แชร์

EP.01 : ของขวัญจากพระเจ้า

ผู้เขียน: แมวนอนซิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 14:19:46

ของขวัญเอ๋ย...

พระเจ้าไม่เคยเกลียดชังเธอเลย ดังที่เธอกล่าวโทษท่านเช่นนั้น หากท่านเกลียดชังจริง เธอคงไม่มีวันได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้อีก ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน สุดท้ายเธอก็ยังเลือกจบชีวิตของตัวเอง... เพื่อเขาคนนั้นอยู่เสมอ

เพราะฉะนั้น—พ่อจึงหวังว่า โอกาสสุดท้ายที่เธอได้รับนี้ จะนำทางให้เธอสมปรารถนาเสียที

จงรักษาโอกาสนั้นไว้ให้ดี แก้ไขมันให้ถึงที่สุดในแบบที่เธอปรารถนา และจงไขว่คว้าทุกความเป็นไปได้ที่เอื้อมถึง

เพราะนี่... คือโอกาสสุดท้ายของพ่อเช่นกัน

แสงสว่างเรืองรองเบื้องหน้าพลิ้วไหว เธอมองมันด้วยสติที่ค่อย ๆ เลือนหายอย่างน่าใจหาย ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าถึงปลายคางและท้ายทอยเมื่อครู่หายไป เหลือเพียงความอึดอัดในอก ราวกับลมหายใจสุดท้ายกำลังจะดับลง

ความทรงจำทั้งหลายหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่อง ร้อยเรียงเป็นภาพซ้ำซากที่เธอรู้จักดี... และเช่นเดียวกับที่แสงนั้นเคยกระซิบบอกไว้ก่อนหน้านี้ เธอย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวเหล่านี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ยังจบลงที่เดิม... ที่ที่เธอต้องตายเหมือนเดิมทุกครั้ง

เธอเป็นคนที่เข้าใจตัวเองเสมอ ไม่ว่าในแต่ละการตัดสินใจ เธอมักซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่เคยหลอกตัวเอง และไม่ลังเลในหลักการที่ยึดถือ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอจะคลางแคลงใจในทางเลือกของตัวเอง เธอมั่นใจ—มั่นคง—ไม่สับสนในสิ่งที่เลือก

แต่ครั้งนี้... ความรู้สึกว่าการต้องตายไม่ยุติธรรมเลย—มันชัดเจนเหลือเกิน ไม่เคยยุติธรรมเลยสักครั้ง

ทุกครั้งที่ย้อนกลับไป ความรู้สึกนี้ก็จะย้อนกลับมาด้วย ทำไมเธอถึงต้องตาย ทำไมคนที่ทำร้ายเธอถึงยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างง่ายดายเหลือเกิน

เธอเคยเชื่ออย่างสนิทใจว่า พระเจ้าไม่เคยรักเธอ ไม่ว่าเธอจะภาวนากี่ครั้ง ไม่ว่าจะร้องไห้ในยามค่ำคืนสักกี่คืน แต่เมื่อมองย้อนกลับไปให้ลึกที่สุด เธอก็รู้...

ว่าคนที่ทำให้ทุกอย่างจบลงแบบนั้น ไม่ใช่พระเจ้า ไม่ใช่โชคชะตา ไม่ใช่ใครเลย

มันคือ... ตัวเธอเอง

และเมื่อแสงนั้นบอกกับเธอว่า—นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอจริง ๆ เธอก็จะไม่ลังเลอีกต่อไป เธอจะใช้มันให้ดีที่สุด เพื่อแก้ไขทุกสิ่งที่ยังค้างคาใจ และเพื่อให้ความเสียใจนั้น... ไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก

แก้ไขว่า—ทำไมพวกเขาถึงไม่เคยบอกกันว่า "รัก"

แก้ไขว่า—ทำไมถึงลังเลนักหนาที่จะพูดมันออกไปตรง ๆ

แก้ไขให้พวกเขาซื่อตรงต่อตัวเองอีกเพียงนิด และผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน อย่างที่ไม่เคยทำได้เลยสักครั้ง

พระเจ้าไม่ต้องรักเธอมากก็ได้

เธอขอเพียงแค่เรื่องเดียว... แล้วเธอจะไม่ขออะไรอีกเลย

แสงนั้นสั่นไหวอีกครั้ง—อ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลม และในชั่ววินาทีนั้น ลมหายใจที่หายไปก็เหมือนได้ถูกดึงกลับคืนมา ปอดของเธอเจ็บร้าวราวกับถูกฉีกกระชากอย่างรุนแรง ร่างกายกระแทกเข้ากับความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด

เฮือก—!

ติ๊ด ติ๊ด

เธอเด้งตัวลุกขึ้นทันที พร้อมกับยกมือปาดน้ำลายที่ขอบปากโดยอัตโนมัติ

ความเคยชินเก่า ๆ ที่ไม่เคยหายไป สายตาพร่าเลือนต้องกะพริบอยู่หลายครั้งกว่าจะเห็นภาพชัดเจนของห้องนอนแคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือเก่า ๆ วางระเกะระกะ บางเล่มสันปกฉีกขาด เตียงซอมซ่อกับผ้าห่มบางเฉียบซึ่งแทบไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว ยิ่งตอกย้ำความจริงข้อเดียว

เธอกลับมาแล้ว... จริง ๆ หรือ?

เสียงริงโทนจากมือถือเครื่องเก่าดังไม่หยุด เหมือนจะปลุกให้เธอหลุดออกจากฝันร้ายที่ผ่านมา แต่เธอรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ฝัน มันคือความจริง... คืออดีตที่เธอมีชีวิตอยู่ และตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง

ก่อนจะคิดอะไรได้มากกว่านั้น นิ้วของเธอก็แตะปุ่มรับสายไปเสียก่อน

“ฮัล—”

[อรุณสวัสดิ์เพื่อนรัก! พร้อมจะออกไปเที่ยวกับฉันหรือยังงง!!]

เสียงปลายสายดังทะลุหูอย่างร่าเริงเกินเหตุ... และเป็นเสียงเดียวกับที่เคยกรีดหัวใจเธอให้แตกสลายมาแล้วครั้งหนึ่ง เสียงนั้นทำให้ร่างเธอชะงักงัน ลมหายใจสะดุด และน้ำตาที่ไม่ควรจะไหลกลับเอ่อขึ้นมาทันที

เสียงของเธอ

“ฮึก – แกจะไม่ให้ฉันได้พูดให้จบประโยคก่อนเลยหรือไง ไอ้หอม!”

น้ำเสียงสะอื้นหลุดออกมาแม้จะพยายามข่มไว้ รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้น ทั้งที่หัวใจยังสั่นไหวเหมือนเพิ่งตื่นจากฝันร้าย เป็นความรู้สึกที่ทั้งเจ็บปวดและอบอุ่นเกินกว่าจะห้ามน้ำตาไหล

ต้นหอม... ยังมีชีวิตอยู่

[ฉันตื่นเต้นมากจนปล่อยให้แกพูดก่อนไม่ได้เลยต่างหาก! วงไซเรนจะมาแฟนมีตติ้งแถวบ้านเรา! – ในคลับหรูที่ฉันต้องใช้เงินหลักแสนจองล่วงหน้าเป็นอาทิตย์เลยนะ แกจะไปกับฉันใช่ไหม ไอ้ขวัญ! ตอบมาด่วน ๆ ก่อนจะย้ายไป!]

เธอกลั้นสะอื้นก่อนจะหลุดหัวเราะเบา ๆ น้ำเสียงของต้นหอมยังคงเหมือนเดิม สดใส ทะเล้น และซุกซนเหมือนเด็กติดโซดา เธอเคยรำคาญพลังเหลือล้นของเพื่อนคนนี้ในทุกชาติภพ

แต่ตอนนี้... แค่ได้ยินเสียงของเธอ มันก็เหมือนของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิต

“เออ ก็ได้” เธอตอบพลางยิ้มทั้งน้ำตา “กี่โมง ว่ามาเลย”

[เย้! ดีใจจังเลยโว้ย – ในที่สุดแกก็ยอมออกจากห้อง เลิกหมกตัวอยู่กับหนังสือพวกนั้นซะที! ทุ่มนึงคืนนี้ เดี๋ยวฉันไปรับ รักแกที่สุดเลย ของขวัญ!]

“เออ รักแกเหมือนกันนะ ต้นหอม...”

เธอวางสาย มองหน้าจอมือถือที่ยังเปิดอยู่ วอลเปเปอร์เป็นภาพคู่ของเธอกับต้นหอม — ภาพจากสมัยมัธยมต้นที่ทั้งสองหัวเราะกันจนตาแทบปิด มันเหมือนเพิ่งถ่ายเมื่อวาน ทั้งที่ในความเป็นจริงเธอเคยเห็นเพื่อนคนนี้นอนจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา และตอนนั้น... เธอทำอะไรไม่ได้เลย

แต่วันนี้ ต้นหอมกลับมายิ้มให้เธออีกครั้ง

เธอสูดลมหายใจลึก พยายามเรียบเรียงว่าอยู่ในช่วงเวลาไหน และทันใดนั้นก็จำได้—นี่คือช่วงที่เธอกำลังจะย้ายไปเรียนต่อที่อเมริกา คืนนี้ต้องเก็บของ พรุ่งนี้เช้าก็จะบินแล้ว

เธอควรกังวลเรื่องแม่ แต่ตอนนี้มีเรื่องเดียวที่สำคัญที่สุดในใจ...

ต้นหอมยังมีชีวิตอยู่

เธอยังมีโอกาสอีกครั้ง

แม้ยังไม่รู้ว่าการย้อนกลับมาครั้งนี้จะพาไปพบเอเดนอีกไหม หรือบางทีมันอาจเป็นสัญญาณว่า... เธอกับเขาไม่ควรรู้จักกันแต่แรก แต่ตอนนี้ เธอไม่อยากคิดถึงเขาเลย เพราะมีใครอีกคน... ที่สำคัญกับหัวใจเธอมากกว่า

ก๊อก ก๊อก...

เสียงเคาะประตูทำให้เธอสะดุ้ง ความรู้สึกจากการพูดคุยกับต้นหอมยังไม่ทันจางไป แต่เมื่อเสียงถัดมาเอ่ยขึ้น—หัวใจเธอก็แทบหล่นวูบ

“ถ้าฉันไม่มีกุญแจสำรอง ก็คงแห้งตายหน้าประตูแล้วมั้ง”

เสียงที่เธอคุ้นเคยดี ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร

ลีวาย...

“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“เมื่อกี้เอง ฉันจะมาคุยเรื่องพาเธอไปสนามบินพรุ่งนี้ไง”

เขาทิ้งตัวลงบนเตียงข้างเธอเหมือนเป็นเจ้าของสถานที่ ใช่ ลีวายคือแฟนของเธอ หรือให้พูดตรงกว่านั้น... คือผู้ชายที่แม่ยัดเยียดให้ เพราะเขาดูดี มีหน้ามีตา มีอนาคต แต่นั่นคือทั้งหมดที่เขามี

ตลอดสองปีที่ผ่านมา เธอกับเขาแทบไม่เคยอยู่กันตามลำพัง ต้นหอมก็มักจะมาแทรกกลางเสมอ ราวกับเพื่อนสนิทรู้ดีว่าเธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเวลาต้องอยู่ใกล้เขาเลย

“ฉันผ่านร้านตังเมกรอบตอนพาแม่ไปเซ็นทรัล ก็เลยซื้อมาให้เธอ” เขายิ้ม รอยยิ้มที่ครั้งหนึ่งอาจเคยดูอบอุ่น แต่ตอนนี้กลับทำให้เธออยากลุกหนีไปให้ไกลที่สุด

“กินอะไรมาหรือยัง? สายแล้วนะ”

“เอ่อ... ฉัน...” เธออึกอัก มือแน่นิ่งบนตัก ไม่รู้จะตอบยังไง

“เป็นอะไรครับ คนดี?”

น้ำเสียงของเขานุ่มนวลกว่าที่เธอเคยได้ยิน เขาโน้มหน้าเข้ามาใกล้ จูบลงบนแก้มของเธออย่างแผ่วเบา เธอสะดุ้งโดยไม่รู้ตัว แต่พยายามฝืนยิ้มและเก็บความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้

“ฉันคิดถึงเธอนะ – มากเลย”

เธอรู้... ว่านั่นไม่ใช่ความจริง

เพราะตลอดเวลาที่คบกัน ลีวายไม่เคยพูดแบบนี้—เว้นเสียแต่ว่าเขาต้องการบางอย่าง

“ฉันเกือบลืมไปเลยว่านายมีกุญแจสำรอง...” เธอพึมพำเบา ๆ

เขาโอบแขนรวบตัวเธอจากขอบเตียงมานั่งบนตัก แล้วแนบริมฝีปากลงมาอย่างรวดเร็ว ร่างเธอเหมือนถูกกลืนหายไปในสัมผัสนั้น แขนหนึ่งของเขารัดเอวเธอไว้แน่น อีกมือยึดต้นคออย่างมั่นคง

บ้าจริง... ทั้งที่รู้อยู่แล้วแท้ ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...

“อา...” เธอสูดลมหายใจลึก แต่เขาก็โน้มตัวลงมาอีกครั้ง รวดเร็วเกินกว่าที่เธอตั้งสติได้ เขาผลักเธอลงบนเตียง ร่างเปลือยเปล่าทาบทับ พร้อมกับความปรารถนาที่เธอไม่ได้ร้องขอ

“ฉันรักเธอนะ” เขากระซิบ พร้อมเลื่อนมือขึ้นมาเลิกเสื้อของเธอ

ไม่ใช่แบบนี้... ไม่ใช่แบบนี้อีกแล้ว!

“เดี๋ยวก่อน ลีวาย!”

เสียงของเธอดังชัดเจน แต่ดูเหมือนเขาไม่ได้ยินหรืออาจจงใจไม่ฟัง

จนกระทั่ง...

พลั่ก!

เธอเข่าเข้าที่แก้มซ้ายของเขาเต็มแรงจนหน้าหัน ลีวายชะงัก เธอรีบไถลตัวออก คว้าผ้าเช็ดตัวมาพันร่างอย่างลนลาน หัวใจเต้นแรงด้วยความกลัว ดวงตาสอดส่ายมองไปรอบห้อง ก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเขา—ชายที่เธอเคยคิดว่าเป็นคนที่รักเธอ

เขายกมือจับแก้ม ใบหน้าช้ำเริ่มเปลี่ยนสี สายตาแข็งกร้าวจ้องกลับมาเหมือนเธอเป็นฝ่ายผิด

“เธอก็เป็นแบบนี้... แตะต้องไม่ได้ หวงตัวนัก – แค่เรื่องแค่นี้ มันจะเสียหายสักแค่ไหนกันเชียว!”

แค่เรื่องแค่นี้...?

“ออกไป” เสียงของเธอสั่นพร่า “ไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย!”

“ของขวัญ –” เขากัดฟันแน่น ดวงตาวาวโรจน์ “เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง... เธอถึงได้น่าเบื่อ!”

ฉันบอกให้ออกไป!!

เสียงตะโกนของเธอประจวบกับเสียงกริ่งหน้าประตู ลีวายสบถ หยิบเสื้อขึ้นมาสวมแล้วกระแทกเท้าออกไปโดยไม่หันกลับมา เธอทรุดลงทันที หัวเข่ากระแทกพื้นเย็นเฉียบ แขนทั้งสองกอดตัวเอง น้ำตาไหลพรากโดยไม่อาจห้าม คลื่นความรู้สึกพุ่งเข้าหาหัวใจเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เธอรู้... เธอรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนยังไง

เธอจำได้ว่าเขาเคยทำอะไรไว้

และในครั้งนี้—เธอก็เกือบจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก

ทั้งที่เธอย้อนเวลากลับมาเพื่อเปลี่ยนทุกอย่าง... แต่กลับยังเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย

และที่เลวร้ายที่สุดคือ เธอยังคงมี “ความหวัง” ในใจ หวังว่าเขาจะเปลี่ยน หวังว่าเขาจะรักเธอจริง ๆ สักครั้ง

แต่ความหวัง... มันก็เหมือนปีนขึ้นเขาเพียงเพื่อจะตกลงมาทันที มันเจ็บ—เจ็บจนหายใจไม่ออก

ไม่รู้ว่าเธอนั่งร้องไห้อยู่นานแค่ไหน จนเสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง เธอผงะ หยุดร้องไห้ทันที จ้องมองบานประตูที่ค่อย ๆ เปิดออก และในเสี้ยววินาทีนั้น... เธอคิดว่า อาจเป็นเขา

อาจจะกลับมา... เพื่อขอโทษ

แต่ไม่เลย—ไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด

“ขวัญ! ทำไมแกไม่ล็อกประตูห้อง!”

เสียงแหลมสูงที่คุ้นเคยตะโกนลั่นจากด้านนอก ทำให้แสงแห่งความหวังที่เธอเพิ่งเผลอฝากไว้กับบานประตูเมื่อครู่ดับวูบลงทันที แต่ที่น่าแปลก... เสียงนั้นกลับทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างน่าประหลาด ราวกับได้รับยาดีที่ช่วยเยียวยาใจโดยไม่ต้องมีเหตุผล

“ขวัญ! ไอ้ขวัญโว้ย! เตรียมตัวเสร็จหรือยัง – ไอ้บ้าลีวายมันยังอยู่ไหม อย่าให้มันนอนทับของฉันเชียวนะ!”

“ที่ของแกบ้าบออะไรยะ”

เธอตะโกนกลับไปโดยอัตโนมัติ เสียงหัวเราะหลุดลอดริมฝีปากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ทั้งที่เพิ่งร้องไห้จนแทบขาดใจเมื่อครู่นี้ แต่ต้นหอม... เพื่อนสนิทผู้มีพลังบ้าบอเกินต้าน ก็ยังทำให้เธอหลุดยิ้มออกมาได้เหมือนเคย

ให้ตายเถอะ... เธอคงจะเป็นไบโพล่าก็เพราะผู้หญิงคนนี้แน่ ๆ

“เออ รอก่อนแป๊บนึง เดี๋ยวฉันออกไป!”

“นี่ยังไม่พร้อมอีกเหรอ! ดีนะฉันรีบมากดดันแกถึงห้องเลยเนี่ย!”

เสียงบ่นพร่ำ ๆ ดังต่อเนื่องจากอีกฝั่งของประตู เธอรู้ทันทีว่าเพื่อนตัวดีมายืนรออยู่หน้าห้องเรียบร้อยแล้ว จึงรีบคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเดิมมาพันตัวอย่างลวก ๆ แล้วยกแขนขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือบนแก้ม

“ฉันจะรออยู่ข้างนอกเนี่ยแหละ! รีบ ๆ เข้าล่ะ!”

“เออออ – ไปสายหน่อยมันไม่ตายหรอก!”

เสียงบ่นยังไม่ทันเงียบ เธอก็เผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง

ยิ้มแบบที่ไม่ได้ฝืน

ยิ้มแบบที่รู้สึกจริง ๆ ว่ากำลัง “มีชีวิตอยู่”

บางที... เสียงแหลม ๆ ของเพื่อนคนนี้ อาจเป็นยาช่วยชีวิตที่ดีที่สุดของเธอก็เป็นได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.15 : ทางลับที่เธอเคยเดิน…

    นาตาลีใช้แอปฯ เรียกรถให้มารับที่หน้าคอนโดฯ แล้วปักหมุดไปยังจุดหมายที่เธอจำได้แม่นยำราวกับมันฝังอยู่ในดีเอ็นเอ — ท่าเรือแคมบริดจ์ พอร์ทรหัส USY ที่นั่นมีโกดังหลังหนึ่งซึ่งจากภายนอกดูเก่าคร่ำคร่าเกือบจะร้าง ทั้งที่ความจริงแล้วมันถูกจัดแต่งอย่างจงใจให้ดูโทรม — “โทรมแบบมีคอนเซปต์” มากกว่าโทรมจริงการจะเข้ามาถึงจุดนี้ได้ไม่ง่ายเลย ด่านรักษาความปลอดภัยหลายชั้นทำเอาเธอแทบถอดใจกลางทาง แต่ในที่สุด... ก็ยืนอยู่ตรงหน้าโกดังหมายเลข 7 — โกดังเก็บของขนาดใหญ่ที่ต้นสังกัดซื้อไว้เพื่อใช้เป็นสถานที่ซ้อมลับเฉพาะของวง ไซเรนจำนวนรถยนต์ที่จอดเรียงรายอยู่ด้านหน้าโกดังชัดเจนพอจะฟันธงได้ว่า... ลิงทั้งห้า น่าจะอยู่กันครบถ้วนทุกตัวแน่นอนนาตาลีเลือกใช้ทางลับ — เส้นทางที่ไม่มีใครรู้ นอกจากเธอกับเอเดน ทางที่เคยใช้ด้วยกันเป็นประจำในอดีตชาติที่เธอจำได้ไม่ลืมหัวใจเธอหวิวขึ้นมาเล็กน้อยในระหว่างที่ก้าวเดินอย่างเงียบเชียบผ่านตรอกแคบ ๆ ข้างโกดังเขาจะสงสัยไหมว่าเธอรู้ได้ยังไง?หรืออาจจะถามเลยว่าเธอเป็นใครกันแน่?หรือไม่ก็แค่จ้องมาด้

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.14 : แพนเค้กไม่สมบูรณ์แบบ

    นาตาลีตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดด้วยใบหน้าบวมเป่ง ราวกับเพิ่งโดนฝ่ามือของความจริงตบซ้ำซากหลายครั้งไม่ให้ทันตั้งตัว ขอบตาคล้ำลึก เครื่องสำอางเก่าที่ไม่ได้เช็ดออกจนหมดทำให้ดวงตาดูเลอะเลือนคล้ายงานศิลป์ที่เปียกฝน และเส้นผมกระเซอะกระเซิงเหมือนคนเพิ่งรอดพ้นพายุมาไม่ต้องส่องกระจกก็รู้—สภาพเธอตอนนี้แย่เกินจะออกไปรับแดดเธอถอนหายใจแรง ๆ ยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อความปวดหัวแล่นขึ้นมาราวกับคีมเหล็กบีบสมอง ทั้งเสียงของแม่ที่ยังวนเวียนในหัวไม่หยุด และภาพเมื่อคืนที่เอเดนโอบเธอไว้แน่นยังฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ“ไม่ ไม่สิ — หยุด! ของขวัญ แกต้องตั้งสติ”เสียงในหัวเธอสั่งอย่างนั้นนาตาลีรีบล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และเดินออกมาจากห้องนอนราวกับหนีออกจากฝันร้าย แพนเค้กง่าย ๆ สักสองสามแผ่นอาจพอช่วยให้สมองของเธอกลับมาทำงานได้ในห้องครัวที่เงียบเกินไป เสียงตีแป้งกลับชัดเจนราวกับมีไมค์จ่ออยู่ ความคิดที่พยายามผลักไสก็เริ่มกระซิบขึ้นมาอีกครั้ง…ทำไมถึงได้มาอยู่ที่นี่กับเขา — กับคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนไกลแสนไกล และไม่คิดว่าจะได้เข้

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.13 : กอดที่ไม่ถามอะไรเลย

    เสียงริงโทนเก่า ๆ ดังขึ้นภายในกระเป๋า สะท้อนก้องไปในลิฟต์ที่เงียบสงัดราวกับห้องสารภาพบาป นาตาลีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาช้า ๆ — ลึก ๆ เธอหวังว่าอาจจะเป็นต้นหอม แต่ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอกลับไม่ใช่...“ค่ะ แม่…”[เดินทางไปถึงแล้วใช่ไหม เป็นยังไงบ้าง]“ก็ดีค่ะ... หมายถึงโดยรวม”[แม่ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น แนต — แม่หมายถึงงาน เรียน แล้วก็ที่สำคัญที่สุด... เรื่องของ ‘ลีวาย’]ลมหายใจของเธอขาดช่วงแผ่วเบาในลิฟต์ที่เงียบสนิท ราวกับคำพูดของแม่กดทับอะไรบางอย่างในอก — ไม่ใช่ห่วง แต่เป็น... ความคาดหวังที่ไม่เคยมีที่สิ้นสุด“งานโอเคค่ะ... หัวหน้าก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดีมากเลย บริษัทก็บรรยากาศดี—เรื่องเรียน แม่ไม่ต้องห่วงเลย หนูคิดว่าสิ่งที่ได้จากงานนี้ช่วยให้หนูเรียนได้ดีขึ้นแน่นอนค่ะ”[แล้วลีวายล่ะ?]ความเงียบยาวเกิดขึ้น ราวกับเวลาถูกยืดออกด้วยแรงโน้มถ่วงจากชื่อที่เอ่ยถึง คำตอบนั้นอยู่ที่ริมฝีปากเธอแล้ว เพียงแต่... ไม่ว่าจะพูดออกไปยังไง มันก็ “ผิด” สำหรับแม่อยู่ดี

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.12 : วีไอพี = Very Intense Punch

    “มันจะช่วยอะไรได้จริงเหรอเนี่ย...”วัตสันพึมพำเสียงเบา มือยังยกแก้วน้ำขึ้นจรดริมฝีปากราวกับใช้มันเป็นเกราะกำบังจากโลกภายนอก เธอไม่แม้แต่จะปรายตามามองคู่สนทนา สายตาของเธอทอดยาวออกไปยังบรรยากาศโดยรอบห้องวีไอพี ที่เริ่มวุ่นวายขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับตลาดยามค่ำคืน“ดูคนพวกนั้นสิ...” เธอเสริม น้ำเสียงไม่ติดจะเหนื่อยใจ “เหมือนอดอยากความบันเทิงมาทั้งชีวิต”นาตาลีเหลือบตามองตามคำพูดของเพื่อนร่วมงานเบื้องหน้า — เจมส์กำลังกระดกเหล้าเพียว ๆ ราวกับดื่มน้ำผลไม้ สีหน้ารื่นเริงเกินเหตุ ท่ามกลางเสียงเพลง EDM จังหวะยวบ ๆ จากลำโพงที่ไม่มีใครขอ แต่ทุกคนก็ยอมรับมัน“แล้วลมอะไรพัดเธอมานี่ล่ะ” เสียงของนาตาลีดังพอได้ยินแค่กันสองคน หยอกเย้าแต่ก็ซ่อนความสงสัยจริงจังไว้เล็กน้อย “นึกว่าเธอจะรอให้คุณเจรอสโลว์มาด้วยซะอีก ถึงจะยอมขยับตัว”

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.11 : สายลมกับเสียงแฟนคลับ

    เช้าวันถัดมาหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย นาตาลีออกจากห้องพร้อมกาแฟแก้วหนึ่งและแซนด์วิชในมือ — ของสองสิ่งที่พอจะยึดเหนี่ยวเธอไว้ในเช้าวันใหม่ได้เธอใช้วันทำงานอย่างตั้งใจจนน่าแปลกใจ แม้เมื่อค่ำคืนก่อนจะเต็มไปด้วยความฝันที่... เอ่อ... วาบหวามเกินจะบรรยาย และถึงแม้ตอนเช้าจะสะดุ้งตื่นตกเตียงไปแบบสิ้นสภาพ นั่นก็ไม่ได้ลดทอนความตั้งใจในการทำงานของเธอลงเลยแม้แต่น้อยเพราะในเส้นทางใหม่นี้ เธอไม่มีเวลาจะหลงทางอีกแล้วช่วงพักกลางวัน นาตาลีเลือกเดินขึ้นไปยังดาดฟ้าของตึก บรรยากาศที่เงียบสงบและลมเย็นที่พัดปะทะใบหน้าเบา ๆ ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูกแสงแดดอ่อน ๆ กระทบเส้นผมของเธอขณะที่เธอนั่งลงบนม้านั่งไม้ กาแฟแก้วที่สองอยู่ในมือ และแซนด์วิชอีกชิ้นที่ยังไม่ได้แกะห่อวางอยู่ข้างตัวเธอมองไปยังขอบฟ้าที่ไกลลิบ ภาพสะท้อนของตึกสูงเบื้องหน้าเป็นเหมือนโลกอีกใบที่เธอยังไม่เข้าใจ &mdas

  • ขอเวลา...เพื่อรักเธออีกครั้ง   EP.10 : ครั้งนี้...จะไม่มีใครหายไปเงียบ ๆ อีกแล้ว

    หลังมื้ออาหาร เอเดนลุกขึ้นก่อน ค่อย ๆ เก็บจานชามอย่างเงียบ ๆ เขาเดินไปยังอ่างล้างจานโดยไม่พูดอะไรเพิ่ม แผ่นหลังสูงใหญ่เคลื่อนไหวอย่างเป็นจังหวะ ท่ามกลางแสงไฟสลัวที่ส่องกระทบเส้นผมเขาให้ดูอ่อนโยนกว่าปกตินาตาลีมองภาพนั้นเงียบ ๆเขาไม่เคยชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ส่วนตัวของเขา ไม่ชอบให้ใครเดินผ่านหลัง หรือทำอะไรโดยไม่บอกล่วงหน้า — เธอรู้ดี เพราะเธอเคยอยู่ตรงนี้มาก่อน...แล้วทำไม ครั้งนี้ถึงต่างออกไป?เธอพยายามบอกตัวเองไม่ให้คิดมาก แต่กลับห้ามไม่ทัน คำถามโง่ ๆ อย่าง “เขาสงสารเราหรือเปล่า?” แล่นขึ้นมาในหัว และที่แย่กว่านั้นคือคำถามที่สอง — “หรือว่า... เขาเริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างกับเราแล้ว?”เธอเผลอพูดขึ้นเบา ๆ ขณะมองแผ่นหลังของเขา"...นายดูดีนะ ตอนล้างจานน่ะ"เอเดนหยุดมือไปชั่ววินาที ก่อนจะหันกลับมาพร้อมยิ้มที่ยากจะตีความ"นี่เธอชมฉันเหรอ?" เขาพูดพลางเดินกลับมาช้า ๆ "เขินเลยนะครับเนี่ย"นาตาลีหลบตาเล็กน้อย หัวใจเธอเริ่มเต้นแรงโดยไร้เหตุผลเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า กลิ่นโคโลญจ์จาง ๆ ผ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status