Masukสามีเฝ้าเติมเต็มเรือนกายรุ่มร้อนให้นางได้สุขสมใต้พันธนาการปีศาจ ไม่รู้กี่หนกี่ครา ไม่รู้เมื่อไรเขาจะหยุดหย่อนกับการทำให้นางส่งเสียงกรีดร้องขอให้เขาอ่อนโยนต่อนาง เมื่อผลักโยนนางขึ้นชิมชมอารมณ์สวาท หวั่นไหวในสัมผัสรักใคร่ บั้นท้ายขาวกระแทกลงบนหน้าขา ทั้งบนโต๊ะ บนพื้นเป็นเงามัน ผลักนางแนบตู้หนังสือจนแผ่นหลังเย็นแนบสนิทไม้สักแดง สองขาลอยโหวงในการควบคุมคอยบุรุษผู้คึกคะนอง
ไป๋เหม่ยหลานเคยได้ยินเรื่องเล่ากล่าวขานว่าปีศาจแห่งราคะสานสัมพันธ์กับหญิงสาวบนโลกมนุษย์จนนางเหน็ดเหนื่อยและสิ้นใจไปในที่สุด เห็นว่านางจะได้พบพานประสบการณ์นั้นด้วยตนเอง นางไม่สามารถนับครั้งได้ คงรู้เพียงตะวันขึ้นแล้วเขาจึงหยุดให้นางล้มตัวลงนอน เมื่อนางกินข้าวอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาชิมชมเรือนร่างหอมหวานของนางอีก
อาจารย์ยินเฟิงในร่างปีศาจเปรียบเสมือนไฟกัลป์อันรุ่มร้อน ไร้ที่สิ้นสุด เขานำพานางกลับห้องนอนด้วยการกลายร่างเป็นงูเผือกตัวเล็ก ๆ เฉกเช่นนาง มิได้ล่วงรู้ว่าตนได้กลายเป็นภรรยาอสรพิษไปตั้งแต่เมื่อไร
ไป๋เหม่ยหลานมิได้มีร่างสีขาวสะอาดเป็นงูเผือก เพียงปรากฏไอหยินรายล้อมรอบกายนาง
“ข้าเกลียดหน้าท่านนัก...” ปากอิ่มบริภาษว่าทั้งในลมหายใจหอบสั่น ความเป็นบุรุษก้าวร้าวโอฬารเพิ่งถอดถอนไป กระแสธารสีขาวขุ่นเจิ่งนองบริเวณง่ามขาสั่นเทา
ยินเฟิงรู้ว่าภรรยาโกรธเคืองเรื่องใด เขายังคงกอดนางแนบกาย เฝ้ามองใบหน้าแดงก่ำซุกซบบนท่อนแขนด้วยท่าทางเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
“ข้าไม่รู้เรื่องเจ้าฉางฟู่ไปทำอะไรมา ข้าเพียงสงสัยจึงถามเจ้าดูเรื่องระดูของเจ้า ข้าเคยได้ยินมา แต่ข้าไม่ได้คุ้นชินกับหญิงสาวบนโลกมนุษย์”
“ข้าคงพยายามเชื่อท่านเจ้าค่ะ”
“เชื่อแล้วไม่ควรกล่าวว่าเจ้าเกลียดสามี แลเห็นอยู่ว่าเจ้ามีความรักใคร่ในตัวข้าเป็นอย่างมาก”
“อ้อ... พยายามเชื่อ” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม “แปลว่าเจ้าไม่เชื่อ ข้าคงต้องทำให้เจ้าเชื่อ” พลันก้มหน้าลงคลอเคลียแก้มแดงซ่านของนาง ยกมือปัดป้องหนวดเครา ทิ่มตำจนเนื้อตัวจ้ำแดง นางส่งเสียงหัวเราะคิกคักห้ามปราม
“ข้าจะสิ้นใจตายคาอกท่านแล้วเจ้าค่ะ ขอให้ข้าได้พักผ่อนบ้างเถิด”
“ข้าพร่ำรักภรรยาทุกเช้าค่ำ แทบมิห่างหายไปจากเจ้าสักเค่อหนึ่ง การมีบุตรกับเจ้าควรเกิดขึ้นตั้งแต่เทวโลกแล้วศิษย์ไป๋ ตั้งแต่ค่ำคืนนั้นของเราสอง”
ยินเฟิงถือโอกาสบอกความจริง เมื่อภรรยานิ่งเงียบไป จากนั้นเขาก็หยอกล้อภรรยา ถูไถใบหน้าไปตามเรือนกายนุ่มหอม นางเนื้อตัวสั่นเทาหลังหัวเราะจนเหนื่อยอ่อน ต่อสู้กับหนวดเคราบุรุษทิ่มตำบนหัวไหล่มน สองขาสั่นเทาหลังผ่านพ้นสมรภูมิรักหนักหน่วง เรือนผมขำขลับยุ่งเหยิง แลดูน่าสงสารนัก กว่าสามีจะยอมปล่อยนาง ลอบยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่บนเนินอกนุ่ม
“ข้ารับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าโดยสมควร ข้าจะลงโทษศิษย์ของข้าในภายหลัง”
“ช่างเถิด ข้าไม่ถือสา อย่าทำโทษเขาเลยเจ้าค่ะ...”
“ไม่ได้ อย่างไรก็ต้องลงโทษ” ปลายเสียงขู่ฟ่อทว่านัยน์ตาสีชาดดูสุขสมใจยิ่งนัก ทั้งหญ้าหรือชาที่ให้ฉางฟู่ไปหามา เป็นเพียงยาบำรุงครรภ์ พูดด้วยน้ำเสียงกลัวหัวเราะ “ข้าจะให้ฉางฟู่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก”
“ข้าขอเลี้ยงลูกข้าเองเจ้าค่ะ ได้โปรด อย่าให้ปีศาจมารบกวนบุตรของข้าเลย”
จะให้เจ้าปีศาจสุนัขสามหัวมาเลี้ยงเด็กน่ะหรือ ฝันไปเถอะ!
ภรรยาอมแก้มกลมตุ่ยอย่างโกรธงอน เลื่อนสายตามองไปทางหน้าต่างเห็นปีศาจโผล่หน้าเข้ามา มือหนาหยาบจับกระชับผ้าห่มหนาขึ้นคลุมเรือนกายเปลือยเปล่าแน่น
ยินเฟิงขยับปลายนิ้ววาดยันต์ในอากาศ กางเวทคุ้มกันภัยไม่ให้ปีศาจเข้ามาในอาณาเขตหรือมองเห็นสิ่งในภายในจวนอ๋องแห่งนี้
นั่นเป็นเรื่องเหลือเชื่อของไป๋เหม่ยหลาน นางไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะใช้เวทได้ทั้งสองอย่าง ทั้งเวทเซียนและเวทปีศาจ นางก็ถูกสามีหลอกมาตลอดเลยน่ะสิ!
--------------
ธรรมดาบ่าวรับใช้ในเรือนผู้สูงศักดิ์ ไม่มีอุปนิสัยพูดเรื่องเจ้านายไปทั่ว ถึงมีการกล่าวถึงเจ้านายต่อญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา คงมิใช่ในทางร้าย โดยเฉพาะเฉียนฟานอ๋องไม่เคยลงโทษผู้ใด เขาเป็นผู้ครองแคว้นที่ไม่เก็บส่วยจนเกินงาม ไม่เอาเปรียบใคร ซ้ำยังใจดีมีเมตตาต่อผู้อื่น หากไม่ใช่เรื่องของภรรยาก็ไม่เห็นว่าเขาจะเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
ทว่าท่านโหวรู้เรื่องราวในจวนอ๋องได้อย่างไร ถ้ามิใช่ส่งคนมาสอดแนม อาจเป็นไปได้ว่าบิดาอาจมาถามหาเรื่องราวของบุตรสาวจากบ่าวรับใช้
ตอนพิเศษ : เศษใบชาในถ้วยกระเบื้องที่มีควันลอยฉุยสลายไปในเวหา อาภรณ์สีนิลสะบัด ยินเฟิงปัดมือเบา ๆ ร่ายเวทปีศาจอย่างระวัง หลังปัดชาใบเล็กไม่ให้ระคายคอภรรยา ขณะก้มหน้ามองนางชักชวนเขาสนทนาไปเรื่อยเปื่อยในฝั่งตรงกันข้าม ชาบนโต๊ะไม้ไม่พร่องไป นางไม่ดื่มมันเสียที“ไยเจ้าไม่รีบดื่มชาให้หมดถ้วยเสีย เย็นหน่อยก็จะไม่อร่อยแล้ว”“เจ้าค่ะ” นางยิ้มพลางยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปาก เหลือบตามองสามีที่ชะเง้อคอมองออกไปด้านนอกท้องนทีมืดสนิท บิดาสงสัยว่าบุตรชายของเขาออกไปเที่ยวเตร็ดเตร่ที่ไหน ไม่ทันสังเกตเห็นน้ำในถ้วยหายไป“เจ้าไม่ควรลืมดื่มชาเป็นอันขาด”“ข้าอาจลืมก็ได้”“ไม่ได้”ยินเฟิงได้คำตอบจากภรรยาในรอยยิ้มมีเลศนัย“ข้าจะลืมแน่...”หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าอธิบายเหตุผลของตน ไม่ใช่ว่าไม่อยากตามใจนาง ซึ่งไม่เป็นผล เมื่อได้พูดคุยเรื่องบุตรกันทีไร ยากจะหาข้อสรุป...ไป๋เหม่ยหลานมิได้เชื่อฟังสามี นางกำลังนึกถึงช่วงเวลาสำคัญ ร้อยกว่าปีที่ผ่านพ้นมา ความเจ็บปวดทรมานจากการคลอดบุตรเพียงครั้ง ไม่เทียมเท่าความสุขล้นในอกมารดาบุตรชายตัวน้อย ‘อี้เฉิน’ เป็นบุตรชายที่น่ารักใคร่ นางเฝ้ามองเจ้าตัวน้อยนอนหลับใหล ในร่างของทารกและเ
หลังผ่านพ้นงานวิวาห์ในภพภูมิปีศาจ ร่างอรชรในอาภรณ์สีชาดงดงามพลันหายไปพร้อมกลุ่มไอหยินไป๋เหม่ยหลานตั้งใจไปนำของวิเศษมาให้สามี เพื่อเป็นของขวัญวันแต่งงาน นางใส่ใจกับการเป็นปีศาจและปรมาจารย์ปีศาจ สามีของนักเป็นอย่างมากทว่าระหว่างทางมีปีศาจจิ้งจอกฝีมือเก่งฉกาจเข้ามาขวางทาง ยื้อแย่งก้อนหินน่าอัศจรรย์ไป นางตบะไม่ถึงปีศาจตนนั้น ไม่ได้ของวิเศษจากถ้ำประหลาดที่ได้ยินมาว่ามันเพิ่มกำลังวังชา ทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืนนานไปอีกนับหมื่นปี นางกลับเมืองเหยียนมือเปล่า พร้อมความเศร้าหมองจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมาอย่างผู้อ่อนแอ ขณะปลายเท้าล่องลอยในเวหา หยุดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง“วันนี้ข้าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง ไปทำเรื่องสำคัญก็คว้าน้ำเหลว ข้าควรมีวันหยุดเสียบ้าง” เสียงหวานบ่นพึมพำ กรงเล็บสีนิลสะอาดกรีดกรายผ่านริมฝีปากสีชาด การผัดหน้างดงามของนางจึงกลายเป็นเรื่องง่ายดาย นางหันไปกล่าวกับสามีที่เหยียบยืนบนพสุธาตามหลังนางมาไม่นาน“ปีศาจควรมีวันหยุดพักผ่อน”“ปีศาจไม่มีวันหยุด”“แล้วจะต้องเหน็ดเหนื่อยไปตลอดกาลเลยหรือ? แค่เฉพาะการบำรุงบำเรอใจสามีอสรพิษในภพภูมิปีศาจ ร่างของข้าแทบป่นเป็นเถ้าธุลี”“นับตั้งแต่เราส
“ย่อมได้ เมื่อใดก็ได้ทั้งนั้น เราจะไปเยี่ยมบิดาของเจ้าด้วยกัน เราสาม...” รับปากแล้วมือหนาพลันปลดเปลื้องอาภรณ์ กองหล่นบนพื้นไม้เป็นเงามัน เลื่อนสายตามองไปทั่วทุกอณูกายขาวผ่องงาม หน้าท้องแบนราบปรากฏกลุ่มอายสีดำวนเวียนอยู่เหนือสะดือสวยยินเฟิงเข้าใจภรรยาว่าคงไม่คุ้นชินกับร่างกายซึ่งค่อย ๆ กลายเป็นอสรพิษร้าย ที่มีความอิจฉาริษยาเช่นปีศาจสตรี นางใจร้อน ไม่โอนอ่อนตาม นางกำลังตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวนไม่น้อยขณะมือเรียวลูบบ่ากว้างของบุรุษร่างกำยำ สตรีในอาภรณ์งดงามสีนิลปักทอด้วยลวดลายอสรพิษ เผยอริมฝีปากรับจูบอ่อนหวานของสามีจูบของนางกลับกลายเป็นเร่าร้อนเมื่อเขาเป็นฝ่ายริเริ่ม หลังมื้ออาหารในทุกเช้าค่ำ นางคืบคลานเข้าหา หากสามีไม่เป็นฝ่ายเปิดศึกสู้รับกับนางบนฟูกนอนยับเยิน พร่ำบอกคำรักด้วยการสานราคะ จนกว่าจันทราสีชาดจะลับคล้อยไปในความมืดของเมืองเหยียนในภพภูมิปีศาจ ซึ่งไม่เคยพบแสงตะวันเมื่อสะโพกกลมกลึงยกขึ้น บุรุษร่างกำยำถูกผลักติดกับหัวเตียงไม้สนแดง นางใช้พลังเวททั้งหมดบังคับให้เขาอยู่ใต้อาณัติ ลวดลายที่สลักอย่างงดงามเหล่านั้นกลายเป็นอสรพิษที่มีชีวิต เลื้อยไหลผ่านฟูกนอนและสองเรือนร่างที่สอดประสาน
“ท่านจะไม่สูญเสียข้าไป ส่วนข้าก็ไม่จำเป็นต้องเฝ้าติดตามท่าน ข้ามีความคิดว่า...” สองมือเรียวผลักอกสามีให้ออกห่างนาง นัยน์ตาสีชาดเบิดกว้างทอประกายชิงชัง “ทำลายใบหน้าหล่อเหลาของท่านเสีย น่าจะสิ้นเรื่องกระมัง”ไม่พูดเปล่า กรงเล็บสีนิลผงาดกางขึ้น ขณะดวงตาคู่สวยสีชาดสั่นไหวลังเล แม้ใจนางปรารถนาจะกรีดใบหน้าหล่อเหลาให้เสียโฉมนัก ด้วยความโง่เง่าของนาง ยังคิดว่าสมควรตัดเจ้ามังกรร้ายทิ้งไปให้หมดทั้งยวง เพราะคงมิใช่เพียงใบหน้าคมคาย บุรุษผู้นี้สามารถสรรค์สร้างความสำราญใจให้สตรีสามีเพียงจับข้อมือเล็ก ๆ ของนางไว้ จูบกรงเล็กและเขี้ยวขาวคมตรงมุมปากสีชาด“เก็บเขี้ยวเล็บของเจ้าไว้ขบกัดสามีจะดีกว่าไหมเล่า? ข้ายังมิได้ต้อนรับการกลับมาของเจ้าเลย ศิษย์ไป๋”แววตารุ่มร้อนทอประกาย จ้องมองแก้มแดงซ่านของภรรยา หลบเลี่ยงสายตาของเขาไปไป๋เหม่ยหลานอดกลั้นจิตใจ มองผ่านหน้าตาบานกว้างสลักลายอสรพิษและปีศาจ สุดสารพัดจะจินตนาการ ท้องนภาปรากฏดวงดาราทอแสงระยิบระยับ ไม่ต่างไปจากยามราตรีโลกมนุษย์ ทว่ากลางนภากว้างมีจันทราสีชาด ส่องสว่างงดงาม สะท้อนลงบนผืนน้ำสีนิลสะอาด------------บทสุดท้าย终章สามียินยอมพร้อมรับการจิกข่วนจากก
ในน้ำเสียงเศร้าหมองนั้น มือหนาเฝ้าลูบไล้ผิวกายนุ่มเนียน ละเอียดไปทั่วทุกอณู ซึ่งถูกหยุดอายุขัยไว้เพียงสิบเก้าปี ถึงแม้ว่าอารมณ์ราคะกำหนัดจะรุมเร้าอย่างหนัก เขาขยับอ้อมแขนกระชับกอดนางให้รู้สึกอุ่นปลายจมูกโด่งเป็นสันคมเฝ้าซุกไซ้หาความสำราญจากเรือนร่างนุ่มหอม ราวกับว่านางเป็นปั้นดิน แตกต่างที่นางยังคงเป็นนาง เป็นกลิ่นของนางยินเฟิงมีความเชื่อว่านางเพียงหลับใหลในนิทรา อันจะนำพาสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่พบเห็นว่านางพักผ่อนมากขึ้นเมื่อจำต้องต่อสู้กับพลังอาฆาตแค้นและราคะของปีศาจ นับตั้งแต่ปลูกถ่ายกระดูกเซียนให้นางบนโลกมนุษย์มาเจ็ดเดือนกว่า ครั้งสุดท้ายนั้นเป็นลูกแก้วอสรพิษนางควรลืมตาขึ้นในอีกไม่ช้า เขาจำต้องเฝ้ารอนางอย่างใจเย็น‘หากข้าเศร้าหมองใจ เจ้าคงเป็นทุกข์ไปด้วย เมื่อใดเจ้าลืมตาตื่น ก็ควรจะเป็นวันที่ดีของเจ้า ไป่ไป๋...’สตรีในอ้อมแขนเป็นผู้เดียวในทั่วทุกพรหมโลกที่ทำให้บุรุษร่างกำยำโศกศัลย์อาลัย เขาจ้องมองใบหน้างดงามนิ่งสงบเช่นเดิม มือหนาสะบัดไปมาในอากาศ ปรากฏผ้าผืนใหญ่สีนิลสนิท ห่มคลุมเรือนกายอรชรมิดชิด ร่างกายของนางเย็นเฉียบราวเหมันต์ ผ่อนลมหายใจเข้าออกแผ่วเบา“อื้อ...”
เมื่อมองอีกครั้งหนึ่งงูเหล่านั้นกลับกลายเป็นสีนิลสนิท ในห้วงฝันนางพบสตรีในอาภรณ์งดงามหัวเราะร่าเริง นางมีใบหน้างดงามอ่อนหวาน‘โอ้... ไป๋เหม่ยหลาน... ศิษย์ไป๋ของท่านเหลือเพียงโครงกระดูก’‘ท่านอาจารย์จะยอมลืมเลือนเรื่องราวระหว่างท่านและนางหรือ?’สตรีอสรพิษคลับคล้ายคลับคลาที่นางเคยพบจากโถดึงความทรงจำ แลเห็นอาจารย์ยินเฟิงในสภาพน่าอดสู ร่างกายผ่ายผอมเหลือเพียงหนังติดกระดูก ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น ทำร้ายหัวใจดวงน้อย ๆ ของนางนักนางได้ยินทั้งสองยื่นข้อเสนอต่อรอง ซึ่งสำหรับอาจารย์ยินเฟิงขอเพียงจดจำนางไว้ในห้วงความทรงจำ หากเป็นไปได้ก็จะออกตามหานางสุดท้ายแล้วนางก็ยังไม่เข้าใจ...ไยท่านอาจารย์ไม่ลืมนางไปเสีย เมื่อมีวาสนาต่อกันย่อมได้กลับมาพบกันอีกในภพหน้า เขากลับยอมกลายเป็นอสรพิษ เพื่อเก็บความทรงจำระหว่างอาจารย์-ศิษย์ เพื่อให้ได้กลับมาครองคู่นางอย่างสามีภรรยา...---------------ยินเฟิงคงไม่อยู่รอพบหมอหลวงจากราชสำนัก เพียงรอท่านโหวผู้มาเยี่ยมเยียนบุตรสาว ก่อนที่จะหันหลังกำมือแน่นแล้วเดินจากไปฉางผิงโหวรู้แก่ใจดีว่าวันนี้จะมาถึงในสักวัน ไม่สามารถรั้งบุตรสาวซึ่งไม่ใช่บุคคลบนโลกมนุษย์เอาไว้ได้ นาง







