หลี่อวี้จิงเพิ่งกินอาหารเสร็จและกำลังจะเอนตัวพักผ่อนหลังจากวันที่เหน็ดเหนื่อย
แต่ก่อนที่นางจะได้พัก เสียงอึกทึกก็ดังขึ้นที่หน้าตำหนัก "บังอาจ! เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้กล้าทำตัวสูงส่งเช่นนี้!?" เสียงแหลมสูงเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวดังขึ้น ก่อนที่บ่าวไพร่จะรีบวิ่งเข้ามารายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "นายหญิง! คุณหนูซ่งมาหาเรื่องเจ้าค่ะ!" หลี่อวี้จิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย นางยังไม่ทันจะตอบอะไร เสียงฝีเท้าก็เร่งรุดเข้ามาด้านใน ร่างของหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดแพรไหมหรูหราสีแดงสดเดินเข้ามาอย่างองอาจ นางมีใบหน้างดงามแต่แฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง สายตาที่มองมาที่หลี่อวี้จิงเต็มไปด้วยความดูแคลน ซ่งเยว่หรง บุตรสาวของเสนาบดีฝ่ายขวา หญิงสาวที่เป็นที่หมายปองของเหล่าขุนนางและคุณชายชั้นสูง นางตกหลุมรักลู่เหรินเจ๋อมานานแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องเห็นเขาแต่งงานกับหลี่เหมยหยุน หญิงที่นางดูถูกว่าเป็นเพียงของไร้ค่า ซ่งเยว่หรงกวาดตามองหลี่อวี้จิงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม "เจ้าช่างไม่เจียมตัวจริง ๆ คิดว่าตัวเองเป็นนายหญิงของจวนแม่ทัพแล้วจะสามารถเทียบชั้นกับข้าได้อย่างนั้นหรือ?" หลี่อวี้จิงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มุมปากนางยกขึ้นเล็กน้อย "ข้าเองก็ไม่คิดจะเทียบกับเจ้า" "เจ้า!" ซ่งเยว่หรงกัดฟันแน่น ไม่คิดว่านางจะกล้าตอบกลับมาอย่างใจเย็นเช่นนี้ บ่าวไพร่รอบ ๆ พากันตัวสั่น นางนายหญิงเคยอ่อนแอและขี้ขลาดเมื่อใดกัน? ปกติแล้วหลี่เหมยหยุนไม่เคยกล้าสู้กับคุณหนูซ่งแม้แต่น้อย แต่วันนี้กลับดูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง "หรือว่าเจ้าอยากมาโวยวายเพราะหึงหวงที่ข้าได้แต่งงานกับแม่ทัพลู่?" หลี่อวี้จิงเอ่ยต่อ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน "เจ้าไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึงเขา!" ซ่งเยว่หรงโต้กลับเสียงดัง "แล้วเจ้าเล่า?" หลี่อวี้จิงหัวเราะเบา ๆ "ข้าเป็นภรรยาของเขาโดยชอบธรรม ส่วนเจ้าก็เป็นได้เพียงหญิงที่แอบรักข้างเดียว เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วต่อว่าข้า?" ซ่งเยว่หรงถึงกับหน้าแดงด้วยความโกรธ นางสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น "ดี! ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะอยู่ในจวนนี้ได้นานแค่ไหน" พูดจบ นางก็หมุนตัวเดินออกไปอย่างหยิ่งผยอง แต่ก่อนที่นางจะก้าวออกจากตำหนัก เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหลัง "อ้อ... หากเจ้ามีเวลามากพอจะมาหาเรื่องข้า ก็อย่าลืมไปหาเรื่องแม่ทัพของเจ้าด้วยล่ะ" ซ่งเยว่หรงชะงักกึก หันกลับมาขมวดคิ้ว "หมายความว่าอย่างไร?" หลี่อวี้จิงยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มจาง ๆ "เจ้าคิดว่าคนอย่างลู่เหรินเจ๋อจะยอมให้ใครมาจัดการเรื่องของเขาโดยไม่อนุญาตหรือ? หากเขาไม่เห็นชอบให้ข้าเป็นภรรยา เจ้าคิดว่าข้าจะยังนั่งอยู่ตรงนี้ได้หรือ?" ซ่งเยว่หรงกัดริมฝีปากแน่น นางกำมือสั่นเทาด้วยความโมโห นางรู้ดีว่าคำพูดของหลี่อวี้จิงนั้นไม่ผิด ลู่เหรินเจ๋อเป็นบุรุษที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด หากเขาไม่ต้องการใคร ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็ยังบังคับเขาไม่ได้ นางมองหญิงตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต "ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยหน้าลอยตาอยู่ในจวนนี้ได้ง่าย ๆ แน่!" พูดจบ ซ่งเยว่หรงก็สะบัดหน้าเดินออกไปอย่างขุ่นเคือง บ่าวไพร่ที่อยู่ในห้องเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร เสี่ยวถิงเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ นางมองนายหญิงของตนด้วยความทึ่ง "นายหญิง... ท่านไม่กลัวคุณหนูซ่งหรือเจ้าคะ?" หลี่อวี้จิงหัวเราะเบา ๆ "เหตุใดข้าต้องกลัว?" "แต่คุณหนูซ่งเป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดี นางมีอำนาจมาก" "ข้าไม่สนว่าใครจะมีอำนาจแค่ไหน" หลี่อวี้จิงวางถ้วยชาลง ดวงตาของนางฉายแววเฉียบคม "นางมาหาเรื่องข้า ก็ต้องเตรียมใจว่าจะถูกสวนกลับ" เสี่ยวถิงถึงกับอ้าปากค้าง นายหญิงของนางเปลี่ยนไปจริง ๆ และการเปลี่ยนแปลงนี้... คงทำให้ใครบางคนเริ่มสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ลู่เหรินเจ๋อยืนพิงเสาหินอยู่ไม่ไกลจากตำหนัก เขาได้ยินทุกถ้อยคำที่หญิงสาวทั้งสองโต้ตอบกัน แต่ใบหน้าของเขากลับไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ สายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน สะพานหินที่ทอดยาวไปสู่เรือนใหญ่ทอดเงาลงบนผืนน้ำในสระบัว เสียงเรไรดังระงมสร้างบรรยากาศที่ดูเงียบสงัด เขามองผ่านม่านหน้าต่าง เห็นร่างของหลี่อวี้จิงยังคงนั่งจิบชาอยู่ท่ามกลางบ่าวไพร่ที่ลอบมองนางด้วยความประหลาดใจ หญิงผู้นี้... เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลี่เหมยหยุนที่เขารู้จักเป็นสตรีโง่เขลา อารมณ์ร้ายและหยาบคาย แต่นางที่อยู่ตรงหน้าในเวลานี้กลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง “หึ...” ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเรียบเฉยดังเดิม เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่องครักษ์ประจำตัวจะโผล่มาคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว “นายท่าน บ่าวสืบข่าวได้แล้ว พ่อบ้านใหญ่ของจวนเสนาบดีซ่งเคลื่อนไหวผิดปกติ คาดว่าคุณหนูซ่งอาจวางแผนบางอย่างในเร็ว ๆ นี้” ลู่เหรินเจ๋อพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันสายตาไปมองตำหนักเล็กที่อยู่เบื้องหน้า ซ่งเยว่หรง... นางคงไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้จบง่าย ๆ และหลี่อวี้จิง... นางจะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ได้หรือไม่? ถึงแม้เขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง แต่ในฐานะที่นางอยู่ในจวนของเขา เขาจะไม่ยอมให้นางทำให้ชื่อเสียงของเขาต้องมัวหมอง “จับตาดูนางไว้” เขาเอ่ยเสียงเรียบ “หากมีอะไรผิดปกติ ให้มารายงานข้าทันที” องครักษ์รับคำก่อนจะล่าถอยออกไป ลู่เหรินเจ๋อยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปโดยไม่กล่าวอะไร เขาจะรอดูว่านางจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไร...สามวันผ่านไปหลังจากงานแต่งงานของลู่เหรินเจ๋อและหลี่เหมยหยุน ข่าวการแต่งงานของพวกเขาสร้างความฮือฮาไปทั่วแคว้น และในวันนี้ งานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ได้ถูกจัดขึ้น โดยมีเหล่าทูตจากแคว้นต่างๆ และคุณหนูจากตระกูลขุนนางมากมายมาร่วมงานบริเวณลานกว้างของวังหลวงถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าสีสดใส เสียงดนตรีขับกล่อมดังกังวานไปทั่ว ผู้คนมากมายต่างแต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหรา งานเลี้ยงนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองทั่วไป แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่เหล่าตระกูลชั้นสูงจะได้พบปะสานสัมพันธ์ในหมู่แขกที่มาร่วมงาน หลี่เหมยหยุนเองก็ได้รับเชิญให้เข้าร่วม นางอยู่ในชุดสีแดงเข้มปักลวดลายดอกโบตั๋น ตัวเสื้อบางเบาแต่สง่างามเข้ากับรูปร่างของนางได้อย่างพอดี ความงามของนางทำให้ผู้คนที่พบเห็นต่างพากันมองอย่างไม่อาจละสายตาลู่เหรินเจ๋อซึ่งอยู่ไม่ไกล มองดูนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภาคภูมิใจ แม้ในงานจะมีหญิงงามจากทั่วทุกแคว้นเข้าร่วม แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครงดงามไปกว่าหลี่เหมยหยุนอีกแล้ว“ท่านสามี งานเลี้ยงในวันนี้ดูยิ่งใหญ่มากทีเดียว” หลี่เหมยหยุนกล่าวพลางหันไปมองเขาลู่เหรินเจ๋อพยักหน้า “แน่นอน มันเป็นโอกาสสำค
แสงเช้าที่สาดส่องเข้ามาในตำหนักของพระเอก อากาศเย็นสบายในยามเช้าทำให้ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ภายในจวนของพระเอกกลับเต็มไปด้วยความเครียดและความตึงเครียดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เมื่อข่าวการสังหารตระกูลซ่งแพร่กระจายไปถึงตำหนักต่างๆ และจวนของชนชั้นสูงหลายๆ ตระกูล ทุกคนที่ได้รับข่าวต่างตกใจและหวาดกลัวไปตามๆ กัน ราวกับมีเงื้อมมือของความตายที่แผ่กระจายไปทั่วเมืองหลวง“ท่านอ๋อง...” ขันทีในชุดขาวเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับท่าทางที่ไม่มั่นใจ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพยายามไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดพลาด “ข่าวเรื่องตระกูลซ่ง...เริ่มแพร่กระจายไปถึงตระกูลอื่นๆ แล้วขอรับ หลายท่านเริ่มวิตกกังวลและสงสัยว่า...ท่านอ๋องจะลงโทษกับพวกเขาเช่นเดียวกันหรือไม่”พระเอกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ท่าทางราบเรียบและไม่แสดงอารมณ์มากนัก เมื่อได้ยินคำพูดของขันที เขาก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “ทุกคนในราชสำนักต้องรู้ไว้ ว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นจะต้องได้รับการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นใคร”ขันทีได้ยินดังนั้น ก็อดที่จะรู้สึกกลัวไม่ได้ แม้ว่าพระเอกจะไม่แสดงท่าทีรุนแรงอะไร แต่คำพูดนั้นก็แฝงไปด้วยความเด็ดขาดท
ซ่งจิ้นหมิงถูกนำตัวไปยังห้องสอบสวนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศอันตราย ภายในห้องนั้นมีทั้งพระเอกและข้าราชการที่พร้อมจะรับฟังคำสารภาพจากเขา ท่ามกลางความเงียบงัน ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จิ้นหมิงที่ถูกผูกมัดอยู่ในเก้าอี้พระเอกยืนอยู่ข้างโต๊ะยาว พร้อมกับสายตาที่ไม่ละสายตาจากผู้ต้องสงสัย "ท่านซ่ง ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมพี่ชายของข้า" เสียงของพระเอกดังขึ้นอย่างแน่วแน่ ท่ามกลางความเงียบซึ่งทำให้ความกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นซ่งจิ้นหมิงเริ่มเหงื่อไหลซึมจากหน้าผาก เขาพยายามดึงตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ แต่ในหัวของเขาเต็มไปด้วยคำถามและความหวาดกลัว เขาเคยคิดว่าคำสั่งที่ได้รับมาจะสามารถทำให้การตัดสินใจของเขาง่ายดาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจหลีกหนีได้"ท่านจะทำอย่างไรกับข้า?" ซ่งจิ้นหมิงถามเสียงเบาหวิว เขาเข้าใจแล้วว่าคำตอบจากพระเอกจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลพระเอกยืนนิ่งก่อนจะตอบกลับอย่างเย็นชา "ไม่ใช่ข้า ที่จะตัดสินชีวิตท่าน แต่ความจริงจะเป็นผู้ตัดสินเอง"การเงียบไปชั่วขณะ ซ่งจิ้นหมิงไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขาเริ่มกล่าวเสียงสั่น "ข้าไม่ได้ฆ
หลังจากเหตุการณ์การลอบสังหารที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร และการตรวจสอบที่ไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน พระเอกได้เริ่มดำเนินการหาข้อมูลและเชื่อมโยงเงื่อนงำจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตพระเอกยืนอยู่หน้าห้องทำงานส่วนตัวของเขา สีหน้าครุ่นคิดไปในหลายทิศทาง เขาหมายมั่นที่จะเอาความจริงออกมาให้ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยากเย็นและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่อาจทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับคนที่เขาไม่คิดว่าจะต้องเป็นศัตรู"ข้าไม่สามารถปล่อยให้คนที่ฆ่าพี่ชายข้าไปง่าย ๆ ได้" พระเอกพูดเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ในใจหลี่เหมยหยุนยืนอยู่ข้าง ๆ รับรู้ถึงความเจ็บปวดในใจของสามี เธอเข้าใจดีว่าเขาต้องการหาความจริง และเธอจะอยู่เคียงข้างเขาเพื่อช่วยสืบหาผู้กระทำ"ท่านสามี ข้าจะช่วยท่านเอง" หลี่เหมยหยุนกล่าวด้วยความมั่นใจพระเอกหันไปมองภรรยา แล้วยิ้มบาง ๆ "ข้ารู้ ข้าจะต้องใช้ความช่วยเหลือของเจ้ามากในการหาข้อมูลครั้งนี้"ทหารที่ได้รับคำสั่งจากพระเอกเริ่มดำเนินการสืบสวนไปในทุกทิศทาง ทั้งจากบันทึกในค่ายทหาร การสนทนาของเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ และการสืบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่พี่ชายของพระเอกเสียชีวิตแต่ก็ยั
พระเอกนั่งอยู่ในห้องมืดสนิทภายในตำหนักของตน ดวงตาของเขาจ้องไปที่เอกสารในมืออย่างตั้งใจ ข้อมูลทุกชิ้นที่เขาได้รับมาในช่วงที่ผ่านมาเริ่มบ่งชี้ทิศทางที่น่าสงสัย—เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการตายของพี่ชายของเขากำลังจะเปิดเผยเบื้องหลังที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน"ท่านอ๋อง..." เสียงของหลี่เหมยหยุนดังขึ้นข้างหลังเขา นางเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางนุ่มนวล และเห็นพระเอกที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความคิด นางเข้าไปยืนข้าง ๆ พระเอก แล้วจ้องไปที่เอกสารในมือ "ท่านพบอะไรหรือไม่?"พระเอกหันไปมองหลี่เหมยหยุน ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด "ข้าเพิ่งได้ข้อมูลที่สำคัญ..." เขาหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ "ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายข้าคือพี่ชายของคุณหนูซ่ง"หลี่เหมยหยุนเบิกตากว้าง "ท่านหมายความว่าอย่างไร? พี่ชายของคุณหนูซ่งเป็นคนฆ่าพี่ชายของท่าน?"พระเอกพยักหน้า "ใช่...จากข้อมูลที่ข้าได้รับ ข้าเชื่อว่าเขาคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ข้าค้นพบว่าพี่ชายของคุณหนูซ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการลับที่พี่ชายข้าพบเข้าโดยบังเอิญ และเมื่อพี่ชายข้าเริ่มสงสัยเขา เขาก็ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องนี้หลุดไปได้"หลี่เหมยหยุนขมวดคิ้ว "ทำไมพ
หลังจากที่หลี่เหมยหยุนและเด็กแฝดกลับไปยังตำหนักได้สำเร็จ ความตึงเครียดก็ยังคงอยู่ในอากาศ ในขณะที่พระเอกนั่งอยู่ข้างหลี่เหมยหยุนที่กำลังโอบเด็กทั้งสองในอ้อมกอด เขาสังเกตเห็นสีหน้าของภรรยาที่เต็มไปด้วยความเครียดและความกังวลใจ แม้ว่าเด็กทั้งสองจะปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ยังไม่จบลง"เราคงต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป" พระเอกกล่าวเสียงทุ้มหลี่เหมยหยุนพยักหน้าช้า ๆ ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องไปที่เด็กแฝดที่นั่งอยู่บนตักของเธอ ทั้งสองคนยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยเท่าที่ควร "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่ยอมให้เด็กทั้งสองต้องเผชิญกับอันตรายอีกเด็ดขาด"ในช่วงเวลานั้นเอง ขันทีที่เฝ้าประตูเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน "ท่านอ๋อง เจ้าค่ะ มีข่าวจากตระกูลซ่ง ว่าคนลักพาตัวที่ถูกจับไปเมื่อคืนนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนในตระกูลซ่ง"คำพูดนี้ทำให้หลี่เหมยหยุนถึงกับเงียบไป หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างหนัก "หมายความว่าอย่างไร?" เธอถามออกไปขันทีกราบ "มีข่าวลือว่าคุณหนูซ่งได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจในตระกูลซ่ง ให้ทำแผนนี้เพื่อแย่งชิงเด็กแฝดไป แต่แผนกลับล้มเหลวเสียก่อน"หลี่เหมยหยุนรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่แปลกใจ