공유

บทที่ 9

작가: คุณชายสายฝน
คำพูดที่ดูเหมือนจะปกป้องของเวิงอี๋ ในสายตาของเจียงซู่ มันเป็นเพียงการยั่วยุเท่านั้น ราวกับว่าเธอใจกว้างและเห็นอกเห็นใจมากแค่ไหน

ตัวเจียงซู่เองยังไม่ได้พูดอะไร แต่ไต้ซานเหอกลับรู้สึกคลื่นไส้กับท่าทางที่เสแสร้งของเธอ

เธอกำลังจะอ้าปาก แต่ถูกเจียงซู่ดึงไว้ก่อน “ผู้ช่วยเวิง ฉันจำได้ว่าบัวขาวไม่ได้เติบโตในเรือนกระจกนะ”

เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นก็ทำหน้างงงัน “พี่เจียง พี่หมายความว่ายังไงคะ?”

เจียงซู่พูดว่า “ในเมื่อคุณอยากเลี้ยงดอกไม้นี้ ทำไมไม่ศึกษาลักษณะนิสัยล่วงหน้าล่ะคะ สุดท้ายอย่าให้มันตายล่ะ”

ชัดเจนว่าดอกไม้ที่ว่าไม่ใช่ดอกไม้จริง ๆ แต่เธอกำลังพูดในเชิงเปรียบเทียบ

คนอื่น ๆ ที่อยู่ในที่นั้นก็ไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจว่าเจียงซู่กำลังว่าเธอเป็นดอกบัวขาว(ผู้หญิงเจ้าเล่ห์)

เวิงอี๋ทำหน้าน้อยอกน้อยใจ “พี่เจียง พี่มีอคติอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ?”

เจียงซู่โยนคำถามกลับไป “ทำไมฉันถึงต้องมีอคติกับเธอด้วยล่ะ?”

เวิงอี๋ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่กลับหันไปมองโจวซือเหย่ “พี่ซือเหย่ พี่เจียงดูเหมือนจะเข้าใจฉันผิดไปแล้วนะ”

คิ้วของโจวซือเหย่ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “เจียงซู่ คุณเลิกงี่เง่าได้ไหม?”

มันน่าสนุกตรงไหน?

จริง ๆ แล้วเจียงซู่ชอบฟังเขาเรียกชื่อเธอมาก เพราะเมื่อคำสองคำนี้ออกมาจากปากเขา เธอก็จะรู้สึกใกล้ชิดราวกับว่าเขาอมเธอไว้ในปาก

แต่ตอนนี้ เมื่อได้ยินอีกครั้ง กลับเหลือเพียงแค่การข่มขู่

ความสนิทสนมที่เธอคิดเองเออเอง ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงการหลอกตัวเองเท่านั้น

เจียงซู่มองไปที่เขา สัมผัสได้ถึงคำเตือน ก็รู้สึกหมดแรง

การที่เธอประชดประชันแบบนี้มีความหมายอะไร ก็แค่การข่มขู่ด้วยวาจาเท่านั้น แถมยังทำให้เวิงอี๋หัวเราะเยาะเธออีกด้วย

เจียงซู่ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดในใจ เปลี่ยนเรื่องพูด “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ คืนนี้กลับบ้านเร็ว ๆ หน่อยนะ”

เธอรู้ว่าตอนนี้เธอไม่สามารถเรียกเขากลับมาได้ และก็เธอไม่จำเป็นต้องขายหน้าอีกต่อไป

พูดจบ เธอก็พาไต้ซานเหอเดินจากไปก่อน

ขณะที่เวิงอี๋จ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของเธอ แววตาก็ฉายแววแห่งความได้ใจ แต่พออ้าปากอีกครั้งกลับเป็นดอกบัวขาวที่อ่อนแอ

“พี่ซือเหย่ ในเมื่อพี่เจียงมีเรื่องจะคุยกับพี่ งั้นพี่ก็กลับไปก่อนเถอะค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่หาพี่สาวเองได้”

ดูเหมือนคำว่าพี่สาวจะกระตุ้นเส้นประสาทบางเส้นของโจวซือเหย่ เขากะพริบตาและพูดอีกครั้งว่า “พี่จะไปกับเธอด้วย”

ได้ยินดังนั้น เวิงอี๋ก็แอบแสยะยิ้มที่มุมปาก

หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ขึ้นรถของไต้ซานเหอ

เนื่องจากอัดอั้นมาตลอดทาง ในที่สุดไต้ซานเหอก็ระเบิดอารมณ์สบถด่าออกมา “อี๋ นังดอกบัวขาวจริง ๆ ยาเร่งอาเจียนยังไม่มีฤทธิ์เท่ามันเลย ถ้าฉันไม่มารยาทดี ฉันคงอ้วกใส่หน้ามันไปแล้ว”

“โชคดีที่ฉันยังไม่ได้กินข้าวเที่ยง ไม่อย่างนั้นฉันต้องให้มันจ่ายค่าอาหารให้ฉันแน่! ด้วงขี้ควายใส่หน้ากากจริง ๆ หน้าไม่อายเลย! ฉันว่าตาของโจวซือเหย่คงถูกอุจจาระบังไว้แน่ ๆ สงสัยเป็นพวกเดียวกัน กลิ่นเหม็นเหมือนกัน...”

ปากเล็ก ๆ ของไต้ซานเหอพูดพล่ามไม่หยุด ราวกับปืนกลที่กระสุนเต็มแม็ก ยิงกราดไปทั่ว

แต่พอด่าได้ครึ่งทางก็หุบปากกะทันหัน แล้วหันไปมองเจียงซู่ “เอ่อ โจวซือเหย่ก็ไม่ได้เป็นอุจจาระไปซะทั้งหมดหรอกนะ...”

เพราะยังไงโจวซือเหย่ก็ยังเป็นผู้ชายของเพื่อนสนิทเธอ

ถ้าเขาเป็นอุจจาระ แล้วเจียงซู่ล่ะเป็นอะไร?

เจียงซู่ไม่ได้ปกป้องเขาเหมือนเมื่อก่อน แต่กลับเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ “แกวิจารณ์ได้ถูกต้องแล้ว”

โจวซือเหย่คืออุจจาระ แต่เธอไม่ต้องการเป็นสุนัขอีกต่อไปแล้ว

ไต้ซานเหอ “...”

เจียงซู่รับฟังอย่างใจเย็นจนเธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

เจียงซู่ถามว่า “แกช่วยพิมพ์ข้อตกลงหย่าให้ฉันอีกชุดได้ไหม?”

ไต้ซานเหอไม่ได้ถามเหตุผล แต่พยักหน้าทันที “ได้เลย”

เจียงซู่ไปที่สำนักงานทนายความพร้อมกับเธอ แล้วกลับบ้านพร้อมกับข้อตกลงหย่าชุดใหม่

เธอรู้ดีว่าตัวเองไม่มีความสามารถพอจะเรียกเขากลับมาได้ตอนที่โรงพยาบาลได้ จึงให้เวลาเขาได้ตั้งหลักบ้าง แต่โจวซือเหย่กลับไม่ไว้หน้าเธอเลย

เธอรอตั้งแต่เช้าจนค่ำ ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าร่างกายจะอ่อนแอมากและอยากพักผ่อนแค่ไหนก็ตาม แต่เธอก็ยังคงอดทนรอ

เธอคิดว่าโจวซือเหย่รู้ว่าเธอมีเรื่องจะคุยด้วย น่าจะกลับบ้านเร็ว แต่ความรอคอยของเธอถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องผิดหวังอย่างแน่นอน

เจียงซู่ไม่เพียงแต่รอโจวซือเหย่ที่ไม่กลับมาตลอดทั้งคืน และยังได้รับภาพกอดกันอย่างอบอุ่นของเขากับเวิงอี๋อีกด้วย

รูปภาพนั้นถูกส่งมาจากเวิงอี๋

เวิงอี๋ตาแดงก่ำซบอยู่ในอ้อมกอดของโจวซือเหย่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมุมกล้องหรือเปล่า เจียงซู่พบว่าโจวซือเหย่เองก็ดูเหมือนจะมีน้ำตาซึม

มองดูภาพถ่ายที่ทั้งสองคนแนบชิดกัน เจียงซู่ก็รู้สึกเจ็บแปลบตรงอกเหมือนกล้ามเนื้อกระตุก ลำคอแน่น และรู้สึกหายใจไม่ออก

เขารักเธอมากขนาดนั้นเลยเหรอ?

แล้วภรรยาอย่างเธอเป็นอะไรกันแน่?

ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับมีข้อความเข้ามา และยังคงเป็นเวิงอี๋

[ขโมย! ถ้ามียางอาย ก็รีบหย่ากับซือเหย่ซะ!]

คำว่าขโมย ดูเหมือนจะปักลงกลางใจของเจียงซู่ และฝังรากลึก

เจียงซู่รู้สึกขมขื่นในใจ ที่จริงแล้วเธอรู้ดีว่าการแต่งงานห้าปีนี้ของเธอเป็นการขโมยมา

ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุ เธอคงไม่มีทางได้แต่งงานกับโจวซือเหย่ที่อยู่ห่างไกลเกินเอื้อม พวกเขาไม่ใช่คนในโลกเดียวกันด้วยซ้ำ

ทั้งหมดนี้เหมือนฝันสลาย ตอนนี้ได้เวลาที่ทุกสิ่งอย่างจะกลับคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว

นาฬิกาดังติ๊กต๊อก ๆ เวลาผ่านไปทีละนาที เจียงซู่ยังคงไม่ได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยดังมาจากชั้นล่าง ร่างกายที่นั่งอยู่นานก็เริ่มชา

เมื่อมองดูข้อตกลงการหย่าบนโต๊ะกาแฟ เธอก็อดไม่ได้ที่จะโทรไปเร่งรัด

โทรศัพท์ดังอยู่นานแต่ก็ไม่มีคนรับ จนกระทั่งเจียงซู่คิดว่าไม่มีใครรับแล้ว ในที่สุดก็มีคนรับสาย

เจียงซู่อ้าปากถามว่า “อีกนานแค่ไหนคุณจะ...”

แต่คำว่ากลับบ้านกลับจุกอยู่ในคอทันที เพราะเธอได้ยินเสียงผู้หญิงที่ฟังดูชวนให้คิดลึก

“ซือเหย่ ฉันเจ็บ...”

เสียงกรอบแกรบดังเคล้ากับเสียงปลอบโยนของโจวซือเหย่ “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็เสร็จ...”

โครม! ในหูมีเสียงดังอื้อ เลือดในร่างกายของเจียงซู่แข็งตัวในทันที ใบหน้าซีดเผือดแทบไร้สีเลือด

ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองกลางดึกดื่น เมื่อนึกถึงความเร่าร้อนของโจวซือเหย่บนเตียงในยามปกติ เธอยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีก

“อดทนหน่อยนะ...”

คำคำนี้เหมือนกับคาถาพันธนาการวนเวียนอยู่ในหูของเจียงซู่ไม่หยุด ดวงตาของเธอเริ่มร้อนผ่าว น้ำตาหยดหนึ่งร่วงหล่นลงมา แล้วก็หายไปในความมืดมิดในยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว

เธอคิดว่าเธอพร้อมที่จะถอนตัวแล้ว แต่เธอก็ยังประเมินหัวใจตัวเองต่ำไป
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 90

    เจียงซู่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองพ่อลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณย่า...เธอโบกมือให้คนมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ให้อีกคนเจียงเจียเหวินเชิดคอด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องรับรองโจวซือเหย่กลับมาถึงบ้านในเวลาอาหารเย็น และเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน ก็สังเกตเห็นเจียงเจียเหวินทันที“พี่เขย”เจียงเจียเหวินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันกับพี่เจียงกำลังจะทานอาหารเย็นพอดี แต่ฉันก็บอกพี่เจียงแล้วนะคะว่าให้รอพี่ก่อน แต่พี่เจียงก็บอกว่าไม่ต้องรอ แถมยังบอกว่าพี่จะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีก”“ดูสิ เหมือนว่าพี่สาวเธอจะเดาผิดนะ เธอดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่รอ ละไม่โทรถามด้วย”ระหว่างที่พูด เจียงเจียเหวินเดินไปหาอีกคนเพื่อรับเสื้อโค้ทที่โจวซือเหย่ถอดออก“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เมื่อพูดจบ เธอก็แย่งเสื้อโค้ทมาจากมือป้าเฉินป้าเฉิน “...”ป้าเฉินไม่เคยเห็นใครชอบแย่งงานทำขนาดนี้มาก่อนเจียงเจียเหวิน “ป้าเฉินคะ ไปหยิบตะเกียบกับชามเพิ่มอีกหนึ่งชุดให้พี่เขยหน่อยค่ะ”“พี่เขย นั่งตรงนี้นะคะ”เมื่อถึงโต๊ะอาหาร เจียงเจียเหวินดึงเก้าอี้ให้โจวซือเหย่ตำแหน่งที่เขานั่งคือฝั่งตรง

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 89

    ในยามกลางคืนที่มืดดำสนิท ในห้องนอนที่เงียบสงดมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น โจวซือเหย่พยายามปลุกเจียงซู่ที่มีท่าทางที่ไม่ปกติให้ตื่นเมื่อเจียงซู่ตื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเผือดหลังจากหลงอยู่ในห้วงของความฝันโจวซือเหย่ “ฝันร้ายเหรอ?”ใช่ เธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายจริง ๆ เธอฝันถึงอุบัติเหตุรถยนต์อีกแล้วเธออยากจะมองข้ามมัน อยากจะลืมมันไปให้พ้น ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตามมาหลอกหลอนเธอเหมือนเงาที่ตามติด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น เจียงซู่จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เธอยังคงฝันร้ายเช่นนี้อยู่อย่างควบคุมไม่ได้เจียงซู่สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลง พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลำคอขยับอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลราวกับว่ายังคงวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก โจมตีเข้ากับระบบการรับกลิ่นของเธออย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสัมผัสทั้งห้าของเธอจากการที่เขาได้ยินคำพูดละเมอตอนเธอตอนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทำให้โจวซือเหย่รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาฉายแววความสงสารจึงเอ่ยขึ้นมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 88

    เมื่อคุณหญิงย่าเห็นเจียงซู่ที่กลับมาพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ จึงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจ และหันไปตำหนิโจวซือเหย่ทันทีว่า “ทำไมไม่บอกย่าว่าเมียแกบาดเจ็บ? ถ้าย่ารู้ ย่าจะไม่ให้มาหรือไง แกดูแลเมียแกเป็นไหมเนี่ย?”โจวซือเหย่รับบททำตัวเป็นหลานชายผู้แสนดี “คุณย่าสอนถูกแล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง”เจียงซู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ อาเหย่ดูแลหนูดีค่ะ”หากต้องพูดถึงการหย่าร้าง คนในตระกูลโจวทั้งหมดที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นคุณย่าโจวด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริงที่คุณย่ามีให้แก่หลานสะใภ้ที่ถูกซื้อมาคนนี้ จึงทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับโจวซือเหย่เล่นละครเพื่อเอาใจคุณหญิงย่าเหวินเหยาฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจียงซู่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว? สรุปร่างกายของเธอไหวไหมเนี่ย?เมื่อเห็นว่าเจียงซู่ผอมลง คุณหญิงย่าจึงสั่งให้ทางห้องครัวทำอาหารบำรุงมาให้เธอทานเยอะ ๆ และตกเย็นเมื่อถึงเวลากลับ ก็ยังจัดเตรียมอาหารเสริมมากมายใส่ขึ้นรถให้อีกด้วยคุณหญิงย่า “ถ้ากินหมดแล้วก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 87

    เจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 86

    “พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 85

    “ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status