LOGIN“มาอยู่ด้วยกัน ฉันจะปกป้องเธอเอง” ประโยคนี้ของอาอี้ ทำให้เจียงลี่มี่ยิ้มทั้งน้ำตา มีเพียงอาอี้เท่านั้นที่ดีกับเธอมาตลอด
“ขอบคุณนะอาอี้ที่ดูแลฉันมาตลอด”
“แล้วเรื่องละครที่เธอตอบตกลงไปล่ะ ทำไมถึงตกลงง่ายแบบนี้ เพราะผู้กำกับเฉิงเหรอ” อาอี้ยังคงคาใจ
“ไม่ใช่หรอก ต่อให้เป็นผู้กำกับคนอื่น ฉันก็ตอบตกลงอยู่ดี” เจียงลี่มี่หัวเราะ อาอี้คิดว่าเธอแอบชอบผู้กำกับเฉิง เพราะละครหลายเรื่องของผู้กำกับคนนี้ เธอจะรับเล่นตลอด แต่เหตุผลแท้จริงคือผู้กำกับเฉิงเป็นคนแรกที่ชวนเธอมาแสดงละครและให้บทนางเอกกับเธอ ตอนนั้นเขาเจอเธอที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมถนน ตอนที่เธอทำงานล้างจานอยู่ เจียงลี่มี่จึงถือว่าผู้กำกับเฉิงมีบุญคุณกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นเพราะอะไร” อาอี้ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี
“เพราะละครเรื่องนี้ มาจากนิยายที่ฉันชอบ”
“นิยายที่ชอบเหรอ เรื่องอะไรล่ะ” อาอี้รู้สึกแปลกใจ เหตุผลแค่นี้หรือ มันดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
“เรื่อง ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’ ฉันชอบมาก อ่านแล้วสนุกดี เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อน”
“อ๋อ ! เรื่องนี้นี่เอง ฉันไม่เคยอ่านหรอก” อาอี้นึกถึงนิยายที่เธอเห็นคนพูดถึงบ่อย ๆ แต่เธอไม่ใช่คนชอบอ่านนิยาย จึงมองข้ามไป
“ถ้าอยากให้ฉันเล่า อาอี้ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ” เจียงลี่มี่ยื่นข้อเสนอ ทำอาอี้รู้สึกหนักใจทันที
“อยากได้อะไรบอกมา เพราะฉันจะหักจากค่าตัวเธอ ฮ่าฮ่า”
“โถ่...ไม่ลงทุนเลย ฉันกำลังจะขอบ้านสักหลังเลย แบบนี้ก็เหมือนฉันซื้อเองนะสิ” อาอี้หัวเราะชอบใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ต่อให้เธอมาขออะไรจากฉัน เงินนั้นก็มาจากการทำงานของเธออยู่ดี เพราะเงินของฉันได้จากการดูแลเธอ ฮ่าฮ่าฮ่า เล่าเถอะ ฉันอยากรู้มันสนุกแค่ไหน ทำไมเธอถึงชอบมัน”
“เรื่องมีอยู่ว่า....”
อาอี้รอฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องแปลกใจเมื่อเจียงลี่มี่เงียบไปเสียเฉยๆ
“เป็นอะไรเนี่ย อยู่ดีๆ ก็เงียบ อย่าบอกนะว่าหลับ คนบ้าอะไรดื่มกาแฟวันละหลายแก้วยังหลับได้ ลี่มี่ นี่เธอได้ยินฉันไหม ยัยตัวแสบ!” อาอี้โวยวาย หวังให้อีกฝ่ายตอบรับ แต่ก็ยังเงียบ อาอี้เริ่มกังวล หรือเจียงลี่มี่จะหมดสติไปเพราะพักผ่อนน้อย
“เปล่า ฉันแค่แกล้งพี่เล่น ฮ่าฮ่าฮ่า” เจียงลี่มี่หัวเราะเสียงใส
“อย่าเล่นแบบนี้สิ ฉันเป็นห่วง” อาอี้ถอนหายใจ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
“เจ้าค่ะ ไม่เล่นแล้ว แต่เมื่อครู่ ทำไมเสียงพี่แหลมจัง บาดหูมาก” เจียงลี่มี่ถามขึ้น เธอรู้ว่าปกติแล้วเสียงของอาอี้ทุ้มต่ำ จนหลายคนคิดว่าเป็นเพศที่สาม ยิ่งแต่งหน้ายิ่งคล้ายมาก
“ก็ตกใจแค่นั้นเอง เร็วสิ อย่ามัวโอ้เอ้ ฉันรอเธอเล่าเรื่องจนจะแก่แล้วนะ” อาอี้บ่น เธอรอฟังอย่างใจจดจ่อ อยากรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน เจียงลี่มี่ถึงชอบนักหนา ขนาดตอบรับเล่นละครโดยไม่ปรึกษาเธอ
“เรื่องมีอยู่ว่า เจียงเหมยฮวา นางเอกนิยายเรื่องนี้ เกิดในจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เป็นคุณหนูรองของจวน แต่น่าเสียดายที่เกิดจากกัวซื่อที่เป็นเพียงอนุ ชีวิตของนางน่าสงสาร เกิดมาฐานะสูงส่งแต่ไม่ได้รับความเป็นธรรม พ่อรักแต่บุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกมากกว่า จนลืมนาง แต่นางก็ใช้ความดีและไหวพริบของตัวเองเอาตัวรอดได้ตลอด และสุดท้ายก็ได้ลงเลยกับเหวินอ๋อง ผู้เข้าชิงตำแหน่งรัชทายาท”
“เรื่องปกติมาก นางเอกลำบากก็เหมือนนิยายแทบทุกเรื่อง แล้วมันน่าสนใจตรงไหน พล็อตเน่าสุดๆ” อาอี้ออกปาก
“พี่ต้องลองอ่านเอง มันมีหลายฉากที่ฉันประทับใจ เช่น ฉากที่เหมยฮวาแสดงความรักความห่วงใยต่อพี่สาว ในช่วงที่พี่สาวของนางป่วยหนัก ช่างเป็นน้องที่แสนดี”
“พี่น้องกันก็ต้องรักกันไม่ใช่เหรอ...เอ่อ”
อาอี้พูดได้แค่นี้ก็เงียบไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าน้องชายของเจียงลี่มี่นั้นร้ายกาจแค่ไหน เขาเอาเปรียบพี่สาวมาตลอด เป็นปลิงที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยม
“อาอี้...ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วงความรู้สึกของฉันหรอก เรื่องน้องชายฉันทำใจได้แล้ว” เจียงลี่มี่เข้าใจดีว่าอาอี้ไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่ดี
“แล้วเรื่องนี้มีนางร้ายมั้ย” อาอี้ยังคงสงสัย ก็ถ้าไม่มีนางร้าย ใครจะรังแกนางเอกล่ะ หรือเป็นฮูหยินเอก
“มีสิ ถ้าไม่มีคงไม่สนุก” เจียงลี่มี่อมยิ้ม นึกถึงเรื่องราวในนิยายเรื่องโปรด แม้จะมีตัวร้ายมากมาย แต่นางเอกก็พลิกสถานการณ์ได้ตลอดด้วยไหวพริบปฏิภาณของนาง
“ฮูหยินเอกใช่ไหม เมียของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใครจะเอ็นดูลูกอนุได้ล่ะ เสี้ยนหนามชัด ๆ” อาอี้แสดงความเห็นอย่างออกรสชาติ
“ไม่ใช่ ฮูหยินเอกในเรื่องถึงจะปากร้ายแต่ใจดี และมีศักดิ์ศรีเพราะเป็นบุตรสาวแม่ทัพใหญ่เลยตั้งใจว่าจะไม่ลดตัวลงไปตบตีกับพวกเมียน้อย และนางก็ตายประมาณกลางเรื่องด้วย” เจียงลี่มี่นึกถึงฮูหยินเอกที่ปากคอเราะร้าย พูดจาไม่ไว้หน้าใคร แต่ใจดีมีเมตตา รักบุตรสาวของตัวเองมาก ทำทุกอย่างเพื่อบุตรสาวเพียงคนเดียว
“โห…หายากนะเนี่ยที่ฮูหยินเอกจะแสนดี ถ้าเป็นฉันนะ ผัวมีเมียเพิ่ม รับรองขาด” อาอี้ทำเสียงเข้ม
“ตัดขาดเหรอ” เธอสงสัย อาอี้เป็นคนใจเย็น ไม่เคยวุ่นวายกับใคร คงยอมตัดขาดกับสามีแทนการตบตีกับผู้หญิงที่เข้ามาแย่งสามี
คล้อยหลังหมอหลวงได้ครู่เดียว เสี่ยวจูก็เข้ามา นางยกมือขึ้นลูบคลำเจียงลี่มี่ทั้งตัว เดินวนรอบตัวไปมา จนแน่ใจว่าไม่มีสิ่งใดผิดปกติ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก“ข้าตกใจเสียงกรีดร้องเมื่อครู่ แต่ติดตรงที่ไม่ใช่เสียงคุณหนูใหญ่ ข้าจึงรออยู่ด้านนอก” เสี่ยวจูบอก“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เล่นสนุกนิดหน่อย” เสี่ยวจูมองหน้าคุณหนูของนางอย่างประหลาดใจ คุณหนูของนางรู้จักเล่นสนุกตั้งแต่เมื่อใด“เสี่ยวจู เจ้าออกไปก่อน” ฮูหยินเอกว่านลู่เหมยสั่ง“เจ้าค่ะ”“มี่เอ๋อร์ เจ้ามานั่งคุยกับแม่สักหน่อย” ว่านลู่เหมยบอกบุตรสาวที่ยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะที่เคยวางกาน้ำชาเจียงลี่มี่ค่อยๆ เดินไปนั่งที่ตั่งคนงามข้างคุณแม่ของเธอในนิยายแต่โดยดี นึกรู้ได้ว่าคุณแม่ต้องจับความผิดปกติได้ และเธอกำลังจะถูกซักฟอก“เจ้ามีอะไรจะบอกแม่หรือไม่”เจียงลี่มี่นิ่งอึ้ง กับคนอื่นเธอเสแสร้งแสดงละครได้ แต่กับว่านลู่เหมย เธอไม่คิดจะเสแสร้ง เพราะคุณแม่คนนี้รักเธอสุดหัวใจเห็นบุตรสาวนิ่งเงียบ ท่าทีคล้ายไม่ทราบว่าจะบอกกล่าวเช่นไร ว่านลู่เหมยต้องยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู“ถ้าเจ้านึกไม่ออกว่าควรเริ่มต้นที่เรื่องใด แม่ว่าเจ้าเริ่มที่เจ้าแสร้งทำเป็นเจ็บปวดเมื่อเหม
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเผลอบีบแรงไป เจ็บมากมั้ยเจ้าคะ ขอข้าดูสักหน่อย” เหมยฮวายื่นมือมาอีกครั้ง แต่เจียงลี่มี่เอามือไปแอบด้านหลัง น้ำตาคลอ สีหน้าเจ็บปวด“ไม่เป็นไร ข้าเกรงว่าร่างกายที่อ่อนแอของข้าจะทนไม่ไหว แค่แตะเบาๆ ข้าก็เจ็บมากแล้ว” เหมยฮวาชะงักไป มองเจียงลี่มี่อย่างอึ้งๆ ก่อนจะรีบเปลี่ยนสีหน้า“เช่นนั้นข้าจะระวัง ไม่แตะโดนตัวท่านเจ้าค่ะ ท่านจะได้ไม่เจ็บ” เจียงลี่มี่ลอบยิ้มเหมยฮวายื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย แต่ทันทีที่สัมผัส เจียงลี่มี่ก็ชักมือกลับพร้อมกับร้องด้วยความเจ็บปวด“โอ๊ย..เจ็บ ! มือของเจ้า ยิ่งเย็นข้ายิ่งรู้สึกเจ็บ”เหมยฮวาต้องตกใจ นางไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ไม่คิดว่าเพียงมือของนางที่เย็นเพราะอากาศ จะทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดได้เช่นนี้“ข้า...ข้า...ข้าจะทำเช่นไรดี ข้าไม่รู้แล้วเจ้าค่ะ”เจียงลี่มี่มองท่าทางของเหมยฮวาด้วยสายตาอ่อนโยน หากในใจต้องยิ้มเยาะ เธอกำลังวางแผนบางอย่าง“เจ้าอย่าเพิ่งโดนตัวข้าเลย ข้าเกรงว่าจะรู้สึกเจ็บ...โอ๊ย...” เสียงร้องโอดครวญของเจียงลี่มี่พลันดังขึ้นเหมยฮวาสะดุ้งตกใจ นางยังไม่ได้โดนตัวของอีกฝ่ายเลย เหตุใดจึงเจ็บได้ เกรงว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป อาจเกิดปัญหากับตัวน
เจียงลี่มี่ร้องไห้แทบขาดใจ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ สุดท้ายเธอก็ล้มเลิกความฝัน และเดินหน้าต่อด้วยการเป็นดารา แม้อาอี้จะคอยบอกให้เธอเปิดร้าน แต่สุดท้ายเธอก็ถูกแม่บงการชีวิตอยู่ดีทั้งชีวิตเธอทำเพื่อคนอื่นมาตลอด แต่สิ่งที่เธอได้รับคือความเจ็บปวด แม้แต่ตอนที่ใกล้จะตาย คนที่ทำร้ายเธอก็คือคนที่เธอรัก ภาพทรงจำหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ เป็นความทรงจำที่เธอไม่เคยลืม“อาหลงรักเจเจ้ที่สุดเลย” เสียงเด็กชายตัวน้อยเอ่ยด้วยความดีใจ มองของเล่นในมือตาเป็นประกาย“เจเจ้ก็รักอาหลงที่สุดเหมือนกัน” เธอกอดน้องชายด้วยความรักและเอ็นดู เธอตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อของเล่นที่น้องชายอยากได้ มอบให้เป็นของขวัญวันเกิด“อาหลงรักเจเจ้ที่สุด โตขึ้นอาหลงจะดูแลเจเจ้เอง จะหาเงินซื้อของเล่นให้เจเจ้บ้าง” เด็กสาวยิ้มกว้าง หอมแก้มน้องชายซ้ายขวา“ไม่เป็นไร เจเจ้ไม่อยากได้ แค่อาหลงมีความสุข เจเจ้ก็มีความสุขมากแล้ว” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้า“อาหลงจะเป็นเด็กดี ไม่ดื้อกับเจเจ้ จะไม่ทำให้เจเจ้เสียใจ”เจียงลี่มี่น้ำตาคลอเมื่อนึกถึงเรื่องในตอนนั้น ความทรงจำที่มีความสุข เพราะหลังจากนั้นไม่กี่ปี อาหลงก็ไม่สนใจเธออีกเลย มองเธอด้วยสายตาเ
“เหตุใดพี่ลี่มี่จึงคิดว่าเป็นข้า ข้าเป็นน้องสาวท่าน ไม่เคยคิดทำร้ายท่าน” เจียงลี่มี่กุมท้องด้วยความเจ็บปวด เธอรู้สึกราวกับถูกเข็มนับพันหมื่นเล่มทิ่มแทงภายในร่าง“เลิกแสดงละครได้แล้ว ! หากไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร ทันทีที่ข้าดื่มชาที่เจ้ามอบให้ ข้าก็เป็นเช่นนี้” เธอตวาดเสียงกร้าวก่อนจะพ่นโลหิตออกมา ยิ่งเธอโมโห พิษยิ่งทำร้ายเธอมากกว่าเดิมเหมยฮวามองภาพตรงหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมาในที่สุด“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คิดว่าพี่ลี่มี่จะรู้ตัวเร็วเช่นนี้ ใช่ ข้าเอง”เหมยฮวาเชยคางเธอขึ้นมา สบตาอย่างท้าทาย เจียงลี่มี่สะบัดหน้าหนีจากมือนั้น“ข้าดีกับเจ้า ไม่เคยทำร้ายเจ้า เพราะเหตุใด”เหมยฮวาลูบผมของเจียงลี่มี่ มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหิตของเจียงลี่มี่อย่างมีความสุข“เจ้าดีกับข้า แล้วข้าต้องดีกับเจ้า? โง่เง่า ! ชีวิตนี้ข้าไม่มีทางดีกับเจ้า ข้าเป็นบุตรที่เกิดจากอนุ จะไปเทียบชั้นเจ้าได้อย่างไร ทุกสิ่งล้วนถูกเจ้าแย่งชิง แม้แต่บุรุษที่ข้าชมชอบก็ถูกเจ้าแย่งไป หากข้าไม่กำจัดเจ้า ข้าไม่มีวันมีความสุข”ใบหน้าสวยประดับด้วยรอยยิ้มเยียบเย็น เจียงลี่มี่มองอย่างชิงชัง เธอแค้นใจยิ่งนักเมื่อเห็นรอยยิ้มของเหมยฮวา สตรีที่เธอคิดว่
"คุณหนูใหญ่...นี่ข้าเอง เสี่ยวจูไงเจ้าคะ ท่านเป็นอะไรไป หรือ...หรือข้าทำให้ท่านเจ็บตรงไหน ให้ข้าช่วย...หะ..ให้ข้าไปตามคนมาช่วยนะเจ้าคะ"เสี่ยวจูมีท่าทางหวาดกลัว นางกำลังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น อยู่ ๆ คุณหนูใหญ่ก็บ่นว่ารู้สึกอ่อนล้า หายใจไม่ออก จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน แล้วไม่ฟื้นอีกเลย ไม่ว่านางจะพยายามปลุกอย่างไร จึงตัดสินใจจะไปตามคนมาช่วย แต่คุณหนูใหญ่ก็ขยับตัวเสียก่อน"เธอเป็นใคร แล้วทำไมฉันมาอยู่ที่นี่"เจียงลี่มี่ถามด้วยความสงสัย รอบตัวของเธอตอนนี้มีแต่สิ่งที่เธอไม่คุ้นเคย"ที่นี่คือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจ้าค่ะ ข้าคือเสี่ยวจู ข้าเป็นสาวใช้ของคุณหนูอย่างไรเจ้าคะ...”เจียงลี่มี่ตกตะลึง อะไรคือจวนเสนาบดีฝ่ายซ้าย เสี่ยวจูตรงหน้านี่คือใคร“...หรืออาการของคุณหนูกำเริบ จึงสูญเสียความทรงจำ ข้า...ข้า..ข้าจะไปตามนายท่านกับฮูหยินเอกมา..คะ..คุณ..คุณหนูรอข้าก่อนนะเจ้าคะ"เด็กน้อยเสี่ยวจูกำลังจะวิ่งออกไป แต่เธอมือไวคว้าไว้ได้เสียก่อน แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าเธอสวมใส่เสื้อผ้าแบบโบราณ"อย่า..อย่าเพิ่งไป เอากระจกให้ฉัน" เจียงลี่มี่กระสับกระส่าย หวาดกลัว เสี่ยวจูยื่นกระจกให้ เธอรีบคว้ามา แล้วส่องดูหน้
“ไม่ใช่…แต่จะตัดทั้งพวงให้ขาด แล้วเอาไปทำกับข้าวให้นังเมียน้อยกิน อยากได้นักก็จะยกให้เลย ยิ่งรักกันปานจะกลืนกินยิ่งดี จะได้สมปรารถนาทั้งกิน ทั้งกลืน ฮ่าฮ่าฮ่า”เจียงลี่มี่อึ้ง ไม่คิดว่าคนใจเย็นอย่างอาอี้จะพูดแบบนี้ น่ากลัวกว่าที่คิด“อาอี้ทำฉันอึ้งนะเนี่ย แอบร้ายด้วย อีกอย่างนะเรื่องนี้มีบางอย่างพิเศษสำหรับฉันด้วย”“อะไร?” อาอี้สงสัย“พี่สาวของนางเอกเรื่องนี้นะสิ ชื่อเดียวกับฉันเลย เจียงลี่มี่ ชีวิตเธอก็อาภัพไม่ต่างกับฉันเลย”“โห..บังเอิญจริง ๆ แล้วเจียงลี่มี่ในเรื่องเด่นมากไหม เป็นถึงพี่สาวนางเอก บทต้องไม่น้อยแน่ ๆ”“เยอะมาก เด่นมากเลยล่ะ” เจียงลี่มี่พูดไปขำไปกับน้ำเสียงของอาอี้ที่เหมือนจะตื่นเต้นราวกับเป็นชื่อของตัวเอง“มีกี่บทที่พูดถึง หรือมีบทตลอดทั้งเรื่อง”“มีตั้งสามบรรทัด เยอะมากเลยใช่มั้ยล่ะ” เจียงลี่มี่อยากรู้ว่าอาอี้จะพูดอะไร เพราะที่เธออ่านนั้น บทเจียงลี่มี่ในนิยายมีแค่สามบรรทัด เรียกว่าเปิดตัวมาก็ตายเลย“หาาาาา! สามบรรทัด จะบ้าเรอะ นี่มันน้อยยิ่งกว่าบทนำเสียอีก คงไม่ใช่ว่าเปิดตัวมาปุ๊บก็ตายปั๊บอะไรแบบนี้นะ”อาอี้ค่อนขอด คนเขียนใจร้ายจริง ๆ เขียนมาได้ไงยะ สามบรรทัด น้อยเกิน







