Home / รักโบราณ / จิ่วหรง / บทยี่สิบห้า

Share

บทยี่สิบห้า

last update Last Updated: 2025-09-17 18:56:05

บทยี่สิบห้า

เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง

เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว

ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา

ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน

ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว

แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย

“นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา

“อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว”

น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ราวกับต้องการนำนางออกจากโลกอันมืดหม่น เจินจิ่วหรงหลุบตาต่ำลง ค่อย ๆ ยกมือโอบกอดตนเองเอาไว้แน่น

“ที่บอกว่ารักข้ามากเหลือเกิน คำว่ามากเหลือเกินนี่ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลไท่และราชสำนักหรือไม่”

ดวงตาของไท่หย่งเสียนหม่นหมองลง ค่อย ๆ ยกยิ้มแข็งทื่อบริเวณมุมปาก “จิ่วหรง ข้ายินยอมสยบแทบเท้าเจ้า แม้นตอนนี้ภายในหัวเจ้าจะไม่มีภาพอนาคตร่วมกับข้าเลยก็ตาม”

เจินจิ่วหรงชะงักค้าง ก่อนพบว่าในตัวนางไม่มีภาพไท่หย่งเสียนอยู่เลย กระทั่งภาพของไท่หย่งเล่อก็เลือนรางนัก ที่เห็นเด่นชัดกลับเป็นแผ่นหลังของเจินจิ่วเยี่ยนเท่านั้น “บางทีข้าเองก็คงกลายเป็นปีศาจร้ายไปแล้ว หย่งเสียน ที่ข้าถามออกไปมิใช่เพราะข้าอยากได้ความรักจากท่าน ข้าแค่อยากได้อำนาจทหารในมือท่าน”

ไท่หย่งเสียนโคลงหัวลง พยายามฝังกลบความร้าวรานของตนเอง “ข้ารู้อยู่แล้ว ขอเพียงไม่ต้องหย่าร้างกับเจ้า ข้ายินดีมอบทุกอย่าง”

เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบเบา ๆ ค่อย ๆ ก้าวขาออกจาถังน้ำ แล้วหยิบอาภรณ์ขาวบางตัวนอกมาสวมเอาไว้ พร้อมเดินเข้าไปหาไท่หย่งเสียนอย่างมั่นคง ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกอันเบิกกว้าง เพียงเห็นเรือนร่างอันงดงามของนาง หัวใจของเขาก็เต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง

“จิ่วหรง…”

“หนทางข้างหน้า ท่านอาจไม่เหลืออะไรเลยนอกจากข้า เช่นนั้นยังยินดีเดินเคียงข้างข้าหรือไม่ ?”

ขณะนางย่อตัวลง เขาก็รวบร่างบอบบางเข้าไปในอ้อมกอด มือประคองดวงหน้างดงามเปียกชุ่ม เจินจิ่วหรงขยับรอยยิ้มอ่อนหวานอันไปไม่ถึงดวงตา แต่มีหรือว่าไท่หย่งเสียนจะมองไม่ออก เขาเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

“ข้าไม่ได้ต้องการร่างกายของเจ้า ข้าต้องการความรักจากเจ้า”เขาหลุบตาต่ำลง เหยียดรอยยิ้มว่างเปล่าแก่ตนเอง “เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”

ประโยคนั้นของเขา ทำเจินจิ่วหรงน้ำตาไหลอาบลงมา นางเปล่งเสียงหัวเราะร่วน ฝ่ามือเย็นเหยียบทาบลงบนแก้มของเขา พร้อมกระซิบข้างหู “ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากเลย อยากหลับไปในอ้อมกอดของหย่งเสียน”

สิ้นเสียงของนาง ริมฝีปากบางก็ครอบครองริมฝีปากของเขา ปลายนิ้วเรียวยาวจิกลากลงบนแผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยแผลอย่างบ้าคลั่ง ก่อนไท่หย่งเสียนจะตอบรับจูบนั้นด้วยความเร่าร้อน และปลดเปลื้องอาภรณ์ขาวบางออก

ไม่มีการจัดงานศพให้มารดาของนางด้วยซ้ำ ทั้งที่เป็นถึงพระสนมเสียนเฟยที่ฮ่องเต้โปรดปรานมากที่สุด นอกจากไม่จัดงานศพ ยังไม่ถูกฝังในสุสานของเชื้อพระวงศ์ ต้องไปฝังในสุสานของตระกูลป๋าย ทำราวกับมารดาของนางเป็นกบฏ !

เจินจิ่วหรงสูดหายใจเข้าออก พยายามควบคุมลมหายใจให้ปรกติ ท่ามกลางคนมากมายจากตระกูลป๋าย นางไม่สามารถระบายอารมณ์ใดออกไป ซ้ำองค์ชายสิบสามยังถูกคุมขังอย่างไม่มีเหตุผลในวังหลวง

ดวงตาเรียวดั่งหงส์มองโลงศพที่ข้างในมีเพียงกระดูกไหม้ ๆ มันกำลังถูกดินฝังกลบ อย่างน้อยป๋ายอวี้หลันก็จะไม่ถูกหนอนเน่าชอนไช และไม่ต้องตายในฐานะสนมของฮ่องเต้น่ารังเกียจ

ไม่มีคำเอ่ยลาจากใคร หลังจบงานเจินจิ่วหรงหมุนตัวเดินออกไป พร้อมไท่หย่งเสียนที่เดินตามหลังมาติด ๆ ในตอนนั้นเอง ซ่งเยี่ยหวั่นก็ปรากฏตัวขวางทางนาง

อีกฝ่ายขยับรอยยิ้มอ่อนหวาน ย่อตัวทำความเคารพองค์หญิงเก้า เจินจิ่วหรงโบกมือให้สหายเพียงไม่กี่คนลุกขึ้น ก่อนซ่งเยี่ยหวั่นจะเดินตามหลังนางอีกคน

“หม่อมฉันมาเพื่อพบองค์หญิงเพคะ”

เจินจิ่วหรงชำเลืองมองซ่งเยี่ยหวั่นแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “ถึงเวลาที่เจ้าต้องตัดใจเรื่ององค์ชายสิบสามแล้ว เขามิอาจตบแต่งกับสตรีจากจวนแม่ทัพได้อีกแล้ว”

“ที่องค์หญิงเก้าแนะนำหม่อมฉันให้องค์ชายก็เพราะรู้ดีว่าเขาเป็นรักแรกของหม่อมฉันสมัยที่พวกเรายังวิ่งเล่นอยู่ในวังหลัง”

“ลืมเรื่องพวกนั้นไปให้หมดซะ”นางกล่าวเสียงเย็นชา ดวงตาอันว่างเปล่ามองตรงไปยังเบื้องหน้า ”ตอนนี้ข้าไม่หย่ากับหย่งเสียนแล้ว หากน้องสิบสามแต่งกับเจ้า เขาต้องถูกคนบ้านั่นฆ่าแน่ อีกอย่างเพื่อความปลอดภัยของตระกูลซ่ง เจ้าควรอยู่ให้ห่างพวกเรา”

ซ่งเยี่ยหวั่นหลุดหัวเราะ “ตอนนั้นองค์ชายสิบสามตกลงไปในสระน้ำ หม่อมฉันเป็นคนแรกที่กระโดดไม่ช่วยเขา แม้นตนเองจะว่ายน้ำไม่เก่ง ความบ้าคลั่งในเวลานั้น ตอนนี้ก็ยังอยู่เช่นเดิม”

“ข้ารู้ว่าเจ้ารักน้องสิบสามจากใจจริง ถ้าข้ากับเขามิใช่เชื้อพระวงศ์ ก็คงยินดียกเขาให้เจ้าแล้ว แต่ว่านะ ตอนนี้การมีเจ้าอยู่ด้วยรั้งแต่จะทำให้ทุกอย่างลำบากมากขึ้น”

ซ่งเยี่ยหวั่นเร่งฝีเท้า ก่อนคุกเข่าลงตรงหน้าเจินจิ่วหรง ขณะไท่หย่งเสียนจับมือภรรยาเอาไว้ แลเห็นแววตาสั่นไหวของนาง

“หม่อมฉันเข้าใจดี แต่อย่างน้อย ตอนนี้ก็เก็บหม่อมฉันเป็นตัวหมากขององค์หญิงก็ไม่เสียหาย…”

นางพ่นลมหายใจกลางอากาศ ชายอาภรณ์สีดำทมิฬเลื่อนตกลงมาตรงหน้าซ่งเยี่ยหวั่น ปลายนิ้วมือขาวสะอาดแข็งค้าง “อีกไม่นาน องค์ชายสิบสามจะถูกปล่อยตัว ถึงตอนนั้นถ้าเจ้ายังยินดี แดนบูรพาของบิดาเจ้าจะลุกเป็นไฟโหมกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบสิบปี”

“เจ้าเตรียมแผนการไว้แล้วสินะ”

เจินจิ่วหรงเงยหน้ามองสามี มุมปากของนางกระตุกยิ้ม ปลายนิ้วมือเรียวยาวกรีดลงบนแผนที่แห่งแดนบูรพาซึ่งถูกแคว้นฝูเยว่ครอบครองไปเจ็ดส่วนแล้ว

“เราจะปลุกปั่นให้แดนบูรพาลุกเป็นไฟ ล่อให้โอรสสวรรค์ที่หยาบช้าหลงกล เขาย่อมใช้โอกาสนี้ส่งองค์ชายสิบสามไปรบ หมายให้เขาตายในสงคราม แล้วค่อยแต่งตั้งโอรสของหว่านกุ้ยเฟยเป็นองค์รัชทายาท”

“…เสี่ยงเกินไป”

“มีเพียงวิธีนี้ เขาถึงจะยอมปล่อยองค์ชายสิบสามออกมา หาไม่แล้วน้องชายของข้าจะถูกขังเหมือนหมูตัวหนึ่งที่รอวันเชือด”

“…”

“หลังองค์ชายสิบสามรอดกลับมา เขาจะมีอำนาจมากพอล้มล้างเจินเซียหยางฮ่องเต้ เราจะไม่รอเวลาอีกแล้ว ยิ่งช้ามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสียเปรียบ”

ไท่หย่งเสียนขบริมฝีปากแน่น นึกกังวลอย่างบ้าคลั่งถึงความปลอดภัยของเจินจิ่วหรงและอนาคตของนางต่อจากนี้

“เจ้าเคยบอกรั่วซินว่าแดนใต้อากาศอบอุ่น อยากใช้ชีวิตอย่างสงบที่นั่น หากองค์ชายสิบสามครองราชย์ เจ้าจะกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทน ชีวิตห่างไกลจากความสงบสุข…”

“หากข้าไม่ยอมสูญเสียบางอย่าง พวกเราจะตายกันหมด ไม่เว้นแม้นแต่ตระกูลไท่ เพราะเจินเซียหยางฮ่องเต้เสียสติไปแล้ว”

ไท่หย่งเสียนค่อย ๆ กำมือเข้าหากัน พร้อมเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เดิมข้าก็คิดจะใช้ผลงานจากสงครามบูรพาให้องค์ชายสิบสามกลายเป็นองค์รัชทายาทอย่างถูกต้อง ถึงกักขังสตรีนางหนึ่งเอาไว้ นางเป็นสายลับแฝงตัวเข้ามา ฐานะเดิมคือธิดาของท่านอ๋องแคว้นฝูเยว่…”

เจินจิ่วหรงทรุดตัวลงนั่งบนตั่งไม้สน ดวงหน้างดงามเหม่อมองท้องฟ้าไร้ก้อนเมฆ “หมายถึงตงเหลียนฮวาสินะ พอดีว่าข้าให้คนไปสืบดูค่ายทหารของท่านมานิดหน่อยน่ะ”

“…”

“หากจบการศึกแล้ว ข้าอยากทรมานนางสักหน่อย ก่อนตัดแขนตัดขา แล้วโยนให้สุนัขกิน ท่านจะว่าอย่างไร ?”

ไท่หย่งเสียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนตอบเสียงแผ่วเบา “เจ้าจำเป็นต้องมือเปื้อนเลือดด้วยงั้นหรือ”

เจินจิ่วหรงระบายยิ้มไร้เดียงสา “ความจริงก็ไม่หรอก เพราะอย่างไรก็จะฆ่าทิ้งกลางสงครามนั่นแหละ ไม่มีเวลายุ่งยากมานั่งทรมานเพื่อความสำราญ”

“…”

“ข้าเพียงพูดเผื่อเอาไว้ ถ้านางรอดมาได้ ไว้ตอนนั้นค่อยทำเป็นมนุษย์หมูก็ไม่แย่นะ”

“…”

“ขอโทษนะ พอคิดว่าต้องใช้อำนาจฆ่าคนมากมาย ข้าก็คล้ายคนน่ารังเกียจอย่างเสด็จพ่อไปเสียแล้ว”

มันช่วยไม่ได้นี่นา การนองเลือดคือความปรกติของการชิงบัลลังก์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status