แชร์

ไป๋ลี่เหยา

ผู้เขียน: ต้าซ้อ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-11 01:23:04

เมื่อสือซานกับเสี่ยวหนานปั่นจักรยานมาถึงบริเวณท่าเรือ เขาเลี้ยวเข้าไปจอดบริเวณหน้าร้านของลุงกู้ ซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน

"อ้าวสือซาน ทำไมมากับเสี่ยวหนานได้ล่ะ?"

ป้ากู้ทักทายสือซานอย่างเป็นกันเอง แต่นางก็มีความสงสัยอยู่หลายส่วน เพราะคนในหมู่บ้านต่างก็รู้ดีว่าเสี่ยวหนานเป็นคู่หมั้นของหานเจา แต่น่าแปลกที่วันนี้ทั้งสองคนซ้อนจักรยานมาด้วยกัน แถมยังมีท่าทีสนิทชิดเชื้อกว่าปกติ

"ป้ากับลุงออกบ้านแต่เช้า เข้าบ้านก็มืดค่ำน่าจะยังไม่รู้ เสี่ยวหนานถอนหมั้นกับหานเจาแล้วครับ เมื่อวานเธอก็แต่งเข้าบ้านโจวของเราแล้ว"

สือซานตอบคำถามแบบไม่เข้าเนื้อหามากเท่าไหร่ อีกไม่นานผู้อาวุโสทั้งสองก็คงรู้เรื่องนี้เอง

"อ้อ อย่างนั้นเอง ว่าแต่วันนี้พากันมาทำอะไรที่นี่ล่ะ หรือว่ามาซื้อของ?"

"ภรรยาของผมอยากทำกับข้าวขายครับ วันนี้พวกเราก็เลยมาหาที่เปิดร้าน ลุงกับป้าพอจะมีที่ไหนแนะนำไหมครับ?"

ผู้อาวุโสทั้งสองยิ้มน้อย ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของเด็กหนุ่ม พลางคิดในใจว่า..เจ้าเด็กนี่คงอยากประกาศให้โลกรู้สินะว่าเสี่ยวหนานเป็นภรรยาของตัวเอง

"มีสิ..มี เอ้านั่นหยุนฮวามาพอดี มา ๆ หยุนฮวา มาเปิดห้องข้าง ๆ ให้ลูกชายกับลูกสะใภ้บ้านโจวดูหน่อย พวกเขาอยากหาที่ขายกับข้าว"

หยุนฮวาที่เพิ่งเดินมาถึง พอได้ยินสรรพนามที่ป้าของเธอเรียกหนุ่มสาวทั้งสองก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เมื่อวานหลังจากเลิกงานกลับบ้านไป เธอก็ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเสี่ยวหนานจากผู้เป็นพ่อ ที่เป็นหัวหน้าหมู่บ้านแล้ว เสียงส่วนใหญ่ยังไปในทิศทางที่สงสารหญิงสาวมากกว่า

"ดีใจด้วยนะเสี่ยวหนาน ในที่สุดก็เจอคนดี ๆ อย่างสือซาน อยากขายกับข้าวก็ดีเลย ที่นี่แขกมาเยอะ คนงานก็เยอะ แต่ไม่มีใครขายข้าวสักที ทุกคนต้องปั่นกลับเข้าเมืองกันหมด มานี่ เดี๋ยวพี่พาไปดู"

"ขอบคุณค่ะพี่หยุนฮวา"

เสี่ยวหนานจำได้ว่าหยุนฮวาคือลูกสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน และเธอก็ยังรับหน้าที่สำคัญในท่าเรือแห่งนี้ แถมยังเป็นคนดีทั้งครอบครัว

เมื่อประตูเหล็กถูกรูดเปิดออก กลิ่นอับบางเบาของห้องโชยมาตามอากาศ ห้องกว้างจุใจ พื้นปูนเรียบ ถึงจะเก่าไปนิดแต่ยังแน่นหนา มีแสงลอดจากหน้าต่างด้านหน้าและช่องลมด้านหลัง เสี่ยวหนานเดินสำรวจด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อเปิดห้องครัว ห้องเก็บของและห้องน้ำ เธอก็ยิ้มอย่างพอใจ

"ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ 2 ห้อง ทะลุเข้าหากัน ค่าเช่าเดือนละ 20 หยวน ถ้าจะเช่าก็จ่ายเงินทำสัญญาแล้วเข้าอยู่ได้เลย" 

หลังจากพาทั้งคู่เดินดูรอบ ๆ ร้านแล้ว หยุนฮวาก็บอกรายละเอียดค่าเช่าให้สองสามีภรรยาได้รู้และตัดสินใจ

"หนานหนาน น้องชอบไหม?"  สือซานหันไปถามภรรยา

"ชอบค่ะ ที่นี่เหมาะมาก เราเช่าเลยดีไหม แม่ให้เงินมาพอดี 20 หยวน ส่วนของอย่างอื่นฉันมีครบ"

สือซานยิ้มให้ภรรยา เขาเข้าในความหมายที่บอกว่าเธอมีของครบ ก็คงเป็นของที่ติดตัวเธอมานั่นเอง

"เช่าเลยครับพี่หยุนฮวา!"

เมื่อกลับมานั่งทำสัญญา เสี่ยวหนานก็เห็นว่าสามีหยิบเงินเก็บจากกระเป๋าผ้าออกมา กองเป็นปึก ๆ ราวกับมีอยู่ถึงพันกว่าหยวน

"พี่สือซาน...ทำไมพี่มีเงินเยอะจัง?" เธอถามเบา ๆ ขณะเดินกลับออกจากห้องสำนักงานของท่าเรือ

"พี่กับพ่อออกเรือวันเว้นวัน ขายของที่สมาคมประมงไงก็พอมีเงินเก็บอยู่นิดหน่อย"

พอได้ยินแบบนั้นคนฟังก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

"จริงสิ ไป๋ลี่เหยาลูกสาวหัวหน้าสมาคมนั่นชอบพี่นี่นา เธอถึงให้ราคาดีเป็นพิเศษ"

"ไม่ใช่! ไม่ใช่นะ ถึงเธอจะให้เยอะกว่าคนอื่น แต่พี่ก็เอาคืนเธอ รับเท่าที่ควรได้นั่นแหละ!" สือซานรีบแก้ตัว

เสี่ยวหนานไม่ตอบอะไร เธอเพียงแอบยิ้มและปล่อยให้เขาร้อนรนจนต้องดึงเธอไปคุยใต้ต้นไม้ใหญ่

"พี่พูดจริง ๆ นะเสี่ยวหนาน พี่สาบานก็ได้ พี่กับเธอไม่ได้มีอะไรเกินเลย..."

คำสารภาพแบบคนซื่อ ๆ ทำให้หญิงสาวยิ้ม ใจหนึ่งก็อยากแกล้งอีก ใจหนึ่งก็อ่อนโยนเกินกว่าจะปล่อยให้เขาร้อนใจไปมากกว่านี้ เสี่ยวหนานเขย่งขึ้นแล้วจูบปากเขาเบา ๆ

"ฉันเชื่อค่ะสามีของฉัน พี่สบายใจได้"

"สะ...เสี่ยวหนาน น้องทำไม..."

"ทำไมล่ะ ฉันจุ๊บปากสามีตัวเองไม่ได้เหรอ?"

"ได้...ได้สิ!"

"งั้นเราไปซื้อขนมฝากให้เด็ก ๆ กันดีกว่า คืนนี้พี่ออกทะเลต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ นะ ไว้คืนพรุ่งนี้ฉันจะนวดให้พี่หายเหนื่อย"

ประโยคหลังกับสายตาของภรรยาช่างทำให้เขาใจเต้นรัว พูดได้เรื่องว่าเรื่องนั้นเธอช่างท้าทายและซุกซนจริง ๆ ใบหน้าของสือซานตอนนี้เปล่งประกายเหมือนต้นไม้ที่เคยเหี่ยวเฉา ถูกชโลมด้วยปุ๋ยยาชั้นดี จนทำให้ต้นไม้ใหญ่กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ในอีกด้านหนึ่งของหมู่บ้าน บ้านสกุลไป๋ตั้งตระหง่านริมเชิงเขา ล้อมรอบด้วยรั้วหินสูงใหญ่ ด้านหน้าเป็นสวนดอกไม้หอมลอยอ้อยอิ่ง เป็นเครื่องบ่งชี้ฐานะของครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในละแวกนั้น

ไป๋ลี่เหยาในชุดผ้าฝ้ายปักดิ้นทองแนบลู่กับเรือนร่างสูงเพรียว ผมยาวถูกมัดไว้ด้วยแถบไหม เสียงแตกกระจายจากถ้วยชาดังขึ้น เมื่อเธอเหวี่ยงมันทิ้งลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างไม่พอใจ

"อะไรนะ? ซูเสี่ยวหนานแต่งงานกับโจวสือซานแล้ว? นังนั่น...มันกล้าดียังไงถึงมายุ่งกับผู้ชายของฉัน!"

หานเวยนั่งจิบชาเย็นอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าแต่งแป้งบางเผยยิ้มเหยียดอย่างสะใจ เสี่ยวหนานขนของที่บ้านเธอไปหมด เรื่องอะไรเธอจะยอมให้หล่อนได้อยู่อย่างสงบสุข

"ไม่เพียงแต่งงานนะลี่เหยา มันยังไปอยู่ที่บ้านโจว ช่วยเลี้ยงลูกสาวเขา ทำอาหาร ทำงานบ้าน ตอนนี้ยังได้ยินว่าอยากออกไปเปิดร้านขายกับข้าว พี่สือซานก็หลงหล่อนหัวปักหัวปำตามใจหล่อนทุกอย่าง"

ไป๋ลี่เหยาเชิดหน้า ดวงตาเป็นประกายวาววับด้วยความเกลียดชัง 

"ก็แค่ผู้หญิงชาวบ้านหน้าตาธรรมดา คิดหรือว่าจะสู้ฉันได้? ถ้าไม่มีแผนต่ำ ๆ อย่างวางยา เขาคงไม่เหลียวแลเลยด้วยซ้ำ!"

หานเวยพยักหน้าเชื่องช้าพลางคิดในใจว่า..ความรักช่างทำให้คนโง่งมสิ้นดี โดนเธอเป่าหูนิดหน่อยก็แยกแยะถูกผิดไม่ได้เสียแล้ว ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่น่าหวาดหวั่น 

"ว่าไป...ฉันก็ได้ยินมาว่าคืนนั้นน่ะแปลกนัก โจวสือซานไม่เคยพาใครเข้าบ้านง่าย ๆ แต่กับเสี่ยวหนาน เขากลับพาเข้าตั้งแต่วันแรก น่าคิดนะ ว่ามันใช้กลอะไร วางยา? หรืออะไรบางอย่างที่ผู้หญิงอย่างพวกเราไม่ควรใช้?"

ไป๋ลี่เหยาหัวเราะเบา ๆ ดวงตาเปล่งประกายแข็งกร้าว

 "ดี...ถ้าอย่างนั้น ฉันจะไปเอาสิ่งที่เป็นของฉันกลับมาเอง ไม่ว่านังซูเสี่ยวหนานจะเล่นตลกแบบไหน มันจะต้องร้องไห้วันหนึ่งแน่!"

ยามบ่ายคล้อยฟ้าเริ่มแต่งตัวด้วยม่านสีทองอ่อนของดวงตะวัน ไอทะเลพัดโบกจากชายฝั่งเยี่ยนเทียน ส่งกลิ่นเค็มจาง ๆ มาปะทะปลายจมูก บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ตามเนินหินริมทะเลเริ่มปิดหน้าต่างรับลมเย็นเฉียบ ริมท่าเทียบเรือ เรือประมงไม้ขนาดกลางของไต้ก๋งโจวกำลังตระเตรียมออกเดินทางอีกครา

"สือซาน ลูกเช็กเสาอวนแล้วใช่ไหม?"

เสียงห้าวของไต้ก๋งโจวดังขึ้นจากหัวเรือ ชายวัยห้าสิบเศษที่แม้แผ่นหลังจะเริ่มโค้งงอ แต่สายตายังเฉียบคมพอจะจ้องไกลเกินเส้นขอบน้ำ

"เช็กเรียบร้อยแล้วครับพ่อ ผมผูกเชือกสองชั้นแบบที่พ่อสอนไว้เป๊ะเลยครับ"

สือซาน ลูกชายคนเดียววัยยี่สิบกว่า ขานตอบพลางปัดเหงื่อจากหน้าผาก มือของเขามีแผลถลอกเล็ก ๆ จากเชือกหยาบ—รอยเดียวกับที่ไต้ก๋งเคยมีเมื่อวัยยังหนุ่ม

เรือลำนี้บรรทุกได้ถึงสามพันกิโลฯ ท้องเรือทำจากไม้สนเคลือบยางดิน น้ำหนักแน่นหนาแต่ยังลอยลำได้คล่อง ตัวเรือยาวเกือบสิบห้าเมตร เสากระโดงสองต้นพาดอวนขนาดใหญ่ไว้แน่นหนา 

ใต้ผ้าใบเก่าคลุมลังน้ำแข็ง ถังไม้ลายน้ำเค็มและกระสอบเกลือวางเป็นระเบียบ ลำเรือรับลูกเรือทั้งห้าคนไว้ในท้องของมันเหมือนแม่โอบลูกไว้ในอกอุ่น

"คืนนี้ขอให้ได้หมึกตัวโต ๆ เหมือนคืนก่อนนะลุงโจว ผมยังอยากกินหมึกแล่สด ๆ จิ้มซอสอยู่เลย หวานมา..กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ"

เจียงเฉิงเพื่อนสนิทของสือซาน ชายร่างผอมผิวแทนจัดกำลังจัดคันเบ็ดกับเหยื่อปลาอย่างตั้งใจ เขาหัวเราะพลางสะบัดเชือกเกลียวใหญ่พาดตะขอเหล็ก

"เจ้าเด็กตะกละ เมื่อวันก่อนกินหมดเป็นกิโลยังไม่เบื่ออีกเหรอ?"พ่อโจวกล่าวอย่างขำขัน

ฉุนกัง หนุ่มตัวอวบหัวเราะลั่นขณะเอนหลังพิงถังน้ำแข็ง พลางหยิบมันหมักมาดูดทีละอึก

"ของอร่อยพวกเราจะเบื่อได้ยังไงครับไต้ก๋ง ดูสภาพพี่ฉุนกังสิ ต่อให้งานหนักก็ทำให้น้ำหนักของพี่ฉุนกังลดลงไม่ได้"

หมิงหลงคนงานในเรือพูดขึ้นอย่างขำขัน พูดพลางเหลือบตามองไต้ก๋งที่ยืนกอดอกจ้องเส้นขอบน้ำ บนเรือนี้ทุกวันที่ออกทะเล นอกจากจะได้ค่าแรง ไต้ก๋งโจวยังแบ่งของสดให้พวกเขาเอากลับไปกินที่บ้านทุกวัน เขาจึงเป็นที่รักของคนงานเสมือนพ่ออีกคนหนึ่ง

ไต้ก๋งโจวขยับมุมปากเล็กน้อย นั่นเทียบได้กับเสียงหัวเราะของคนทั่วไป จากนั้นก็เริ่มสั่งงานลูกชายให้เตรียมพร้อม

"คืนนี้ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดแรง ปลาหมึกมันจะลอยขึ้นมาหาแสงไฟ อย่าให้เสียเวลา เดี๋ยวพ่อจะหักหัวเรือออกจากท่าตอนฟ้าเปลี่ยนสี เตรียมตัวให้ดีนะสือซาน"

"ครับพ่อ"

เมื่อดวงตะวันเริ่มอ้อยอิ่งลงจากฟากฟ้า เครื่องยนต์ดีเซลในเรือส่งเสียงคำรามดังก้อง ควันสีเทาพวยพุ่งจากปล่องเรือ เรือโยกเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เร่งความเร็ว ลำเรือแล่นออกจากท่า รอยเกลียวคลื่นตามท้ายเรือฟองฟอดเหมือนสายไหมน้ำทะเล

"ทุกคนจับเสาไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวคลื่นตีตลบ!"

เสียงของไต้ก๋งดังขึ้นอีกครั้ง เจือความห่วงใยที่ลูกเรือทั้งสี่ได้ยินจนคุ้นเคย ลมผิวทะเลตีหน้าแรงจนเสื้อปลิวไสว เส้นผมของสือซานเปียกเหงื่อจับหน้าผาก เขาหันไปมองพ่อที่ยืนอยู่หัวเรือ แล้วถามเบา ๆ

"พ่อ คืนนี้เราจะไปที่อ่าวปลาเมาใช่ไหม?"

"ใช่ ที่เดิม จุดที่ลูกล้มครั้งแรกนั่นแหละ" ไต้ก๋งตอบเรียบ ๆ แต่ลูกชายหัวเราะเบา ๆ

"ผมยังจำได้ว่าหัวฟาดลังปลา เลือดโชกจนแม่บ่นไปหลายวัน"

"แต่ลูกก็ไม่เข็ด ตามพ่อกับพี่ชายออกทะเลตลอด"  คำพูดสั้น ๆ ของพ่อ แทรกความภูมิใจที่ทำให้สือซานยิ้มได้

"คืนนี้ผมจะล่อหมึกด้วยไฟท้าย ดูซิว่ามันจะเลือกแสงหรือหน้าผม!" 

ที่ท้ายเรือ ลูกเรืออีกสามคนยังเล่นหัวกันเหมือนพี่น้อง เจียงเฉิงตะโกนเสียงใส

"หมึกมันไม่โง่ขนาดนั้นหรอกไอ้น้อง" 

ฉุนกังแซวกลับเสียงขำ หมิงหลงได้ยินก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย คู่นี้ขอแค่ให้ได้แข่งกัน แข่งอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่ก็เป็นสีสันในช่วงเวลาที่ยังว่างอยู่ แต่ถ้าถึงเวลาที่ต้องทำงาน พวกเขาก็จริงจังและเต็มที่ทุกคน

"เฮ้อ เถียงกันได้ทั้งคืน"

เสียงหัวเราะ เสียงคลื่น เสียงลม ผสมกับเสียงเครื่องยนต์เรือที่กำลังทะยานสู่กลางมหาสมุทรหลอมรวมกันเป็นเสียงเดียว...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ตอนจบ

    ห้าปีต่อมาห้าปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันคือปี ค.ศ. 1988 ซูจื่ออัน เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชิงหัวมาได้สักพักใหญ่แล้ว ด้วยความรู้และความสามารถที่ร่ำเรียนมา เขาได้เข้ามาช่วยงานในโรงงานของพี่สาวอย่างเต็มตัว โรงงานแห่งใหม่ ของ ซูเสี่ยวหนาน กำลังเริ่มก่อสร้างบนที่ดินที่เธอซื้อสะสมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดีและมีพื้นที่กว้างขวางจื่ออันใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมที่ร่ำเรียนมา วางแผนงานเกี่ยวกับเครื่องจักรในโรงงานแห่งใหม่ด้วยตัวเองอย่างละเอียด แม้โรงงานจะยังคงเน้นการใช้แรงงานคนเป็นหลัก แต่จื่ออันก็เลือกที่จะนำเครื่องจักรที่ทันสมัยเข้ามาช่วยในกระบวนการผลิตบางส่วน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วและเพิ่มปริมาณการผลิตเที่ยงวัน ที่ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋งวันนี้เป็นวันเสาร์ ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่ ร้านข้าวแกงสะใภ้ไต้ก๋ง เพื่อกินมื้อเที่ยงกันอย่างคับคั่ง แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ร้านแห่งนี้ก็ยังคงเป็นที่นิยมของผู้คน หรือจะเรียกว่าเป็น "ขวัญใจแรงงาน" ก็ว่าได้ เพราะอาหารอร่อย ราคาถูก และบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองเสี่ยวหนาน พาลูก ๆ และหลานชายมาช่วยงานที่ร้านข้าวแกง หน่วนหน่วนตอนนี้อายุ 13 ปี ดูแลการจัดโต๊ะช่วยคน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   เที่ยวชมเมืองปักกิ่ง

    วันต่อมาเสี่ยวหนาน ก็พาพ่อแม่และทุกคนออกไปเที่ยวชมสถานที่สำคัญในปักกิ่ง การเดินทางในครั้งนี้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับทุกคน โดยเฉพาะพ่อซู แม่ซู พ่อโจว และ แม่โจว ที่ไม่เคยได้มาเยือนเมืองหลวงแห่งนี้มาก่อนสถานที่แรกที่พวกเขาไปคือ โรงละครอุปรากรปักกิ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่วัฒนธรรมจีนแบบดั้งเดิมกำลังถูกฟื้นฟู หลังยุคปฏิวัติวัฒนธรรม บรรยากาศภายในโรงละครไม้เก่าแก่เต็มไปด้วยความขลังและมนต์เสน่ห์ เสียงดนตรีพื้นเมืองบรรเลงคลอเคล้ากับการแสดงงิ้วที่วิจิตรตระการตา นักแสดงแต่งหน้าแต่งกายสวยงาม ท่าทางอ่อนช้อยงดงาม สร้างความประทับใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก雪落寒亭魂未散Xuě luò hán tíng hún wèi sànเสวี่ย ลั่ว หาน ถิง หุน เว่ย ซ่านหิมะโปรยลงบนศาลาเยือกเย็น วิญญาณยังมิยอมลาจาก天公莫笑女孤单Tiān gōng mò xiào nǚ gū dānเทียน กง ม่อ เสี้ยว หนฺ หวี่ กู ตันโอ้สวรรค์ อย่าหัวเราะหญิงผู้โดดเดี่ยว泪洒心灯照旧愿Lèi sǎ xīn dēng zhào jiù yuànเล่ย ส่า ซิน เติง เจ้า จิ้ว เยฺวียนหยาดน้ำตาหลั่งลง กลางแสงตะเกียงใจ ส่องให้คำอธิษฐานเก่าแจ่มชัดอีกครา冤枉三声唤地寒Yuān wǎng sān shēng huàn dì hánเยวียน หว่าง ซาน เซิง ฮ่วน ตี้ หาน

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ของฝากให้บ้านเกา

    "ครับพี่เขย" เจ้าเด็กแฝดถูกส่งต่อให้น้าชายกับพี่ ๆ ดูแลต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกันพักผ่อนอาบน้ำอยู่ในห้องของตัวเองแท้จริงแล้วเสี่ยวหนานแอบเก็บอาหารทะเลสด ๆ เหล่านั้นไว้ในมิติส่วนตัวของเธอ และแกล้งทำเป็นเติมน้ำแข็งตามจุดแวะพักต่าง ๆ ตลอดทาง เพื่อไม่ให้ใครสงสัยว่าทำไมอาหารทะเลถึงยังสดใหม่ราวกับเพิ่งขึ้นจากทะเลมาวันนี้เสี่ยวหนานตั้งใจทำเมนูโปรดหลายอย่างให้น้องชายได้กิน มีทั้งกุ้งอบวุ้นเส้น โจ๊กปู ซุปหอยนางรม ปลาหมึกผัดผงกะหรี่ หอยเชลล์ผัดเนย ปลานึ่งบ๊วย และที่ขาดไม่ได้คือ เป่าฮื้อนึ่งซีอิ๊ว ที่พ่อกับแม่ชอบเป็นพิเศษ โชคดีที่เธอได้บอกให้จื่ออันซื้อเครื่องปรุงและของใช้ในครัวไว้ให้ครบถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง ทำให้การทำอาหารเป็นไปอย่างราบรื่นเมื่อทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย เสี่ยวหนานก็เตรียมอาหารส่วนหนึ่งใส่ปิ่นโตอย่างสวยงาม เพื่อนำไปมอบให้ อาจารย์เกา และครอบครัว นอกจากนี้เธอยังเตรียมอาหารทะเลสด ๆ ไม่ว่าจะเป็นปู ปลา กุ้ง และปลาหมึก หอยนางรมใส่ถังใบใหญ่แยกต่างหาก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับครอบครัวเกาเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ช่วยดูแลจื่ออันมาตลอด"จื่ออัน" เสี่ยวหนานเรียกน้องชาย "มาช่วยพี่ถือข

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   พี่สาวคนเก่ง

    3 เดือนแล้วตั้งแต่เด็กแฝดเกิดมาในขณะที่ทุกคนกำลังชื่นชมและเล่นกับเด็กแฝดตัวน้อย เสี่ยวหนานสังเกตเห็นว่าหน่วนหน่วนกำลังยืนมองน้องชายด้วยแววตาที่ฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อย แม้จะดูดีใจ แต่ก็มีความกังวลบางอย่างแฝงอยู่"หน่วนหน่วนมาหาแม่เร็วเข้า ไหนดูซิว่าวันนี้ลูกสาวของแม่จ๋าอยากได้ผมทรงไหน? เอาเปียสองข้างดีไหม? หรือจะให้แม่มัดแบบหางม้า"เช้าวันเสาร์ที่เด็ก ๆ ไม่ได้ไปโรงเรียน สือซานเองก็ยังไม่ยอมให้เสี่ยวหนานไปทำงาน เธอจึงพาเด็ก ๆ มานั่งเล่นอยู่ห้องรับแขก ส่วนเจ้าเด็กแฝดทั้งสองก็มีปู่ย่าคอยดูแลอาหารการกินอี้หลันก็จะให้คนงานเอามาส่งให้ ไม่ต้องให้เสี่ยวหนานเข้าครัวให้ลำบาก มีเพียงช่วงค่ำของวันที่สือซานจะพาเสี่ยวหนาขับรถเข้าไปที่ร้านเพื่อเติมของ และเข้าโรงงานบ้างสัปดาห์ละครั้งส่วนงานที่โรงงานก็มีพนักงานในสำนักงานคอยดูแลครบทุกตำแหน่งแล้ว เสี่ยวหนานจึงรอตรวจบัญชีโดยรวมที่สือซานเอากลับไปให้ที่บ้านเท่านั้น ส่วนงานอย่างอื่นก็มีจื่อเหิงและพ่อแม่คอยเป็นหูเป็นตาให้ทางด้านบ้านโจว พ่แโจวกับสือซานก็ยังรับหน้าที่ออกเรือหาอาหารทะเลเช่นเดิม ถึงจะมีเรือหลายลำที่นำของมาขายให้โรงงาน แต่พ่อโจวก็มันจะเดินเรืออ

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   น่ารักน่าชัง

    แสงจันทร์สีนวลสาดส่องเข้ามาในห้องนอนของเสี่ยวหนานและสือซาน ส่องกระทบผ้าม่านบางเบาที่พลิ้วไหวตามแรงลม เสี่ยวหนานนั่งอยู่ริมหน้าต่าง พลางเหม่อมองออกไปยังดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้า ดวงตาของเธอฉายแววครุ่นคิด ความสำเร็จทางธุรกิจในวันนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกสุขใจได้อย่างเต็มที่ ในใจของเธอเต็มไปด้วยคำถามและข้อสงสัยเกี่ยวกับชะตาชีวิตของตัวเอง"นี่ฉันแย่งชะตาชีวิตคนอื่นมารึเปล่า?" เสี่ยวหนานพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เสียงของเธอแทบจะกลืนหายไปในความเงียบของราตรีเธอหวนคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด เธอจำได้ว่าเดิมทีเธอเป็นเพียงผู้อ่านนิยายที่ยังอ่านไม่จบเรื่องหนึ่ง แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกดึงเข้ามาอยู่ในโลกของนิยายเรื่องนี้ และสวมรอยเป็นตัวละครที่มีชื่อว่า ซูเสี่ยวหนาน ซึ่งตามบทบาทเดิมแล้วเป็นเพียงตัวละครรองที่จะถูกสลัดทิ้งหลังจากที่ตัวร้ายอย่าง หานเจา ได้สมหวัง และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางเอกของเรื่องคือ ไป๋ลี่เหยา คนที่จะต้องได้แต่งงานกับ โจวสือซาน พระเอกของเรื่องและเป็นสามีของเธอในตอนนี้เสี่ยวหนานถอนหายใจยาว ในฉบับนิยายเดิม ซูเสี่ยวหนาน ตัวจริงจะต้องฆ่าตัวตายเพราะทนรับความจริงไม่ได้ ครอบครัวข

  • ซูเสี่ยวหนานสะใภ้ไต้ก๋ง ยุค80   ทำร้ายคนโสด

    ที่โรงพยาบาล ทันทีที่รถของสือซานจอดสนิทที่ทางเข้าห้องฉุกเฉิน บุรุษพยาบาลก็รีบเอารถเข็นมารับร่างของคนป่วย แล้วพาเสี่ยวหนานเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างรวดเร็ว ทีมแพทย์และพยาบาลเข้ามารับช่วงต่อทันที พวกเขาพยุงร่างของเสี่ยวหนานขึ้นนอนบนเตียงเข็น และพาเธอเข้าไปในห้องตรวจ หลังจากเก็บรถเสร็จสือซานก็รีบมายืนรออยู่หน้าห้องอย่างกระวนกระวายใจ หัวใจของเขาบีบรัดแน่นด้วยความกลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นเสี่ยวหนานไม่นานนัก แพทย์หญิงท่านหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องตรวจด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน สือซานรีบปรี่เข้าไปหาทันที ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล "คุณหมอครับ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ เสี่ยวหนานเป็นอะไรมากหรือเปล่า" น้ำเสียงของเขาสั่นเครือคุณหมอยิ้มให้สือซานอย่างใจเย็น "ไม่ต้องห่วงค่ะคุณโจว ภรรยาคุณแค่เหนื่อยล้ามากเกินไป พักผ่อนน้อยไปหน่อยค่ะ"สือซานถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เอ่ยอะไร คุณหมอก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้นเล็กน้อย "...""แต่ต่อจากนี้ไปคุณต้องระวังให้มากนะคะ ดูแลเธอให้ดี อย่าให้เธอทำงานหนักเด็ดขาดเลย เพราะยังมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องค่ะ"คำพูดของคุณหมอทำให้สือซานอ้าปากค้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status