Masuk"ข้าไม่คิดว่าพี่หญิงใหญ่จะอ่อนแอเพียงนี้ ตกน้ำเหมือนกับพี่หญิงรองแต่นางถึงกับสลบไปสามวัน นี่ก็ยังมีไข้อยู่อีกหรือ” จินหลัน ลูกอนุของบ้านร้องเอ่ยถามอย่างสงสัย นางมองไปที่พี่สาวร่วมบิดาของนางอย่างไม่เข้าใจ ช่วยขึ้นมาพร้อมกันแต่อีกคนเป็นหนัก อีกคนดูเหมือนจะไม่เป็นอันใดเลย
จินหลันรู้ดีว่าจินหร่วนมีนิสัยเช่นใด ที่อยากมาดูจินหว่านก็เป็นเพราะต้องการเห็นสภาพของคุณหนูใหญ่ชุยในตอนย่ำแย่เท่านั้นไม่ได้อยากจะมาเยี่ยมอย่างที่ปากนางพูด ส่วนนาง...มาเพื่อชมความสนุกเท่านั้น
“เหอะ ไม่ให้เข้าก็ไม่เข้า” จินหร่วนสะบัดหน้าหนีไปอย่างไม่ไยดี จินหลันทำได้เพียงเร่งฝีเท้าตามกลับไป
ชุยจิ้น ส่งบ่าวข้างกายไปติดตามชุยหมิ่นอยู่สองวันเต็มๆ ก็พบความผิดปกติแล้ว บ่าวข้างกายของชุยหมิ่นเข้าออกร้านเครื่องลายครามและภาพวาดโบราณอยู่หลายหน มีทั้งที่ถือสิ่งของติดมือกลับมาและนำสิ่งของเข้าไปเลือกเปลี่ยนเป็นเงิน ชุยจิ้นเมื่อได้ฟังรายงานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวลทันที ที่น้องสาวพูดออกมาเป็นเรื่องจริง เขาไม่อาจเสียเวลาต่อได้แม้แต่เพียงอึดใจเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าบิดาเดินทางกลับมาถึงจวนแล้วก็ออกไปพบทันที
“ท่านพ่อ”
“มีเรื่องใด” ชุยเซียวเงยหน้าขึ้นมาจากงานบนโต๊ะในห้องตำรา ถามบุตรชายที่มีสีหน้าร้อนรนทันที
ชุยจิ้นเล่าเรื่องที่ตัวเขาไปพบกับบ่าวของชุยหมิ่นที่ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ โดยบังเอิญที่ร้านเครื่องลายคราม พอติดตามสองวันจึงพบว่าเขาเข้าออกอยู่บ่อยครั้งและตนได้สืบถามมาแล้วว่าร้านทั้งสองเบื้องหลังล้วนแต่เกี่ยวข้องกับค้าของเถื่อน
“จริงหรือ” น้ำเสียงของชุยเซียวตื่นตระหนกไม่น้อย ด้วยรู้ดีว่าบุตรชายเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เล็ก เรื่องที่เขาลงมือสืบเองคงไม่มีทางผิดพลาด
“ข้าตรวจสอบจนกระจ่างถึงได้กล้าพูดกับท่านพ่อ หากครั้งนี้ท่านช่วยอารองให้รอดพ้นจากความผิด เกรงว่าต่อไปเส้นทางขุนนางของท่านคงต้องแปดเปื้อนไปด้วยแล้ว”
คำพูดของชุยจิ้นไม่เกินจริง อย่าเห็นว่าเขาเพิ่งจะอายุได้เพียงสิบสี่หนาว เมื่อต้นปีถึงกับสอบผ่านซิ่วไฉมาแล้ว ทั้งยังถูกอาจารย์ในสำนักศึกษาเอ่ยชื่นชมอยู่บ่อยครั้ง ทุกสิ่งที่เขาคิดจะลงมือทำย่อมรอบคอบไม่ต่างจากผู้ใหญ่คนอื่น
ชุยเซียวเคาะนิ้วกับโต๊ะอย่างใช้ความคิด เขาช่วยเหลือบ้านรองมาไม่รู้กี่หน การกลับเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นที่เขาทำหน้าหนาขอความเมตตาจากฮ่องเต้ให้ชุยหมิ่น แต่ไม่คิดว่าน้องชายต่างมารดาที่รับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะเป็นนิสัยกลับไม่อาจทำได้จริง เพียงแค่ถูกเงินทองอำนาจบังตาก็ทำให้กลับไปหลงผิดในเส้นทางเดิม
ตัวเองกว่าจะได้อยู่ในตำแหน่งเสนาบดีกรมคลังเลือดตาแทบกระเด็น หากถูกเรื่องค้าของเถื่อนของน้องชายลากเขาเข้าไปพัวพันด้วย อย่าว่าแต่ชื่อเสียงที่ด่างพร้อยเลย แม้แต่ศีรษะก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้ เมื่อพิจารณามองบุตรชายที่เป็นต้นกล้าที่กำลังเติบโตอย่างสง่างาม ความคิดของชุยเซียวก็ดูเหมือนจะเด็ดขาดขึ้น
“เจ้าคิดว่าควรทำเช่นใดดี” เขายกชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น หากบุตรชายไม่มีหนทางแก้ไขคงได้เอ่ยถามเขาอย่างร้อนใจแล้ว
“เป็นหนทางดี ที่ท่านพ่อจะทำเรื่องแบ่งแยกตระกูล” สายตาและน้ำเสียงของชุยจิ้นหนักแน่นไม่สมกับเป็นเด็กวัยสิบสี่หนาวเลย
“เจ้าอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กับท่านแม่ของเจ้า พ่อจะจัดการเอง” เขาไม่ต้องการให้ภรรยาคู่ชีวิตจะต้องมากลุ้มใจเรื่องของบ้านรองอีกแล้ว พวกเขากลับมาไม่กี่เดือนก็แทบจะทำให้ไป๋ซื่อกระอักเลือดอยู่หลายหน
หูซื่ออยากจะยึดอำนาจดูแลจวนส่งมอบให้หวงซื่อสะใภ้ของตนใจจะขาด จึงหาเรื่องตำหนิไป๋ซื่อไม่เว้นวัน ข้าวของที่ต้องซื้อจัดเตรียมให้บ้านรองก็ขอเพิ่มจำนวนแทบจะทุกเดือน พออ้างเรื่องเงินกองกลางที่ลดไปจำนวนมาก หูซื่อก็ร่ำร้องเล่าความทุกข์ยากของบ้านรองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูล จะบอกว่าไม่ได้รับก็ดูจะกล่าวหนักเกินไป เงินที่หูซื่อสั่งให้ชุยเซียวส่งให้บ้านรองทุกเดือนไม่เคยต่ำกว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินเลย แล้วจะกล่าวโทษเช่นนี้ได้อย่างไร
ชุยจิ้นหลังจากที่ออกจากห้องตำราของบิดา ก็รีบเดินไปที่เรือนของจินหว่านในทันที บ่าวที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเรือนพอเห็นว่าเป็นคุณชายใหญ่ก็รีบเปิดให้ในทันที
“หว่านวาน” เสียงร้องเรียกน้องสาวตั้งแต่ยังไม่ถึงหน้าห้องของนาง ดังขึ้นจนสาวใช้ที่อยู่ด้านในต่างก็รีบถอยออกไป
“มีเรื่องน่ายินดีอันใดหรือท่านพี่” จินหว่านยามนี้สีหน้าของนางดีขึ้นแล้ว เพียงแต่นางคร้านที่จะออกไปด้านนอกจึงบอกผู้อื่นว่ายังต้องไอเย็นอยู่
“ภาพฝันของเจ้าเป็นจริง” ชุยจิ้นรับชาที่น้องสาวส่งมาให้ดื่มลงไปในอึกเดียว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เจ้ารู้มาจากภาพฝันจริงหรือ” มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไป
จินหว่านหลุบตาลงไม่กล้าสบสายตาของชุยจิ้นที่มองนางอย่างค้นหา ด้วยรู้ดีว่าพี่ชายของนางเฉลียวฉลาดเพียงนั้นไม่มีทางเชื่อว่าเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งของนางแน่ แต่นางจะบอกเรื่องราวที่เลวร้ายในชาติภพที่แล้วออกมาได้อย่างไร ไม่เช่นนั้นเขาจะไม่รู้สึกผิดหรือที่ไม่อาจปกป้องนางได้
“สามวันที่ข้าไม่ได้สติ ข้าฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นเจ้าค่ะ ความจริงข้าก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง เพียงแค่บอกให้ท่านรู้ในเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเพื่อตรวจสอบเท่านั้น”
ชุยจิ้นเมื่อพิจารณาในสิ่งที่น้องสาวพูด ก็เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดสังเกต จึงได้เชื่ออย่างสนิทใจถึงความฝันล่วงหน้าของนาง
“แล้วเหตุการณ์ต่อไปเล่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น” หากรู้ล่วงหน้าก็มีหนทางให้แก้ไขก่อนมิใช่เรื่องดีหรือ
“ตอนนี้ยังเจ้าค่ะ ต้องรอดูว่าท่านพ่อจะจัดการเช่นใด”
เมื่อชาติที่แล้วบิดายอมทนแบกชื่อเสียงและความหมางใจของฮ่องเต้ไว้กับตัวไม่ยอมแยกบ้าน จนเรื่องราวบานปลายถึงขั้นหวงซื่อพาหลานสาวของนางเข้ามาในจวนเพื่อจับชุยเซียวจนได้เป็นอนุของบิดานาง หลังจากนั้นไม่นานพี่ชายก็ถูกชุยจ้านบ้านรองที่เห็นว่าพี่ชายกำลังผิดหวังในตัวบิดา หลอกล่อพาไปเที่ยวในเหลาสุรา ก่อนจะส่งนางคณิกาเข้ามาทำให้ชื่อเสียงของพี่ชายนางแปดเปื้อน ยามนั้นชุยจิ้นสอบผ่านจิ้นซื่อ จนได้เป็นจอหงวนคนใหม่ของแคว้นแล้ว
ยังมิทันได้แต่งตั้งเป็นขุนนาง ก็ถูกหญิงสาวร้องเรียนเรื่องย่ำยีร่างกายนาง บิดายังไม่ทันได้ตรวจสอบเรื่องราวให้กระจ่าง ก็ตำหนิด่าทอลงโทษชุยจิ้นเสียยกใหญ่ จินหว่านที่แต่งออกไปแล้วมารู้เรื่องในภายหลังชุยจิ้นก็หนีหายไปเสียแล้ว ตอนนั้นจ้าวตงหยุนยังนับว่าเป็นสามีที่ดีของนาง ช่วยตรวจสอบเรื่องราวของหญิงสาวผู้นั้นจนพบว่านางเป็นเพียงคณิกาที่ขายเรือนร่างมาหลายปี หวังจะปีนสูงเข้าตระกูลชุยจึงได้วางแผนเช่นนั้น แต่เบื้องหลังผู้ใดสั่งการลงมาต่อให้ทางการโบยให้ตายนางก็ไม่ยอมพูดถึง
กว่าชุยเซียวจะรู้ตัวว่าลงโทษบุตรชายเกินไปก็สายไปเสียแล้ว นานหลายปีถึงได้รู้ว่าชุยจิ้นทิ้งพู่กันหันหลังให้ตำราจับดาบเข้าสู่สนามรบ ไป๋ซื่อที่ช้ำใจเรื่องสามีรับอนุก็หนักหนาพอแล้ว ยังมาปวดใจเรื่องบุตรชายหนีหายไปอีก นางเกินจะรับไหวจึงได้แต่นอนป่วยอยู่แต่ภายในเรือนไม่รับรู้เรื่องภายนอกอีกเลย อำนาจทั้งหมดถูกส่งต่อให้หูซื่อและหวงซื่อจัดการเรื่องภายในจวนแทน จินหว่านมารู้ภายหลังทั้งหมดจากปากของจินหร่วน ในวันที่นางถูกวางยาอ่อนแรงแล้วจับยัดใส่รถม้าส่งให้หลี่หรงฝู ยามนี้เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดนางก็อดที่จะปวดใจไม่ได้ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา และก้มหน้าอยู่ตลอดเวลากลัวว่าพี่ชายจะเห็น
“เช่นนั้นก็รอดูไปก่อนว่าท่านพ่อจะจัดการเช่นใด ข้าเชื่อว่าครั้งนี้ท่านพ่อจะต้องแยกบ้านอย่างแน่นอน” ชุยจิ้นพูดคุยและกำชับไม่ให้จินหว่านบอกกล่าวมารดาอีกสองสามคำก็กลับออกไป
"ข้าไม่คิดว่าพี่หญิงใหญ่จะอ่อนแอเพียงนี้ ตกน้ำเหมือนกับพี่หญิงรองแต่นางถึงกับสลบไปสามวัน นี่ก็ยังมีไข้อยู่อีกหรือ” จินหลัน ลูกอนุของบ้านร้องเอ่ยถามอย่างสงสัย นางมองไปที่พี่สาวร่วมบิดาของนางอย่างไม่เข้าใจ ช่วยขึ้นมาพร้อมกันแต่อีกคนเป็นหนัก อีกคนดูเหมือนจะไม่เป็นอันใดเลยจินหลันรู้ดีว่าจินหร่วนมีนิสัยเช่นใด ที่อยากมาดูจินหว่านก็เป็นเพราะต้องการเห็นสภาพของคุณหนูใหญ่ชุยในตอนย่ำแย่เท่านั้นไม่ได้อยากจะมาเยี่ยมอย่างที่ปากนางพูด ส่วนนาง...มาเพื่อชมความสนุกเท่านั้น“เหอะ ไม่ให้เข้าก็ไม่เข้า” จินหร่วนสะบัดหน้าหนีไปอย่างไม่ไยดี จินหลันทำได้เพียงเร่งฝีเท้าตามกลับไปชุยจิ้น ส่งบ่าวข้างกายไปติดตามชุยหมิ่นอยู่สองวันเต็มๆ ก็พบความผิดปกติแล้ว บ่าวข้างกายของชุยหมิ่นเข้าออกร้านเครื่องลายครามและภาพวาดโบราณอยู่หลายหน มีทั้งที่ถือสิ่งของติดมือกลับมาและนำสิ่งของเข้าไปเลือกเปลี่ยนเป็นเงิน ชุยจิ้นเมื่อได้ฟังรายงานสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นกังวลทันที ที่น้องสาวพูดออกมาเป็นเรื่องจริง เขาไม่อาจเสียเวลาต่อได้แม้แต่เพียงอึดใจเดียว เมื่อสอบถามได้ความว่าบิดาเดินทางกลับมาถึงจวนแล้วก็ออกไปพบทันที“ท่านพ่อ”“มีเรื่องใด”
บุตรชายของหูซื่อก็คือ ท่านอารองของนาง การที่นางจะรักและเชื่อหวงซื่อกับจินหร่วนก็ไม่ผิด“น้องสาวเจ้าบอกข้า ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ย่อมจะต้องเชื่อเจ้า” จินหว่านอดที่จะมองชุยจิ้นอย่างซาบซึ้งไม่ได้“เจ้าค่ะ พวกท่านก็เห็น เครื่องประดับข้ามีน้อยเสียที่ไหน เพียงดอกไม้ผ้าไหมเพียงดอกเดียวนับเป็นอันใด อาหร่วนอยากได้จากข้า หากขอข้าดีๆ มีหรือที่ข้ามีทุกสิ่งจะไม่แบ่งปันนาง แต่นางหมายเข้ามาแย่งข้าจากมือ ข้าทนไม่ได้เจ้าค่ะ” อย่างน้อยเรื่องดีเรื่องหนึ่งของจินหว่าน คือครอบครัวนางยอมรับฟังนางเสมอ“หึ เป็นเช่นที่ข้าคิดไม่ผิด หากหว่านวานของข้าไม่หมดสติถึงสามวัน ท่านแม่ก็คงให้นางไปคุกเข่าอยู่ที่ศาลบรรพชนแล้ว”“อาเหลียน” ชุยเซียวอดที่จะตำหนิภรรยารักไม่ได้ ต่อให้หูซื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับเขา แต่นางก็ได้ชื่อว่ามารดาจะตำหนินางลับหลังคงจะดูไม่ดี หากผู้ใดมาได้ยินเข้า ไม่แคล้วเขาคงได้ถูกร้องเรียนว่าไม่มีความกตัญญู “ครอบครัวอารองของเจ้ามิได้มีบุตรีเพียงแค่อาหร่วนเพียงผู้เดียว บุตรของอนุก็มีอีกหลายคน นางคงไม่ได้มีเครื่องประดับมากเหมือนเจ้า แล้วอีกอย่างนางก็เพียงเข้ามาอยู่ในเมืองหลวง เรื่องในหนนี้ก็ให้แล้วกันไปเถิด”บ
จินหร่วนยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน แม้ภายในร่างกายของนางจะถูกแผดเผาจนไม่เหลือชิ้นดี ดวงตาของนางยังเบิกกว้างจ้องมองมู่ฮองเฮาให้ชัดเจน“ขอบใจจะ เจ้า เจ้ามากที่ช่วยให้ ขะ ข้าหลุดพ้น”แววตาของมู่ฮองเฮามีประกายความตกใจไหลผ่านอยู่ครู่ เมื่อเห็นรอยยิ้มของจินหว่านที่ยินดียอมรับความตายหลังจากนั้นจินหว่านนางไม่รู้แล้วว่ามู่ฮองเฮาจัดการร่างของนางเช่นใด และหาข้อแก้ตัวกับฮ่องเต้เช่นใดเมื่อนางหายตัวไป แต่อย่างว่า การหายตัวไปของนางอาจจะไม่กระทบกับหลี่หรงฝูเลยสักนิด เขามีสตรีข้างกายมากมายเพียงนั้น จะหาคนมาแทนที่นางเมื่อใดก็ย่อมได้แต่หากมู่ฮองเฮาได้ล่วงรู้ว่านางมิได้ตายในครั้งนั้นไม่รู้จะมีสีหน้าเช่นใด นางถูกคนช่วยเหลือเอาไว้ แต่พิษที่ได้รับทำให้ต้องสูญเสียการมองเห็นและตัวนางไม่อาจพูดได้อีกเลย นางรู้จากผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือนางเอาไว้ ว่าร่างของนางถูกทิ้งอยู่ที่สุสานนอกวังหลวงถึงแม้จะช่วยเอาไว้ได้ แต่พิษที่ได้รับก็เริ่มกัดกินร่างกายของนางไปมากแล้ว หมอที่เขาพามารักษาบอกว่านางอยู่ได้มากที่สุดคงไม่เกิดสามเดือน นางเองก็ไม่ประสงค์ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เมื่อมองสิ่งใดก็ไม่เห็น ทั้งยังไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ก้าวเดิ
ขนตาหนาเป็นแพขยับอย่างหงุดหงิด เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายที่อยู่ด้านนอกสิ่งแรกที่ปรากฏคือแสงสว่างของอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนคิ้วงามขมวดอย่างมึนงง ก่อนจะเริ่มขยี้ตาเพื่อปรับให้เห็นภาพตรงหน้าชัดเจนขึ้น พอข้าวของเครื่องใช้ สิ่งต่างๆ ที่เริ่มคุ้นเคยปรากฏขึ้นในสายตา ชุยจินหว่าน ก็เกือบจะกรีดร้องออกมาเป็นไปได้อย่างไร!!! ยามนี้นางอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง เมื่อยกมือขึ้นมาสำรวจก็พบว่ามือของตนเองช่างเล็กและบอบบางนักสาวใช้ด้านนอกเหมือนจะได้ยินเสียงของคุณหนูเคลื่อนไหวจึงได้เดินเข้ามาดูอย่างรีบร้อน“โถ่ คุณหนูของบ่าว สวรรค์เมตตาแล้ว ดีเพียงใดที่ท่านฟื้นขึ้นมา” เสียงสะอื้นของเสี่ยวผิง สาวใช้ข้างกายของจินหว่านร้องอย่างดีใจอยู่ข้างเตียงของนาง“เกิดอันใดขึ้น” เสียงเล็กแหลมทั้งยังแหบพร่า ทำให้จินหว่านนิ่งอึ้งชะงักไปทันที“คุณหนูจำมิได้หรือเจ้าคะ คุณหนูกับคุณหนูรองทะเลาะกันแล้วตกลงไปในสระน้ำกันทั้งคู่ แต่คุณหนูรองได้สติตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้ว เหลือเพียงแค่คุณหนูของบ่าวที่ยังมิได้สติจนมาถึงวันนี้”พอเสี่ยวผิงอ้าปากเล่าออกมา ความโกรธแค้นของนางที่ไม่อาจจะเข้าช่วยคุณหนูของตนไว้ได้ก็ออกม







