หน้าหลัก / รักโบราณ / ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม / ตอนที่ 7 - 1 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

แชร์

ตอนที่ 7 - 1 ไม่ละทิ้งความสามารถเดิม

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-04-23 09:41:47

หลังจากเลิกเรียนศิษย์ทั้งหลายก็แยกย้ายกันกลับเรือนของตนเฉกเช่นทุกวัน ชิงเหมยกลับไปพร้อมกับหลูซินเพราะนางจะต้องแวะไปช่วยท่านยายที่ตลาด ครั้นไปถึงตลาดแล้วท่านยายของนางกลับบอกให้นางกลับเรือนไปก่อน เด็กหญิงจึงยินยอมที่จะทำตามความต้องการของท่านยายแต่โดยดี จะได้อาศัยช่วงยามที่ท่านยายยังอยู่ตลาด ฝึกฝนเพลงดาบของนางอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย

“เหมยเอ๋อร์… กำลังจะกลับเรือนหรือ” ในระหว่างทางขณะที่นางกำลังเยื้องย่างกลับเรือน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าร้านค้าข้างทางก็เอ่ยทักทายนาง

“เจ้าค่ะท่านน้า… วันนี้ขายดีหรือไม่เจ้าคะ” ชิงเหมยหันไปตอบพลางทักทายด้วยใบหน้าที่สดใสสมวัย

“ก็พอขายได้… อะนี่เอาไปกินสิ กว่าท่านยายของเจ้าจะกลับเรือนก็อีกตั้งหนึ่งชั่วยาม” ห่อมันเผาถูกส่งมาให้ ชิงเหมยคำนับ

“ขอบน้ำใจท่านน้ายิ่งนักเจ้าค่ะ อันที่จริงท่านยายก็เอาซาลาเปามาให้ข้าเช่นกัน” เด็กหญิงกล่าวออกมายิ้มๆ

“เจ้าน่ะ… อยู่ในวัยกำลังโต ต้องกินให้มากๆ หน่อย จะได้แข็งแรง” เสวียอี๋บอกชิงเหมยด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

นางเห็นเด็กหญิงมาตั้งแต่เด็ก ชิงเหมยนั้นขยันเป็นเด็กดีและเชื่อฟังท่านยายของนางเป็นอย่างดี เสวียอี๋ยังนึกเสียดายที่เด็กหญิงไม่ได้เติบโตในจวนเฉกเช่นบุตรคนอื่นของตระกูลซิ่ว หากเป็นเช่นนั้นเด็กหญิงคงไม่ต้องมาใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเยี่ยงนี้ ตระกูลซิ่วนั้นช่างใจดำยิ่งนัก ทอดทิ้งได้แม้แต่เด็กที่ยังไม่โต

“เจ้าค่ะท่านน้า ข้าขอกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”

ชิงเหมยคำนับลาเสวียอี๋ นางจึงพยักหน้าให้ ชิงเหมยเดินจากไป ระหว่างทางก็ทักทายผู้ใหญ่ที่ทักทายนางเช่นกัน เสวียอี๋มองตามร่างเล็กด้วยแววตาเอ็นดู

ครั้นถึงเรือนแล้วเด็กหญิงก็ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ก่อนที่จะไปล้างจานชามในโรงครัว เสร็จจากนั้นก็ไปเดินหาไม้ยาวๆ เพื่อมาฝึกฝนเพลงดาบของนาง ยามนี้นางรู้สึกได้ว่าร่างกายนี้แข็งแรงมากขึ้นกว่าคราที่นางมาเกิดใหม่แล้ว จึงถือว่าเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับนางในการแอบท่านยายฝึกฝนเพลงดาบและศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวด้วยหมัดมวยแล้ว

“อันนี้พอดีกับมือเล็กๆ ของข้าเลย”

ชิงเหมยพึมพำออกมาหลังจากได้เห็นท่อนไม้ที่ท่านยายของนางตัดมาทำฟืน นางหยิบมันขึ้นมาถือแล้วตวัดไปมา แรกๆ ก็รู้สึกไม่คุ้นชิน ทว่าทำไปทำมาก็ได้รู้ว่านางยังจดจำทุกท่าทางได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ายามนี้ร่างกายนี้ยังเยาว์วัยนัก หากเติบโตกว่านี้อีกสักสองสามปี นางคิดว่าจะลองไปสู้กับพวกคนไม่ดีดูสักครา

เหงื่อกาฬที่ไหลลงมาอาบใบหน้าเล็กหลังจากฝึกซ้อมการฟันดาบอยู่เกือบหนึ่งก้านธูป ชิงเหมยรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์แล้วมานั่งทบทวนบทกวีที่ท่านอาจารย์ลู่อวิ๋นสั่งมา พรุ่งนี้นางต้องทดสอบท่องบทกวีเหล่านี้โดยห้ามมองตำรา แม้ว่าจะมั่นใจว่านางจดจำได้แต่ทบทวนเอาไว้ก็ไม่เสียหายอันใด ซ้ำยังทำให้นางเพลิดเพลินไปกับการอ่านบทกวีเหล่านี้อีกด้วย

“พี่ชิงเหมย” เสียงเล็กดังมาด้านหน้าประตูซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะตัวที่ชิงเหมยนั่งอ่านตำราอยู่

“นั่นหริ่งเอ๋อร์รึ” นางตะโกนร้องถามออกไป

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ให้ข้าเอาเหล้าท้อมาให้ท่านยายซูฉินเจ้าค่ะ”

ครั้นได้รู้ว่าผู้ใดมาเยือนและด้วยจุดประสงค์ใด ชิงเหมยจึงลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วรีบเดินไปเปิดประตูให้กับน้องสาวที่พักอาศัยอยู่เรือนหลังข้างๆ กัน

“ท่านยายของพี่ยังมิกลับมาเลย เจ้าจะเข้ามานั่งเล่นกับพี่ก่อนหรือไม่” นางยื่นมือไปรับไหเหล้ามาถือเอาไว้แทนหลิ่วหริ่ง

“เจ้าค่ะ ท่านพี่กำลังอ่านตำราอยู่หรือเจ้าคะ” เด็กหญิงวัยแปดปีเอ่ยถามออกมาหลังจากมองไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลมีตำราวางอยู่

“ใช่แล้วล่ะ เข้ามาก่อนสิ”

ร่างเล็กของหลิ่วหริ่งจึงก้าวเท้าเข้าประตูมา ชิงเหมยปิดประตูแล้วจึงนำไหเหล้าไปเก็บไว้ในโรงครัวให้ท่านยายของนาง จากนั้นจึงเดินกลับมาหาเด็กหญิงโดยหยิบจานมันเผากับซาลาเปาติดมือมาด้วย

“เกือบหนึ่งก้านธูปก่อนหน้าที่ข้าจะแวะมา เหมือนว่าข้าจะได้ยินเสียงราวกับว่ามีผู้ใดกำลังฟันฟืนอยู่ ท่านแม่นึกว่าท่านยายซุนฉีกลับมาจากตลาดแล้วเลยให้ข้าเอาเหล้ามาให้น่ะเจ้าค่ะ”

“อ่อ…เสียงดังถึงเพียงนั้นเชียวรึ” เด็กหญิงพยักหน้า

“ไม่มีอันใดหรอก อืม… กินซาลาเปากับมันเผากับพี่สิ”

ชิงเหมยตอบเพียงเท่านั้นก่อนที่จะชวนเด็กหญิงกินขนมด้วยกัน หลิ่วหริ่งไม่ปฏิเสธ นางหยิบซาลาเปาขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย ชิงเหมยยิ้มออกมา ชาติภพก่อนนางไม่มีน้องสาว และนางก็ไม่ค่อยสนิทสนมกับสตรีวัยเดียวกัน เพราะนางเอาแต่ฝึกฝนวิชาดาบกับฝึกวิชาหมัดมวยเพื่อใช้ปกป้องตนเอง และชาวบ้านให้พ้นจากอันตรายจากการถูกรุกรานของข้าศึก

เด็กทั้งสองนั่งกินขนมด้วยกันอยู่เกือบหนึ่งเค่อ หลิ่วหริ่งก็ขอตัวลากลับเรือนก่อนเพราะไม่ได้บอกท่านแม่ว่าจะมานั่งเล่นอยู่ที่นี่นาน ชิงเหมยจึงฝากเด็กหญิงไปบอกท่านแม่ของเด็กหญิงว่าขอบน้ำใจที่นำเหล้าท้อมาให้ท่านยายของนาง หลังจากหลิ่วหริ่งกลับเรือนไปได้ไม่นาน ท่านยายซุนฉีก็กลับมาจากตลาด

“ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะท่านยาย อ้อ… เมื่อหนึ่งเค่อก่อนที่ท่านยายจะกลับมาถึงเรือน ท่านน้าจิงหลิงให้หริ่งเอ๋อร์เอาเหล้ามาฝากไว้ให้ท่าน หลานเลยเอาไปเก็บไว้ในโรงครัวนะเจ้าคะ” ชิงเหมยนำน้ำมาให้ท่านยายพลางบอกออกมา

“อืม…ขอบใจลูก" ซุนฉีรับน้ำจากหลานสาวขึ้นมาดื่มก่อนที่จะเอ่ยออกมา

“เหล้าท้อเช่นนั้นหรือ โอ้…. คงจะเป็นลูกท้อที่ยายเอาให้นางเมื่อปีก่อนเป็นแน่ หมักเอาไว้จนดื่มได้แล้วหรือนี่”

ซุนฉีกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนที่นางจะเดินไปยังโรงครัวเพื่อชิมเหล้าท้อว่ามีรสชาติเป็นเช่นไร แต่ถ้าหากเป็นเหล้าที่สกุลหลิ่วหมักแล้วนั้นย่อมมีรสดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะตระกูลหลิ่วนั้นมีชื่อเสียงในด้านการหมักเหล้ามาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ชิงเหมยมองตามพลางส่ายหน้าไปมา ท่านยายของนางดีใจที่ได้รับเหล้าท้อยิ่งกว่าดีใจยามที่ได้รับผักหรือผลไม้เป็นของฝากเสียอีก ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มออกมาก่อนที่จะหันกลับไปสนใจอ่านตำราในมือต่อ

 

เชิงอรรถ

^ เสี่ยหนา คือ ปิ่นโต

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 68 - 1 เพราะสวรรค์เมตตาให้เกิดมาได้ครองคู่ (End)

    หลังจากเฉียวจูจ้านและซูฉีเดินทางออกจากจวนกลับไปได้ไม่นาน เยว่อู๋ชางก็กลับมาจากในวังหลวง เพราะภรรยาตั้งครรภ์อ่อนๆ เขาจึงได้รับพระกรุณาจากองค์รัชทายาทให้กลับมาค้างที่จวนในทุกค่ำคืน จนกว่าครรภ์ของนางจะมั่นคง ถึงค่อยให้เขากลับไปดูแลพระองค์อย่างใกล้ชิดอีกครา“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ” เสียงหวานทักทายสามีที่กำลังเดินเข้ามาภายในศาลากลางน้ำ“อื้ม…แล้วนี่น้องหญิงกำลังทำสิ่งใดอยู่รึ”เขาเดินไปนั่งลงเคียงข้าง แล้วยกร่างบางขึ้นมานั่งบนตัก จากนั้นจึงหอมแก้มนางไปหนึ่งที สองสาวรับใช้คนสนิทและสาวรับใช้ที่อยู่คอยรับใช้นายหญิง ต้องรีบพากันหลุบตามองต่ำ“ท่านพี่!!! พวกสาวรับใช้อยู่กันเยอะแยะ ข้าอายพวกนางนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกระซิบเสียงดุใส่สามี สองแขนเรียวโอบล้อมรอบลำคอของเขาเพราะกลัวตกเซียงซุนและหยวนเวยพากันยิ้มออกมา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเพียงใด ความรักที่นายท่านมีต่อนายหญิงหาได้ลดน้อยลงไม่ ทว่ามีแต่จะเพิ่มขึ้นในทุกวัน ยิ่งนายหญิงมีครรภ์เช่นนี้ นายท่านก็ดูจะทะนุถนอม และรักใคร่นายหญิงยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ความสัมพันธ์ของสามีภรรยากลมเกล

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 68 เพราะสวรรค์เมตตาให้เกิดมาได้ครองคู่ (End)

    หลังจากนอนค้างที่จวนตระกูลซิ่วได้เพียงหนึ่งคืน เช้านี้ชิงเหมยจำต้องติดตามผู้เป็นสามี เดินทางกลับเข้าเมืองหลวง ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบของเขา ทำให้นางมิอาจเอาแต่ใจตนเองได้ ก่อนเดินทางออกจากจวน นางและสามีก็ได้กินมื้อเช้าพร้อมหน้าพร้อมตา มีท่านย่า ท่านยาย และพี่น้องตระกูลซิ่วของนาง ท่านยายเล็ก ท่านลุง ท่านป้าสะใภ้และลูกๆ ทั้งสองของท่านลุงนั้น ได้เดินทางกลับจวนตระกูลซุนไปตั้งแต่พิธีแต่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่นางกลับมาเยี่ยมบ้านเดิมจึงมิได้พบกับพวกเขา“เดินทางปลอดภัย ขอให้เจ้าจงรักษาตัวให้ดี หากมีเวลาก็กลับมาเยี่ยมยายบ้าง”ซุนฉีกล่าวในขณะที่นางออกมาส่งหลานสาวอยู่ที่ด้านหน้าจวน ยามนี้ขบวนขนสัมภาระและผู้ติดตามของหลานเขยกับหลานสาวเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอเพียงแค่ให้ชิงเหมยได้ร่ำลาครอบครัวก่อนออกเดินทางก็เท่านั้น“เจ้าค่ะท่านยาย ท่านเองก็อย่าลืมรักษาสุขภาพให้ดี รอหลานกลับมาเยี่ยมนะเจ้าคะ”ชิงเหมยกล่าวออกมา น้ำเสียงข่มความอาลัยเอาไว้อย่างมิดชิด เพื่อไม่ให้ท่านยายเป็นห่วงนางมากนัก ครานี้เป็นคราแรกที่นางจะต้องห่างไกลจากท่านยายจริงๆ หาใช่เพียงแค่ไปไม่กี่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 67 - 1 หยินหยางสอดประสาน

    หลังจากที่เยว่อู๋ชางเดินออกจากห้องหอไปได้ไม่นานนัก สองสาวรับใช้คนสนิทของชิงเหมยก็เข้ามาด้านใน ร่างระหงนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้ หยวนเวยจึงรีบไปเตรียมน้ำให้นางอาบ ส่วนเซียงซุนรับหน้าที่เข้าไปปัดกวาดเตียงนอน ครั้นได้เห็นร่องรอยของการร่วมหอในค่ำคืนที่ผ่านมา ใบหน้างามของสาวรับใช้ที่ยังไม่เคยออกเรือนก็ถึงกับร้อนผ่าว ในใจพลันรู้สึกยินดี ที่ท่านเขยและคุณหนูใหญ่ ไม่ได้ปล่อยให้คืนเข้าหอผ่านไปอย่างไร้ค่า“ข้าน้อยเตรียมน้ำเสร็จแล้วเจ้าค่ะคุณหนู อุ๊ย!!! ฮูหยินเล็ก”หยวนเวยกลับเข้ามาภายในห้องพลางกล่าวรายงาน ก่อนที่นางจะปิดปากครั้นรู้ตัวว่านางเรียกขานสถานะเดิมของชิงเหมยที่เป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลซิ่ว แล้วจึงเปลี่ยนคำเรียกขานคุณหนูใหญ่ของนางใหม่ ยามนี้คุณหนูใหญ่ก้าวผ่านค่ำคืนของการเป็นผู้ใหญ่มาแล้ว หมายความว่าบัดนี้ชิงเหมย นางได้กลายมาเป็นฮูหยินเล็กสกุลเยว่เต็มตัวแล้ว"ฮูหยินเล็ก อืม… ใช่แล้วล่ะ สถานะข้าในยามนี้กลายเป็นฮูหยินของพี่ชางแล้วสินะ" ใบหน้างามปรากฏคลื่นแห่งความสุขออกมา แม้จะยังคงง่วงงุนแต่ทว่าใบหน้าของนางกลับอิ่มเอิบ“เช้านี้ท่านเขยดูอารมณ์ดียิ่ง

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 67 หยินหยางสอดประสาน

    ท่ามกลางความเงียบสงบจากภายนอก ภายในห้องหอกลับมีเสียงครางทุ้มหวานของคู่บ่าวสาว ดังสอดประสานกันขึ้นมาเป็นระยะ คราแรกที่ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มรุกล้ำเข้าไปภายในกลีบบุปผางามของนาง ชิงเหมยก็แทบจะปิดบังบังความเจ็บปวดเอาไว้ไม่อยู่ นางแสดงออกมาผ่านทางสีหน้าและแววตา ปลายหางตามีหยาดน้ำเปียกชุ่มอยู่เพียงเล็กน้อย แต่ทว่านางกลับไม่กล้าเอ่ยปากขัดขวางอารมณ์ที่เร่าร้อนของเขามือบางกอบกุมผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ก่อนที่นางจะค่อยๆ ผ่อนคลายลง ความรู้สึกเจ็บปวดในคราแรก จึงแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกวาบหวาม เร่าร้อน เข้ามาแทนที่ ยามนี้ผิวกายของนางและเขาต่างร้อนผ่าว ทุกคราที่เขาขยับโยกกาย ก่อให้เกิดความรู้สึกหลากหลาย สิ่งนี้น่ะหรือที่พวกผู้ใหญ่เรียกว่า หยินหยางสอดประสาน ชิงเหมยเพิ่งได้รู้ซึ้งก็ในวันนี้นี่เอง ความรู้สึกที่มีทั้งสุขและทุกข์ผสมผสานกันไป ทว่าความทุกข์นั้นกลับกลายเป็นสิ่งที่หอมหวานชวนลุ่มหลง“น้องหญิง…เจ้าเจ็บหรือไม่”ชายหนุ่มเหนือร่างงามหาได้ทำตามแต่ใจตนเองผู้เดียวไม่ เขาหยุดจังหวะการรุกล้ำ แล้วเอ่ยถามความรู้สึกของผู้เป็นภรรยาออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แม้อารมณ์ใคร่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 66 - 1 วันคืนแห่งความสุข

    ขบวนสินเดิมของเจ้าสาวยาวเกือบหนึ่งลี้ ถือว่าไม่น้อยหน้าสมกับเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ผู้คนต่างพากันนึกอิจฉานางขึ้นมา ด้วยไม่คิดว่าสตรีที่เกิดจากตระกูลธรรมดาอย่างซุนฉี จะสามารถมอบสินเดิมให้กับหลานสาวมากมายถึงเพียงนี้ แม้ผู้คนจะรู้ดีว่ามิใช่ของตระกูลซุนเพียงตระกูลเดียว แต่ก็รู้สึกนับถือซุนฉี ที่อีกฝ่ายคอยเก็บสะสมทรัพย์สินมากมาย เพื่อให้หลานเป็นสินเดิมติดตัวไปยามออกเรือน“คุณหนูเจ้าคะ หิวหรือไม่เจ้าคะ ข้าน้อยเตรียมขนมมาให้ หากคุณหนูหิวก็กินรองท้องไปก่อนหนาเจ้าคะ ดูจากการเคลื่อนขบวนแล้ว ข้าน้อยคิดว่ากว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็คงอีกสองเค่อ” เซียงซุนเปิดม่านเกี้ยวแล้วบอกคุณหนูของนางด้วยความห่วงใย เพราะวันนี้คุณหนูหาได้กินสิ่งใดลงไม่ อาจจะเป็นเพราะความตื่นเต้น“อื้อ…”ชิงเหมยมองออกไปผ่านผ้าคลุมหน้าก็เห็นว่าข้างทางมีชาวบ้านมากมาย ใบหน้าทุกคนต่างยิ้มแย้มออกมาด้วยความยินดี ทำให้นางรู้สึกประทับใจยิ่งนัก ไม่คิดว่างานแต่งงานของนางจะทำให้ผู้คนสนใจมาชื่นชมมากมายถึงเพียงนี้และก็เป็นอย่างที่เซียงซุนบอก เพราะกว่าจะถึงจวนตระกูลเยว่ก็ใช้เวลานานเกือบสองเค่

  • ชิงเหมย...บุปผาซ่อนคม   ตอนที่ 66 วันคืนแห่งความสุข

    หนึ่งปีต่อมาวสันตฤดูเวียนมาถึง นั่นก็หมายความว่า กำหนดการพระราชทานสมรสระหว่างคุณชายรองสกุลเยว่กับคุณหนูใหญ่สกุลซิ่วก็มาถึงเสียที ชิงเหมยต้องไปออกเรือนที่ตระกูลซิ่ว ทำให้ซุนฉี ซุนเฉียว เหลียงจง หลิวเวย และลูกๆ ทั้งสองของนาง ต้องเดินทางจากจวนตระกูลซุน ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านซานฉี เข้าเมืองถิงฮวาไปพำนักที่ตระกูลซิ่วชั่วคราว ก่อนที่จะถึงวันวิวาห์ เพื่อร่วมกันส่งหลานสาวออกเรือน“ข้ารู้สึกใจหายยิ่งนัก หลังจากเหมยเอ๋อร์ออกเรือนไปแล้ว ข้าจะทำเยี่ยงไร” ซุนฉีนึกใจหายขึ้นมา หลานสาวอาศัยอยู่กับนางมาตั้งแต่เกิด จนมาถึงวัยสิบแปดปี วัยที่เหมาะสมแก่การออกเรือน“ท่านกล่าวอันใดเยี่ยงนั้น ท่านไม่อยากเห็นเหมยเอ๋อร์มีความสุขหรอกรึ” ผิงหลันแสร้งถามออกมาทั้งๆ ที่ใจนางเองก็ไม่ต่างจากซุนฉีแม้แต่น้อยหลังจากหลานสาวกลับจากเยี่ยมบ้านเดิมตามธรรมเนียม ชิงเหมยก็ต้องออกเดินทางเข้าเมืองหลวงทันที เพราะว่าที่หลานเขยของนางต้องทำงานรับใช้ราชวงศ์ ไม่อาจลางานนานได้ และเพราะหน้าที่ของเขา ทำให้ไม่สะดวกต่อการเดินทางไกล จวนของเขาที่เตรียมไว้ยามนี้ตกแต่งไว้รอนายหญิงของจวนเรียบร้อยแล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status