไม่สนใจอะไร แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่ามันเองก็ร้ายกาจไม่ต่างจากพวกเขาเลยสักนิด สามวันถัดมา คลาสเรียนในช่วงบ่าย "วันนี้ไม่มีอะไรมากนะคะ อาจารย์จะให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มละห้าคน เดี๋ยวอาจารย์จะมอบหมายงานให้แล้วมาพรีเซนต์ให้เพื่อนฟังอาทิตย์หน้าค่ะ" "หากนักศึกษาได้กลุ่มครบแล้วส่งตัวแทนออกมาจับหัวข้อได้เลยค่ะ" หลังอาจารย์ประจำวิชาได้มอบหมายหน้าที่ให้นักศึกษาหลายสิบคนที่อยู่ภายในห้องต่างก็เริ่มกันจับกลุ่มของตัวเองทันที "ลีน่า เราอยู่กลุ่มใครดี" เจ้าขาเอ่ยถามหญิงสาวข้างกายอย่างลีน่าขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดคุยของนักศึกษาหลายๆ คนภายในห้องที่ดังขึ้นมา ในขณะที่นัยน์ตากลมโตคู่นั้นก็กวาดสายตามองไปยังบริเวณรอบๆห้องเพื่อหาดูว่ายังมีใครที่ยังมีกลุ่มไม่ครบอีกไหม แต่โดยส่วนมากแล้วทุกคนก็มักจะมีกลุ่มเพื่อนเป็นของตัวเองกันแล้วทั้งนั้นส่วนน้อยนักที่จะเหลือเศษ "สองคน" ประโยคที่ดังขึ้นมาจากลีน่านั้นทำให้เจ้าขาแสดงสีหน้าตกใจออกมาในทันที พลางโต้แย้งขึ้นมาทันควัน "แต่อาจารย์ให้จับกลุ่ม..." "กลุ่มเธอครบหรือยัง?" ยังไม่ทันที่เจ้าขาจะได้พูดจบประโยคเสียงทุ้มของชายหนุ่มปริศนาที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังนั้น ทำให้หญิงสาวทั้งสองคนจ้องมองไปยังผู้มาใหม่ทันที "อะ อ๋อ ยังเลยจ๊ะ" เป็นเจ้าขาที่ตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรต่างจากลีน่าที่จ้องมองไปยังลูคัสด้วยใบหน้าราบเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยความเบื่อหน่ายชัดเจน "สนใจอยู่กับพวกฉันไหมครบห้าคนพอดี" ลูคัสเอ่ยถามยังใบหน้าหวานใสของเด็กใหม่ อย่างจงใจเมินอีกคนอย่างชัดเจน "อื้อ ได้สิ" เมื่อได้รับการชวนเจ้าขารีบพยักหน้าตอบรับในทันทีทว่า.... "ไม่" ประโยคนั้นทำให้ทั้งเธอและลูคัสหันกลับไปจ้องหน้าของเพื่อนสาวข้างกายในทันทีด้วยความไม่เข้าใจ "ลีน่า แต่อาจารย์ให้จับกลุ่มนะ" "เดี๋ยวเราไปขออาจารย์ก็ได้" ลีน่ายังคงเอ่ยออกมาอย่างหัวค้านชนฝา เพราะไม่ว่ายังไงเธอก็จะไม่ยอมอยู่กลุ่มกับหมอนี่แน่ๆ "ไม่ได้สิ เอ่อ..เราสองคนตกลงอยู่กลุ่มเดียวกันกับนายนะ" แต่ทว่าเจ้าขานั้นกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้ลีน่าง่ายๆเช่นกัน "เจ้าขา" "ลีน่าอยู่เงียบๆ ไปเลย" ใบหน้าน่ารักนั้นหันไปขู่ใส่เพื่อนสนิทข้างกายอย่างในทันที ทว่าลีน่ากลับแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาเมื่อตนไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย ในขณะที่ลูคัสนั้นกลับลอบมองไปยังลีน่าด้วยสายตากวนประสาทอย่างชัดเจน แต่เพียงไม่นานเขาก็เลิกสนใจเธอแล้วหันมาเอ่ยสรุปกับเด็กใหม่ตรงหน้าแทน "ตกลงตามนี้ งั้นเดี๋ยวฉันออกไปจับหัวข้อก็แล้วกัน" สิ้นประโยคนั้นลูคัสก็เดินออกไปจับฉลากที่หน้าห้อง เจ้าขาที่เห็นแบบนั้นก็หันกลับมาถามยังเพื่อนสนิทข้างกายอย่างลีน่าทันที "ทำไมลีน่าถึงไม่อยากอยู่กลุ่มเดียวกันกับเพื่อนกลุ่มนั้นล่ะ" "หมันไส้" "หา?" เพียงสองคำสั้นๆ นั้นทำให้เจ้าขาถึงกับแสดงสีหน้าเหลอเหลาออกมาออกมาราวกับต้องการคำขยายความมากกว่านี้ทว่าลีหน้ากลับส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธราวกับไม่อยากจะพูดถึงลูคัสเท่าไรนัก "ช่างเถอะ" และแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้นแต่ทว่าคนข้างกายของเธอกลับแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมาไม่หยุดและแม้ว่าจะสงสัยแค่ไหนแต่เธอก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรเพื่อนอีก เมื่อทุกคนในห้องจับกลุ่มเรียบร้อยแล้วอาจารย์ก็ให้แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองตามที่ได้รับมอบหมายในทันที นั่นจึงทำใหเธอต้องลุกขึ้นจากเก้ากี้แล้วลากแขนของเพื่อนสนิทอย่างลีน่าให้เดินไปยังกลุ่มของเพื่อนคนนั้นด้วยกัน ทว่าเมื่อเดินไปถึงเธอก็ต้องชะงักไปเพราะมีชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาของใครบางคนนั่งร่วมอยู่ด้วย งั้นก็แสดงว่าเขาก็อยู่กลุ่มนี้งั้นหรอ.... "อะ เอ่อ หวัดดี เราชื่อเจ้าขานะ ส่วนนี่ลีน่า" ไม่ปล่อยให้ตัวเองได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เจ้าขาก็รีบแนะนำตัวเองออกไปในทันทีพร้อมกับเพื่อนข้างๆ ที่เธอลากมาด้วย "ชื่อยัยนั่นฉันรู้อยู่แล้วล่ะ" ลูคัสเอ่ยออกมาด้วยท่าทีสบายๆ แต่ทว่ากลับแฝงความกวนประสาทเอาไว้และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กเพิ่งคิดขึ้นได้ว่าเพื่อนคนอื่นในเซคอาจจะรู้จักกันหมดแล้วนอกเหนือจากเธอ "เรียกคนอื่นให้มันดีๆหน่อย" ลีน่าพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แสดงออกว่าไม่พอใจ ก่อนที่ลูคัสจะเอ่ยตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำเอาอีกฝ่ายก็เจ็บแสบไม่แพ้กันราวกับกำลังเล่นสงครามประสาท "ฉันชื่อแม็คนัส ส่วนนั่นลูคัส แล้วก็นี่เคลวิน" ในขณะที่ลูคัสและลีน่ากำลังถกเถียงกันอยู่นั้น แม็คนัสก็เอ่ยแนะนำตัวออกมาอีกทั้งยังแนะนำเพื่อนสนิทของเขาให้เด็กใหม่ได้รู้จัก โดยที่คนตัวเล็กเองก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะลอบมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งของเคลวิน โดยทันทีที่สบเข้ากับสายตาคมคู่นั้นเธอก็รีบผละสายตาออกทันทีด้วยความรู้สึกทำตัวไม่ถูก สายตาของเขาเรียบนิ่งจนเธอเองก็เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่เธอจะเลิกสนใจเขาแล้วเอ่ยแนะนำตอบกลับบ้าง "ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ" รอยยิ้มน่ารักเป็นมิตรถูกส่งไปให้เพื่อนใหม่ด้วยความจริงใจ ใบหน้าน่ารักที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์นั้นทำให้ใครอีกคนจ้องมองไม่วางตา "อย่ายิ้มแบบนั้นสิ" เป็นลูคัสที่เอ่ยแซวขึ้นมาอย่างหยอกล้อตามนิสัยขี้เล่นของตัวเอง นั่นจึงทำให้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นงุนงงในทันที "ทะ ทำไมหรอ?" "เพราะมันบาดใจของฉันเข้าน่ะสิ" ลูคัสพูดพลางกุมหัวใจข้างซ้ายของตัวเองไว้อย่างต้องการหยอกล้อต่อเด็กใหม่อย่างเจ้าขาทว่า... "มุกเห่ยชะมัด" ประโยคที่ดังขึ้นจากลีน่านั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาของลูคัสเลือนหายไปในชั่วพริบตา "แล้วเธอยุ่งอะไรด้วยไม่ทราบ?" ลูคัสกอดอกถามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง เจ้าขาที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเอ่ยเปลี่ยนเรื่องขึ้นมาทันทีหวังจะคั่นกลางสงครามขนาดย่อมๆนี้ "เอ่อ ว่าแต่เราจะไปทำงานที่ไหนกันดี" "ห้องสมุดไหม" เป็นแม็คนัสที่เอ่ยแสดงความเห็นออกมาในขณะที่ทุกคนนั้นก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยก่อนเสียงของลีน่าจะเอ่ยขึ้นมา "อีกสิบห้านาทีไปเจอกันที่นั่นแล้วกัน" สิ้นประโยคนั้นเธอก็จูงแขนของเพื่อนตัวเล็กอย่างเจ้าขาเดินออกจากห้องไปในทันที ทิ้งให้สามหนุ่มได้แต่มองตามหลังไปด้วยสายตาที่แตกต่างกัน....ณ มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเยอรมณี หญิงสาวใบหน้าสวยหวานน่ารักเจ้าของนัยน์ตากลมโตราวกับตุ๊กตามีชีวิตกำลังจ้องมองไปยังตึกที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหม่าอย่างเห็นได้ชัดก่อนเปลือกตาบางนั้นปิดลงครู่หนึ่งแล้วเปิดขึ้นมาอีกครั้งราวกับกำลังเรียกความกล้าให้กับตัวเองทว่า... "ฮืออ! ไม่กล้าอ่ะ" เสียงใสบ่นออกมากับตัวเองที่ยืนลังเลอยู่นานในขณะที่ใบหน้าน่ารักนั้นก็มุ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจที่ไม่กล้าเดินเข้าไปสักที วันนี้เป็นวันแรกที่เธอย้ายเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยในต่างประเทศหลังจากผ่านการอ่านหนังสืออย่างหนักหน่วงจนในที่สุดเธอก็สามารถสอบชิงทุนเข้ามาเรียนต่อที่นี่ได้ในขณะที่เรียนอยู่ปีสามคณะบริหารธุรกิจสาขาการสื่อสารธุรกิจระหว่างประเทศ "เอาน่า วันแรกใครๆก็ประหม่าแบบนี้นั่นแหละ" เสียงของ เจ้าขา พยายามพูดให้กำลังใจตัวเองในขณะที่ฝ่ามือทั้งสองข้างนั้นก็ประสานเข้าหากันแน่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง "เราทำได้ เราทำได้" คนตัวเล็กพยายามพูดเพื่อเรียกความกล้าให้กับตัวเองโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังกำลัง
หลายวันถัดมาภายในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ณ กรุงเบอร์ลินกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยบรรดาเหล่าคนมีเงินที่กำลังนั่งทานอาหารกันอย่างมีความสุขท่ามกลางเสียงเพลงที่เปิดคลอเบาๆเพื่อสร้างบรรยากาศทว่าจู่ๆ เสียงพูดคุยเมื่อครู่นั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นเสียงซุบซิบในเวลาอันรวดเร็วเมื่อมีการปรากฏตัวของชายหนุ่มทายาทตระกูลดังที่กำลังเดินเข้ามาภายในสถานที่แห่งนี้แม้ใบหน้าจะราบเรียบทว่ากลับไม่สามารถปกปิดความหล่อเหลาไร้ที่ติตามฉบับชายชาวยุโรปของเขาได้เลย แต่สิ่งที่ตราตรึงสายตาของผู้คนมากที่สุดคงจะเป็นนัยน์ตาสีเทาเข้มที่ดูเรียบนิ่งคู่นั้นไม่ใช่แค่เพียงใบหน้าเท่านั้นที่ดึงความสนใจของผู้คนทว่าด้วยเพราะเขาคือทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลไฮน์ริชที่ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศที่เป็นที่จับตามองของคนในสังคมอยู่ในขณะนี้"เคลวินมาแล้วหรอลูก"เสียงสดใสของหญิงวัยกลางคนอย่างเอมิเลียเอ่ยทักทายลูกชายเพียงคนเดียวของเธออย่างเคลวินที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารที่มีความเป็นไพรเวทแยกออกจากโซนด้านนอก"ครับ"เสียงทุ้มตอบรับมารดาของตนก่อนจะหันไปทักทายชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเอ็ดวินผู้นำตระกูลแวร์เนอร์ คนปัจจุบัน"คุณล
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เจ้าขาพยายามที่จะเข้ามาตีสนิทกับลีน่าอยู่หลายวันเพราะเธอเองก็ไม่รู้จักกับใครเลยและเพื่อนคนอื่นๆในเซคก็มีกลุ่มกันหมดแล้วเว้นเสียแต่ลีน่าไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนคบแต่หลังจากที่ได้พูดคุยมาหลายวันเธอก็พอจะรู้ว่าเพื่อนนั้นเป็นคนรักความสันโดษและชอบอยู่คนเดียวเสียมากกว่าการอยู่กับผู้อื่นและถึงแม้จะรู้แต่เธอก็ยังอยากที่จะเป็นเพื่อนกับลีน่าอยู่ดีTTแต่ถึงอย่างนั้นอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีผลักไสเธอแต่อย่างใดนั่นจึงทำให้หลายวันที่ผ่านมานี้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่พัฒนาไปในทางที่ดีมากยิ่งขึ้นจนสามารถพูดคุยกันได้หลายๆเรื่องแม้จะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน"ลีน่าวันนี้เรากินอะไรกันดี"เสียงใสของเจ้าขาเอ่ยถามยังหญิงสาวผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆกันภายในโรงอาหารของคณะหลังบคิดอยู่นานแต่ก็ยังไม่สามารถเลือกเมนูที่จะทานได้"พิชซ่าไหม?"ลีน่าเสนอขึ้นมาเพราะพิซซ่าคือเมนูสิ้นคิดที่สุดสำหรับเธอแล้ว"โอเค งั้นเดี๋ยวลีน่าไปซื้อน้ำนะ ส่วนเราไปซื้อพิซซ่าเอง"หลังแบ่งหน้าที่กันเสร็จสรรพสองสาวก็แยกย้ายกันไปซื้อของตามหน้าที่ของตนทุกๆวันเธอและลีน่าจะแยกกันไปซื้ออาหารและน้ำเพราะจะได้ไม่เ
ณ ห้องสมุดในช่วงบ่ายของวันหลังมาถึงห้องสมุดทุกคนก็แบ่งหน้าที่แยกย้ายกันไปหาข้อมูล บางส่วนจะต้องหาจากอินเตอร์เน็ตและบางส่วนจะต้องไปหาหนังสือภายในห้องสมุดหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าขาที่กำลังไล่สายตาหาหนังสือที่ต้องการอยู่"อยู่ไหนนะ" เสียงเล็กพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเมื่อไม่พบหนังสือที่ต้องการเสียทีหลังหาอยู่นาน"ตรงนั้น"เสียงทุ้มที่ดังขึ้นของผู้มาใหม่นั้นทำให้เจ้าขาหันไปมองยังทางต้นเสียงก่อนจะพบเข้ากับเคลวินที่เขาเองก็ได้รับหน้าที่ในการมาหาหนังสือเหมือนกันกับเธอนัยน์ตากลมโตคู่นั้นมองไปยังจุดที่เขาชี้บอกก่อนจะพบเข้ากับหนังสือเล่มที่เธอกำลังตามหา ฉับพลันนัยน์ตาคู่นั้นก็เป็นประกายวิบวับทันทีด้วยความดีใจ"อยู่ตรงนั้นจริงด้วย""ทำไมมันอยู่สูงจัง" เจ้าขาบ่นออกมาก่อนจะพยายามเอื้อมมือขึ้นไปหยิบมันทว่าก็เพียงแตะโดนนิดหน่อยเท่านั้นจนไม่สามารถที่จะหยิบได้และในช่วงจังหวะนั้นเอง..."เดี๋ยวฉันหยิบเอง"ร่างสูงที่เข้ามาประชิดร่างของเธอจากทางด้านหลังทันทีที่พูดจบนั้นทำให้เจ้าขาชะงักไปในทันที กลิ่นน้ำหอมหรูหราที่ลอยออกมาจากตัวของเขานั้นส่งผลให้ใบหน้าใสแดงก่ำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่หน้าอกข้างซ้ายกลับสั่นไ
@MIDNIGHT CLUBในช่วงดึกของวันหญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยหวานในชุดพนักงานเสิร์ฟประจำคลับดังแห่งหนึ่งอย่างเจ้าขากำลังยกถาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะนั้นทีโต๊ะนี้ทีด้วยความกระตือรือล้นเพราะยิ่งดึกมากเท่าไรเหล่านักท่องราตรีก็เริ่มเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ"วีไอพีห้า"เสียงของหญิงสาวผมบลอนด์อายุราวๆ สามสิบถึงสี่สิบปีเอ่ยบอกกับเด็กสาวชาวเอเชียอย่างเจ้าขาที่เพิ่งจะเดินถือถาดกลับเข้ามาได้ไม่นาน ก่อนใบหน้าน่ารักนั้นจะยิ้มตอบรับทันทีและเพียงไม่นานเครื่องดื่มถาดดังกล่าวก็ถูกยกออกไปพร้อมกับหญิงสาวเรือนร่างอรชรสถานที่แห่งนี้เป็นคลับชื่อดังย่านใจกลางกรุงที่เธอเพิ่งจะสมัครเข้ามาทำได้เพียงเดือนเศษๆ เพราะหลังย้ายมาจากประเทศไทยเธอก็เริ่มที่จะหาสมัครงานพาร์ทไทม์ทันทีเพราะฐานะทางบ้านที่ไม่ได้ร่ำรวยทำให้เธอไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้แม้ว่าจะได้ทุนจากทางมหาวิทยาลัยก็ตามทีแต่เพราะเธอเองก็มีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ด้วยและนั่นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เธอต้องมาเช่าหอพักราคาถูกข้างนอกอยู่แทนที่จะอยู่หอในที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหาไว้ให้สำหรับนักศึกษาทุนโดยเฉพาะแต่กว่าจะออกมาได้เธอก็จำเป็นต้องทำเรื่องขออนุญาตอยู่นาน"
"เพิ่งจะรู้ว่ากูมีเพื่อนจิตใจดีขนาดนี้"ประโยคนั้นดังขึ้นจากแม็คนัสทันทีที่เห็นร่างสูงของเพื่อนสนิทอย่างเคลวินเดินเข้ามานั่งที่โซฟาหรูฝั่งตรงข้าม"รู้จักเด็กคนนั้นหรอ"ประโยคคำถามดังขึ้นจาก โคลน์ รุ่นพี่คนสนิทที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของคลับแห่งนี้ที่พวกเขามักจะมาสุมหัวกันบ่อยๆ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเรื่องทั้งหมดมันมาถึงหูของเพื่อนสนิทเร็วขนาดนี้"เด็กใหม่เพิ่งย้ายเข้ามา"ประโยคดังกล่าวดังขึ้นจากลูคัสที่กำลังนัวเนียกับหญิงสาวหน้าอกบึ้มสองคนข้างกาย แม้สายตาจะกำลังชมสิ่งสวยๆ งามๆ ข้างกายแต่หูกลับกำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของคนทั้งสามเป็นอย่างดีไม่มีพลาด"นี่มึงคิดจะทำอะไรเคลวิน"น้ำเสียงจริงจังดังขึ้นจากโคลน์อีกครั้ง สายตาเรียบนิ่งจ้องมองไปยังรุ่นน้องที่นั่งอยู่ตรงหน้านิ่งอย่างต้องการคำตอบเพราะรู้ดีว่าเคลวินไม่ได้มีนิสัยชอบช่วยเหลือใครนอกเสียจากมันจะมีจุดประสงค์บางอย่าง"สนใจเรื่องของตัวเองเถอะ"เคลวินไม่ได้ตอบคำถามทว่ากลับเบนสายตาไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังโยกย้ายร่างกายไปตามทำนองดนตรีอยู่กั