Home / รักโบราณ / จิ่วหรง / บทยี่สิบสาม

Share

บทยี่สิบสาม

last update Huling Na-update: 2025-09-17 18:55:08

บทยี่สิบสาม

จราจลในเมืองหลวง

ไท่หย่งเสียนนำจดหมายจากเมืองหลวงเผากับเปลวไฟในตะเกียงจนมอดไหม้ พลางเหลือบมองเจินจิ่วหรงกับทารกน้อยที่กำลังหลับสนิท เพียงเท่านั้นแววตาของเขาก็หมองหม่น ปลายนิ้วมือสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว

ในเมืองหลวงเกิดจลาจลจากกบฏ เพราะการแต่งตั้งองค์รัชทายาทที่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากตระกูลขุนนาง ผู้นำการก่อกบฏครานี้คือตระกูลเสวียนที่ส่งบุตรสาวไปเป็นสนมดำรงตำแหน่งเสวียนผิน นางมีโอรสสติปัญญาไม่สมประกอบอยู่หนึ่งคน ยากจะครองต้าเจิน

เหตุผลเดียวที่พวกเขาลงมือตอนนี้ คือการครอบครองตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทน เปลี่ยนคนครองบัลลังก์มังกรจากแซ่เจินเป็นแซ่เสวียน

นี่เป็นเรื่องใหญ่ กระทบต่อความปลอดภัยของเจินจิ่วหรงอย่างชัดเจน

และทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพราะการแสร้งถอนตัวจากตำแหน่งองค์รัชทายาท รวมถึงการยุแยงจากองค์ชายสิบสาม

อย่างที่เคยบอก เจินจิ่วเยี่ยนมีความสามารถพอจะครอบครองบัลลังก์มังกรทองอย่างถูกต้อง แต่เขากลับขาดคุณธรรมมากเกินไป

“ช่าง…เหี้ยมโหดนัก”ไท่หย่งเสียนเอ่ยเสียงลอดไรฟัน พยายามปิดเปลือกตาลงด้วยความสงบ ไม่ทันสังเกตเลยว่าเจินจิ่วหรงลืมตาตื่นแล้ว ได้ยินประโยคนั้นเต็มสองหู ไม่ต้องคาดเดาให้มากนางก็รู้ว่าหมายถึงผู้ใด

ในวังหลวง นอกจากเจินเซียหยางฮ่องเต้แล้ว ก็ไม่มีใครโหดเหี้ยมไปกว่าองค์ชายสิบสาม

ตลอดหลายเดือนที่ไม่ยอมส่งจดหมายมาหา เสด็จแม่กับองค์ชายสิบสามกำลังวางแผนการเพื่อจราจลในเมืองงั้นหรอกหรือ ?

เจินจิ่วหรงเหม่อมองลูกน้อยด้วยความหวงแหน ความรู้สึกที่อยากอยู่ร่วมกันนานกว่านี้ เด่นชัดจนรอนราญหัวใจของนาง

“หย่งเสียน ข้าต้องกลับเมืองหลวงพร้อมกับท่าน”

ไท่หย่งเสียนหันมองตามน้ำเสียงหนักแน่นนั้น แลเห็นเจินจิ่วหรงขยับลุกนั่งจากเตียงนอนด้วยสายตาวาววามอันว่างเปล่า ปลายเล็บจิกลากลงบนอาภรณ์ขาวสะอาด “เสด็จพ่อมิใช่คนเขลา ตอนนี้ย่อมมองออกถึงแผนการของน้องสิบสาม และสิ่งที่เขาต้องการต่อมาคือตัวประกัน หมายถึงองค์หญิงเก้ากับลูก…”

“เจ้าห้ามกลับเมืองหลวง ข้าจะเป็นตัวประกันเอง ข้าต้องปกป้องเจ้ากับหย่งเล่อ !”ไท่หย่งเสียนกล่าวเสียงหวาดหวั่น เจินจิ่วหรงคือจุดอ่อน เขามิอาจนำนางเข้าไปในสนามรบ “หัวเมืองแดนใต้ปลอดภัยและอบอุ่น แม้นข้าจะไม่ชอบกู้เจิงหนานนัก แต่ดีกว่าการที่เจ้ากลับเมืองหลวงเป็นไหน ๆ ”

“หากข้าไม่ยอมกลับเมืองหลวงด้วยตนเอง ไท่หย่งเล่อย่อมถูกจับเป็นตัวประกันแทนข้า เขาพึ่งเกิดเพียงไม่กี่วัน อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นตัวประกันในเงื้อมมือของเสด็จพ่อ อีกอย่างเรื่องนี้เกิดจากองค์ชายสิบสาม ให้องค์หญิงเก้าเป็นหลักประกันย่อมดีกว่า”

ดวงตาคู่คมเบิกกว้าง ดวงหน้าคมคายบิดเบี้ยวจนน่ากลัว เรียวนิ้วมือไม่สั่นอีกแล้ว สำหรับเจินจิ่วหรง เด็กคนนั้นคือจุดอ่อน แต่สำหรับเขา นางต่างหากที่เป็นจุดอ่อนและทุกอย่าง

ทว่าหากขาดไท่หย่งเล่อไป เจินจิ่วหรงของเขาย่อมตรอมตรมจนสิ้นใจตายเช่นเดียวกับชาติที่แล้ว

“เรียกองครักษ์เงาของเจ้าออกมาให้หมด”เขาเอ่ยเสียงเฉียบขาด จดจ้องเจินจิ่วหรงด้วยสายตาแน่วแน่ นางสบมองเขาเข้าใจในทุกอย่าง ก่อนกระดิกนิ้วเรียกองครักษ์เงาออกมา แล้วนำฝ่ามือปิดบังดวงตาหลับสนิทของไท่หย่งเล่อเอาไว้

องครักษ์เงาทั้งเก้าคนยืนเรียงรายตรงหน้า ไท่หย่งเสียนชักดาบออกจากฝัก เพียงชั่วพริบตาหยาดโลหิตสาดกระเด็นทั่วห้องนอน หัวของคนทั้งเก้าร่วงหล่นลงบนพื้น เช่นเดียวกับร่างกายไร้วิญญาณ

“แม้นพวกเขาจะเป็นองครักษ์เงาของเจ้า แต่ก็เข้ามาในนามของคนจากเจินเซียหยางฮ่องเต้”

เจินจิ่วหรงพยักหน้าเบา ๆ เหลือบมองไท่หย่งเล่อที่หลับอยู่ พร้อมกล่าว “พวกเราต้องซ่อนตัวเด็กคนนี้ สักแห่งในหัวเมืองทางใต้”

“…ใช่”

“หลังข้ากลับถึงเมืองหลวงเพื่อเป็นตัวประกัน คนมากมายจากทุกสารทิศจะมุ่งมาที่นี่เพื่อจับตัวไท่หย่งเล่อ หัวเมืองแดนใต้ย่อมไร้ความสงบสุขอีกต่อไป ประชาชนคงเดือดร้อนกันหมด”

“ข้าปิดบังข่าวการตั้งครรภ์ของเจ้ากับคนอื่น ๆ คนที่ทราบมีเพียงครอบครัวของเจ้า ครอบครัวของข้า และเจินเซียหยางฮ่องเต้”

“…”

“เจ้าคิดว่าในหมู่คนพวกนี้ คนที่พอจะจับตัวไท่หย่งเล่อไปคือใคร”

เจินจิ่วหรงเหยียดยิ้มเย้ยหยัน พลางกล่าวเสียงเฉยชา “ครอบครัวของท่านภักดีต่อเสด็จพ่อเยี่ยงสุนัข ครอบครัวของข้าก็ต้องบัลบังก์เยี่ยงปีศาจ ส่วนเจินเซียหยางฮ่องเต้ก็คือจอมปีศาจในคราบโอรสสวรรค์ ไม่ว่าใครก็ล้วนแต่ลงมือได้ทั้งสิ้น”

“รั่วซินต้องอยู่ที่นี่พร้อมลูกชายของพวกเรา คนของข้าจะตามมาไม่ช้า เพื่อดูแลพวกเขา หากการจลาจลในเมืองหลวงจบสิ้นเร็วเท่าไหร่ หย่งเล่อก็จะปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น”

นางเดินเข้าไปใกล้ไท่หย่งเสียน แล้วหยุดยืนเคียงข้างเขา ก่อนฝ่ามืออบอุ่นของพวกเขาจะประสานกัน แววตาทอประกายระยับ ท่ามกลางสายลมพัดผ่าน และกลิ่นคาวของเลือด เนื้อตัวของไท่หย่งเสียนเปื้อนเลือดไปเสียครึ่ง ขณะเจินจิ่วหรงค่อย ๆ โอบกอดเขาอย่างไม่นึกรังเกียจ

“พวกเราต้องปกป้องเด็กคนนี้”

ไท่หย่งเสียนพยักหน้าแทนคำตอบ ยกมือโอบตัวเจินจิ่วหรงเอาไว้แน่น “ห้ามลืมปกป้องตัวเองเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่ ?”

“ข้าเข้าใจแล้ว…” แต่ก็หวังว่าเสด็จพ่อจะไม่กลายเป็นปีศาจร้ายมากกว่านี้

เพียงไม่นานพวกเขาก็กลับถึงเมืองหลวง ส่วนไท่หย่งเล่อก็มีรั่วซินกับกู้เจิงหนานคอยดูแล ทันทีที่เหยียบถึงประตูเมืองหลวง ขบวนรถม้าจากวังหลวงนำโดยมหาขันทีก็จอดเทียบ เพื่อเชิญองค์หญิงเก้าเข้าวังในฐานะ ‘ตัวประกัน’

พระสนมเสียนเฟยจดจ้องดวงหน้าของตนเองบนกระจกทองเหลือง แววตาของนางนิ่งสงบ ดวงตาเรียวดั่งหงส์เหลือบมองซากแจกันและข้าวของมากมายที่ถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้ทำลาย คู่กรณีเหลือบมองหน้านาง ดวงตาดำขลับวาวโรจน์อย่างน่ากลัว

“ถือว่าเจ้ารอบคอบมากจริง ๆ ส่งจิ่วหรงไปอยู่แดนใต้ก็เพื่อการนี้ อย่าคิดว่าเจิ้นจะตามไม่ทัน”

ป๋ายอวี้หลันหลับตาลง ฝ่ามือบอบบางกอบกุมเศษแก้วเอาไว้แน่น จนบาดลึกมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด เจินเซียหยางฮ่องเต้มองมันอย่างขอไปที

“หรงเอ๋อร์เป็นเด็กดีของท่านกับหม่อมฉันมาตลอด กระนั้นก็ยังคิดจับนางเป็นตัวประกัน เพียงเพราะต้องการแก้ไขการตัดสินใจโง่ ๆ ของตนเอง…”

“…”

“ทั้งหรงเอ๋อร์และเยี่ยนเอ๋อร์ต่างมีชีวิตวัยเยาว์อันน่าเศร้าก็เพราะท่านเป็นเหตุผลหลัก และบางส่วนก็มาจากหม่อมฉันเอง”ป๋ายอวี้หลันกระตุกยิ้มขมขื่น “พวกเราต่างเป็นบิดามารดาที่ล้มเหลว นี่ไม่ใช่ภาพครอบครัวในอนาคตที่หม่อมฉันหวังเอาไว้เลย”

“หากจะโทษก็ควรโทษตระกูลป๋ายของเจ้าเถอะ มักใหญ่ใฝ่สูงอยากมีอำนาจเหนือโอรสสวรรค์ !”

ปัง !

นางตบโต๊ะเครื่องแป้งเสียงดังลั่น ทำเอาเจินเซียหยางฮ่องเต้พุ่งตัวเข้ามาใกล้ แต่กลับถูกนางกำนัลข้างกายของป๋ายอวี้หลันขวางเอาไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะถูกองครักษ์ของฮ่องเต้กำจัด

หยาดโลหิตกระเด็นเปรอะดวงหน้าของพระสนมคนงาม เนื้อตัวของป๋ายอวี้หลันเปื้อนเลือด กลิ่นคาวกระจายกลางอากาศ แม้นเตากำยานหอมกรุ่นก็มิอาจกลบ

“พอสักทีเถอะ”นางกล่าวเสียงเลื่อนลอย หยดน้ำตาไหลอาบลงมา “การแต่งงานของหรงเอ๋อร์นอกจากหม่อมฉันที่หวังใช้ประโยชน์ ก็มีท่านด้วยอีกที พอเห็นท่านตอนนี้ หม่อมฉันก็สะอิดสะเอียนเกินกว่าจะให้เยี่ยนเอ๋อร์สืบทอดบัลลังก์เน่า ๆ นี่แล้ว !”

เพี๊ยะ !

ดวงหน้างดงามของป๋ายอวี้หลันสะบัดหัน เลือดไหลกลบริมฝีปากนาง ขณะเจินเซียหยางฮ่องเต้มองการกระทำของตนเองอย่างตกตะลึง “อวี้หลัน…”

ป๋ายอวี้หลันแทนที่จะนิ่งเงียบ กลับเปล่งเสียงหัวเราะร่วน ปลอกเล็บสีทองครูดลงบนอาภรณ์ “หม่อมฉันกับท่านเคยเป็นเพื่อนสมัยเด็ก อยู่เคียงข้างกันอย่างยาวนาน ปีนั้นที่ข้ายอมดื่มยาพิษแทนท่าน ก็เพราะความรัก เป็นความรักที่สละได้แม้นชีวิตของตน นอกจากท่านไม่ชื่นชม ต่อมายังคิดว่านี่เป็นแผนการของตระกูลป๋ายที่ทำเพื่อเรียกหาผลประโยชน์”

“…”

“ตอนหม่อมฉันให้กำเนิดหรงเอ๋อร์ แล้วท่านยินดีปรีดา มิใช่ว่าหม่อมฉันไม่รู้เหตุผล ทั้งหมดเป็นเพราะท่านยินดีที่นางออกมาเป็นองค์หญิง แตกต่างจากตอนคลอดเยี่ยนเอ๋อร์ พอเป็นแบบนั้น ข้าเลยเผลอมอบความรักให้เยี่ยนเอ๋อร์มากกว่าหรงเอ๋อร์ เพื่อทดแทนส่วนของท่าน ไม่คิดเลยว่าจะสร้างความเจ็บปวดให้นางขนาดต้องหนีไปแดนใต้”

“…”

“จะความทะเยอทะยานของเยี่ยนเอ๋อร์หรือความความหวาดระแวงของหรงเอ๋อร์ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหม่อมฉัน โอรสสวรรค์อย่างท่านไม่เคยผิดอยู่แล้ว…”

เจินเซียหยางฮ่องเต้ถอนหายใจ เบือนหน้าหนีไปทางอื่น หันไปออกคำสั่งกับคนของตนเอง “ไปตามหมอหลวงมาดูอาการเสียนเฟย”

ป๋ายอวี้หลันปิดเปลือกตาลง พอเห็นเรื่องราวทุก ๆ อย่าง นางก็อยากให้ลูกชายและลูกสาวของตนเองหนีไปให้ไกลจากความรังเกียจของวังหลวงแห่งนี้ เมื่อก่อนนางเคยคิดว่าการครอบครองบัลลังก์มังกรจะทำให้นางกับลูกปลอดภัยที่สุด ทว่าความจริง มันก็แค่จุดเริ่มต้นของการฟาดฟันไม่สิ้นสุด

“ปล่อยตัวหรงเอ๋อร์ไปเถอะ หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย หลังทุกอย่างจบลงแล้ว ขอให้ท่านรับปากหม่อมฉันเรื่องหนึ่ง”

“เจ้าหมายความว่ายังไง”เจินเซียหยางฮ่องเต้หลุบตาต่ำลง ค่อย ๆ เดินเข้าไปโอบกอดป๋ายอวี้หลันเอาไว้ “เจ้าเป็นสนมของข้า”

“หม่อมฉันก็แค่หนึ่งในสนมนับพันของท่าน ไม่จำเป็นต้องอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้นหรอก”

“…”

“หลังทุกอย่างจบลงท่านต้องปล่อยหรงเอ๋อร์เป็นอิสระ ให้นางมีชีวิตโบยบินนอกวังหลวง ส่วนเยี่ยนเอ๋อร์ก็ให้เขาเลือกอนาคตของตนเอง หม่อมฉันขอเวลาอีกหนึ่งชั่วยามก็พอ“

ใช่ หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ตำหนักหลังงามมอดไหม้ พระสนมเสียนเฟยแขวนคอด้วยผ้าแพร หลังจุดไฟเผาตนเอง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • จิ่วหรง   บทสุดท้าย

    บทสุดท้าย ท้องฟ้าและผืนหญ้า ปฏิหาริย์มีจริง และเต็มเปี่ยมด้วยหยดน้ำตาขององค์รัขทายาท หลังองค์หญิงเก้าที่สลบไปเป็นปีลืมตาตื่น พร้อมกับฤดูใบไม้ผลิมาเยือน ดวงตาเรียวดั่งหงส์อันเลือนลอยกวาดมองรอบกาย ดวงหน้าซีดเซียวไร้รอยยิ้ม แตกต่างจากตอนสลบไปโดยสิ้นเชิง เสมือนว่าเจินจิ่วหรงไม่ต้องการตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ลำคอของนางแห้งเหือด จนต้องดื่มน้ำไปหลายถ้วย ขณะถูกองค์รัชทายาทและพระชายาเอกนามซ่งเยี่ยหวั่นพยุงตัวขึ้น เจินจิ่วหรงมองพวกเขา ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อบ เจินจิ่วเยี่ยนที่ตอนนี้ครองตำแหน่งองค์รัชทายาทมาสองปีเผยรอยยิ้มกว้าง หยดน้ำตาไหลอาบลงมาไม่ยอมหยุด เขาโอบกอดพี่สาวของตนเองแน่น ขณะเจินจิ่วหรงเหมือนไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว “หย่งเสียน…ละ”นางถามหาเขาเป็นประโยคแรก ทำให้เจินจิ่วเยี่ยนและซ่งเยี่ยหวั่นหยุดชะงักไปตามกัน พวกเขาหลบสายตาของเจินจิ่วหรง แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น “เขาตายไปนานแล้ว” “…” “ล่าสุดที่ข้าไปเยี่ยมหลุมศพของเขา มีดอกหญ้าขึ้นปกคลุม ทุกอย่างเขียวขจี” นางค่อย ๆ พยักหน้าอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาไหลออกมาตอนไหน ปลายนิ้วมือกำลังสั่นระริก ร่างกายสั่นสะท้านราวนกตัวน้อยห

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบแปด

    บทยี่สิบแปด การไม่ครอบครอง การเปลี่ยนแปลงของขั้วอำนาจเริ่มขึ้นแล้ว หลังเจินจิ่วหรงกลับจากวังหลวง เช้าวันต่อมาเรื่องราวการทุจริตของตระกูลป๋ายก็ถูกเปิดเผย เจินเซียหยางฮ่องเต้เผยแพร่เรื่องนี้ให้ประชาชนรับรู้ ตระกูลป๋ายกลายเป็นนักโทษของสังคม ก่อนการไต่สวนครั้งสุดท้ายจะมาถึงเสียอีก คนจากวังหลวงเชิญเจินจิ่วหรงไปเป็นพยานในการไต่สวน เดิมนางคิดจะปฏิเสธ แต่กลับอยากเห็นสีหน้าผู้เฒ่าของตระกูลป๋ายขึ้นมา เลยแต่งกายสีฉูดฉาดเรือนผมประดับปิ่นทองคำเก้าเล่มไปดูพวกเขาด้วยตาตน เสียงความวุ่นวายรบกวนความสงบ ท้องพระโรงเหมือนสนามรบ นางเลือกจะไม่พูดอะไรออกมามากนัก แค่พยักหน้าและตอบในสิ่งที่สมควร ทำเอาพวกตระกูลป๋ายชี้หน้าด่าจนโดนตบกันเป็นแถบ เจินจิ่วหรงแค่นยิ้มเย็นชา ประโยคสุดท้ายที่นางเอ่ยเลื่อนลอยยิ่งนัก ก่อนนางจะหมดสติไปท่ามกลางความตื่นตระหนกของคนมากมาย หมอหลวงบอกว่านางอยู่ได้อีกไม่นาน เจินจิ่วหรงนั่งนิ่ง เหม่อมองภาพสะท้อนของตนเองบนกระจกทองเหลือง ท่ามกลางเหล่านางกำนัลที่เกล้าผมให้อยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะการไม่ได้พักผ่อนหลังคลอดลูก รวมถึงการถูกวางยาตลอดระยะเวลาที่กลับมายังจวนแม่ทัพ ไม่ต้องคาดเ

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบเจ็ด

    บทยี่สิบเจ็ด นี่คงเป็นเรื่อง ผิดบ้าง ถูกบ้าง “จริง ๆ แล้ว ระหว่างถูกขังในตำหนัก เสด็จพ่อมาหาข้าด้วย แววตาของเขาเลื่อนลอยและว่างเปล่า กระนั้นกลับสะท้อนความเหี้ยมโหดไม่น้อย” “อือ” เจินจิ่วหรงเปล่งเสียงครางตอบรับน้องชายที่นอนอยู่บนตักของนาง พลางยกมือลูบหัวเขาเบา ๆ เปลือกตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ “เขาบอกว่าเสด็จแม่—ป๋ายอวี้หลันจะมีความสุขกว่า หากกลับสู่อ้อมอกของตระกูลป๋าย แทนการถูกฝังในสุสานหลวง” “…” “แล้วหลังจากนั้นเขาก็ร้องไห้ออกมาละ” “อ่า” “ต่อให้พวกเราไม่เลือกชิงบัลลังก์ แต่ความกดดันจากตระกูลป๋าย และข้ายังเกิดมาเป็นบุรุษ อย่างไรก็หลีกหนีความโลภคนมากมายไม่พ้น แม้นแต่เสด็จแม่ก็ตาม” “…” “มีบางครั้งข้านึกอิจฉาท่านพี่ไม่น้อย ท่านไม่ต้องแก่งแย่งชิงบัลลังก์ ไม่ต้องเป็นที่คาดหวังของใคร ๆ แต่พอท่านพี่ต้องแต่งงาน ข้าก็ความเข้าใจความกดดันอันแตกต่างระหว่างชายหญิง ทว่ากลับอดริษยาท่านพี่มิได้เลย” เจินจิ่วหรงลืมตาขึ้นมองเขา ภาพตรงหน้าเลือนรางยากจะแยกออก นางขยับรอยยิ้มบางเบาอันเศร้าหมอง พร้อมเอ่ย “นี่ไม่เหมือนคำพูดของผู้ต้องการช่วงชิงเลยนะ หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบหก

    บทยี่สิบหก ข้าอยากให้เขาเลือกครอบครัวมากกว่า ความรู้สึกที่เจินจิ่วหรงมีต่อตงเหลียนฮวา ในอดีตนอกจากความอิจฉาริษยาก็ไม่มีสิ่งใด ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มีความริษยาอันรุนแรงเช่นนั้นอีกเลย หัวใจของนางร้าวรานและนิ่งสงบ หลังผ่านเรื่องราวมากมาย ตงเหลียนฮวาเป็นเพียงจุดบอดเล็ก ๆ ในชีวิตเท่านั้น ตอนพบหน้ากันอีกหนในค่ายทหาร นางขยับรอยยิ้มกว้างอันสดใส บดบังความมืดหม่นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น ตงเหลียนฮวาถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนหนา ดวงหน้าซีดเซียวและอิดโรย ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองนางสลับกับไท่หย่งเสียน เจินจิ่วหรงทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้เขากวาง ในกระโจมแห่งนี้ นอกจากแม่ทัพประจิม ไท่หย่งเสียนและนางก็ไม่มีใครอื่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ ตงเหลียนฮวา”นางเอ่ยเสียงราบเรียบ รอยยิ้มไม่เลือนหายจากดวงหน้าสักนิด ขณะตงเหลียนฮวากวาดมองทุกอย่างด้วยความหวาดระแวง เตรียมขอความช่วยเหลือจากไท่หย่งเสียน “หย่งเสียน…ช่วยข้าด้วย” ไท่หย่งเสียนยืนนิ่งเพื่อรอรับคำสั่งจากองค์หญิงเก้าแต่เพียงผู้เดียว ทำให้ตงเหลียนฮวาตระหนักถึงความจริงว่าเขาเก็บนางไว้เพื่อกลายเป็นนักโทษหรือเหยื่อของเจินจิ่วหรงในสักวัน และวันนี้ก็มาถึง ตงเหลียนฮวาเปล่

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบห้า

    บทยี่สิบห้า เจินจิ่วหรงที่บ้าคลั่ง เจินจิ่วหรงนอนแช่ตัวอยู่ในถังน้ำใสสะอาด เส้นผมดำขลับยาวสลวยเลื่อนลงปรกดวงหน้างดงาม หลบซ่อนแววตาสั่นไหวของนางอย่างแนบเนียน ไม่มีข้ารับใช้คนในอยู่ในเรือนนอน จวนตระกูลไท่ถูกทหารล้อมเอาไว้ แม้นว่าการปราบจลาจลจะจบลงแล้ว ดูเหมือนว่าเจินเซียหยางฮ่องเต้จะหวาดระแวงตระกูลไท่อย่างสมบูรณ์แบบ แม้นแม่ทัพประจิมจะเป็นดั่งสุนัขถวายหัวอยู่แทบเท้าก็ตามที ทั้งหมดเป็นเพราะเจินจิ่วหรงคือสะใภ้หนึ่งเดียวของตระกูลไท่ ซ้ำตอนนี้ยังให้กำเนิดบุตรชายแก่พวกเขา ต่อให้ปกปิดที่อยู่ของไท่หย่งเล่อ แต่ก็มิอาจปิดบังตัวตนการมีอยู่ของเขา เจินเซียหยางฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงและโลภมาก ไม่นานย่อมจับลูกชายของนางเป็นตัวประกัน ทุก ๆ อย่างเหลือเวลาไม่มากแล้ว แต่เจินจิ่วเยี่ยนอายุย่างสิบสี่ปีเท่านั้น ไม่มากพอจะขึ้นครองบัลลังก์โดยไร้ผู้สำเร็จราชการแทน สุดท้ายเขาจะกลายหุ่นเชิดอีกตัวสำหรับตระกูลป๋าย “นี่ หย่งเสียน”นางเอ่ยปากเรียกเขาที่อยู่ด้านหลังฉากกั้นไร้ลวดลาย ไท่หย่งเสียนชำเลืองมองภรรยา “อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ ข้าเตรียมอาภรณ์ให้เจ้าแล้ว” น้ำเสียงของไท่หย่งเสียนอ่อนโยนเป็นอย่างมาก ร

  • จิ่วหรง   บทยี่สิบสี่

    บทยี่สิบสี่ ลาก่อนพระสนมเสียนเฟย เจินจิ่วหรงถูกกักตัวอยู่ภายในตำหนักของตนเอง ขณะไท่หย่งเสียนถูกแต่งตั้งเป็นหนึ่งในแม่ทัพเฉพาะกิจกวาดล้างตระกูลเสวียน ภายในวังเกิดการนองเลือดจำนวนมาก เสวียนผินถูกสังหาร แตกต่างจากองค์ชายไม่สมประกอบที่ถูกพวกกบฏนำตัวออกนอกวัง หว่านกุ้ยเฟยและโอรสของนางอย่างองค์ชายเจ็ดถูกนำตัวไปยังห้องลับอันปลอดภัย ส่วนองค์ชายสิบสามถูกกักตัวเช่นเดียวกันกับนาง ตระกูลป๋ายยังไร้การเคลื่อน พวกเขาไม่ได้มีกำลังทหารอะไร มีแต่พวกขุนนางร่วมตัวกันป่วน แน่นอนว่าถูกเจินเซียหยางฮ่องเต้กีดกันให้อยู่กันเป็นส่วน ๆ เจินเซียหยางฮ่องเต้มิอาจกำจัดตระกูลป๋าย พวกเขามีอิทธิพลมากเกินไป แค่กักบริเวณองค์ชายสิบสาม เสมือนว่าความผิดทั้งหมดเป็นของเจินจิ่วเยี่ยน ก็ทำตระกูลป๋ายไม่พอใจมากแล้ว ไม่มีทางที่โอรสสวรรค์จะกล้าลงมืออะไรอีก เจินจิ่วหรงเหยียดตัวนอนบนตั่งหินอ่อน รอเวลาที่ทุกอย่างจบลงด้วยกองเลือดมากมาย การพลัดพรากและสูญเสีย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความเห็นแก่ตัวของเจินเซียหยางฮ่องเต้ นางกับเจินจิ่วเยี่ยนตระหนักดีว่าร่างกายของเสด็จแม่ทรุดโทรมขนาดนี้เพราะใคร ตลอดมาถึงนึกชิงชังเจินเซียหยางฮ่องเต

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status