ホーム / รักโบราณ / จิ่วหรง / บทยี่สิบสี่

共有

บทยี่สิบสี่

last update 最終更新日: 2025-09-17 18:55:34

บทยี่สิบสี่

ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย

เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง

หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ

เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก

เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร

ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต้

นางค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลง มือกำปิ่นขนนกกระเต็นเอาไว้แน่น พลางเสียงฝีเท้าของใครสักคนก้าวเข้ามาในตำหนัก ยามลืมตามองถึงพบว่าเป็นคนจากตำหนักของเสด็จแม่ อีกฝ่ายมอบจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ ดวงหน้าแปดเปื้อนน้ำตา ก่อนถูกคนของเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันออกไป

เมื่อเปิดจดหมายอ่าน ถึงเห็นว่าลายมือของเสด็จแม่มิได้เรียบร้อยเช่นเคย ซ้ำตัวอักษรยังเปื้อนหยดน้ำตา

‘ หรงเอ๋อร์ หากแม่เลือกแต่งงานกับคนธรรมดา ชีวิตของเจ้าคงเรียบง่ายกว่านี้ แม่น่ะรักเจ้าเท่ากับที่รักเยี่ยนเอ๋อร์ เพียงแต่เยี่ยนเอ๋อร์เป็นบุรุษ เขาจะเป็นที่พึ่งให้เราสองแม่ลูก กลายเป็นว่าแม่ต้องทุ่มเทให้เขามากกว่าเจ้า ทว่าเจ้ากลับเข้าใจวังหลวงแห่งนี้ดีกว่าใคร ดังนั้นจงหนีไปให้ไกล โบยบินอย่างอิสระ และพาเยี่ยนเอ๋อร์ไปด้วยกัน ละทิ้งบัลลังก์มังกรทองไว้เบื้องหลัง แม่ชดเชยให้พวกเจ้าได้เพียงเท่านี้ ถ้าชาติหน้ามีจริง อย่าเกิดมาเป็นลูกของป๋ายอวี้หลันอีกเลยนะ’

จดหมายร่วงหล่นบนผืนพรม เจินจิ่วหรงขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แลเห็นควันไฟพวยพุ่งกลางอากาศจากบานหน้าต่าง อันเป็นที่ตั้งของตำหนักพระสนมเสียนเฟย นางปล่อยปิ่นขนนกกระเต็นลงบนพื้น รีบวิ่งออกไปนอกตำหนักอย่างรวดเร็ว

เรื่องน่าแปลกคือขันทีและราชองครักษ์ไม่ขวางทางองค์หญิงเก้าอีกแล้ว เจินจิ่วหรงไม่เสียเวลาหาเหตุผล นางถอดรองเท้าอ่างบัวออก สองเท้าเปลือยเปล่าเหยียบย้ำบนพื้นสกปรก เรือนผมหลุดลุ่ยไม่เป็นทรง ปิ่นระย้าหล่นจากบนหัว

ยามถึงหน้าตำหนัก ถึงเห็นว่าเปลวเพลิงกำลังแผดเผาเรือนนอนของเสด็จแม่ ในขณะข้ารับใช้ทุกคนต่างยืนนิ่งไม่มีการขยับหรือตักน้ำมาดับไฟ

“ไยพวกเจ้าถึงยืนนิ่ง ไปตักน้ำมาดับไฟเดี๋ยวนี้ !”นางตวาดเสียงแข็งกร้าว ทว่ากลับไม่มีผู้ใดเคลื่อนไหว พวกเขาก้มหน้าลงมองพื้น เมินเฉยองค์หญิงเก้าอย่างชัดเจน

ตอนนั้นนางพลันตระหนักว่านี่ต้องเป็นคำสั่งของเจินเซียหยางฮ่องเต้ เจินจิ่วหรงขบริมฝีปากเน้น ฝ่าควันไฟเข้าไปในตำหนัก ตรงไปยังเรือนนอนอย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นเมฆครึ้มลอยเด่น สายลมพัดปลิวโหมกระหน่ำ ผืนดินแห้งกร้าน ก่อนเจินจิ่วหรงจะสะดุดล้มลง จนหัวเข่าขาวเนียนแตกถูกย้อมด้วยสีเลือด เส้นผมดำขลับเลื่อนปรกดวงหน้างดงาม และยามเงยหน้าขึ้นจากพื้นก็เห็นปลายเท้าเปลือยเปล่าที่เริ่มแผดเผาเหนือผืนพรม เลื่อนสายตาขึ้นเรื่อย ๆ จึงพบดวงหน้าขาวซีดและเปลือกตาปิดสนิทของเสด็จแม่

ร่างอันงดงามสวมอาภรณ์สีฟ้าคราม เรือนผมปล่อยสยายตกแต่งด้วยปิ่นดอกไม้ คล้ายคลึงวัยแรกแย้ม ขณะถูกแขวนด้วยผ้าแพรขาวสะอาด รวมถึงกำลังถูกแผดเผาด้วยเปลวเพลิง

“เสด็จแม่…” เจินจิ่วหรงเอ่ยเสียงแผ่วเบา รีบขยับลุกจากพื้น แล้วถอดอาภรณ์ตัวนอกออก พร้อมกระโจนเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างไม่คิดชีวิต แต่ปลายเท้ากลับหยุดชะงักกลางอากาศ ค่อย ๆ ทรุดตัวนั่งลงบนผืนดินอย่างจำนน

“ท่านพี่เองก็คิดว่ามันเปล่าประโยชน์สินะ” เจินจิ่วเยี่ยนกล่าวทำลายความเงียบสงัน พลางหยิบผ้าขาวสะอาดออกจากแขนเสื้อ ค่อย ๆ ซับเลือดจากหัวเข่าของพี่สาว “พอข้าอ่านจดหมายของเสด็จแม่จบ ก็รีบวิ่งมาที่นี่ แต่ทุกอย่างกลับมอดไหม้ไปเสียแล้ว”

“…อ่า”

“เนื้อหาของจดหมายฉบับนั้นสวยงามซะจนไม่คิดว่าเป็นของเสด็จแม่ หากไม่เห็นลายมือนั่น ข้าคงไม่เชื่อแน่…”

เจินจิ่วหรงหลับตาลง เอนตัวพิงซบร่างกายกำยำขององค์ชายสิบสาม “นางบอกให้ข้าหนีไปให้ไกลและพาเจ้าไปด้วย อย่างน้อยเสด็จแม่ก็ควรไปด้วยกันสิ”

“…”

“เสด็จแม่ถูกขังในวังหลวงมาเกือบทั้งชีวิต ถ้าอยากให้พวกเราหนี นางก็ควรไปด้วยกันมิใช่หรือ !”

“…”

“ขนาดตอนตาย ยังแต่งตัวเหมือนตอนที่นางพบเสด็จพ่อครั้งแรก ทั้งที่เสด็จแม่รักลึกซึ้งขนาดนี้ ไยเจินเซียหยางแสนเฮงซวยนั่นถึงมองไม่เห็น !”

หนึ่งหยดน้ำตาไหลอาบลงมาจากดวงตาของเจินจิ่วเยี่ยน เขาประคองพี่สาวที่เริ่มหอบหายใจไม่ทัน พลางกอบกุมมือของนางเอาไว้แน่น “ท่านพี่จะหนีไปก็ได้นะ แต่ข้าจะอยู่ที่นี่”

“…”

“แม้นวังหลวงจะเดียวดาย แต่ถ้าต้องทิ้งทุกอย่างแล้วหนีไป ก็มิต่างจากสุนัขตัวหนึ่ง เสด็จแม่ทำอะไรผิด ทำไมนางถึงต้องมีจุดจบเช่นนี้…”

“…”

“นางก็แย่งชิงความโปรดปรานเหมือนทุกคน คาดหวังในตัวลูก ๆ เหมือนบิดามารดาคนอื่น ๆ เป็น ตลอดหลายสิบปีที่นางเป็นตัวกลางควบคุมตระกูลป๋ายไม่มีความหมายเลยหรือ นางก็แค่ต้องทำเหมือนที่ทุก ๆ คนทำ เพราะเกิดมาเป็นสตรีที่หลงรักคนเฮงซวย”

เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงร้องไห้อันว่างเปล่า นางแหงนหน้าสบตาเจินจิ่วเยี่ยน พร้อมเอ่ยประโยคหนึ่ง “ข้าไม่หนีไปไหนทั้งนั้น นี่มันมากเกินไป”

“…”

“จะให้ข้าปล่อยวางได้อย่างไรกัน ในอกมันเจ็บไปหมด ร่างกายเหมือนถูกแผดเผาไปด้วย ข้ายอมรับไม่ได้จริง ๆ !”

นี่เป็นคราแรกที่เจินจิ่วเยี่ยนเปล่งเสียงสะอื้นให้พี่สาวแท้ ๆ ฟัง เขากอดเจินจิ่วหรงแน่นกว่าเดิม แล้วต่างเปล่งเสียงร้องไห้ออกมาพร้อมกัน

“ข้าจะครองราชย์…”และสังหารเจินเซียหยางฮ่องเต้ทิ้งซะ

เจินจิ่วหรงถูกปล่อยตัวออกจากวังหลวง หลังการปราบกบฏจบลง ด้วยการตัดหัวผู้นำตระกูลเสวียน และสังหารโอรสไม่สมประกอบของเสวียนผินทิ้ง ยังมีโศกนาฏกรรมของพระสนมเสียนเฟย กับตระกูลป๋ายที่เสียหลักจำต้องยอมจำนน ท่ามกลางความโกรธแค้นเหนือคณานับ

ไท่หย่งเสียนเนื้อตัวเปื้อนเลือดวิ่งตรงไปกอดภรรยาที่ข้ามผ่านประตูวังหลวงออกมา เจินจิ่วหรงเบิกตากว้าง ตกอยู่ภายในความอบอุ่นของเขา พวกเขาค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า คนหนึ่งหัวเข่าแตกกับอีกคนบาดแผลเต็มตัว

“เจ็บแผลมากหรือไม่” ไท่หย่งเสียนถามขึ้น เขาเองก็พอรู้เรื่องพระสนมเสียนเฟยอยู่บ้าง ไม่คาดคิดเลยว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะโหดเหี้ยมกับสนมที่ตนเองโปรดปรานมากที่สุดเยี่ยงนี้

“ข้าคงมิได้กลับไปแดนใต้แล้ว แน่นอนว่าอาจไม่ได้พบหน้าหย่งเล่ออีกนานเลย หัวเมืองแดนใต้ปลอดภัยกว่าเมืองหลวง เขาควรเติบโตอย่างแข็งแรงที่นั่น”

“…”

“เสด็จแม่บอกให้ข้าหนีไปให้ไกล แล้วพาน้องสิบสามไปด้วย น่าผิดหวังเราสองพี่น้องกลับยอมรับไม่ได้ ซ้ำยังกระเสือกกระสนจะครอบครองบัลลังก์เน่า ๆ นั่น”

ไท่หย่งเสียนหยุดปลายเท้าลง สบมองดวงตาพร่างพราวของเจินจิ่วหรง พร้อมกล่าวเสียงหนักแน่น “หากเจ้าต้องการบัลลังก์ ข้าก็จะนำมาให้เอง ไม่ต้องห่วง…”

เจินจิ่วหรงยกยิ้มบางเบา แววตาหม่นหมองลง “เลิกเห็นอกเห็นใจข้าเถอะ ตระกูลไท่ไม่มีทางเห็นด้วยกับเส้นทางนี้ ท่านนำบัลลังก์มาให้ข้ามิได้หรอก อีกอย่างพวกเราควรหย่าร้างกันได้แล้ว ข้ามิต้องการให้ท่านต้องเดือดร้อนกับเส้นทางที่ข้าเลือกไปด้วย”

สิ้นประโยคนั้น ไท่หย่งเสียนแค่นรอยยิ้มกว้าง จับฝ่ามืออุ่นร้อนของนางทาบลงบนแก้ม แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเจินจิ่วหรง ท่ามกลางสายตาเบิกกว้างของดวงตาเรียวดั่งหงส์

“ข้าเคยบอกแล้วว่า ข้ายินยอมสยบให้เจ้าเพียงผู้เดียว ชีวิตของข้านับแต่พบเจ้าที่มีชีวิตอีกครั้ง ก็ไม่มีตระกูลไท่ ไร้เงาราชสำนัก มีแค่เจินจิ่วหรงที่ส่องสว่างนำทาง ดังนั้นไม่ว่านางต้องการอะไรข้าก็หามาให้ เพียงเพราะข้าอยากเห็นรอยยิ้มเปี่ยมความสุขของนางอีกหน”

“หย่งเสียน…”

“มองตาข้าให้ดี ๆ สัมผัสหัวใจของข้าด้วยมือของเจ้า นี่มิใช่ความเห็นอกเห็นใจ ทุก ๆ อย่างที่ข้าทำลงไป ก็เพราะข้ารักเจ้า รักมากเหลือเกิน รักยิ่งกว่าชีวิตของตนเองเสียอีก”

ไท่หย่งเสียนปิดเปลือกตาลง หยดน้ำตาค่อย ๆ ไหลอาบลงมา ในขณะเจินจิ่วหรงตัวสั่นระริก เริ่มสะอึกสะอื้นอย่างไร้เสียง พร้อมหยาดฝนโปรยปรายลงมาในที่สุด ย้อมอาภรณ์ของพวกเขากลายเป็นสีเลือด

この本を無料で読み続ける
コードをスキャンしてアプリをダウンロード

最新チャプター

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

続きを読む
無料で面白い小説を探して読んでみましょう
GoodNovel アプリで人気小説に無料で!お好きな本をダウンロードして、いつでもどこでも読みましょう!
アプリで無料で本を読む
コードをスキャンしてアプリで読む
DMCA.com Protection Status