Share

บทสิบหก

last update Last Updated: 2025-09-17 18:51:52

บทสิบหก

ย่อยยับ

“พระสนมไปนั่งด้านในตำหนักเถอะเพคะ ลมพัดหนาวเย็นหนัก หม่อมฉันเกรงว่าพระสนมจะล้มป่วย”

เสียงจากนางกำนัลคนสนิทนามอารั่วไม่อาจเรียกพระสนมเสียนเฟยออกจากภวังค์ บนดวงหน้างดงามของหญิงสาววัยสามสิบปลาย ๆ ปรากฏรอยน้ำตาอันแห้งเหือด หลังทราบข่าวเกี่ยวกับองค์หญิงเก้า พระสนมเสียนเฟยที่เคยหยิ่งยโสก็กลายเป็นเช่นนี้

ไม่กิน ไม่ดื่ม และไม่นอน

เพราะองค์หญิงเก้าจะถูกฝังในสุสานของตระกูลที่อาจเป็นกบฏอย่างตระกูลไท่ พระสนมเสียนเฟยผู้ถูกกักขังในวังหลวงเลยไม่อาจเห็นหน้าบุตรสาวของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย

พระสนมเสียนเฟยหรือป๋ายอวี้หลันโกรธแค้นตระกูลไท่เข้ากระดูกดำ แม้นตอนแรกจะไม่เชื่อว่าเจินจิ่วหรงจะปลิดชีวิตของตนเองจริง ๆ จนกระทั่งองค์ชายสิบสามไปดูศพของนางด้วยตนเอง ตอนนั้นป๋ายอวี้หลันพลันตระหนักว่าบุตรสาวจากไปแล้ว

เจินจิ่วหรงมีความอดทนสูงตั้งแต่เด็ก นางไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ซ้ำยังละเอียดรอบคอบ ย่อมเป็นพวกคนตระกูลไท่รังแกนางเกินไป ผลลัพธ์จึงกลายเป็นเช่นนี้

“ตระกูลไท่สมควรตาย ไท่หย่งเสียนสมควรตาย !”ป๋ายอวี้หลันกล่าวเสียงเย็นเหยียบและเด็ดขาด “ต่อให้ต้องเสียอะไรไปบ้าง แต่เปิ่นกงจะใช้อำนาจที่มีกำจัดพวกมันซะ !”

ไม่มีคำว่าช่วงชิงบัลลังก์มังกรในหัวของป๋ายอวี้หลันอีกแล้ว แม้นนางจะเป็นพระสนมเสียนเฟย หากนางยังเป็นมารดาผู้หนึ่งขององค์หญิงเก้าด้วยเช่นกัน เหมือนคิดถึงตรงนี้ ป๋ายอวี้หลันอยากอาเจียนออกมา นางมิอาจร่วมมือกับตระกูลไท่ช่วงชิงบัลลังก์อีกแล้ว

“องค์ชายสิบสามเสด็จ !”

ขันทีหน้าตำหนักประกาศการมาเยือน ป๋ายอวี้หลันแหงนหน้ามองบุตรชาย หยดน้ำตาไหลรินลงมาไม่ขาดสาย เจินจิ่วเยี่ยนเห็นดังนั้นก็รีบโอบกอดมารดาเอาไว้แน่น พร้อมกล่าวอย่างสงบ

“ลูกฝังนางกับมือ ไม่มีอะไรต้องห่วง”

“ไปนำพี่สาวของเจ้าออกมาจากสุสานของไอ้พวกชั่วนั่น ! นางต้องฝังในสุสานของราชวงศ์ มิใช่ตระกูลที่กำลังจะกลายเป็นกบฏ ซ้ำร้ายยังเป็นคนทำให้หรงเอ๋อร์ถึงแก่ความตาย !”ป๋ายอวี้หลันกางเล็บมือทั้งห้าอันสวมปลอกทองคำไปแล้วสอง พร้อมตะกุยอาภรณ์ของเจินจิ่วเยี่ยนจนยับเยิน แทบจะกลายเป็นคนไร้สติไปแล้ว

เจินจิ่วเยี่ยนยกมือโอบกอดมารดา พยายามกล่าวอย่างสุขุมและใจเย็น “ระหว่างบัลลังก์มังกรทองกับท่านพี่ ลูกเลือกได้เพียงหนึ่ง หากเราไม่ใส่ร้ายว่าตระกูลไท่เป็นกบฏ อำนาจของแม่ทัพประจิมก็จะตกอยู่ในมือของผู้อื่นเพื่อกำจัดเรา ลูกจำเป็นต้องทำเช่นนี้”

ป๋ายอวี้หลันขบริมฝีปากตนเองเบา ๆ เริ่มสูดหายใจเข้าออกอย่างใจเย็น “แต่หรงเอ๋อร์อาจถูกตีตราว่าเป็นกบฏไปด้วย นางไม่ควรถูกหยามเกียรติเช่นนี้…”

เจินจิ่วเยี่ยนกำมือแน่น พร้อมเอ่ย “เบื้องหลังของตงเหลียนฮวามีเสด็จพ่อบงการอยู่ คนที่บอกให้ไท่หย่งเสียนรับตงเหลียนฮวาไปเป็นภรรยาอีกคนก็คือเสด็จพ่อ เขาบังคับกระทั่งให้มีลูกกับตงเหลียนฮวา เพื่อเก็บเด็กเป็นตัวประกันไว้ข่มขู่ ตระกูลไท่จงรักภักดีทำตามรับสั่งของเสด็จพ่อ จนท่านพี่ถึงแก่ความตาย สร้างผลงานดีขนาดนี้มีหรือว่าจะโดนโทษกบฏ”

“…”

“อย่างมากพวกเขาก็อาจถูกลดตำแหน่ง แต่ไม่ต้องห่วง ลูกจะทำให้ตระกูลไท่ต้องสิ้นชื่อลง และคว้าเอาบัลลังก์มังกรทองมาเป็นของตน เมื่อกลายเป็นฮ่องเต้ก็จะสามารถย้ายท่านพี่มาฝังในสุสานของเชื้อพระวงศ์”

เมื่อฟังถึงตรงนี้ ป๋ายอวี้หลันเริ่มสงบใจลง นางพยักหน้าพร้อมหยดน้ำตา เอนตัวพิงบุตรชายอย่างอ่อนแรง แล้วถามว่า “ตัวจริงของตงเหลียนฺฮวาเป็นใครกัน ?”

“นางเป็นธิดาอ๋องของแคว้นฝูเยว่ ลอบเข้ามาในกองทัพต้าเจินก็เพื่อช่วงชิงกลยุทธ์ และกำจัดไท่หย่งเสียน เสด็จพ่อรู้ตัวจริงของนางเลยอยากใช้ประโยชน์ในสงครามบูรพา จึงบอกให้ตระกูลไท่รับนางเข้ามาเป็นอนุภรรยา แล้วจับตามองอย่างใกล้ชิด”

ป๋ายอวี้หลันเหยียดยิ้ม เหม่อมองกลีบบุปผาร่วงหล่น สายลมอันอบอุ่นพัดผ่านร่าง ทว่ากลับหนาวเหน็บไปถึงก้นลึกของจิตใจ “เยี่ยนเอ๋อร์ แม่กับเสด็จพ่อของเจ้า ใครกันแน่ที่ส่งหรงเอ๋อร์ไปสู่ความตาย คนหนึ่งก็ไม่ยอมให้หย่า อีกคนก็จงใจเดินหมากทำลายชีวิตแต่งงานของหรงเอ๋อร์จนย่อยยับ…”

“ส่วนลูก เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ก็ทำให้ต้องฝังร่างของนางในตระกูลไท่ พร้อมป้ายสีว่าตระกูลไท่เป็นกบฏ”

พวกเขาล้วนผิดต่อเจินจิ่วหรงทั้งสิ้น

ตัวจริงของตงเหลียนฮวาถูกเปิดเผยแก่สาธารณะหลังจากเจินจิ่วหรงจากไปได้สามเดือน เพราะการศึกที่แดนบูรพาตึงเครียดหนัก ไท่หย่งเสียนเลยถูกปล่อยตัวไปยังสนามรบ แม้นตระกูลไท่จะถูกฝ่าบาทลงโทษ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร พ้นโทษกบฏมาได้หวุดหวิด

เขาไปที่หลุมศพของเจินจิ่วหรงก่อนออกเดินทางหนึ่งวัน ป้ายหลุมศพของนางสะอาดเอี่ยมอ่อง เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตรงหน้าหลุมยังมีดอกเบญจมาศหลากหลายสีเรียงราย

ไท่หย่งเสียนคุกเข่าลง ฝ่ามือสัมผัสบนป้ายหินอ่อน ในมือกอบกุมปิ่นขนนกกระเต็นที่เจินจิ่วหรงชอบที่สุดเอาไว้แน่น

หลังจากจากไป ฤดูกาลทั้งหมดในชีวิตของเขาก็สูญสิ้น เจินจิ่วหรงจากไปพร้อมกับความเสียใจ และพรากเอาจิตวิญญาณทั้งหมดของไท่หย่งเสียนไปด้วยเช่นกัน

“ข้าไม่เคยอยากมีลูกกับสตรีอื่น นอกจากเจ้า หากมิใช่เพราะรับสั่งของฝ่าบาทที่กลัวว่าตงเหลียนฮวาจะหาโอกาสหนีไปง่าย ๆ ข้าย่อมไม่มีลูกกับนาง”

และเมื่อเริ่มพูด ไท่หย่งเสียนก็เริ่มร้องไห้ เขาเข้าใจคำว่าปวดร้าวอย่างแท้จริงก็วันนี้ มันยิ่งกว่าตอนตงเหลียนฮวาแกล้งตายเสียอีก มันเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

หนึ่งคนที่รักอย่างผิวเผิน กับเจินจิ่วหรงที่รักอย่างลึกซึ้ง

“จิ่วหรง ในการศึกครานี้ น้องชายของเจ้าคงหาโอกาสสังหารข้า แต่ว่าไม่เป็นไรหรอกนะ…”

“…”

ไท่หย่งเสียนพยายามยกยิ้มบางเบา แววตาเลื่อนลอยแปรเปลี่ยนเป็นสงบสุข “ไม่เป็นไรหรอกนะ ข้าอยากไปพบเจ้าแล้วละ…”

นี่เป็นศึกสุดท้ายของแดนบูรพา เพราะกองทัพจับตงเหลียนฮวาเป็นตัวประกัน ส่วนไท่ตงเจินก็ถูกทรมานในคุก แม้นไท่ฮูหยินและอดีตแม่ทัพประจิมจะไม่เห็นด้วย เส้นทางถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย ไท่หย่งเสียนนั่งอยู่บนหลังม้า แผ่นหลังเหยียดตรงอย่างผ่าเผย ข้างกายถูกขนาบด้วยรองแม่ทัพและองค์ชายสิบสาม

ก่อนความสงบจะกลายเป็นกลลวงให้ศัตรูยิงลูกศรใส่ เหล่าผู้นำในกองทัพต่างขี่ม้าทะยานออกจากรัศมีหน้าไม้ ไท่หย่งเสียนจิตใจเลื่อนลอย เลยเอาแต่นั่งนิ่งบนหลังม้า กระนั้นก็ยังหลบลูกศรได้อยู่ดี

องค์ชายสิบสามมองไท่หย่งเสียนแวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าต่อให้เขาไม่ลงมือด้วยตนเอง ไท่หย่งเสียนหรือจะรอด แม่ทัพจิตใจเลื่อนลอยไม่อยู่กับตัวก็มีแต่ความตายที่รออยู่

ในช่วงชุลมุนนั้นเอง ตงเหลียนฮวาพยายามใช้วรยุทธ์จนสลัดออกจากเชือกที่มัดตัวนางไว้สำเร็จ ดวงตากลมโตของตงเหลียนฮวากวาดมองความแตกตื่น ก่อนเบิกตากว้างเมื่อไท่หย่งเสียนยังนิ่งสงบ และค่อย ๆ หลับตาลง ไม่เคลื่อนกายหลบลูกศรอีกแล้ว เสมือนปล่อยวางทุกอย่างในชีวิต

“หย่งเสียน ท่านยังมีตงเจินต้องดูแลนะ !”ตงเหลียนฮวาตะโกนผ่านฝูงชน โดยไม่รู้ตัวเลยว่าอยู่ท่ามกลางสายตาขององค์ชายสิบสาม นางพยายามวิ่งไปใกล้ไท่หย่งเสียนที่ไม่แยแสอะไรทั้งหมด

เจินจิ่วเยี่ยนอาศัยจังหวะอันวุ่นวาย แล้วง้างคันธนูยิงแหวกผ่านอากาศไปยังไท่หย่งเสียน โดยพยายามเลี่ยงจุดสำคัญ ส่งผลให้ชายหนุ่มตกจากหลังม้าอย่างรวดเร็ว

“หย่งเสียน !”

ไท่หย่งเสียนแค่นยิ้ม ค่อย ๆ กล่าวเสียงเลื่อนลอย “ข้าจะไปพบจิ่วหรง”

ตงเหลียนฮวาแทบอยากกรีดร้องออกมาตรงนั้น ไท่หย่งเสียนไยดีแต่เจินจิ่วหรง ไม่แยแสนางกับลูกสักนิดเดียว ดวงตาคู่คมเหมือนมองตงเหลียนฮวาอยู่ แท้จริงคือมององค์ชายสิบสามที่กำลังขยับยิ้ม

เขาล้วงมือเข้าไปในเสื้อเกราะ พร้อมหยิบปิ่นขนนกกระเต็นออกมากำเอาไว้ ตงเหลียนฮวาเห็นดังนั้นก็เกรี้ยวโกรธมากกว่าเดิม พลางหยิบดาบที่ตกอยู่กระหน่ำแทงไท่หย่งเสียนจนเลือดอาบ

ในตอนนั้น ไท่หย่งเสียนไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว เขาแลเห็นภาพของจิ่วหรง นางยืนมองเขาอย่างนิ่งสงบ ไม่มีรอยยิ้มหรืออะไร เป็นองค์หญิงเก้าแสนเย่อหยิ่งที่เขาพบเมื่อแรกเจอ ไท่หย่งเสียนรู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าจะยื่นมือไปหานาง

เขาค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงระลึกถึงเจินจิ่วหรงอยู่ในใจ หยดน้ำตาไหลรินลงมาอีกหน ขณะกล่าวเสียงแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ “หากสวรรค์เมตตาข้าขอโอกาสอีกสักครา”

ไท่หย่งเสียนจะมอบชีวิตทั้งหมดและภักดีกับเจินจิ่วหรงคนเดียว

แด่ ‘ท้องฟ้าและผืนหญ้า’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status