Share

มีนัดดื่มน้ำชา

last update Last Updated: 2025-11-30 21:49:36

บทที่ 4

ข้าเดินเข้าห้องนอนด้วยท่าทางเกียจคร้านเต็มทน ก่อนเข้าห้องข้าไม่ลืมบิดขี้เกียจให้พวกนางดูอีกสองรอบ ขยิบตาให้อีกหนึ่งรอบเพื่อไล่พวกนาง

ถงเอ๋อร์ที่เห็นการกระทำทั้งหมดของข้าถึงกับอั้นหัวเราะไม่อยู่

นับตั้งแต่เราสองคนเดินทางด้วยกันตลอดหลายวันท้ายที่สุดนางก็กลายเป็นคนของข้าอย่างเต็มรูปแบบ

นางเป็นคนซื่อสัตย์คิดอย่างไรก็พูดหรือทำเช่นนั้น ประจบเจ้านายไม่เก่งและมือเท้าทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจ ซึ่งข้าชอบนิสัยเหล่านี้ของถงเอ๋อร์ยิ่งนัก

ในทางกลับกันนี่ก็เป็นเหตุผลที่นางเป็นนางกำนัลในวังผู้ไม่ก้าวหน้านักก็เป็นเพราะนิสัยเหล่านี้เช่นกัน

“ท่านผู้วิเศษเฟยเจิน หากท่านต้องการพบผู้วิเศษคนอื่น พรุ่งนี้ช่วงสายมีนัดดื่มน้ำชาที่ห้องโถงตำหนักเจ้าค่ะ ท่านถึงแม้จะเป็นผู้มาใหม่ก็สามารถเข้าร่วมได้”

“งั้นหรือ ถึงเวลาแล้วมาเตือนข้าแล้วกัน”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากนั้นข้าก็โบกมือไล่ถงเอ๋อร์ออกไป ส่วนข้าก็เดินสำรวจห้องหับหลังนี้

วันรุ่งขึ้น

เพลานี้ยามซื่อ (9:00-10:59 น.) อันเป็นเวลานัดดื่มน้ำชาร่วมกันของตำหนักนี้ ข้าเดินตามถงเอ๋อร์ออกมาเพื่อมุ่งไปยังห้องโถงที่เอาไว้ทั้งต้อนรับแขก ห้องทานอาหาร และห้องประชุมแบบมิใช่ทางการ

ข้ามาถึงก็มีบุรุษและสตรีนั่งอยู่ก่อนแล้วสองคนเบื้องหลังไม่ไกลมีสาวใช้สี่คน

ข้าเดาว่าน่าจะคือสองผู้วิเศษผู้เยาว์วัยพอ ๆกับข้า

วันนี้คงมีคนร่วมดื่มน้ำชาตอนสายเพียงเท่านี้กระมังเพราะนี่เป็นเพียงธรรมเนียมมิใช่กฎข้อบังคับ หากใครประสงค์อยากมาจึงมา ไม่อยากมาก็มิผิด

สตรีผู้หันหน้าออกมายังประตูเห็นข้าก่อน นางมีใบหน้าขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือ คิ้วโก่งนัยน์ตาเรียวสวย รูปคางไม่แหลมไม่มนจนเกินไปยิ่งทำให้รูปโฉมยิ่งคมคาย นางคงรู้ว่าตนมีรูปปากที่เรียวสวยได้รูปจึงแต่งแต้มด้วยชาดสีแดงไม่สดมากก็สามารถช่วยขับเน้นความงามให้นางได้

อาภรณ์ดูไกล ๆก็รู้ว่าตัดเย็บอย่างปะณีตจากผ้าเนื้อดี สีฟ้าตัดครามช่างตัดและขับเน้นผิวนวลขาวให้เปล่งประกายมากยิ่งขึ้น

ข้าเดาว่านางคือเลี่ยงซูเมิ่ง นางเอกนิยายเล่มนี้นั่นเอง คนเขียนบรรยายว่านางงดงามราวกับนางฟ้านางสวรรค์วันนี้ข้าเพิ่งได้เห็นด้วยตา

ยอมรับตรงนี้เลยว่านางงดงามจริง ๆ ดูสิ แล้วยิ่งยามนางมองอย่างเป็นมิตรมาให้ข้า ในขณะที่นางยิ้มข้าแทบละลาย

ไม่แปลกที่บุรุษมากมายในเมืองหลวงต่างขนานนามให้นางว่าเป็นนางสวรรค์บนดิน

นอกจากความงามภายนอก ภายในนางก็มิด้อยไปกว่าผู้ใด นางคือผู้วิเศษที่มีพลังรักษา สมานรอยแผล ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่หากได้นางช่วย แผลเหล่านั้นจะหายไปในไม่ถึงหนึ่งก้านธูปเลยด้วยซ้ำ

รอยแผลก็มิเหลือทิ้งไว้ให้รกสายตา

หากพูดถึงชาติตระกูล นางคือคุณหนูรองตระกูลเลี่ยง บิดาของนางเป็นถึงแม่ทัพปราบบูรพา ผู้สร้างผลงานมากมาย เทียบได้กับขุนนางขั้น 2 เลยทีเดียว

“แม่นางผู้นี้คงเป็นท่านผู้วิเศษที่เพิ่งถูกค้นพบใช่หรือไม่เจ้าคะ”

เสียงกังวานใส สายตามองมาที่ข้าไร้ความดูแคลน เห็นเช่นนั้นข้าจึงส่งยิ้มน่ารักกลับตอบแทนนาง

“เจ้าค่ะ ท่านคือ....”

ข้าแสร้งไม่รู้จักนามอีกฝ่าย ดวงหน้าขาวดุจหิมะของข้าเผยความไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยที่มิรู้เรื่องรู้ราว

“ข้าเลี่ยงซูเมิ่งเจ้าค่ะ ปีนี้อายุสิบห้าแล้ว คงเป็นพี่สาวท่านกระมัง หากมิรังเกียจเรียกข้าว่าพี่ซูเมิ่งก็ได้”

“ข้า เซียวเฟยเจิน อายุสิบสี่ย่างสิบห้า งั้นข้าเรียกท่านว่าพี่ซูเมิ่งแล้วกัน”

ข้านี่รีบเลือกเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เลยทีเดียว ก็แหม ใครจะอยากเรียกอีกฝ่ายด้วยสรรพนามยาว ๆ ที่น่าขนลุกนั่นกันเล่า

ท่านผู้วิเศษเจ้าคะ ท่านผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์เจ้าขา

ขนาดอยู่ได้มิถึงวันก็รู้สึกเอียนแล้ว

“ส่วนข้าชื่อ เฟิงหยาง อายุมากกว่าเจ้าทั้งสองคน อืม หากอยากเรียกว่าพี่เฟิงหยางย่อมได้”

บุรุษผู้นี้คือคุณชายรองตระกูลใหญ่เฟิง บิดาเป็นถึงเสนาบดีกรมโยธา ท่านเฟิงเค่อ ขุนนางขั้น 2 ผู้ซื่อตรงต่อองค์ฮ่องเต้ หากเป็นในประวัติศาสตร์ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเกี่ยวกรมโยธามักเป็นผู้ที่โดนจับได้ว่าคดโกงเงินจากงบประมาณการก่อสร้างอยู่เป็นนิจ

ทว่าคนผู้นี้กลับมือสะอาด จัดสรรเงินในแต่ละโครงการไม่มากจนเกินไป ยินยอมให้มีการตรวจสอบการทำงานของตนเองอยู่เสมอ

โดยปกติขุนนางที่หน้าซื่อใจสะอาดเช่นนี้คงยากที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนมาถึงจุดนี้ได้

แต่มิใช่สำหรับเฟิงเค่อผู้นี้ที่มีบุตรเป็นถึงผู้วิเศษผู้มีพลังในการอ่านอดีตของผู้คนได้ เขาได้ใช้ประโยชน์ข้อนี้ของบุตรตนในการเลือกคบค้ากับผู้คน

ทุกคนในเมืองหลวงรู้ว่าเพียงสัมผัสตัวเรื่องราวต่าง ๆของผู้ใดก็ตาม บุตรผู้นี้ก็สามารถอ่านเรื่องราวที่หลั่งไหลเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

แต่ข้ารู้ดีกว่านั้น ข้ารู้ความลับข้อหนึ่งของเฟิงหยางที่ในหนังสือกล่าวถึง เจ้าตัวเจ้าของพลังเก็บไว้เป็นความลับของตน ไม่บอกผู้ใดแม้กระทั่งบิดาของตน หรือแม้กระทั่งองค์ฮ่องเต้เลยด้วยซ้ำ

เมื่ออายุสิบห้าพลังของชายหนุ่มพัฒนาก้าวขึ้นอีกขั้น

ไม่ต้องสัมผัส เพียงสบตาก็สามารถอ่านอดีตของอีกฝ่ายได้แล้ว

และบัดนี้ข้ากำลังสบสายตาดุจเหล็กกล้าของผู้วิเศษผู้นี้อยู่ ข้าแย้มยิ้มเป็นมิตรส่งไปให้

เราสองสบตากันเนิ่นนาน ข้าไม่หลบตาเขา เขาก็มิหลบตาข้า จนท้ายที่สุดข้านี่แหละคือฝ่ายกำชัย

เฟิงหยางขมวดคิ้วมุ่น หลบสายตากลับไปนั่งท่าปกติของตนด้วยจิตใจไม่เป็นสุข

ข้ายิ้มมุมปาก

“เจ้าค่ะ งั้นข้าเรียกว่าพี่เฟิงหยางแล้วกัน เรียกง่ายดี”

หลังจากนั้นข้าก็เดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะ ถงเอ๋อร์รู้หน้าที่ตนไม่ลืมเดินเข้ามารินชาให้ข้าหนึ่งจอก

“ชาโม่ลี่”

เพียงได้จิบข้าก็สามารถเดาชนิดของชาได้ เพราะที่หมู่บ้านข้ามีดอยปลูกต้นชา ฤดูหนาวจัด ข้ามักดื่มชาร้อนเพื่อคลายหนาวเป็นประจำ

ด้วยความต้องดื่มชาอยู่เป็นนิจที่หมู่บ้านข้าจึงทำชากลิ่นดอกไม้เป็นประจำ ข้าฟันธงเลยว่าชาผสมบุปผาแทบทุกชนิดข้าเคยดื่มมาแล้วเกือบหมด

ข้านั่งจิบอย่างสบายอารมณ์ ดวงตาเล็กกลมโตของข้าไม่วายเนียน ๆ เหลือบมองใบหน้าเคร่งขรึมของเฟิงหยาง

เฟิงหยางโดยนิสัยปกติเป็นบุรุษที่เป็นมิตร คุยง่าย ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาสีน้ำตาลดูใจดีรับกับจมูกโด่งที่ส่งให้ชายหนุ่มดูหล่อเหลาผสมหน้าหวานมิแพ้สตรี ยังดีที่มีกรามคมชัดทำให้แท้จริงแล้วชายหนุ่มเป็นหนุ่มรูปงามที่หวานก็เท่านั้น สตรีน้อยใหญ่ในเมืองจึงหมายปองเขาเจ้านวนมาก

ทว่าบัดนี้ที่นางลอบมองอีกฝ่ายเป็นเพราะ ใบหน้านั่นกำลังฉายแววเครียด เรียวคิ้วขมวดมุ่นไม่คลายราวกับมีเรื่องค้างคาในใจ

ข้ารู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด ข้าว่าข้าเดาได้ไม่ยากนัก

เขากำลังสงสัยว่าทำไมการสบตาเมื่อครู่จึงไม่สามารถอ่านความทรงจำข้าได้กระมัง

ข้ายิ้มกริ่มขณะจิบชาจอกใหม่

ข้ารู้ทันเขานี่นะ ไยข้าต้องโง่ให้เขาอ่านใจข้าด้วยเล่า

เมื่อครู่ข้าได้ทำการสร้างม่านกำแพงป้องกันตนเองเรียบร้อยแล้ว

จ้องข้าให้พรุนอย่างไรก็ไม่สามารถทะลุเข้ามาอ่านอดีตของข้าได้หรอก

ผู้ที่เคยอ่านผู้อื่นออกหมดเมื่อถึงคราวที่เจอเรื่องไม่เป็นไปตามที่ตนคาดคิด

ข้าอยากรู้นักว่าคนผู้นี้จะทำเช่นไร

“น้องเฟยเจินมีพลังอะไรหรือ”

“สร้างม่านเกราะเจ้าค่ะ ป้องกันจากอันตรายได้ โตมาจนสัตว์สี่ขาเลียก้นไม่ถึงข้ายังใช้ไม่ค่อยเป็นเลยนะ พี่ทั้งสองล่ะ”

“เฟยเจิน พี่ขอแนะเจ้าสักนิด คำพูดคำจาเจ้าสงบเสงี่ยมลงให้มากกว่านี้หน่อย สตรีเมืองหลวงมิพูดจาโผงผางเช่นเจ้าหรอกนะ....เอาเถอะ ข้ามีพลังรักษา ส่วนพี่เฟิงหยางมีพลังอ่านความทรงจำ”

“เจ้าค่ะ”

ข้าพยักหน้ารับคำสอนของพี่ซูเมิ่งอย่างขอไปที โดยไม่คิดจะเก็บนำมาใส่ใจสักเท่าไหร่นัก

“ในไม่กี่วันนี้วังหลวงอาจจะวุ่นวาย เจ้าอยู่ที่นี่อย่าได้เดินออกไปเพ่นพ่านข้างนอกมากนัก ผู้อื่นยังไม่คุ้นตาเจ้าอีกทั้งบัดนี้เจ้ายังมิได้รับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เดี๋ยวจะโดนจับเข้าคุกเอา ข้าอยากเตือนไว้ก่อน”

“วังหลวงจะมีงานอะไรหรือเจ้าคะ”

“งานแข่งขันล่าสัตว์ระหว่างองค์ชายน่ะ เห็นฝ่าบาทบอกว่าครั้งนี้พิเศษกว่าทุกปีจึงให้จัดงานยิ่งใหญ่....นี่ก็เตรียมมาหลายวันแล้ว อีกราวหกวันให้หลังจะถึงวันงาน”

เฟิงหยางที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยคุยกับข้า สีหน้าของชายหนุ่มดีขึ้นเยอะ

“ข้ารับทราบ”

หลังจากนั้นพวกเราทั้งสามก็อยู่คุยต่อกันสักพักพอเป็นพิธีจึงค่อยแยกย้าย

ข้าเดินกลับเข้าห้อง ในสมองก็รำลึกถึงเนื้อหาในหนังสือนิยายลึกลับที่ข้าเคยอ่านเล่มนั้น

งานแข่งขันล่าสัตว์งั้นหรือ

ข้าพอจำเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ได้จะมีลืมก็ตรงลำดับเวลาของเหตุการณ์ต่าง ๆ

งานครั้งนี้น่าจะเป็นงานล่าสัตว์ที่องค์ฮ่องเต้มีจุดประสงค์แฝงเรื่องอยากแต่งตั้งผู้วิเศษที่ยังมิได้มอบตำแหน่งหน้าที่ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์ให้อย่างข้า เฟยหยาง และเลี่ยงซูเมิ่ง และใช้อุบายในการบอกว่ามีของรางวัลพิเศษกว่าทุกปีโดยการมอบพวกข้าให้กับผู้ชนะที่หนึ่งถึงที่สามให้ไปช่วยงานเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว

พระองค์จะได้รับทั้งกระแสในแง่ดีเรื่องการกระจายตัวผู้วิเศษ ไม่ทรงกั้กไว้เพียงผู้เดียวแต่มอบให้อ๋องทั้งหลายเพื่อสร้างประโยชน์ให้แผ่นดิน

แต่ข้ารู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของพระองค์

ต้องการใช้พวกข้าซึ่งเป็นคนของพระองค์เป็นเสมือนตาสอดส่องความประพฤติของบุตรตน

หากใครคิดไม่ดีต่อพระราชบัลลังของพระองค์จะสามารถจัดการได้ทันท่วงที

ส่วนเรื่องพระองค์จะใช้วิธีไหนควบคุมผู้วิเศษให้เป็นของตนนั้นเดี๋ยวจะได้เห็นชัดเจนในงานแข่งขันล่าสัตว์นั่นแหละ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   บทส่งท้าย

    ค่ำคืนนี้ก็เช่นกันเฉิงหย่งจื้อเข้านอนแต่หัวค่ำเพราะยิ่งไม่นอนใจยิ่งนึกถึงใบหน้าดื้อดึงที่มีนิสัยมิย่อมใครของหญิงคนรักดวงจันทร์วันนี้เกือบเต็มดวงเหลืองนวลลอยเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว เฉิงหย่งจื้อนอนเอาแขนก่ายหน้าผาก เปิดหน้าเอาไว้เช่นนี้ทุกค่ำคืนเพื่อให้ดวงจันทราอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาแกร็ก แกร็กมีผู้บุกรุกมือหยาบที่มิได้จับอาวุธมานานของเฉิงหย่งตวัดไปจับมีดสั้นใต้หมอนของตนเองที่เอาไว้ในกรณีฉุกเฉินซึ่งเขามิได้มีโอกาสได้ใช้มันเลยตลอดสามเดือนนี้ชายหนุ่มแสร้งเป็นนอนหลับตาลง พยายามหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเพื่อให้ผู้บุกรุกตายใจคิดว่าเขานอนหลับสู่นิทราแล้ว พอมันตายใจเข้ามาในเขตแดนเตียงของเขาเมื่อไหร่เมื่อนั้นแหละถึงคราวฆาตของมันกลิ่นหอมหวานอันแสนคิดถึงลอยผ่านสายลมอ่อนเข้ามาแตะจมูกของชายหนุ่มที่แกล้งนอนหลับอยู่บนเตียงทำให้เฉิงหย่งจื้อเผลอใจเต้นรัวทั้งที่พยายามหายใจสม่ำเสมอให้เหมือนคนหลับ เปลือกตาหรี่ขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยแต่ก็มิให้มากจนเกินไปเพื่อมองตามเสียงเดินแผ่วเบาที่กำลังย่องเข้ามาใกล้เตียงของเขา บัดนี้มือหนาคลายจากมีดใต้หมอนเรียบร้อยแล้วได้แต่จิกผ้าปูที่นอนเพื่อระงับความตื่นเต้นที่กำลังท่วม

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   เซียวเฟยเจิน

    บทส่งท้าย“นี่เป็นจดหมายที่นางฝากคนใช้ให้มามอบให้พระองค์พะย่ะค่ะ คนของเราเห็นว่าเป็นเรื่องผิดปกติจึงรีบส่งมาให้ข้าพะย่ะค่ะ แต่ข้าน้อยมิบังอาจเปิดอ่านจึงเลือกแจ้งพระองค์ดีกว่าพะย่ะค่ะ”กระดาษพับขนาดเท่าฝ่ามือถูกมอบให้เฉิงหย่งจื้อที่รีบขอตัวออกมาจากห้องอักษรของบิดาเมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องของสตรีคนรักเขารับจดหมายนั้นมาก่อนจะคลี่กระดาษเปิดอ่านข้อความข้างใน ‘ลาก่อน หมดหน้าที่หลักของข้าแล้ว หลังจากนี้ขอให้พวกเราได้ทำในสิ่งที่ประสงค์อยากทำ ขอให้ใช้ชีวิตเป็นอิสระอย่างที่ใจต้องการ ข้าขอไปตามทางของข้าในที่ที่ข้าอยากไป และสำหรับท่านก็เช่นกันเซียวเฟยเจิน’หมายความว่าเช่นไร...ไยนางจึงเขียนจดหมายฉบับนี้ให้ข้าเฉิงหย่งจื้อละสายตาจากข้อความในกระดาษ“เฟยเจินยังอยู่ที่เรือนนางหรือไม่”ฉีหมิงที่อยู่ดีดีก็โดนยิงคำถามแปลก ๆ ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตั้งสติและตอบคำถามเจ้านายเท่าที่ชายหนุ่มรู้“ข้าน้อยมิรู้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวนนางหรอกขอรับหากมิโดนเรียกเข้าไปใช้งาน...เกิดเรื่องอันใดหรือพะย่ะค่ะท่านอ๋อง”“นาง...หนีข้าไปแล้ว”ดวงตาสีดำสนิทจ้องเหม่อมองออกไปยังที่อันแสนไกล น้ำเสียงและแววตาตัดพ้อราว

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   บอกเจ้าสาม

    และก็เป็นอย่างที่ฝ่ายเฉิงหย่งจื้อคาดการไว้ทางฝั่งฮ่องเต้เมื่อได้รู้จากเลี่ยงกงกงว่าลูกชายคนรองของตนขอเข้าเฝ้า จากที่ตอนแรกประทับอยู่ในห้องหนังสือเพื่ออ่านฎีกาที่กองพะเนินอยู่บนโต๊ะก็เตรียมตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้“บอกเจ้าสามว่าข้าไม่สะดวกให้เข้าเฝ้าวันนี้ วันอื่นค่อยให้มาใหม่ ข้าจะพักผ่อนเร็วหน่อยวันนี้”ฮ่องเต้กล่าวกับกงกงที่ทำสีหน้าลำบากใจอยู่เบื้องหน้าเสร็จก็เตรียมตวัดชายแขนเสื้อเพื่อหันหลังเดินออกทางประตูด้านหลังแทนที่จะเป็นประตูหลักข้างหน้าดั่งปกติ“ฝะ...ฝ่าบาท เกรงว่าครานี้จะไม่ทันเสียแล้วพะย่ะค่ะ ท่านอ๋องสามรออยู่ทะ...ไม่ทันแล้ว”ชายชราเลี่ยงกงกงยังพูดไม่ทันจบดี เจ้านายของตนที่ไม่รอฝั่งคำเขาจึงเดินออกทางประตูหลังเรียบร้อยแล้ว และก็เจอลูกชายของตนที่รู้ทันพ่อของตนหลังจากโดนผลัดวันประกันพรุ่งมาหลายคราดักรอที่ประตูข้างหลังเฉิงหย่งจื้อในอาภรณ์ดำขลิบทองยืนมองบิดาตนด้วยใบหน้านิ่งสนิท ดวงตาสีดำเช่นเดียวกับสีผมมองมาที่คนอายุมากกว่าตรงหน้าเขม็ง ดุคมราวกับเหยี่ยวกำลังจ้องมองเพื่อจับผิดอีกฝ่าย“ลูกมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเสด็จใช้เวลาไม่นานหรอกพะย่ะค่ะ”“พ่อ...”แม้บนหน้าของเจ้าแผ่นดินจะไม่มีเม็ด

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   เจ้ากำลังคิดถึงเรื่องอันอยู่รึ

    “เจ้ากำลังคิดถึงเรื่องอันอยู่รึ ไยจึงนั่งยิ้มอยู่คนเดียวเช่นนั้น”ข้ามิรู้ตัวว่าตนเองกำลังนั่งท้าวคางบนมือของตนอยู่บนโต๊ะน้ำชารับแขกในเรือนตนเอง ใบหน้าหันมองออกไปนอกหน้าต่างที่กำลังเปิดอ้าอยู่ เวลาเย็นแดดจึงไม่จัดมาก ลมพัดโชยเข้ามาอ่อน ๆ นอกหน้าต่างไม่มีนก หรือแมลงบินตอมดอกไม้ให้ข้าได้ดูและทำให้ข้ายิ้มได้ ชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเดินเข้ามาในเรือนผู้อื่นแม้อยู่ในจวนตนเองก็เถอะจึงเอ่ยทักข้าอย่างฉงนใจเจือด้วยความไม่พอใจเนือง ๆ เพราะชายหนุ่มกลัวว่าที่ข้ายิ้มอาจเพราะคิดถึงบุรุษอื่นใบหน้าหล่อเหลาทว่าติดดุเข้มมของเฉิงหย่งจื้อโผล่เข้ามาในสายตาข้า ระยะห่างระหว่างใบหน้าเราห่างเพียงหนึ่งฝ่ามือทำให้ข้าผงะถอยหลังเล็กน้อย“ท่านเข้ามาในเรือนข้าได้อย่างไร...ข้าไม่เห็นได้ยินเสียงฝีเท้าเลย” ประโยคหลังข้าบนพึมพำกับตนเองเบา ๆดวงตาคู่ดำสนิทไล่สายตาขึ้นลงราวกับกำลังไล่สำรวจเครื่องหน้าของข้าหากข้ามองไม่ผิด ดวงตาคู่ตรงหน้าเวลานี้คมราวกับเหยี่ยวสอดส่ายไล่เก็บภาพหญิงสาวคนรักตรงหน้า“ยังมิชินอีกหรือ เมื่อหลายวันก่อนเจ้ายังไม่เห็นขัดที่จะอยู่ห้องนอนเดียวกับข้าอยู่เลย”“นั่นมันตอนข้าแปลงเป็นบุรุษและเราทั้งสองคนกำล

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   สิบขวบ

    “ข้ามีข้อตกลงเพิ่ม ข้าต้องการให้เจ้าเผยรูปโฉมที่แท้จริงออกมาด้วยหากเจ้าจริงใจอยากช่วยมิใช่เพื่อลวงหลอกให้ข้าเดินตามแผนของพวกเจ้า”ที่ข้าต้องการดูรูปโฉมที่แท้จริงเป็นเพราะข้าคิดว่าที่ข้าจำมิได้จากนิยายต้นฉบับอาจมีสาเหตุมาจากอีกฝ่ายปลอมตัว หากข้าเห็นใบหน้าที่แท้จริงข้าอาจระบุตัวละครตัวนี้ได้และหากข้าระบุตัวตนของอีกฝ่ายได้นั่นเท่ากับข้าจะได้เลือกถูกว่าควรเลือกเชื่อนางดีหรือไม่นางระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ ข่มกลั้นความรู้สึกที่อัดอั้นข้างในอก“ได้ หากนั่นจะทำให้ท่านเชื่อว่าข้าหวังดี”มือบางที่คล้ำหมองเพราะพอกผงสีดำพลางตัวเพื่อแปลงกลายยกขึ้นมาทั้งสองข้าง นางจัดการลอกหน้ากากหนังบนใบหน้านางออก รอยแผล รอยดำเป็นปื้นบนแก้มทั้งสองของนางเป็นของปลอม เมื่อหน้ากากหนังอัปลักษณ์ถูกลอกออกใบหน้าที่แท้จึงของสตรีตรงหน้าข้าจึงถูกเปิดเผยดวงหน้างามหวาน ผิวขาวผุดผ่องแม้เวลานี้จะดูซีด มีรอยย่นตามอายุของเจ้าตัวก็มิอาจปิดบังความงามของหญิงสาวได้เลยข้าที่เห็นการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์นี้อดมิได้ที่จะยกมือขึ้นมาปิดปาก ดวงตากลมโตของข้าจ้องอีกฝ่ายอย่างประหลาดใจโดยมิปิดบัง“แม่นางงามนัก ข้าไม่แปลกใจหากท่านต้องแปลงกาย

  • ชะตาท่านข้าขอลิขิตเอง   ข้ามั่นใจว่าเป็นเขา

    ปึงประตูบ้านปิดเองอาจด้วยเพราะกลไกธรรมชาติ อาจเป็นลมหรือความตั้งใจของเจ้าบ้านอันนี้ข้าก็มิรู้ แต่ข้าที่นั่งหันหลังให้พอได้ยินเสียงถึงกับสะดุ้งตัวขึ้นเพราะตกใจก่อนจะหันหลังไปมอง ข้ากลืนน้ำลายก่อนหันกลับมาประจันหน้ากับเจ้าของบ้านเช่นเดิมสตรีขี้เหร่มิได้มีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม นางเพียงยิ้มและยกชาถ้วยตนขึ้นมาจิบมีแต่ข้าที่พยายามรักษาใบหน้ามิให้แสดงอาการตื่นกลัวทว่าเหงื่อที่ออกบนมือมิสามารถห้ามได้ มือที่บีบกันแน่นของข้าจึงชุ่มไปด้วยเหงื่อใจเย็นไว้เฟยเจิน แค่ประตูปิด“ข้าพอจะเดาได้ว่าท่านตั้งใจมาหาข้าโดยเฉพาะและพอจะเดาสิ่งที่ท่านต้องการจากข้าได้”“รู้ว่าข้ามาหาทำไมงั้นรึ เจ้าดูมั่นใจยิ่งนักว่าตนเองเดาใจข้าได้ สิ่งที่จ้าคิดอาจมิใช่ ใครจะไปรู้”“นั่นก็จริง งั้นเชิญเอ่ยเรื่องของท่านมาเถิด หากไม่เกินความสามารถข้าย่อมช่วยเต็มที่”“แม่นางรู้จักพ่อค้านาม ติงเอ๋าซีหรือไม่”“รู้จักเมื่อไม่นานมานี้”“และแม่นางรู้จักเซี่ยฮองเฮาหรือไม่”“ย่อมรู้จัก” ข้าสังเกตเห็นนางกำชายเสื้อตนเอง“ประชาชนอาณาจักนี้มีใครบ้างไม่รู้พระนางผู้เป็นพระมารดาของแผ่นดิน”“ข้าหมายถึงรู้จักเป็นการส่วนตัวแบบที่มิใช่สถานะประชาชน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status