LOGINหลี่เย่าฟางไปแล้ว ดูแล้วยายแก่นั่นคงหาเรื่องอาเล็กขอสามีอีกเพราะว่าวันนี้ขาดรายได้มาให้นาง ซูเว่ยหรานมองปลากว่าห้าสิบตัวที่เดิมคือรายได้ของบ้าน ถึงจะตายแต่ก็ยังสดเพราะวิญญาณเพิ่งจะออกจากร่าง ก่อนจะเอ่ยขำๆ
"วิญญาณพวกเจ้าออกจากร่างแล้วไปสิงร่างปลาตัวอื่นไหม แบบทะลุมิติไปอยู่ในร่างของปลาที่อยู่ในกระชังหรือเปล่า หรืออยู่ในร่างตะพาบน้ำ เอ่อไม่ได้สิ ข้ามสายพันธ์ท่าว่ายน้ำก็ไม่เหมือนกันด้วย แต่ฉันนี่สิ ฉันเคยเป็นคนสวยนะ ทำไมต้องมาอยู่ในร่างยายอ้วนอัปลักษณ์ที่แสนร้ายกาจด้วย แปดสิบเก้าสิบโลเลยมั้ง ต้องอดข้าวกี่เดือนถึงจะผอมได้"
หลี่จื่อหานเดินมาถึงพอดีที่นางบ่นงุ้งงิ้งๆ แต่เขาไม่เข้าใจอะไรก่อนจะเดินไปหาแล้วเอากะละมังไม้มาจากนางพร้อมกับเอ่ยปาก
"ข้าทำเอง เจ้าไม่เคยทำหากกินไม่ได้ท่านย่าจะว่าเอาอีก ข้าสงสารท่านปู่น่ะ"
ซูเว่ยหหรานมองหน้าเขาก่อนจะกระชากกะละมังกลับมาแล้วเอ่ยยียวน
"โย่ว...สงสารท่านปู่ก็หัดสงสารลูกตัวเองเมียด้วย ดูสิห้าขวบตื่นแต่เช้าไปหารับจ้างได้เงินมาก็ถูกยายแก่นั่นเอาไปหมด หลี่จื่อหานเรื่องหย่ากับท่านข้าจริงจังนะ"
หลี่จื่อหานมองหน้านางอย่างพินิจอีกที คำก็หย่าสองคำก็หย่า เมื่อคืนเขากลับมาไม่ทันเพราะพายุแรงมากจึงหลบอยู่ที่ถ้ำใต้ชะง้อนผา ได้ยินว่าเพราะเหตุนี้ท่านย่าจึงเอามาอ้างลงโทษนางและช่วยกันกับอาสามทุบตีนาง หรือเพราะนางถูกทำร้ายจึงทนไม่ได้แล้วอยากหย่าหลี่จื่อหานเอ่ยกับนางอย่างใจเย็น
"ตอนเจ้าปีนเตียงข้า ทำให้ข้าพลาดโอกาสเข้าเพราะสอบชื่อเสียงเสียหาย มายามนี้เอ่ยปากจะหย่าง่ายดายเจ้าเห็นข้าเป็นตัวอะไรซูเว่ยหราน"
เมื่อเขาเอ่ยจบก็หันหลัง ซูเว่ยหรานตะโกนเอ่ยตามไป
"ไม่หย่าก็แยกบ้าน มีสองทางเลือกที่สำคัญลูกต้องเป็นของข้าไม่ว่าเจ้าเลือกทางไหน"
หลี่จื่อหานหันหลับมาจ้องหน้านางเขม็งแยกบ้านหรือ นางกล้าเอ่ยคำนี้ทั้งที่รู้ว่าเขามีเพียงท่านปู่เพราะท่านพ่อจากไปแล้ว หลี่จื่อหานเดินกลับมาหานางก่อนจะคว้า ลำคอนางแล้วเอ่ยลอดไรฟัน
"เจ้าก็รู้ว่าข้ามีแค่ท่านปู่ เจ้าอยากให้ข้าอกตัญญูทั้งที่ท่านปู่มีเมตตาต่อเจ้ามากกว่าใครในบ้านเช่นนั้นรึ"
ฟันซูเว่ยหรานไม่สนใจ ใช้แรงที่มีของเจ้าของร่างเหวี่ยงหลี่จื่อหานออกไปก่อนจะเอ่ยกับเขา
"หากเจ้าไม่พอใจข้ามีวิธีที่ดีกว่านั้น"
"เจ้ายังมีคำพูดเหลวไหลอะไรอีกซูเว่ยหราน"
"ข้าไม่หย่าเจ้า ส่วนเจ้าไม่ยอมแยกบ้านงั้นก็ให้ปู่เจ้าหย่ากับนางปีศาจเฒ่านั่นแทน ถ้าเจ้าตกลงข้ายินดีทำให้เกิดเรื่องนี้ ว่าอย่างไรหลี่จื่อหาน"
หลี่จื่อหานสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที คุยกับนางแล้วยิ่งโมโห นางอยากทำอะไรก็ทำไปเลยสตรีน่าตาย มื้อเช้าเขาจะไปซื้อที่ตลาดในหมู่บ้านให้ท่านปู่กับคู่แฝดและอาเล็กเอง
ซูเว่ยหรานจัดการขอดเกล็ดปลาเรียบร้อยก็ไปหาเครื่องปรุงในครัว ไม่มีสักอย่างนอกจากเกลือจะทำอะไรได้อีกเนี่ยยังดีที่บ้านหลังนี้ติดภูเขาเปิดหลังบ้านออกไปก็เจอตีนเขา ทางขึ้นมีแต่หญ้ารกๆ แปลว่าพวกเขาไม่เคยขึ้นหรือขึ้นน้อยมาก ซูเว่ยหรานนำเกลือทั้งกระปุกมาเตรียมเอาไว้
จากนั้นก็คว้ามีดถากหญ้าที่ขึ้นรก แหวกให้เป็นทางเพื่อเดินขึ้น เนื่องจากร่างนี้อ้วนจึงทำให้นางเหนื่อยง่าย ทำให้หยุดพักบ่อยๆเดินมาสักพักก็เจอต้นปาล์ม นางอยากหาสมุนไพรอื่นๆอีก เห็นพริกไทยอยู่หนึ่งต้นก็ดีใจรีบเก็บทันที เดินไปอีกหน่อยเจอต้นอ้อยหลายกอ ซูเว่ยหรานลองตัดมาปอกก่อนจะกัดกิน
"อืม...อ้อยนี่หวานมาก....ไม่น่าเชื่ออยู่ติดทะเลดินควรจะกร่อยหรือเค็ม แต่พืชที่นี่กลับเติบโตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ต้นปาล์มเหล่านี้มีมากกว่าร้อยต้นน่าจะได้หลายร้อยทลาย ปาล์มพวกนี้หากเอามาสกัดทำน้ำมันน่าจะทำเงินได้"
สายตาเหลือบไปเห็นก้อนสีขาวๆตามพื้นเต็มไปหมด ซูเว่ยหรานดีใจก่อนจะรีบลุกไปดู นี่มันของดี นางรู้แล้วว่าจะทำอย่างไรให้อาเล็กสามารถส่งปลาถึงมือลูกค้าได้โดยที่ปลายังสดใหม่ ซูเว่ยหรานเก็บเจ้าก้อนสีขาวนั้นกองๆเอาไว้ อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่ามันใช้ทำอะไรนางเก็บกองไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาเอาทีหลัง จากนั้นก็ไปตัดใบสนปิดบนปากตะกร้าแล้วเดินลงเขา แวะเก็บพริกกับขุดเผืกตรงริมน้ำมาได้สามหัว
ที่บ้านไม่มีข้าวสารแต่มีแป้งสาลีอยู่คงทำได้แค่บะหมี่ ลองไปซื้อไข่ในหมู่บ้านมาทำบะหมี่ไข่ก็แล้วกัน สายตาเหลือบไปเห็นต้นมะพร้าวอยู่เรียงรายไกลออกไปไม่มาก เคยไปเที่ยวแถวๆทะเลทางใต้ของประเทศไทย มีข้าวผัดหอมๆใส่ในลูกมะพร้าวด้วย เอาเป็นว่าหาเงินซื้อข้าวก่อน
เรื่องนี้ต้องคุยจริงจังกับไอ้คนแซ่หลี่นั่น เงินทองที่หามาได้ต้องมาเลี้ยงทั้งบ้านหรือ บุตรชายยายแก่นั้นอายุไม่น้อยแต่กลับไม่ทำงานเอาแต่นอนแล้วก็ไปเล่นพนัน พอเสียก็ตบตีลูกเมีย สงสารก็สงสารแหละแต่เรื่องครอบครัวคนอื่นหากยังยอมทนใครก็ช่วยไม่ได้ ไอ้คนแซ่หลิวนั่นเคยลงมือกับร่างนี้ครั้งหนึ่งตอนที่หลี่จื่อหานไม่อยู่ ต่อจากนี้ไปลองมาแหยมกับแม่สิ จะเอาไห้กระดูกหักทิ่มปอดตายเลยไอ้คนไม่เอาไหน
ซูเว่ยหรานตื่นไม่ไหวเพราะถูกคนตัวโตเรียกร้องทั้งคืน แต่เขาตื่นแล้วไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้แต่เช้า ยามซื่อสาวใช้จึงได้มาปลุก"พระชายา...หม่อมฉันเองเสี่ยวเตี๋ยเพคะ""อืม...รอเดี๋ยวนะ"ซูเว่ยหรานเปิดประตูออกมาก็ต้องเอามือบังตา แสงแดดยามหน้าร้อนนี้ช่างจ้านัก เสี่ยวเตี๋ยยิ้มละไมให้เจ้านายของตน ดูท่าไท่จื่อจะรักใครพระชายายิ่งนัก คอแดงไปหมดเชียว เสี่ยวเตี๋ยเดินตามไปเพื่ออาบน้ำให้นางซูเว่ยหรานนั่งแช่ลงในอ่างหลับตาผ่อนคลาย ขืนเขาว่างแบบนี้มีหวังได้ท้องอีกคนแน่ๆ กินไม่เลิกเลย กระทั่งน้ำเริ่มเย็นนางจึงลุกขึ้น เสี่ยวเตี๋ยส่งเสื้อคลุมมาให้เท้าเรียวก้าวออกจากอ่างยังไม่ทันจะก้าวอีกข้างก็ถูกอุ้มลอยจากพื้น ร่างบางกอดคอเขาทันทีก่อนจะร้องอุทาน"ว้าย...ไท่จื่อทรงทำอะไรเพคะ พื้นเปียกน้ำหากลื่นล้มจะทำเช่นไร""ไม่ล้มหรอก ประชุมเสร็จก็รีบกลับบ้านคิดถึงเมีย เสี่ยวเตี๋ยเจ้าไปได้แล้ว""เพคะ"สาวใช้ยิ้มก่อนจะเดินออกไป ซูเว่ยหรานทุบอกเขาอย่างแรง คนบ้านี่ช่างหน้าหนาหน้าทนยิ่งนัก ปากจิ้มลิ้มเอ่ยต่อว่าทันทีเมื่อสาวใช้ออกไปแล้ว"ท่านพี่...ทำอะไรมิคิดบ้าง คนอื่นจะเอาไปนินทาได้นะเจ้าคะ""คนงาม.......พี่คำนวณแล้วตอนนี้เจ้า
ยามซวีแล้วคนตัวโตเพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมาก่อนจะสำรวจตนเอง เมียสวมเสื้อผ้าให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งนางยังนั่งหลับฟุบอยู่ที่โต๊ะ บนโต๊ะมีอาหารที่ควันยังคงลอยกรุ่น จ้าวจื่อหานรู้สึกผิดที่ทำให้นางลำบาก ร่างสูงลุกจากเตียงเดินไปหาร่างบางที่ฟุบอยู่กับโต๊ะก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นมา ซูเว่ยหรานลืมตายิ้มให้เขาเอ่ยถามออกมา"ตื่นแล้วหรือเพคะ..หม่อมฉันอุ่นอาหารเอาไว้""ไม่หิวข้าว หิวแต่เจ้า""พอได้แล้วเพคะ เสวยก่อนเถอะหม่อมฉันมีเรื่องจะคุยด้วย""หรานหราน...เจอกับใต้เท้าเซียวหรือยัง""ใต้เท้าเซียวหรือเพคะ เขาคือผู้ใดกัน"จ้าวจื่อหานวางนางลงบนเตียงก่อนจะหอมแก้มนางอย่างอ่อนโยน เขาอยากให้นางกับบิดาได้พบกัน แต่อีกใจก็เกรงว่านางจะอาการกำเริบ จึงลองโยนหินถามทางก่อน"อาการปวดหัวเป็นเช่นไรบ้างบอกพี่สิ""บางวันก็มีปวดตุ๊บๆ แต่ไม่ร้ายแรง มีแค่ครั้งนั้นที่ปวดมากเสด็จพ่อให้หมอหลวงจ่ายยาก็พอทุเลาลงบ้าง ยาที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้หมดแล้วอาการจึงกำเริบบ่อยๆ แต่ไม่หนักเท่าไหร่เพคะ"ร่างสูงนั่งลงช้อนนางมานั่งตัก เขาเอ่ยกับนางเรื่องออกเดินทางไปอารามเต๋า"หรานหราน....พี่จะพาเจ้าท่องเที่ยวอยากไปหรือไม่ บัดนี้บ้า
จ้าวจื่อหานจุมพิตซูเว่ยหรานอย่างแผ่วเบา ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความร้อนแรง มือหนาปลดอาภรณ์ผืนงามออกทีละชิ้นก่อนจะทิ้งมันลงข้างเตียง กระทั่งนางเปลือยเปล่าเขาลูบไล้เรือนร่างเย้ายวน ปากหยักละจากริมฝีปากอวบอิ่ม กวาดสายตามองทั่วเรือนร่างของนาง สายตาหลงใหลไม่ปิดบัง ซูเว่ยหรานใบหน้าเห่อร้อนเพราะความเขินอาย นางยกแขนขึ้นปิดทรวงอกสล้างที่เปิดเผย คนตัวโตจับมือนางออกเพื่อมองมันให้เต็มตาพร้อมกับเอ่ยกระเซ้า"งามเพียงนี้จะปิดบังไปไย ขอพี่มองให้ชื่นใจหน่อยเถอะ หรานหรานยิ่งมีลูกเจ้ายิ่งงามนัก""ท่านพี่...ท่านเอาแต่จ้องใครจะไม่อายเล่า""เรามีลูกด้วยกันแล้วนะ มาเถอะหนิงซินอยากมีน้องชายน้องสาวเราอย่าเสียเวลาเลยมาทำน้องให้เด็กๆกันเถอะ"เขาเอ่ยจบก้มอบจุมพิตให้นางอีกครั้ง ก่อนจะถอนริมฝีปากแล้วเลื่อนใบหน้าหล่อเหลาพรมจูบนางไปทั่วพวงแก้ม จ้าวจื่อหานงับติ่งหูนางเบาๆ เรียกเสียงครางกระเส่าจากคนใต้ร่างออกมา"อ๊า...ท่านพี่""เจ้าหวานนัก หรานหรานเจ้าหอมเย้ายวนเหลือเกิน"จ้าวจื่อหานซุกไซร้จมูกโด่งต่ำลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินสล้างลมหายใจอุ่นร้อนของเขา ทำเอาคนใต้ร่างขนลุกเกรียวด้วยความรัญจวน ปลายถันสีหวานชูชันรอเขามาชิม
ซูเว่ยหรานกำลังจัดการต้นกล้าที่ได้มาอยู่ที่ลานบ้าน ยามนี้ชาวบ้านที่หนีการกวาดต้อนกลับไปอยู่บ้านของตนเองได้แล้ว ต้าเป่ยก็มีฮ่องเต้องค์ใหม่ที่รักใคร่และห่วงใยราษฎร สามีนางไปได้สี่เดือนแล้ว บัดนี้เขากำลังเดินทางกลับมาต้าเหยียนซูหานกลับจวนมาก่อน รัชทายาทกำลังตามมาติดๆ เมื่อมาถึงที่เรือนสำหรับใช้ทำงานเขามองดูบุตรสาวที่นั่งเขียนพู่กันอยู่ที่ศาลาข้างๆ มีหลี่เย่าฟางนั่งจัดแยกชนิดของต้านกล้า คนงานบรรจุลงตะกร้าไม้ไผ่ มองไปเห็นตะต้นกล้าวางเรียงจนเต็มลานมีเพียงแค่ทางเดิน ซูหานเดินเข้าไปหานางเอ่ยเรียก"พระชายา"ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียกก่อนจะวางพู่กันแล้วรีบลุกวิ่งลงมาหาสวมกอดเขาเอาไว้"ท่านพ่อ...ท่านกลับมาแล้ว บาดเจ็บหรือไม่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ"มือหนายกขึ้นลูบศีรษะสวยได้รูป ซูหานกอดตอบก่อนจะเอ่ย"พ่อไม่เป็นไร...อืมเด็กดีตอนที่พ่อจากไปเจ้าถึงวัยปักปิ่นแล้วแต่พ่อกลับไม่ได้ทำหน้าที่บิดาให้ดี มิได้ทำพิธีนั้นให้เจ้า แต่วันนี้พ่อมีของขวัญมาชดเชย"ซูหานหยิบปิ่นออกมา ตัวปิ่นเป็นเงินบริสุทธิ์ ดัดจนอ่อนช้อยประดับหยกเนื้อดี อีกทั้งพู่ห้อยทำจากเงินค่อยๆ ต่อห่วงลงมาเป็นโซ่เส้นเล็กๆ สามเส้
หลี่จื่อหานที่ยืนสง่าอยู่หน้าประตูของท้องพระโรงนั้นเงาของเขาทอดยาวจนบดบังรัศมีด้านใน แม้แต่บนบัลลังก์มังกรที่จ้าวรุ่ยซิงนั่งอยู่ก็มืดมิดในทันทีเมื่อเงาของเขาทอดลงมา จ้าวรุ่ยซิงไม่รีบเรียกหาคนของตนทันที"ทหารวัง องครักษ์ พวกเจ้าไปตายที่ไหนกันหมด มีคนร้ายๆ"เสียงฝีเท้าขององครักษ์กรูเข้ามาเพื่อปกป้องเขากว่าสามร้อยคนจนท้องพระโรงแน่นไปหมด จ้าวรุ่ยซิงสั่งการทันที"พวกเจ้าจัดการพวกมัน ฆ่าทิ้งอย่าให้เหลือแม่แต่มดสักตัว มันคือบุตรชายของกบฏ จ้าวหมิงเทียน ที่คิดชิงบัลลังก์จากอดีตฮ่องเต้ และไอ้คนทรยศจ้าวฉี่หลิง ฆ่าให้หมด"องครักษ์เดินสามขุมเข้าหากลุ่มของหลี่จื่อหาน แต่ยังไม่ทันเงื้อดาบมือก็มีลูกธนูพุ่งลงมาปักกลางท้องพระโรง ขุนนางที่ตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ไม่สามารถหนีออกไปได้ก็มองหน้ากัน หลี่จื่อก็จะเดินเข้ามาตามด้วยพลธนูนับร้อยที่ขึ้นสายพร้อมยิง ร่างสูงหิ้วคอเสื้อจ้าวหมิงฮ่าวมาโยนลงตรงเท้าจ้าวรุ่ยซิงก่อนจะเอ่ยช้าๆ"เจ้าไม่ต้องหาเรื่องให้ตัวเองรีบตายเพียงนี้ สกุลซุนของมารดาข้ากว่าสามร้อยชีวิต ยังมีสกุลซุนสายรองของท่านน้าไฉ่หลินอีกร้อยกว่าชีวิตข้ายังไม่ได้ชำระ ให้เจ้าตายง่ายๆ จะสบายเกินไปนะจ้าวรุ่ยซ
ยามอิ๋นกองทัพเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนพลเนื่อจากทางจ้าวฉี่หลิงส่งข่าวมาแล้วว่ายามนยี้เขาปะปนกับทหารวังเรียบร้อย พรุ่งนี้ยามเฉินประชุมเช้าสามารถบุกเข้าวังได้เลย หลี่จื่อหานมิได้นอนเขาต้องการไปสำรวจเมืองหลวงก่อนเขาเคยมาเมืองหลวงครั้งหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน มิรู้ยามนี้เปลี่ยนแปลงไปเช่นไรบ้าง ร่างสูงดีดตัวข้ามกำแพงเมืองมาได้ก้สำรวจพื้นที่ เขาสำรวจจนมาถึงบ้านเดิมมารดาที่ยามนี้กลายเป็นเพียงจวนร้างหลังหนึ่ง กว่าสามร้อยชีวิตถูกสังเวยที่นี่ เซียวอี้ที่ติดตามมาด้วยมองชายหนุ่มที่เดินนำหน้าก่อนจะเอ่ยกับเขา"ไม่จื่อ.....ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้วหากพรุ่งนี้ทุกอย่างเรียบร้อยจะทรงมาฟื้นฟูที่นี่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ""เฮ้อ...ท่านพ่อตาข้าไม่อยากใช้ชีวิตที่นี่ ข้ากลัวว่าหากดึงเข็มทองออกแล้วนางจำเรื่องราวได้ เมื่องหลวงแห่งนี้คือสถานที่ฝันร้ายสำหรับนาง"เซียวอี้เงียบลง เขารู้สึกดีใจที่บัตรเขยรักบุตรสาวของตนเพียงนี้ แม้ว่าก่อนหน้าชีวิตบุตรสาวจะลำบากเพราะสตรีแซ่หลิวคนนั้นแต่เรื่องผ่านมาแล้ว ก่อนที่จะได้ยินเขาเอ่ยอีกครั้ง"หากเสร็จเรื่องข้าอยากมีลูกกับนางอีกสักสามสี่คน ท่านเองก็ร่างกายไม่เหมือนเก่า อยู่บ้านเลี้ยงหลานก็ไม







