Share

บทสิบสอง

last update Last Updated: 2025-09-17 18:50:06

บทสิบสอง

ช่วยไม่ได้นี่ ข้าคือเชื้อพระวงศ์

หิมะตกหนักเป็นอย่างมาก จนรถม้าไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ทำให้เจินจิ่วหรงและไท่หย่งเสียนต้องพำนักที่ตำหนักองค์หญิงของนางชั่วคราว เพื่อรอให้หิมะหยุดตกและกลับจวนแม่ทัพ

เหมากงกงมาส่งพวกเขาหน้าตำหนัก ก่อนกลับไปตามรับสั่งของเจินเซียหยางฮ่องเต้ ทั้งตำหนักองค์หญิงของนางเหมือนถูกเก็บรักษาไว้ที่เดิมทุกระเบียบนิ้ว แม้นนางกำนัลบางส่วนจะเปลี่ยนไป แต่ข้าวของยังคงเดิม เมื่อถามจึงทราบว่าทั้งเจินเซียหยางฮ่องเต้และพระสนมเสียนเฟยเสด็จมาเยือนตำหนักองค์หญิงอยู่บ่อยครั้ง แม้นเจินจิ่วหรงจะย้ายออกไปแล้วก็ตาม

ไท่หย่งเสียนพยุงภรรยานั่งบนตั่งหินอ่อน ส่วนตนเองนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ธรรมดาตามฐานะ เขาตระหนักดีว่าเจินจิ่วหรงตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้ว นางไม่อดกลั้นในการใช้อำนาจอีกต่อไป และพร้อมที่จะจัดการทุกคนด้วยทุกอย่างที่มีในมือ

“เจ้าควรกินข้าวสักหน่อย นี่ก็เย็นมากแล้ว”

นางปรายตามองเขา แล้วหันไปเรียกรั่วซิน พลางออกคำสั่ง “ไปจัดเตรียมสำรับมาให้ท่านรองแม่ทัพ ส่วนสำรับของข้าให้แยกกันกับเขา”

เพราะหากมีการวางยาในอาหาร อย่างน้อย ไท่หย่งเสียนก็ยังสามารถตามเก็บเรื่องนี้และมีชีวิตอยู่ต่อไป

“ตอนแรกข้าว่าจะพาเจ้าไปชมดนตรีที่ชอบ หากสายธารไม่กลายเป็นน้ำแข็ง คงล่องเรือด้วยเช่นกัน”

เจินจิ่วหรงยกมือจับปิ่นขนนกกระเต็น ก่อนดึงออกจากเรือนผม ปล่อยเส้นผมยาวสลวยสยายกลางแผ่นหลัง พร้อมเอ่ยเสียงราบเรียบ “นี่หย่งเสียน…”

“ทำไมหรือ”

“หากต้องเลือกระหว่างองค์จักรพรรดิกับเสด็จแม่ของข้า ท่านยังจะยอมเป็นตัวหมากนั้นอยู่หรือไม่”

เขาไม่เห็นความลังเลใจในแววตาของเจินจิ่วหรงสักนิด นางลูบหน้าท้องแบนราบด้วยท่าทางของสตรีแสนอ่อนหวานก็จริง แต่สีหน้ากลับว่างเปล่าจนน่าปวดใจ

ไท่หย่งเสียนค่อย ๆ กำมือเข้าหากันแน่น เขาขยับลุกเดินไปหยุดตรงหน้าเจินจิ่วหรง แล้วสบตามองนางอย่างไม่หวั่นเกรง “จะฮ่องเต้หรือพระสนมเสียนเฟย ข้าก็ไม่เลือกทั้งนั้น คนเดียวที่ข้ายอมมอบทุกอย่างในชีวิตอย่างเต็มใจมีเพียงเจ้า—องค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว”

หัวใจของนางไม่เต้นระรัวอีกแล้ว จิตวิญญาณไม่ได้ถูกช่วงชิงไปเพราะคำพูดของเขา เจินจิ่วหรงเหยียดรอยยิ้มกว้าง กล่าวเสียงเย็นเหยียบ “หย่งเสียน เรื่องที่เจ้ารักตงเหลียนฮวาเป็นความจริง หรือเป็นหนึ่งในแผนการของเบื้องบน ?”

“ข้าแค่เคยรักนาง ก่อนทุกอย่างจะจบลงเมื่อนางแกล้งตาย หลังจากนั้นก็เป็นแค่ความหลังเก่าและรับสั่งจากฝ่าบาท”

เจินจิ่วหรงปิดเปลือกตาลง เปล่งเสียงหัวเราะแผ่วเบา หากแววตากลับแข็งกร้าว “ตอนนี้ข้าอยากรู้เรื่องตัวจริงของตงเหลียนฮวาขึ้นมาแล้ว นางต้องยิ่งใหญ่ขนาดไหน เสด็จพ่อถึงกับทำลายชีวิตแต่งงานของข้า และให้จวนแม่ทัพเลี้ยงดูนางราวหมูในเล้า”

“จิ่วหรง…”

“การหย่าร้างเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา…” ณ ตอนนั้น นางเหยียดรอยยิ้มกว้าง เปล่งเสียงหัวเราะดังกังวานแห่งความสิ้นหวัง “ข้าไม่พร้อมไปเผชิญเคราะห์กรรมกับท่านอีกแล้ว”

สุดท้ายอาหารมื้อนั้นจบลงอย่างหนาวเหน็บยิ่งกว่าสภาพอากาศด้านนอกตำหนัก ทำเอาข้ารับใช้ต่างหวาดหวั่น แม้นแต่รั่วซินก็อ่านอารมณ์ขององค์หญิงเก้าไม่ออกเช่นกัน ขณะไท่หย่งเสียนได้แต่อดกลั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต่างจากเจินจิ่วหรงก่อนย้อนเวลา

ช่างเหมือนเวรกรรมตามสนอง

เจินจิ่วหรงเผลอหลับไปอีกแล้ว ตอนนางลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นองค์ชายสิบสามนั่งคุยกับไท่หย่งเสียนอยู่นอกฉากกั้น หัวข้อสนทนาของพวกเขาย่อมไม่พ้นเรื่องของนางอีกตามเคย

นางเดินเข้าไปด้านหลังเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ลำลองของตนเอง ขณะเรือนผมยังปล่อยสยายเช่นเดิม พลางลอบมององค์ชายสิบสามผ่านช่องว่างตรงฉากกั้น แววตาของเขายังสดใสและทอประกาย มิได้หมกหมุ่นกับการช่วงชิงบัลลังก์มังกรทองเพียงอย่างเดียว และยังเข้ากันดีกับไท่หย่งเสียน

บางคราก็ยากจะเข้าใจเสด็จแม่ ทั้ง ๆ ที่เคยบอกว่าชอบนางกับองค์ชายสิบสามในตอนนี้ที่สุด แต่กลับทำลายประกายแห่งความสดใสนี่ด้วยตนเองอย่างเหี้ยมโหด

“ท่านพี่เป็นคนเข้มงวดอย่างมาก แต่กลับอดกลั้นเป็นที่สุด จึงไม่ควรทำให้นางต้องขุ่นเคือง”

“กระหม่อมทราบดีและจะถนอมองค์หญิงอย่างดีเช่นกัน”

องค์ชายสิบสามฉีกยิ้มพึงพอใจ “ความจริง มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่สบายใจ หลายวันมานี้ ท่านพี่กับเสด็จแม่มีปัญหากัน ข้าไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร เลยยากจะยื่นมือเข้าช่วย”

ไท่หย่งเสียนขมวดคิ้ว เผลอสบตาเจินจิ่วหรงพอดี ก่อนฉีกยิ้มกว้างราวคนเขลา เมื่อองค์ชายสิบสามมองตามสายตาคู่นั้นของเขา ก็ได้แต่คิดว่านี่คืออาการลุ่มหลงแบบหน้ามืดตามัวชัด ๆ

เจินจิ่วหรงเมินเฉยรอยยิ้มซื่อ ๆ นั่น แล้วมาฉีกรอยยิ้มอ่อนหวานแก่องค์ชายสิบสาม พร้อมถามเสียงนุ่มนวล ”เจ้าเลิกเรียนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?”

“วันนี้หิมะตกหนัก ท่านอาจารย์ไม่สามารถเข้าวังหลวง ข้าเลยไม่มีเรียน ระหว่างทางเห็นตำหนักของท่านพี่จุดโคมไฟ ถึงเข้ามาดูเสียหน่อย”

นางพยักหน้า เดินตรงเข้าไปสวมกอดองค์ชายสิบสามเอาไว้แน่น ตอนนี้เขายังสูงกว่าเจินจิ่วหรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

องค์ชายสิบสามเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ไม่กล้ายกมือกอดตอบพี่สาวแท้ ๆ ของตนเองด้วยซ้ำ เพราะในวังหลวง แม้นรักใคร่กลมเกลียวเพียงใด ก็ยากจะปฏิบัติต่อกันอย่างเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม องค์ชายสิบสามถือโอกาสนี้กล่าวถึงมารดาทันที “ท่านพี่ อย่าลืมไปหาเสด็จแม่ที่ตำหนักบ้างนะ นางเป็นห่วงท่านมาก”

เจินจิ่วหรงผลักตัวออกมา “เจินจิ่วเยี่ยน หากอนาคตเจ้าไม่ได้เป็นองค์รัชทายาทจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่ ?”

ช่างตรงไปตรงมาจนน่ากลัว

องค์ชายสิบสามหรือเจินจิ่วเยี่ยนยกยิ้ม แววตาแปรเปลี่ยนจากสดใสทอประกาย เป็นสุขุมและลุ่มลึกในที่สุด “ข้าไม่ขาดใจตายง่าย ๆ แค่เพราะมิได้เป็นองค์รัชทายาทหรอกนะ…” พลางกระซิบข้างหูเจินจิ่วหรงอย่างแผ่วเบา “ได้เป็นองค์รัชทายาท ก็ใช่ว่าจะได้เป็นองค์จักรพรรดิเสมอไปนี่นา…”

“…”

“ท่านพี่ก็แค่ทำหน้าที่คอยสนับสนุน เป็นฐานอำนาจให้ข้าพอแล้ว”

เจินจิ่วหรงลอบเปล่งเสียงหัวเราะในใจ เสด็จแม่ของนางเลี้ยงองค์ชายสิบสามมาอย่างไร้ความปราณีจริง ๆ กระนั้นก็ต้องชื่นชมในความหนักแน่นและใจเย็นด้วยเช่นกัน

ไท่หย่งเสียนสังเกตเห็นสีหน้าแปรเปลี่ยนของเจินจิ่วหรงทันที เขาเป็นถึงรองแม่ทัพย่อมมีทักษะติดกาย แม้นกระซิบเสียงแผ่วเบา แต่มีหรือไท่หย่งเสียนจะไม่ได้ยินสองพี่น้องคุยกัน

“อาเยี่ยน นอกจากข้าแล้ว เจ้าต้องมีฐานอำนาจเป็นของตนเอง คุณหนูรองแห่งจวนแม่ทัพบูรพาเป็นสหายของข้า แม้นอายุมากกว่าเจ้าประมาณหนึ่ง แต่ก็ถือว่าน่าสนใจ”เจินจิ่วหรงยกยิ้ม หันไปสบมองไท่หย่งเสียนเป็นคราแรก “หย่งเสียน ท่านก็เคยพบคุณหนูรองพร้อมกับข้า นอกจากหน้างดงาม ท่วงท่ายังสง่างามสมบรรดาศักดิ์ใช่หรือไม่ ?”

ไท่หย่งเสียนไม่เคยพบคุณหนูรองที่ว่านั่นสักครา แต่ก็พยักหน้าตอบอย่างแนบเนียน องค์ชายสิบสามยกมือเท้าคางราวครุ่นคิด

“ข้าต้องบอกเรื่องนี้กับเสด็จแม่ก่อน ได้ยินว่านางไม่เป็นที่โปรดปรานของฮูหยินตราตั้งคนปัจจุบัน แม้นอดีตจะเคยเป็นถึงบุตรสาวของฮูหยินตราตั้งคนแรกของแม่ทัพบูรพาก็ตาม”

องค์ชายสิบสามหรือจะรอบคอบเท่าเจินจิ่วหรง นางยกยิ้มกว้างอีกเล็กน้อย โคลงหัวลงหนึ่งครา พร้อมกล่าว ”ข้าเคยเปรยเรื่องนี้กับเสด็จแม่แล้ว เจ้าย่อมรู้ดีกว่าใครว่าสายตาของข้าเฉียบแหลมกว่าผู้ใด”

เจินจิ่วเยี่ยนมองดวงหน้าประดับรอยยิ้มของพี่สาว ความกังวลทั้งหมดค่อย ๆ เลือนหายทีละน้อย

”ตอนนี้เจ้ายังไม่ถึงวัยออกเรือน แอบมองนางเป็นตัวเลือกก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่”

“เข้าใจแล้ว !”เจินจิ่วเยี่ยนพยักหน้า ก่อนมองหน้าไท่หย่งเสียนอีกหนหนึ่ง “ไท่หย่งเสียน ฝากพี่สาวข้าด้วย !”

ไท่หย่งเสียนก้มหัวลงอย่างนอบน้อมแทนคำตอบ พลางแหงนหน้าขึ้นโอบเอวบอบบางของเจินจิ่วหรงเอาไว้แน่น มององค์ชายสิบสามที่ลากลับตำหนักด้วยสายตาเย็นชา

เขายังจดจำได้ดีว่า ชาติก่อนเจินจิ่วเยี่ยนผู้นั้นใช้ประโยชน์จากการตาย รวมถึงละทิ้งเจินจิ่วหรงอย่างโหดเหี้ยมเพียงใด

“เขาคงโหดร้ายกับท่านมากสินะ”เจินจิ่วหรงกล่าวทำลายความเงียบสงบ มองดูแผ่นหลังขององค์ชายสิบสามเคลื่อนตัวออกไปเรื่อย ๆ “หลังข้าตาย เขาใช้ประโยชย์อย่างไรจากข้าบ้างนะ ?”

“…”

“คงใช้จดหมายทั้งหมดที่ข้าเขียนตลอดหลายปีข่มขู่ตระกูลไท่ให้หวาดกลัว ลับหลังก็บอกเสด็จพ่อว่าตระกูลไท่อาจเป็นกบฏ…”

“…จิ่วหรง”

“ทั้งที่ข้าเขียนบอกอย่างชัดเจนแล้วแท้ ๆ ว่าไม่ต้องการนองเลือด เพียงควบคุมตระกูลไท่ก็พอ การที่ตระกูลไท่กลายเป็นกบฏ ข้าที่ตายในฐานะภรรยาของท่านย่อมกลายเป็นกบฏเช่นกัน อาเยี่ยนรู้ดี…แต่ก็คงทำเพื่อบัลลังก์มังกรทอง”

ดวงตาเรียวดั่งหงส์ฉายแววเจ็บปวดอย่างชัดเจน หยดน้ำตาของเจินจิ่วหรงค่อย ๆ ไหลอาบลงมาอย่างเชื่องช้า ตอนนี้ไท่หย่งเสียนเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าการเป็นองค์หญิงเก้าที่อ่านทุกอย่างขาด แต่ยังคาดหวังในความดีลึก ๆ ของผู้คน นั้นเจ็บปวดและน่าสงสารเพียงใด

“ต้องบอกตนเองอีกแล้ว ว่ามันช่วยไม่ได้นี่นา ดันเกิดมาเป็นเชื้อพระวงศ์เอง…”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status