ณ สนามบินประเทศไทย
เราทั้งคู่เดินทางสู่ประเทศไทยอย่างสมบูรณ์ สายตาของคนรอบตัวในสนามบินต่างจ้องมองมาที่พวกเรา แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่มองธาดามากกว่า
“สวัสดีค่ะคุณธาดา คุณเทียนไข” ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวทักทายในขณะที่พวกเราเดินออกมาจากประตูทางออก รถตู้จอดรอรับเราอยู่ ถึงปากเธอจะเรียกชื่อฉัน แต่สายตาไม่มองที่ฉันเลยสักนิด
“ครับ” ธาดาขานรับ และเดินขึ้นไปนั่งบนรถตู้ ฉันยืนมองซ้ายมองขวา
“ไปกันก่อนเลยนะ ฉันจะไปแท็กซี่” ฉันพูดกับธาดา และลากกระเป๋าไปทางรถแท็กซี่ที่จอดอยู่
“คนสวย เดี๋ยวก็โดนหรอก” เสียงธาดาดังลอยออกมาจากในรถ คำขู่ของหมอนี่มันก็มีแค่ไม่กี่เรื่อง
“น่ารำคาญ” ฉันบ่นกับตัวเองและส่งกระเป๋าลากให้คนขับ ก่อนที่จะเดินย้อนขึ้นไปนั่งบนรถตู้ข้างเขา
“อย่าดื้อสิ เธอมาอยู่ข้างห้องฉันแล้วด้วย ฉันสะเดาะกุญแจเก่งนะ” ธาดาเอียงหัวเข้ามากระซิบพูดข้างหู
“ถอยไปฉันรำคาญ”
ฉันปรับเบาะเอนและนอนหันหลังให้ธาดาทันที ซึ่งเขาก็ยังไม่เลิกกวนประสาทฉัน เขาเชื่อมต่อโทรศัพท์ของตัวเองเข้ากับลำโพงในรถ และเปิดเพลง Beautiful in white - shane filan เพลงกล่าวถึงความรัก เจ้าสาวและการแต่งงาน
ยกมือเล็กปิดหูตัวเอง เพราะไม่อยากได้ยินเพลงที่เขาเปิด หมอนี่ตั้งใจแกล้งกันชัดๆ ในรถเสียงพูดคุยแทบจะไม่มี มีเพียงเสียงเพลงเท่านั้น ฉันรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ขยับเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนเป่ารดหลังมือ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยกระซิบพูด
“อยากให้ถึงวันแต่งงานของเทียนไขกับฉันเร็วๆจัง”
พึ่บ!
“ถอยไปธาดา” ฉันลุกขึ้น และหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุด
“พูดจริงนะ ทุกอย่างที่พูดไปไม่ได้พูดเล่นเลย”
“ที่ไล่ก็พูดจริงเหมือนกันนะ ไปไกลๆ”
“ไล่เหรอคะคนสวย” ธาดาเท้าคางกับที่วางแขน และจ้องหน้าฉัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ถ้าไม่ไล่ แล้วนั่งอยู่เงียบๆจะตายหรือเปล่าคะคุณธาดา”
“ไม่ตาย”
“ดีค่ะ งั้นก็ช่วยนั่งอยู่เฉยๆด้วย” พูดจบก็ทิ้งตัวลงนอนตามเดิม
“แต่ถ้าไม่มีเทียนไขน่าจะตาย”
“งั้นเดี๋ยวได้ตาย” ฉันพูดในขณะที่หลับตา
“งั้นเหรอ”
เสียงพูดของเขาอยู่ใกล้มาก เพราะธาดาโน้มตัวเข้าใกล้ เขาไม่สนใจสายตาของคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเลยด้วยซ้ำ
“อย่าเข้ามาใกล้”
“ไม่มีคนสนใจหรอก” คำพูดเอาแต่ใจตัวเองของเขากำลังทำให้ฉันหมดความอดทน
พึ่บ! ฉันพลิกหันตัวกลับไปหาเขา แล้วเอามือยันอกกว้างไว้ ใบหน้าของธาดาอยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อน และกลิ่นลูกอมฟรุตตี้จากเขา
“ถอยไปก่อนที่ฉันจะโมโห”
“...” ไม่สนใจคำพูดของฉันแล้วยังจะดันตัวเข้ามาอีก
“ถอย” ฉันย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“...”
ธาดาจ้องหน้าฉันนิ่ง ก่อนที่จะยอมถอยกลับไปนั่งที่เดิม ฉันกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็สบตากับลุงคนขับรถ ยังไงซะฉันก็เป็นแค่เลขา และยังเป็นลูกคนงานในบ้านของเขา สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดคือการที่พ่อแม่จะถูกพูดในทางไม่ดี
“ช่วยทำตัวให้เหมือนเจ้านายกับลูกน้องด้วย ตอนนี้อยู่ในเวลางานของฉัน”
“งั้นเลิกงานเลย จะได้มาเป็นแค่ธาดากับเทียนไข” ต่อให้พูดจนปากเปียกปากแฉะเขาก็ไม่สนใจคำพูดของฉันแม้แต่น้อย
“ถามอะไรหน่อย” ฉันปรับเบาะให้มานั่งหลังตรงและหันไปประจันหน้ากับเขา
“ถามว่า”
“เป็นอะไร ตอนนี้คุณธาดาเป็นอะไรคะ” อยู่ ๆ ก็เป็นบ้าขึ้นมา วุ่นวายกับฉันมากขึ้นทุกวัน
“เป็นผู้ชายที่รอให้เทียนไขรับรัก” ธาดาพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ฉัน มันยิ่งทำให้รู้สึกขนลุกจนบอกไม่ถูก
“สมองไปกระแทกกับอะไรมาหรือเปล่า”
“ปกติ”
“หรือโรคบ้ากำเริบ ขาดยาเหรอ”
“ปกติ”
“ถ้าปกติก็ช่วยหยุดทำตัวแบบนี้สักที...ฉันรำคาญ” ฉันเน้นย้ำคำสุดท้ายเพื่อให้เขาเข้าใจ
“แต่ฉันไม่รำคาญ” โอเค ฉันคิดผิด คิดว่าเขาจะเข้าใจภาษาเดียวกันกับฉัน แต่ในความเป็นจริงไม่เลย ไม่สักนิด ตอนนี้ธาดายิ่งทำตัววุ่นวายขึ้นทุกวัน
ณ บ้านของธาดา
รถตู้เลี้ยวเข้าผ่านรั้วบ้านขนาดใหญ่ หลายปีแล้วที่ฉันไม่ได้กลับมาที่ไทย ที่นี่ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป
ครืด! ประตูรถถูกเปิดออก ธาดาก้าวลงจากรถตู้ไปก่อน และตามด้วยฉัน
“พี่เทียน...” เสียงเรียกของผู้ชายคนหนึ่งทำให้ฉันหันไปมอง
ผู้ชายในชุดเด็กมหา’ลัย ใบหน้าคมคายที่ฉันยังพอจะจดจำเขาได้ เขาเป็นลูกของคนงานในบ้านเหมือนกับฉัน ถึงเราจะห่างกันหลายปีแต่ตอนเด็กก็เคยเป็นเพื่อนเล่นด้วยกัน
“สวัสดี เก้าใช่มั้ย พี่จำถูกหรือเปล่า” ฉันส่งยิ้มให้เขา ผู้ชายตรงหน้ามีอาการเขินอายเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“ครับ”
“ไม่เจอกันนานเลย เป็นยังไงบ้าง”
หมับ! ฉันกำลังเดินเข้าไปหาเก้าก็ถูกมือของธาดาจับแขนเอาไว้ ฉันหันกลับมามองที่แขนของตัวเอง และเงยหน้ามองร่างสูงที่ยืนอยู่
“....” ธาดาใช้สายตามองฉัน และเงยหน้ามองไปยังเก้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“สวัสดีครับ คุณธาดา” เก้ายกมือไหว้เขา แต่ธาดาไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ เขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้น
“ปล่อย” ฉันพูดพร้อมกับมองมือที่จับแขนฉันอยู่
“...” เขายังเงียบ แต่สายตาเริ่มฉายแววของความไม่พอใจออกมา
“เฮ้อ... เดี๋ยวไว้เจอกันนะเก้า” ฉันหันไปส่งยิ้มให้เก้า ก่อนที่จะสะบัดแขนตัวเองออกจากมือของธาดาแล้วเดินนำหน้าไป ธาดาเดินตามหลังฉันมา จนกระทั่งใกล้ถึงห้องนั่งเล่น เสียงเข้มก็พูดขึ้นในระยะประชิดจากด้านหลัง มือหนาโอบรัดเอวฉันไว้แล้วดึงให้หยุดเดิน
“อย่าคุยกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉัน” พูดจบเขาก็ปล่อยมือและเดินนำฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่นทันที เสียงทักทายของผู้ใหญ่ดังมาจากในห้องหลังจากที่ธาดาปรากฏตัว
“เทียนไข~” เสียงของแม่ดังขึ้นในจังหวะเดียวกับที่ฉันปรากฏตัวขึ้น
“สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะพ่อ สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
“ลูกสาวคนสวยของแม่” แม่เดินเข้ามากอดฉันไว้แน่น และดึงมือเข้าไปนั่งลงฝั่งตรงข้ามธาดา
“เป็นทั้งลูกสาวคนสวยของเธอ แล้วก็ยังกำลังจะเป็นลูกสะใภ้คนสวยของฉันด้วยนะ” คุณป้าพูดด้วยสีหน้าอารมณ์ดี คำพูดของเธอทำให้พวกผู้ใหญ่ดูดีใจกันเป็นพิเศษ
“นั่นสินะ ถ้าเป็นเทียน ยังไงฉันก็ยอมรับไม่มีข้อกังขาเลย” พ่อของธาดาพูดเสริมอีกคน
“แค่คุณทั้งสองคนเอ็นดูเทียนไขมากมายขนาดนี้ก็ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้วละค่ะ” แม่ของฉันเสริมทัพอีกคน
“ขอโทษนะคะ” ฉันยกมือขึ้นเพื่อเป็นการขออนุญาตพูด ผู้ใหญ่ทุกคนต่างหันมาสนใจที่คนยกมือเป็นจุดเดียว รวมไปถึงธาดาด้วย เขานั่งยกขาไขว่ห้างและจ้องหน้าฉัน สายตาจ้องมองอย่างเรียบเฉย ความเงียบแบบนี้ฉันรู้ว่ากำลังอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก
“มีอะไรเหรอเทียน” แม่ถามขึ้นท่ามกลางความอยากรู้ของทุกคน
“ขอพูดอะไรหน่อยนะคะ”
“ได้สิ”
“เรื่องที่ทุกคนกำลังพูดกัน เทียนยังไม่ได้ตัดสินใจนะคะ แล้วอีกอย่างเทียนจะลาออกจากการเป็นเลขาของธาดาในสิ้นปีนี้”
“....” คำพูดของฉันทำเอาทุกคนเงียบ ทุกสายตาหันไปมองที่ธาดาอย่างพร้อมเพรียง
“ไม่ต้องมองเขาหรอกค่ะ เทียนตัดสินใจแล้ว และยังยืนยันคำเดิม ไม่มีใครมาเปลี่ยนใจเทียนได้”
“เทียน ป้าว่าเรื่องนี้เอาไว้ก่อนเถอะนะ เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกัน ถ้าเทียนไม่อยากทำงานป้าก็ไม่ว่าอะไร” คุณป้ายังคงใจดีกับฉันเสมอแบบนี้มาตลอด
“เทียนไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นค่ะ เรื่องที่คุณป้าต้องการเทียนขอคิดก่อน ซึ่งจะยังไม่ให้คำตอบในเร็ว ๆ นี้แน่” ฉันละสายตาจากคุณป้าแล้วมองไปยังผู้ชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“....” ธาดามีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการใดๆออกทางสีหน้า แต่แววตาแสดงออกชัดเจน
“ส่วนเรื่องลาออก ขอให้คุณป้าอนุมัติให้เทียนด้วยนะคะ เทียนจะทำเรื่องให้ถูกต้อง”
“เทียนไข...เราจะยังไม่พูดเรื่องนี้” แม่ของธาดาพูดด้วยน้ำเสียงดุ เพราะครั้งนี้ฉันไม่ทำตามใจใคร แต่ต้องการทำตามใจตัวเอง แล้วอีกอย่างตลอดระยะเวลาก็เหมาะสมแล้ว ธาดาเป็นผู้บริหารตามที่ทุกคนต้องการ ฉันคิดว่าเขาไม่ได้จำเป็นจะต้องมีฉันอยู่ด้วยตลอดเวลาแล้ว
“ให้เธอพูดเถอะ” เสียงของธาดาทำให้ทุกคนหันกลับไปมองที่เขา ธาดากดโทรศัพท์ตัวเองโดยที่ไม่เงยหน้ามามองใคร
“ธาดาทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่าลูก” พ่อของเขาเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง
“เปล่าค่ะ เทียนว่า...”
ติ้ง! เสียงข้อความดังมาจากโทรศัพท์ในกระเป๋า ฉันหันไปมองธาดาทันที
รอยยิ้มตรงหน้าของธาดากำลังทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง เขาหันหน้าจอโทรศัพท์กลับมาโชว์ภาพหน้าจอแชตของใครบางคน ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าและเปิดดูทันที
ข้อความแชตที่เด้งแจ้งเตือนมาจากเขา เมื่อเปิดเข้าไปดูก็พบกับภาพที่ถูกถ่ายไว้นานแล้ว ภาพของฉันและธาดา ภาพที่ฉันนอนหลับอยู่บนเตียงของเขา แม้จะมีผ้าห่มพื้นใหญ่คลุมตัว แต่ก็รู้ได้ทันทีถึงร่างกายเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่ หมอนี่เก็บหลักฐานเรื่องคืนนั้นไว้ทุกอย่าง
“ธาดา...” ฉันลุกขึ้นยืนและจ้องหน้าเขา
“....” ผู้ชายตรงหน้าส่งยิ้มให้ฉันอย่างผู้ชนะ
“อะไรกันทั้งสองคน ทะเลาะกันจริงเหรอ” แม่ของเขาเข้ามายืนกั้นกลางระหว่างเราเอาไว้ และมองเราทั้งคู่สลับกันด้วยความสงสัย
“ผม...” จะพูดอะไรออกมาอีก แต่ละเรื่องมีแต่เรื่องคาดไม่ถึงทั้งนั้น
“....” ทุกคนเงียบ รวมถึงฉันด้วยที่เงียบ และตั้งใจฟังเขา
“ผมแค่จะบอกว่า”
“หยุดธาดา” เขายิ้มมุมปาก และเอนหลังนั่งพิงด้วยท่าทางสบาย พร้อมกับเปิดปากพูดต่อ
“เรามีสัมพันธ์กันมากกว่าเพื่อน แล้วผมยินดีที่จะรับผิดชอบเทียนไขไปตลอดชีวิต”
“....” ทุกคนตกอยู่ในอาการตกใจ และมองเราทั้งคู่สลับกัน
“ไม่ต้องไปฟังเขานะคะ เขาโกหก” ฉันรีบแก้ต่างทันที ฉันไม่นึกว่าเขาจะกล้าพูดมันออกมาจริง
“ไม่ได้โกหกนะ ถึงจะใส่ถุงยาง แต่ก็ตั้งใจทุกอย่างที่ทำลงไป”
“ธาดา...” ฉันกำมือแน่น
“เอ่อ คือ...” แม่ของฉันมองเราทั้งคู่สลับกัน
“อย่าไปฟังนะแม่”
“ทั้งคู่ก็ยี่สิบแปดแล้วนะ เรื่องแบบนี้มันก็...”
“อย่าไปฟังเขาไงแม่”
“ลูกชายของป้าก็พร้อมที่จะรับผิดชอบ ป้าเองก็พร้อมมากที่จะรับผิดชอบ” แม่ของธาดาเดินเข้ามาพูดอีกคน
“ทุกคนเป็นอะไรกันคะเนี่ย” ดูจะพร้อมใจกันเกินไปนะ ฉันไล่สายตามองไปทางพวกเขาทีละคน
ติ้ง! เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ฉันมองไปทางธาดาซึ่งเขาเองก็มองมาเช่นกัน ก่อนที่จะเปิดโทรศัพท์ตัวเองขึ้นดู
'ธาดา: บอกแล้วไงว่าเทียนไขเป็นของธาดา'
ในเมื่อไม่อยากพูดให้ผู้ใหญ่ได้ยิน ฉันจึงพิมพ์ตอบข้อความเขาไป
'เทียนไข: ไปตายซะธาดา
'ธาดา: เธอจะไล่ว่าที่สามีแบบนี้ไม่ได้นะคะคนสวย'
'เทียนไข: ต่อจากนี้ไม่ต้องมาพูดให้ฉันได้ยินเสียงอีก รำคาญ'
'ธาดา: อย่าทำปากเบี้ยวแบบนั้น วันนี้ลิปสติกสีสวยดีนะขอชิมหน่อยสิ'
ฉันเงยหน้ามองร่างสูงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม สีหน้าที่ไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนของธาดายิ่งทำให้ฉันโมโห
'เทียนไข: น่ารำคาญ หุบปากไปซะ หรือจะไปตายก็ได้นะคะคุณธาดา จะได้ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นอีก'
'ธาดา: อยากให้หุบปาก ก็เอาปากมาปิดสิคะคนสวย'
ฉันกำโทรศัพท์ในมือแน่นและมองหน้าธาดา ไม่ว่าจะว่า หรือด่าเขาก็ทำเป็นไม่สนใจเหมือนเดิม ไอ้บ้าธาดา
ติ้ง! เสียงข้อความของฉันดังอีกครั้ง
'ธาดา: ยิ่งทำหน้าดุยิ่งน่ารัก น่ารักขนาดนี้จะให้หยุดรักได้ยังไงคะคนสวย'
“ไอ้บ้าธาดา” เสียงด่าของฉันทำให้ทุกคนมองด้วยสายตาตกใจ ฉันไม่เคยพูดให้ใครได้ยินนอกจากผู้ชายตรงหน้า
“เรียกสามีเหรอคะคนสวย” ไม่เคยสำนึกหรือหุบปากเลย เพราะแบบนี้ไงถึงอยากลาออกแล้วอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากที่สุด