เคียนโต้สามารถพูดสรุปปุ่ม อุปกรณ์ แสงไฟ สัญลักษณ์ได้ภายในสามนาที อเล็กซิสเหมือนนั่งฟังเครื่องเล่นเทปที่กดปุ่มเร่งค้างไว้ ที่สำคัญห้องน้ำในนี้ยังทันสมัยกว่าในศูนย์แรก หากแต่เธออยากได้ห้องน้ำส่วนตัวมากกว่าห้องน้ำรวม แต่ใช่ว่าเธอจะต่อรองได้ถูกไหมล่ะ
“เอาล่ะ มีคำถามไหมจ๊ะ”
แน่นอน “มีค่ะ ฉันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ห้องพยาบาลอีกได้ไหมคะ
หล่อนยิ้มมุมปาก “พวกเรามาจากชั้นเจ็ดสิบสอง” ว่าแล้วเดินทิ้งสะโพกออกไป
อเล็กซิสวิ่งไปนั่งบนเตียงเบ็กกี้ เธอนอนคลุมโปงอยู่ “เป็นไงบ้าง ทำไมนอนแบบนี้”
เด็กสาวเปิดผ้าคลุมออก
“ไม่เป็นอะไร จำได้ว่าถูกสัตว์ประหลาดสักตัวซัด ฉันนึกว่าตัวเองตายแล้ว พอรู้สึกตัวก็มาก็อยู่ที่นี่แล้ว โนเอลกับเบน...”
เธอส่ายหน้า
เด็กสาวหน้าหมองลงจากที่หมองอยู่แล้ว “เพราะฉันใช่หรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอก” หากอเล็กซิสชอบโทษตัวเองแล้ว สาวน้อยเบ็กกี้เป็นมากกว่าสิบเท่า
“พวกมินนี่กับเทสซ่ารู้แล้วหรือยัง”
เธอพยักหน้า สายตามองเตียงที่เหลืออย
“เคสเอชโอวันเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2919 ทางการสามารถจับกุมซีโน่ ฮาร์ต ผู้สามารถเปลี่ยนอวัยวะตนเองกลายเป็นโลหะได้ เขาใช้ความผิดปกตินี้ก่อตั้งแก๊งก่ออาชญากรรมหลายคดี ฮาร์ตถูกขึ้นบัญชีดำในฐานะบุคคลอันตราย เขาถูกจับกุมและส่งตัวมายังสถานวิจัยเพื่อศึกษาหาสาเหตุความผิดปกติทางกายภาพ ต่อมา ทางการค้นพบผู้มีความผิดปกติอีกหลายราย และส่วนใหญ่มักใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและคุกคามผู้อื่น เพื่อความสงบเรียบร้อยในสหพันธรัฐ รัฐบัญญัติเฝ้าระวังและควบคุมมนุษยชาติปี 2966 จึงมีผลบังคับใช้เพื่อรักษาความสงบแห่งพลเมืองตั้งแต่นั้นมา และได้บัญญัติคำว่าเอชโอวันเพื่อระบุความหมายของกลุ่มอาการผิดปกติหรือความสามารถเกินมนุษย์ปกติทั่วไปหรือความสามารถอันไม่พึงประสงค์ กลุ่มเสี่ยงหมายถึงผู้ถูกตัดสินว่าเข้าข่ายเอชโอวัน และกลุ่มต้องสงสัยในกรณีนี้คือผู้มีแนวโน้มเข้าข่ายเอชโอวัน”ภาพสามมิติจากเทคนิคโฮโลกราฟีปรากฏตรงกลางโต๊ะกลมขนาดจุคนได้สามสิบคน มนุษย์ดิจิทัลขนาดเท่าคนแคระอ้าปากบรรยายเรื่องราวที่ไม่ค่อยใหม่สำหรับพวกเธอเท่าไร“ให้ตายเถอะ ฉันจะหลับ” เทสซ่ากระซิบ
ณ ชั้นสี่สิบเจ็ดอเล็กซิสถือจานถาดหลุมเต็มไปด้วยขนมปังธัญพืช โยเกิร์ต อกไก่ย่าง มันบด สลัดผักซอสงา มะเขือเทศ ผลไม้สด และเค้กแคร์รอต“ฉันอยากได้ของทอด” เรมีคร่ำครวญ เขาบ่นแบบนี้เป็นประจำ “พวกเขาไม่รู้จักกันเหรอ เฟรนช์ฟราย ไก่ทอด ปลาทอด”“เฮอะ” เทสซ่าเหยียดปาก “ดีสิ ไม่ต้องคิดเมนูอาหารเอง แถมยังดูแลสุขภาพขนาดนี้ หุ่นดีกันถ้วนหน้า ใช่ไหม” ศอกให้อเล็กซิสเห็นด้วย“อื้อ” ไม่ว่าอะไรก็ดีกว่าขนมปังจืดชืดกับซุปกระป๋องทั้งนั้น ส่วนไมเคิลก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียว เขาไม่เกี่ยงอาหารทุกชนิด“แต่ฉันกินของพวกนี้แล้วยังรู้สึกหิวตลอดเลย ดีนะที่มีเค้ก แต่เค้กแคร์รอต” เด็กหนุ่มผมโมฮอร์กทำตาละห้อยแล้วกลืนอกไก่อย่างจำยอม “ใครอยากได้สลัดบ้าง เอาไปเลย เอาไหมเบ็กกี้ มินนี่” เขาถามอีกสองสมาชิกที่มักไม่มีปากเสียง“มะอาว” มินนี่ส่ายหัว “ฉันไม่ชอบผัก” ว่าแล้วเธอก็ตักสลัดให้เทสซ่าพี่สาวร้องแล้วยัดกลับ “เธอต้องกิน”“ม่าย”
กระสอบทรายหุ้มหนังสีดำแบบแขวนและตั้งพื้นตั้งเรียงกันเป็นระเบียบ แต่ละคนยืนประจำที่เพื่อเรียนรู้ท่ามวยพื้นฐานตามครูฝึก และคนที่ฝึกพวกเขาคือ ฟรอนแซล เคียนโต้ เมื่อถอดเสื้อคลุมเหลือเพียงเสื้อเทรนนิ่งแขนสั้นสีดำตัดน้ำเงินกับกางเกงขายาวกระชับสัดส่วน ตอนแรกที่ดูเหมือนจะท้วมกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อสวย แม้แต่โคดี้ยังพักเล่นชั่วคราว ไม่มีใครคาดคิดว่าหญิงสาวตัวเล็กอย่างเธอจะเป็นครูฝึก และที่สำคัญ เมื่อเคียนโต้ขอให้โคดี้มาสาธิตเป็นเพื่อน เด็กหนุ่มถึงกับลงไปกองกับพื้น จุก สิ้นฤทธิ์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของทุกคน“เมื่อออกหมัดแล้วอย่าลดมืออีกข้างลง อย่ากางแขนแบบนั้น มาร์โกต์อย่ายืนหันตรงเป็นอันขาด เธอกำลังเผยช่องว่างให้ศัตรูสวนเข้ามา นี่รอดกันมาได้ไงยะ ควินน์กับโธมัสคนน้องออกแรงอีกนิด นั่นแหละ ดีมาก คาร์เตอร์อย่ายืนแบบนั้น ฉันสอนแล้วนะ” เธอเดินตรวจไปเรื่อย ๆ “ดีมากโวลคอฟ เคยฝึกสินะ”ความสนใจหันเห อเล็กซิสเสียสมาธิทันทีและสายตาเคียนโต้ไวดุจเหยี่ยว “เดวิส ตามองกระสอบ ไม่อย่างนั้นเธอนอนแอ้งแม้งเหมือนเฮซแน่ คิดเสียว่ามันคือศัตรู โอ้” ดวงตากลมสี
หลังจากฝึกจนหมดเวลา เคียนโต้ปล่อยให้พวกเราไปพักตามอัธยาศัย ฟรีไทม์มีถึงแค่สี่ทุ่มเท่านั้น หลังจากนั้นต้องเข้านอนกันทุกคน อเล็กซิสรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนประจำอย่างไรก็ไม่รู้ เมื่อรับประทานอาหารเย็น เธอต้องรีบไปหาเวด เด็กสาวไม่อยากปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแม้เพียงวันเดียว เทสซ่ากับมินนี่แวะไปเยี่ยมทุกวันเช่นกัน แต่พวกเธอมักตามไปทีหลังด้วยเหตุผลที่ว่าเผื่อ อเล็กซิสกับเวดอยากคุยเป็นการส่วนตัว แต่มันก็ไม่เคยส่วนตัวเลยเพราะมีไมเคิลเป็นเงา เบ็กกี้กับเรมีสลับกันขึ้นมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่เรมีมาคนเดียวเพราะเด็กสาวพุ่งตัวเข้านอนตั้งแต่หกโมง นับว่าเวดยังโชคดีกว่าคนไข้ที่เหลือ เพราะถ้าไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน บางคนรอดมาคนเดียวจึงไม่มีเพื่อนมาเยี่ยม“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ชั้นเจ็ดสิบสอง”“ไมเคิล นายไม่เบื่อเหรอ เวลาฉันคุยกับเวด นายพูดได้นะ พอเขาชวนนายคุย นายก็เอาแต่เงียบ”หนุ่มผมเงินมองออกไปนอกลิฟต์ “ก็ฉันไม่รู้ว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แล้วก็ไม่รู้จะทำอะไรด้วย ที่เก่ายังมีหนังให้ดู มีกีฬาให้เล่น หรือว่า...” เขาเว้นจังหวะ “เธอรำคาญ”“ไม่มีทาง” อเล็กซิสตอบทันที “ไม่ต้องทำตาแบบ
สองทุ่มกว่า เธอออกจากลิฟต์เพื่อเดินเล่นในชั้นที่พัก ตอนแรกคิดไปหาไมเคิลที่ห้องฝึก แต่ตัดสินใจอยู่คนเดียวบ้าง เธออยากดูดาว อันที่จริง ถ้าหากพวกเขาอนุญาตให้อยู่กับเวดได้ถึงสี่ทุ่มเธอคงอยู่ท้องฟ้าในยามนี้กระจ่างชัดจนสามารถเห็นดาวระยิบระยับมากมาย ไม่รู้ว่าครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง อเล็กซิสแนบฝ่ามือกับกระจก เมื่อไหร่เธอจะทำลายกำแพงที่ขวางกั้นนี้ออกไปได้ หรือไม่มีวันนั้นนาฬิกาข้อมือสีเงินประดับอยู่บนมือขวา เธอมองมันแล้วนึกถึงเบน ทั้งนาย ออสโล่ โนเอล ทุกคนเป็นอิสระแล้วนะทว่าเงาสะท้อนในกระจกไม่ได้มีแค่คนเดียว ใบหน้าอเล็กซ์ปรากฏอยู่ข้างตัว เธอหันไปมอง ไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหน“เวลาเธอหลอมรวมไปกับพวกมัน เธอจะไม่รู้สึกตัวแบบนี้ตลอดเลยงั้นสิ”แม้ไม่มีกัญชา แต่อเล็กซ์มักพกไอหมอกบางอย่างติดตัว ยิ่งช่วงนี้ ต่อให้เขาไม่สูบ เธอยังเห็นหมอกหนาห่อหุ้มรอบตัว เด็กสาวหันกลับไปมองดวงดารา หลายประโยคติดอยู่ในคอ แต่คำพูดที่ออกไปกลับเป็นแค่เพียง “มีอะไร”อเล็กซ์เงียบไปพักใหญ่ คงจับน้ำเสียงเย็นชานั้นได้ ฉับพลันเธอกลับร
“เบนไม่อยากเป็นเหมือนพวกซอมบี้” อเล็กซ์สรุปก่อนที่เธอจะพูดจบ “หมอนั่นไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับตัวเองหรอก แม้ตายแล้ว” เสียงหัวเราะแรกดังออกมา แต่มันเป็นเพียงเสียงที่ออกจากลำคอและความรู้สึกขมขื่นมากกว่าร่าเริง “แต่เขาไม่ควรตายแบบนั้น ในลาวา ให้ตายเถอะ” ชายหนุ่มทุบกระจกพร้อมกับที่ไฟดับลงแต่วิวข้างนอกยังปรากฏอยู่ก่อนที่ไฟจะกลับมา โคดี้คงเป็นโพลเตอร์ไกสท์อย่างที่เทสซ่าเปรียบ“พวกเขาทิ้งฉันไปหมด” เขารำพัน “ทั้งแม่และเบน” ก่อนเริ่มรัวกำปั้นกับกระจก“พอแล้ว” อเล็กซิสพยายามห้ามเมื่อเขาทุบกระจกไม่หยุด “ข้อร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้” กำปั้นของเขาแดงเถือก อเล็กซ์ยังคงทำร้ายตัวเองต่อไป “หยุด” เธอกระชากตัวเขาให้หันมาเผชิญหน้า“แล้วไง หมอนั่นคิดว่าจะได้ไปอยู่กับแม่ฉันใช่ไหม!” ทันใดนั้นอเล็กซ์หน้าเจื่อนเมื่อเห็นสีหน้าเธอ “ขอโทษ ขอโทษที่ตะโกนใส่หน้า ฉันหมายถึง แนท เขาเคยพูดถึงใช่ไหม”อเล็กซิสพยักหน้าใบหน้าชายหนุ่มบิดเบี้ยวเหมือนมีใครบีบอวัยวะภายใน “ห
เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไรท่ามกลางความมืดมิดแต่ยังไม่มืดสนิท ไฟสีเขียวสีแดงประดับข้างเตียงส่งแสงริบหรี่เป็นจุดเล็กจุดน้อย เธอพลิกตัวหลายสิบรอบ พยายามข่มตาหลับ แต่หัวใจกลับเต้นระวิงรอเวลา หากเป็นคืนอื่น เทสซ่าคงแค่พลิกตัวไปมา ใจหนึ่งอยากนอน ใจหนึ่งกลัวฝัน รอจนกระทั่งร่างกายเหนื่อยล้าเอาชนะความคิดในสมองหลับไปเอง ปกตินอนวันละไม่กี่ชั่วโมงเพราะภาพโนเอลจมกองเลือดเล่นซ้ำอยู่ในหัว แม้อเล็กซิสบอกว่าเขาตายเพราะระเบิดในห้องเงียบสงบเพราะทุกคนตกอยู่ในห้วงนิทรา เทสซ่าไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นเหมือนเธอหรือไม่ แต่ละคนมีภาพติดตาแบบไหนกันบ้าง ทว่าคืนนี้ค่อนข้างแปลกกว่าคืนอื่น ไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความตื่นเต้นเป็นอะไรนะเราหญิงสาวเงี่ยหูฟังเสียงคร่ำครวญของมินนี่ แต่เมื่อผ่านมาหลายอาทิตย์ เสียงเงียบลง เธอไม่รู้ว่าน้องสาวหลับหรือตื่นอยู่ พลิกตัวไปมาจนกว่าสติจะล้าเหมือนเธอหรือไม่ แต่เธออยากให้มินนี่หลับมือขวาเขยิบหมอนแล้วซุกหน้าลงไป มันคงดีกว่านี้ถ้าเธอหมกมุ่นกับภาพโนเอลหรือแม่และบ้านที่จากมา แม้ว่าเธอเกลียดบ้านหลังนั้น แต่ไม่เคยเกลียดสภาวะของการมีค
สักพักประตูดังกึกเลื่อนออก เทสซ่าอ้าปากเหวอ นายตาเดียวยืนยิ้มกริ่มเหมือนเห็นเทพีแห่งชัยชนะ มุมปากเชิดสูงขึ้นเมื่อเห็นอากัปกิริยาของเธอ“สายไปสิบห้านาที”เขาโค้งตัว ทันใดนั้นพุ่งตัวรวบเอวอุ้มขึ้น เทสซ่าเกือบร้องออกมาแล้ว แต่นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนต่างหลับอยู่จึงตีหลังแทนเมื่อพ้นอาณาเขตห้อง ประตูเลื่อนปิดอัตโนมัติเหมือนมันทำงานในเวลากลางวัน เทสซ่าสะบัดตัวจนเขาปล่อยลง แสงไฟและวิวภายนอกมืดสนิท“ทำไมเวลานายดับไฟ หน้าต่างถึงมืดล่ะ” เรื่องนี้คาในใจมานานแล้ว หลายคนสงสัยว่าวิวข้างนอกอาจเป็นของปลอม“มันเป็นกระจกพิเศษ ทำงานด้วยไฟฟ้า หากไฟดับมันจะเปลี่ยนเป็นกระจกฝ้า ฉันต้องทำนะ” โคดี้ชี้นิ้วขึ้นไปรอบเพดาน “ในนี้มีกล้องคอยจับตลอด”“แล้วนายทำได้ยังไง” ในใจอดทึ่งไม่ได้ คนไร้สาระอย่างหมอนี่จะสามารถปลดล็อกประตูได้อย่างง่ายดายเชียวหรือ พลังของเขาคืออะไรกันแน่ “ถ้าอย่างนั้น...นายพาทุกคนหนีออกจากที่นี่ได้สิ”เขาส่ายหน้า “ถ้าทำได้ เราคงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ”เทสซ่ายืดคอข
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้