แชร์

ลิขิตรัก 9 พบเจอ

ผู้เขียน: ดุจเพชร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-26 21:37:55

ลิขิตรัก 9

พบเจอ

หนึ่งชั่วยามผ่านไป

จบเสียที

กี่ตัวกันนะ  10 ตัว  50 ตัว  หรือมากกว่านั้น  ข้าทิ้งตัวลงนอนที่พื้นอย่างคนหมดแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด  คิดว่าถ้ากลับไปต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วยามกว่าจะล้างมันออกหมด ตามร่างกายมีรอยกรงเล็บที่ร่างกายสมานบาดแผลไม่ทันเนื่องจากมันมีเยอะเกินไป 

โฮกกกกก

เหลืออีกตัวหรือ ข้าหันไปมองทางต้นเสียง เห็นมันหนึ่งตัวขู่คำราม เห็นเขี้ยวแหลมคมที่สามารถฉีกร่างกายมนุษย์พร้อมกินอย่างไม่เหลือแม้แต่กระดูก  มันทำท่าพร้อมกระโจนเข้ามาทุกเมื่อ  แต่ข้าหมดแรงแล้วนะ  คิดในใจทว่าสมองสั่งให้ลุกขึ้น   แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งแขนขาขยับได้อย่างยากลำบาก 

อาจเป็นเพราะนี่มันเลยขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์มามากแล้ว  สุดท้ายจึงล้มตัวลงนอนที่เดิม จบแล้วสินะ ชีวิตข้าคงมาได้เพียงเท่านี้  ข้าขอโทษท่านพ่อท่านแม่ที่มิอาจกลับไปหาพวกท่าน

  ลาก่อนท่านอาคเนย์ เราคงมิอาจได้พบกัน

ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทลง พร้อมภาพอันเลือนราง ข้ากลับเห็นสัตว์อสูรตัวนั้นถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมด้วยการฟันที่คอเพียงครั้งเดียว 

“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ”  หันมองตามเสียงของผู้มาใหม่  นางแต่งกายคล้ายชุดของอิงหลิว ซึ่งเป็นชุดคลุมยาวไม่ค่อยมีสีสันมากนัก ทว่าเนื้อผ้าน่าจะดีกว่ามาก

“ที่นี่ที่ไหน”  ถามเสียงเรียบ ข้าตื่นได้สักครู่แล้วแต่กำลังปรับสายตาให้ชินกับที่แห่งใหม่พร้อมสำรวจรอบๆห้อง 

“จวนแม่ทัพเจ้าค่ะ”  นางกล่าวก่อนจะมองข้า สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างปิดไม่มิด สายตาประมาณว่า ‘ตอนหลับว่างามแล้ว ตอนตื่นงดงามยิ่งกว่า’ ข้ามองสภาพร่างกายพบว่าบาดแผลส่วนใหญ่หายไปแล้ว  แถมยังสวมชุดคลุมยาว สีสันสดใส 

 เดี๋ยวนะ  ตอนข้ามาไม่ได้แต่งกายด้วยชุดนี้ แล้วผ้าคลุม

“ชุดข้า…”  ถามด้วยเสียงนิ่งๆ

“ท่านแม่ทัพสั่งให้ข้านำไปทิ้งเจ้าค่ะ”  หญิงสาวก้มหน้างุดไม่กล้าสบตา 

เฮ้อ แล้วจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้

“แล้วข้าหลับไปกี่วัน”  หากหายมานานมากนัก ท่านพ่อบุญธรรม ท่านตาและคนอื่นๆต้องห่วงเป็นแน่

“สามวันเจ้าค่ะ”   เงยหน้ามองข้าอย่างกล้าๆกลัวๆ

นั่นไง ข้าว่าแล้ว ร่างกายข้าต้องใช้เวลาฟื้นตัวจริงด้วย

“เรียนท่านแม่ทัพให้ทีว่าข้าขอบคุณท่านมาก  แต่ข้าคงต้องขอลา คนที่บ้านข้ากำลังเป็นห่วง”  ข้าร่ายยาว อยากจะอยู่ขอบคุณผู้ช่วยชีวิตหรอกนะ แต่ข้าไม่อยากปล่อยให้ทุกคนที่นั่นเป็นห่วง เพราะข้ารู้ดีว่าการรอคอยใครบางคนนั้นมันทรมานขนาดไหน  ก่อนจะลุกพรวดขึ้นโดยไม่ฟังเสียงห้ามของนาง 

“เอ่อ  ช้าก่อนเจ้าค่ะแม่นาง ได้โปรดระ…”  แต่ก่อนที่ข้าจะหุนหันออกไปโดยไม่มีผ้าปิดหน้าเหมือนอย่างเคย  เสียงทุ้มเรียบนิ่งกลับดังขึ้นทางด้านหลัง

“ใครสั่งให้เจ้าไป…”

“ขออภัยดะ…ท่านอาคเนย์ !”  ข้าตกใจปนดีใจจนห้ามตัวเองไม่อยู่ โครงหน้าหล่อเหลาเช่นนี้ ดวงตาสีดำเฉกเช่นรัตติกาล  ข้าจำมันได้  ใจสั่นระรัวด้วยความตื่นเต้นและโหยหา  ก่อนจะเข้าไปกอดชายคนรักอย่างรวดเร็ว คิดถึงเหลือเกิน

 แต่แล้ว

พลัก !!!

“อย่าได้ริทำตัวไร้ยางอาย !”  สายตาคมกริบวาวโรจน์  ผลักข้าออกจากตัวอย่างรังเกียจ ไม่มีเยื่อใยใดๆหลงเหลืออยู่ คงเหลือเพียงความเย็นชา  ใจข้าพลันเจ็บแปลบ สายตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ  ไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดเสียงหวานใสดั่งแก้วกังวานก็ดังขึ้น  แต่ไม่มีสิ่งใดเจ็บไปกว่านางเรียกคนรักของข้าอย่างสนิทสนม 

 “ใครหรือเจ้าคะพี่เฟย งามยิ่งนัก” นางพูดก่อนจะหันมาสำรวจข้า  สายตาคมที่เคยโกรธเกี้ยวในคราแรกมลายหายไปเหลือเพียงความนุ่มนวลทอดมองไปยังหญิงสาวผู้เข้ามาใหม่  นางที่ข้าเคยเห็นในกระจกครานั้น  รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม  หน้าตาน่ารักที่มาพร้อมดวงตากลมโตนั่น 

“หญิงสาวที่พี่ช่วยไว้”  เขาตอบเสียงอ่อนโยน ช่างแตกต่างจากข้าโดยสิ้นเชิง  สายตาเขาคงมีแต่นางสินะจึงมิเห็นว่าตอนนี้ข้าสุดแสนจะเจ็บปวด  กระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่กำลังรินไหล  อย่าพึ่งท้อสิจิวฮวา  เจ้ายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาเจ็บปวดงั้นหรือ ข้าเตือนใจตนเองก่อนนะรีบปรับสายตาให้กลับมาปกติเช่นเดิม

          “ขะ ขอโทษเจ้าค่ะ  ท่านเหมือนคนที่ข้าเคยรู้จัก”  ใช่ เคยรู้จัก คำนี้น่าจะเหมาะกับความเป็นอยู่ตอนนี้   ไม่อาจละสายตาจากดวงหน้าหล่อเหลานั่นได้ ทำได้เพียงมองหน้าเขานิ่ง พยายามเก็บความรู้สึกไว้ไม่แสดงออกมา 

“พี่เฟยมิโกรธเจ้าหรอก ใช่หรือไม่ท่านพี่”  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบ  หญิงสาวข้างกายเขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยออกมา  ก่อนจะหันไปคะยั้นคะยอถามจากคนที่นางยืนข้างกาย  สายตาที่พวกเขาใช้มองกันมิใช่ความสัมพันธ์ที่จะแทรกกลางได้เลย  ข้าควรทำยังไงดี

“อืม เจ้าว่าอย่างไรพี่ก็ว่าอย่างนั้น”  เสียงทุ้มตอบกลับ  พลันให้คนที่ถูกกล่าวถึงหน้าแดงซ่านอย่างน่ารัก ทว่าคนฟังอย่างข้าแทบจะยืนไม่ไหว  ก่อนชายหนุ่มจะหันมาดุสาวใช้เสียงเข้ม

“ข้าสั่งให้เจ้าดูนางไว้ ใยจึงปล่อยให้นางเกือบหนีไป”

“บะ บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ” สาวใช้กล่าวเสียงสั่น ไม่กล้าสบตา หากข้าไม่ได้ตาฝาดไปเองเหมือนเห็นสาวใช้ผู้นี้จ้องไปยังหญิงข้างกายท่านอาคเนย์ด้วยความกลัว พยายามหลบสายตาหญิงคนนั้นตลอด หรือข้าอาจคิดไปเอง

แต่อย่างไรในเมื่อเจอเขาแล้วข้าก็จะต้องทำอะไรสักอย่าง ตัดสินใจเอ่ยแทรกหลังจากคิดบางอย่างได้ อีกฝ่ายคงดำรงตำแหน่งแม่ทัพตามที่สาวใช้เอ่ยถึง เขาเป็นคนช่วยข้าไว้

“ร่างกายข้ายังมิหายดี  ข้าขอพักอยู่ที่นี่ก่อนได้หรือไม่”  มองสบตาเขาแกมขอร้อง ในใจสั่นระรัวอย่างลุ้นระทึกหากเขาไม่ให้นางอยู่จะทำอย่างไร

“คงต้องเป็นเช่นนั้น เพราะข้ายังมีบางอย่างอยากถามเจ้า” 

“แล้วน้องล่ะพี่เฟย  พี่สัญญาจะพาน้องไปซื้อปิ่นอันใหม่นะเจ้าคะ”   หญิงสาวร่างบางข้างๆจับแขนคนรักของข้าอย่างไม่ยอม ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูในสายตาของคนมอง ยกเว้นข้าและสาวใช้ที่ก้มหน้างงุดสั่นกลัวบางอย่าง

“พี่ย่อมพาเจ้าไปซื้อก่อนแน่นอน”  เขาเอ่ยก่อนจะหันมาสั่งสาวใช้เสียงเข้มแกมขู่ ท่าทางผิดกับตอนเอ่ยกับหญิงข้างๆโดยสิ้นเชิง

“จับตาดูนางไว้ให้ดี หากนางหนีไป นั่นย่อมหมายถึงชีวิตเจ้า!”   ข้ามองพวกเขากุมมือกันเดินจากไป ในใจพลันคิดขึ้นมาว่าข้าควรร้ายเพื่อให้ได้เขากลับมาหรือว่าเป็นคนดีแต่ต้องเสียเขาไป  

สุดท้ายใจมันร่ำร้องว่ายังไม่พร้อมเสียเขาไป งั้นก็คงต้องร้ายสินะ ความคิดที่จะรีบกลับไปเป็นอันต้องหยุดลง  ข้าจะยังกลับตอนนี้ไม่ได้ 

“เจ้าเป็นใคร !” หลังจากเวลาผ่านไปหลายชั่วยาม  ร่างหนาที่ตอนแรกออกไปกับหญิงนางนั้นและทำเหมือนไม่มีข้าในสายตาก็เดินเข้าพร้อมกับคำถามธรรมดา แต่หากชวนให้รู้สึกกดดัน

“ท่านจำข้ามิได้หรอก”  มองหน้าเขาไปตรงๆโดยไม่หลบสายตา  พยายามจ้องลึกเข้าไปในนั้นว่ายังมีข้าหลงเหลือในห้วงความทรงจำอยู่หรือไม่

“จำมิได้เพราะเจ้าไม่เคยอยู่ในความทรงจำ !” ทว่าประโยคที่ตอบกลับมาเสมือนเข็มพันเล่มทิ่มลงกลางใจข้า ตอกกลับเหมือนไม่ใส่ใจจนข้ารู้สึกว่าหน้าเริ่มชา

“แต่ท่านอยู่ในความทรงจำข้าตลอดมา”  ข้ามองเขาอย่างสื่อความหมาย  คิดให้ความหวังตนว่าอย่างน้อยแค่เศษเสี้ยวความทรงจำก็ยังดี 

“เจ้ายังไม่ตอบว่าเจ้าเป็นใคร”  เขาเปลี่ยนเรื่องพลางเสมองไปทางอื่น ชายหนุ่มรู้สึกปวดในหัวโดยไม่ทราบสาเหตุ หญิงนางนี้ช่างคุ้นเคยสำหรับเขาแต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก จึงได้แต่สลัดความฟุ้งซ่านนี้ทิ้งไป

 “ข้ามีนามว่า จิวฮวา เป็นบุตรสาวพ่อค้า”  ข้าไม่ได้โกหก แต่ก็ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด

“เจ้าฆ่าสัตว์อสูรอย่างโหดเหี้ยม ยังจะบอกว่าเป็นบุตรสาวพ่อค้าธรรมดาอีกหรือ…”  เขาแย้งอย่างไม่เชื่อคำที่ข้ากล่าว แสดงว่าสายตาครานั้นที่มองมาเป็นสายตาของเขา คงจับตาดูมาตั้งแต่ต้น

“แล้วบุตรสาวพ่อค้าจะจับดาบไม่ได้หรือ” เถียงกลับไปอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน  ตอนนี้เราใช้สายตาฟาดฟันอย่างไม่มีใครยอมใคร

“บอกมาเจ้าเป็นสายจากต่างแคว้นใช่หรือไม่ !!” 

“ท่านเปลี่ยนไปมากรู้หรือไม่ท่านอาค…”  แต่ก่อนจะได้เอ่ยต่อ  กลับได้รับเสียงตวาดดังลั่นจนสะดุ้ง

“หยุดใช้สายตาและน้ำเสียงเช่นนี้ !!!”  เขามองข้านิ่ง ทว่าดวงตากลับขุ่นเคืองจนข้าสะอึก พูดสิ่งใดไม่ออก

“…”

“เพราะมันน่ารังเกียจ”

“ฮึก ท่าน…”  ข้าทนมิไหวอีกต่อไปแล้ว  ทรุดตัวลงน้ำตาค่อยๆ หลั่งรินทั้งสีหน้าและท่าทางเขาทำเหมือนข้าเป็นตัวน่ารำคาญ ทั้งที่เมื่อหลายร้อยปีก่อนเขาทะนุถนอมไม่เคยแม้แต่จะขึ้นเสียงใส่

“จะ เจ้า  หยุดเสเเสร้งเสียที…”  เขามองข้าร้องไห้นิ่งๆมิมีคำปลอบ ไม่มีความห่วงหา มีเพียงสายตาหวั่นไหวเพียงชั่วครู่ก่อนจะมลายหายไป

“ฮึก ฮึก”

“ไว้ข้ามาใหม่”  เมื่อเห็นว่าข้าเอาแต่ร้องไห้ เขาจึงสะบัดชายเสื้อเดินออกไปไม่แม้จะหันมามอง แต่ยังไม่วายทิ้งคำพูดที่เหมือนกับว่าเขาจะกลับมาเค้นเอาคำตอบใหม่

 เพียงวันแรกเขาก็ทำให้ข้าต้องร้องไห้  มิใช่ว่าวันหน้าข้าต้องเจ็บตัวเลยหรือ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 13 อนุคนแรก

    ลิขิตรัก 13 อนุคนแรก“อ๊ะ อื้มมมม” ไม่ทันได้ตอบกลับ ริมฝีปากโดนปิดด้วยริมฝีปากหนาของคนที่คร่อมอยู่ทันที มือของเขาอยู่ไม่นิ่ง จับร่างกายไปทุกส่วน ข้าสะดุ้งทันทีที่เขาจงใจกดร่างกายท่อนล่างกับส่วนนั้นของข้าทั้งที่ตัวเองยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบ แต่มันก็อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้“อื้มมม” เขาครางกระหึ่มอย่างพอใจและยิ่งกระหายในกายข้ามากยิ่งขึ้นเมื่อมือแกร่งจับมือนิ่มของข้าให้เลื่อนลงไปสัมผัสกลางลำตัวที่บัดนี้โป่งพองแข็งสู้มือข้าจนแทบจะระเบิด แต่ดูเหมือนเขาพยายามข่มอารมณ์ไว้คล้ายอยากเล่นสนุกกับร่างกายข้ามากกว่านี้“อ้าปาก” ดุเสียงเข้มเมื่อข้าปิดปากไม่ให้ลิ้นร้อนนั่นเข้ามาได้อีก“อ๊ะ!” เขากัดริมฝีปากข้าเมื่อเห็นว่าข้ายังดื้อไม่ยอมเปิดปากตามเขาสั่ง ก่อนจะครางอย่างพอใจเมื่อลิ้นร้ายกาจเข้ามาไล่ต้อนข้าได้อย่างจนมุมปากหนายังไซร้คอข้าอยู่และมีทีท่าว่ากำลังจะเลื่อนลงมายังหน้าอกหน้าใจที่มันใหญ่จนล้นมือเขา มือทำหน้าที่ไม่อยู่นิ่ง บีบคลึงหน้าอกอย่างมันมือ ส่วน

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 12 หลอกใช้

    ลิขิตรัก 12 หลอกใช้เพล้ง !“เป็นอันใดหรือเจ้าคะท่านพี่เฟยหลง” เสียงหวานเอ่ยถามชายคนรัก เมื่อเห็นร่างสูงปล่อยความกดดัน จนแจกันแตกเป็นเสี่ยงๆ“มิเป็นอันใด ต้องขออภัยเหมยเอ๋อร์ด้วยแล้วที่ทำให้เจ้าตกใจ” ชายหนุ่มหันมองหญิงคนรักที่เดินเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ สบถในใจที่เผลอใช้พลังจนอาจเกือบทำให้หญิงคนรักบาดเจ็บ“น้องมิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ว่าแต่ผู้ใดหนอที่ทำให้ท่านพี่อารมณ์ไม่ดีเช่นนี้”“เรื่องงานหน่ะ” ร่างสูงไม่ได้โกหก ทุกคืนเขาจะออกไปตรวจในเมืองโดยรอบ จนบางวันปะทะเข้ากับพวกนอกด่านแทบไม่ได้นอน แต่ส่วนหนึ่งคิดไปถึงต้นตอที่ทำให้ตนเป็นเช่นนี้อีกเรื่อง อยากจัดการกับหญิงไร้ยางอายนั่นเด็ดขาด แต่ทำไมใจมันถึงสั่นตลอดเมื่ออยู่กับนางอาคเนย์ที่นางใช้เรียกเขานั้นไม่รู้เป็นชายใด แต่พอนางพูดชื่อนี้ ใจเขามันหงุดหงิดทุกครั้ง แทบอยากกระชากร่างบางให้หยุดเรียกชื่อนั้น แล้วจดจำเพียงชื่อเขา พลันความคิดต้องหยุดชะงักลงยามเขาได้จับไปที่สร้อยท

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 11 ไร้ยางอาย

    ลิขิตรัก 11 ไร้ยางอาย “อุ้ย พี่เฟยหลง”“เดินระวังๆสิ เหมยเอ๋อร์” เสียงทุ้มที่เดินตามหลังประคองร่างบอบบางของคนรักไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม สายตาคมดุคนในอ้อมแขนไม่จริงจังนัก“คิกๆ เหมยเอ๋อร์รู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องไม่ปล่อยให้เหมยเอ๋อร์เป็นอันใด” เสียงหวานใสตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม“พี่อยู่กับเจ้าได้มิตลอด เจ้าก็ต้องระวังตัวให้มาก” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง พลันครุ่นคิดเรื่องที่ได้ยินมาตลอดเวลา ศัตรูย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อเร้นหาจุดอ่อน หากพวกมันรู้ว่าเขามีคนรักต้องหาทางทำร้ายนางเป็นแน่“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างงั้นสิเจ้าคะ เหมยเอ๋อร์มิเป็นอันใดง่ายๆหรอกนะ” นางบอกคนรักที่ทำหน้ากลัดกลุ้มใจอย่างชัดเจน“พี่ก็หวังให้เป็นเช่นนั้น”“จริงสิ สร้อยที่น้องให้...”“พี่ใส่ติดตัวไว้ตลอดเลยล่ะ” หยางหลงสลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปก่อนจะยกแขนข้างขวาที่สวมสร้อยลูกปัด ซึ่งคนรักร้อยเองกับมือขึ้นมาให้ดู เขาใส่ต

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 10 ไม่เชื่อใจ

    ลิขิตรัก 10ไม่เชื่อใจ“เจิ้นมิเคยเห็นเจ้าทำหน้าเครียด มีเรื่องทุกข์ใจอันใดหรือ” ชายหนุ่มบนบัลลังก์เอ่ยถามสหายที่ยามนี้เหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“หามิได้พะย่ะค่ะ” ร่างหนาผู้ถูกถามตอบกลับคล้ายปฏิเสธกลายๆ“อืมม หรือเจ้ากำลังคิดถึงหญิงนางนั้น” สายตาคมปราดมองอย่างหยอกล้อ หญิงนางนั้นที่ว่าคงหนีไม่พ้นนางที่ลานประลองแคว้นเฟิง“กระหม่อมมิสนผู้ใจนอกจากเหมยฟาง” และเขาก็ยังคงกล่าวออกมาเช่นเดิม สายตาเย็นชาช่างราบเรียบคล้ายเหนื่อยหน่ายกับทุกสิ่ง จนผู้เป็นใหญ่แห่งแคว้นต้าเช่นเขานึกอยากเห็นว่าจะมีหญิงใดในหล้าทำให้แม่ทัพใหญ่ผู้นี้เปลี่ยนไปได้หรือไม่ ซึ่งแม้กระทั่งคู่หมายที่เป็นบุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายซ้ายเองก็ยังมิอาจทำได้“หึ ๆ เจิ้นก็ยังตรัสคำเดิมว่าจะรอดู”“หากหวงช่างเชิญมาเพียงเท่านี้ กระหม่อมขอลา” ชายหนุ่มลุกขึ้นโดยยังไม่ได้รับอนุญาต หน้าตานิ่งเฉยบ่งบอกว่าไม่เกรงกลัวอาญาเลยแม้แต่น้อย“ดะ เดี๋ยวเจิ้นมีเรื

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 9 พบเจอ

    ลิขิตรัก 9พบเจอหนึ่งชั่วยามผ่านไปจบเสียที…กี่ตัวกันนะ 10 ตัว 50 ตัว หรือมากกว่านั้น ข้าทิ้งตัวลงนอนที่พื้นอย่างคนหมดแรง เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด คิดว่าถ้ากลับไปต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าชั่วยามกว่าจะล้างมันออกหมด ตามร่างกายมีรอยกรงเล็บที่ร่างกายสมานบาดแผลไม่ทันเนื่องจากมันมีเยอะเกินไปโฮกกกกกเหลืออีกตัวหรือ ข้าหันไปมองทางต้นเสียง เห็นมันหนึ่งตัวขู่คำราม เห็นเขี้ยวแหลมคมที่สามารถฉีกร่างกายมนุษย์พร้อมกินอย่างไม่เหลือแม้แต่กระดูก มันทำท่าพร้อมกระโจนเข้ามาทุกเมื่อ แต่ข้าหมดแรงแล้วนะ คิดในใจทว่าสมองสั่งให้ลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับหนักอึ้งแขนขาขยับได้อย่างยากลำบากอาจเป็นเพราะนี่มันเลยขีดจำกัดของความเป็นมนุษย์มามากแล้ว สุดท้ายจึงล้มตัวลงนอนที่เดิม จบแล้วสินะ ชีวิตข้าคงมาได้เพียงเท่านี้ ข้าขอโทษท่านพ่อท่านแม่ที่มิอาจกลับไปหาพวกท่าน ลาก่อนท่านอาค

  • The Evil Queen ฝืนลิขิตร้ายกลายเป็นลิขิตรัก   ลิขิตรัก 8 เทพเซียน

    ลิขิตรัก 8 เทพเซียนยามจื่อ (23.00 - 24.59 น.)“ฝั่งนั้นมีกี่ตัว” ข้าสวมชุดสีดำทะมัดทะแมง พร้อมผ้าคาดผืนบาง เหลือเฉพาะดวงตา มองไปมาเหมือนนักฆ่าไม่มีผิด“2 ตัวขอรับ” ฮุ่ยเฉินที่แต่งตัวไม่ต่างจากข้าเอ่ยบอก ตอนนี้บาดแผลเขาสมานกันดีแล้ว เหลือเพียงรอยขีดข่วนจากกรงเล็บที่แขนนั่นนิดหน่อย พละกำลังก็เหมือนจะฟื้นตัวแล้วด้วย ข้าคงลืมบอกอีกอย่างสินะ เลือดของข้าหน่ะ นอกจากจะรักษาบาดแผลแล้วยังฟื้นฟูพลังตบะ นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่อยากให้ผู้อื่นรู้เรื่องนี้ เพราะข้าเกลียดความวุ่นวาย“จัดการ” ข้าบอกเขาเสียงเรียบก่อนที่ตัวเองจะปรี่ตัวเข้าไปจัดการอีกฝั่งที่มี 5 ตัว ลักษณะของมันแตกต่างจากซือเป่าลิบลับ เหมือนสัตว์อสูรกายมากกว่าเป็นสัตว์อสูร มันมองมาอย่างหิวโหยแต่ก่อนที่มันจะกระโจนใส่ ข้าชิงเรียกดาบศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาก่อนจะฟันไปที่ลำตัวของมันจนเลือดสีดำคล้ำสาดกระเด็นเปื้อนชุดข้าและนี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกหยิบชุดสีน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status