“เข้าใจแล้ว.. พะ... เพ..”
ชิงชิงรับคำเสียงเบา นางรีบกลืนคำว่า - เพคะ - ลงคอ เพราะนางยังรู้สึกไม่ชินปากกับคำพูดที่ไม่ต้องเอ่ยคำศัพท์ชั้นสูง
“ชิงชิง เจ้าเก็บของมาเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้ว จะตรวจดูอีกรอบไหม เผื่อว่ามีอะไรขาดหาย”
ชิงชิงยื่นห่อผ้าให้หลินหลิน
หลินหลินรับห่อผ้ามาค้นดูเครื่องใช้จำเป็นมีแล้ว เสื้อผ้าบางส่วนครบแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอจึงเอ่ยถามว่า
“ป้ายหยกสัญลักษณ์ขององค์หญิงของข้าเจ้าไม่ได้หยิบมาด้วยรึ”
“ข้าคิดว่าออกมานอกวังคงไม่ได้ใช้ จึงไม่ได้หยิบมาด้วย”
ชิงชิงตอบ ใบหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ถึงไม่ได้ใช้ แต่ก็ควรเอามา หากทิ้งไว้แล้วมีคนคิดไม่ดีต่อข้า นำป้ายหยกสัญลักษณ์ขององค์หญิงไปกระทำเรื่องไม่ดีเข้าจะทำอย่างไร”
หลินหลินเอ่ยเสียงเครียด
“งั้นเดี๋ยวข้าจะกลับไปตำหนักหงส์ฟ้า ไปเอาป้ายหยกของเจ้ามาให้ เจ้าไปรอข้าที่เกวียนของพ่อค้าที่ประตูท้ายวังก่อน”
ชิงชิงเสนอขึ้น นางเป็นนางกำนัลเข้าออกในวังหลวงจะไม่เป็นที่สังเกต
“ตกลง”
หลินหลินพยักหน้า
“เมื่อเจ้าเข้าไปในเกวียนของพ่อค้าแล้วห้ามออกมา และห้ามส่งเสียงดังจนกว่าข้าจะกลับมา”
ชิงชิงบอกหลินหลินด้วยความเป็นห่วงเกรงว่าจะถูกจับได้
“ไม่ต้องห่วงข้าหรอก ตอนเด็ก ๆ ข้าเคยเล่นซ่อนแอบ รับรองไม่มีใครรู้ว่าข้าซ่อนอยู่ที่ไหน”
หลินหลินรีบบอก การลักลอบออกจากวังครั้งนี้ สำหรับนางแล้วก็เป็นเพียงการเล่นซ่อนหากับฮ่องเต้และเหล่าขุนนางน่าชังพวกนั้น ดูซิว่าใครจะจับนางไปแต่งงานได้ !
เมื่อได้ยินดังนั้น ชิงชิงจึงรีบสาวเท้ากลับไปยังตำหนักหงส์ฟ้า ส่วนหลินหลินก็เร้นกายเดินตามสาวใช้ แล้วเดินปะปนไปกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่มาจัดส่งสินค้าตามนัดหมายให้กับวังหลวงออกนอกประตูไป
หลินหลินเหลียวมองดูด้านหลังแล้วพบว่า ตนออกมาพ้นสายตาของทหารยามประตูท้ายวังแล้ว ดังนั้น นางจึงกวาดตามองหาขบวนเกวียนสินค้าของพ่อค้า
“แล้วคันไหน เป็นเกวียนของพ่อค้าที่นัดไว้นะ”
หลินหลินแอบเดินเข้าไปสำรวจตามเกวียนต่าง ๆ ที่จอดเรียงรายอยู่รอบกำแพงวังหลวง และเมื่อพบคันที่บรรทุกเสบียงอาหารเอาไว้เต็มลำ นางจึงกระโดดผลุบหายขึ้นไปในเกวียนหลังนั้นอย่างรวดเร็ว
“ต้องเป็นคันนี้แน่ ๆ ที่มารับสินค้าจากท้องพระคลังหลวงไปขายที่ชายแดน”
นางกวาดสายตามองอาหารแห้งภายในเกวียน จากนั้นก็จับพวกมันโยนไปคนละทิศละทาง เพื่อเลือกที่นั่งสบาย ๆ ให้กับตนเอง
........
“ท่านแม่ทัพ”ทันทีที่เห็นแม่ทัพอย่างจงกลับออกมาจากท้องพระโรงหลังจากที่ไปรายงานสถานการณ์แนวชายแดนแล้ว รองแม่ทัพเฉิงอี้ก็ประสานมือไว้ด้านหน้าแล้วโค้งคำนับแล้วเอ่ยชัดถ้อยชัดคำว่า
“เกวียนเสบียงและเกวียนสรรพาวุธพร้อมแล้ว”
“อืม ครั้งนี้ต้องเตรียมของพวกนี้ไปเยอะหน่อย เพราะข่าวการหมั้นหมายขององค์หญิงปิงหลินกับองค์ชายรัชทายาทอ้ายฉีไม่สู้ดีนัก เพราะฮ่องเต้ทรงยังไม่ตัดสินพระทัยให้คำตอบที่แน่ชัด เกรงว่าหากองค์ฮ่องเต้ทรงปฏิเสธการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี พวกเราอาจจะต้องทำสงครามใหญ่”
แม่ทัพอย่างจงสีหน้าเคร่งเครียด เขารักษาชายแดนมานานจึงรู้ว่าฝีมือการสู้รบของแคว้นอ้ายฉีนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าแคว้นฉู่เลย หากต่อสู้กันจริงกองทัพของเขาที่รักษาการเขตชายแดนที่ติดกับแคว้นอ้ายฉีต้องเตรียมรับมืออย่างหนักหน่วง
“หวังว่าฮ่องเต้จะไม่ทรงตามใจองค์หญิงมากเกินไป ให้เห็นแก่ไพร่ประชาชน อย่าให้มีสงครามเกิดขึ้นเลย”
เฉิงอี้เอ่ยเบา ๆ
“เรื่องนั้น พวกเราไม่อาจคาดเดาใจของฮ่องเต้ได้ พวกเราเป็นทหารก็รักษาชายแดน ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มที่เถอะ”
แม่ทัพอย่างจงตบบ่ารองแม่ทัพคู่ใจแล้วเดินนำไปยังประตูหลังท้ายวัง จากนั้นก็ตวัดร่างขึ้นอาชาอย่างว่องไว ควบนำขบวนกลับสู่ค่ายทหาร
ชิงชิงเมื่อได้ป้ายหยกสัญลักษณ์ขององค์หญิงแห่งแคว้นฉู่แล้วก็รีบวิ่งมายังประตูท้ายวัง เห็นขบวนเกวียนพ่อค้ากำลังจะเคลื่อนออกไปจึงรีบตะโกนว่า
“เดี๋ยวก่อนท่าน รอข้าก่อน”
“อ้าวแม่นางข้านึกว่าเจ้าจะไม่ไปกับพวกข้าแล้ว พวกข้ารอตั้งนานแล้วนะ”
พ่อค้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ขออภัย ข้าลืมของจึงวิ่งกลับเข้าไปเอา”
ชิงชิงกระชับห่อผ้าไว้แน่น มองซ้ายขาวอย่างหวาดระแวง อีกทั้งยังสอดส่ายสายตามองหาองค์หญิงของตน
“งั้นรีบขึ้นมาเถอะ หากขืนชักช้า ฟ้าจะมืดกลางป่า เดี๋ยวจะลำบากกันหมด”
พ่อค้าเร่งนาง
“ได้ ๆ”
ชิงชิงจึงก้าวขึ้นเกวียนไปกับพ่อค้าด้วยความรีบร้อน องค์หญิงคงจะหลบอยู่ในเกวียนลำไหนสักลำถึงที่พักแล้วนางจึงค่อยออกตามหาแล้วกัน เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญ คือ ออกจากวังหลวงให้เร็วที่สุด !
ณ ค่ายทหาร
ขบวนเกวียนลำเลียงเสบียงอาหาร และอาวุธของแม่ทัพอย่างจงเร่งเดินทางสู่ชายแดนโดยไม่พักอย่างเร่งรีบจนมาถึงค่ายทหารที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือติดกับแคว้นอ้ายฉี
ร่างสูงสง่าบนหลังอาชาทอดสายตามองกระโจมที่พักที่เรียงรายตามแนวเขา แสงสุดท้ายของวันนี้กำลังจะสิ้นสุดลงคบเพลิงทุกดวงจึงถูกจุดขึ้นก่อนที่ฟ้าจะมืดลง
แม่ทัพอย่างจงกระโดดลงจากม้าอย่างองอาจ นายทหารผู้ดูแลม้าวิ่งเข้ามารับเชือกจากมือผู้บังคับบัญชา แล้วจูงม้าศึกเข้าไปในโรงม้าอย่างรู้หน้าที่
“ทหารช่วยกันขนเสบียงและอาวุธเข้าไปเก็บให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยแยกย้ายพักผ่อน”
หยางจงตะโกนสั่งเหล่าทหาร จากนั้นเขาก็หมุนตัวกายหมายจะไปยังกระโจมที่พักของตน แต่แล้วฝีเท้าของเขาก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้น
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
หยางจงหันกลับไปมองเบื้องหลัง เหล่าทหารคล้ายกับแตกตื่นกับขบวนเกวียนที่อยู่ด้านหลัง เขาจึงเร่งสาวเท้าเข้าไปดูด้วยตาของตนเองว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น
“ดังนั้น คนที่ถูกประหารตายไปเมื่อ 16 ปีก่อน จึงไม่ใช่พระสนมเสี่ยวเฉียนกุ้ยเฟย”ชางเฮ่าเอ่ยออกมา เพื่อทำความเข้าใจกับตนเอง“ใช่... แม้จะช่วยชีวิตสองแม่ลูกเอาไว้ได้ แต่ก็มิอาจให้อยู่ในวังหลวงได้ ข้าจึงส่งคนทั้งสองไปชายแดน เป็นตายไม่ทราบข่าว ข้าไม่กล้ายื่นมือออกไปช่วยเหลืออีก เพราะเกรงว่าราชสำนักจะรู้เรื่อง แล้วตามจับคนทั้งสองกลับมารับโทษ”น้ำเสียงในห้วงสุดท้ายแผ่วเบา ยิ่งรู้ว่าเสี่ยวเฉียนกุ้ยเฟยเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิดในใจ“ดังนั้น ตอนนี้ เมื่อคดีกระจ่างแจ้งแล้วว่า เสี่ยวเฉียนกุ้ยเฟยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารฮองเฮา พระองค์จึงอยากให้กระหม่อมตามคนกลับคืนสู่วัง”ชางเฮ่าสรุปรวบรัดให้ฮ่องเต้พยักหน้าช้า ๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า“หานางสองแม่ลูกให้พบ ต่อให้คนทั้งสองกลายเป็นกระดูกไปแล้ว ข้าก็อยากพบนางสักครั้ง”นับจากวันนั้น เขาก็สืบข่าวคราวของเสี่ยวเฉียนกุ้ยเฟยอย่างลับ ๆ ตามพระบัญชา แต่เพราะมีคดีทองเถื่อนแทรกเข้ามาเขาจึงต้องหยุดไป คาดไม่ถึงว่า วันนี้จะปรากฏร่องรอยของราชนิกุลในวัง !รอยสีแดงบนเนินหน้าอกนั้นเป็นรูปกรงเล็บมังกร ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของเชื้อพระวงศ์ ส
นางอาศัยจังหวะนั้นคิดจะวิ่งหนีออกจากห้อง แต่กลับถูกมันคว้าอาภรณ์ที่ยาวรุ่มร่ามของนางเอาไว้แล้วกระชากดึงร่างนางกลับมากดลงกับเตียงแค่ก !เสื้อด้านนอกของนางถูกดึงจนฉีกขาด เหลือเพียงเอี๊ยมด้านใน เสี่ยวเยี่ยนเบิกตากว้าง ปากร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก“ชางเฮ่าช่วยด้วย ! ช่วยข้าด้วย !”“ฮ่า ๆ ตะโกนเรียกใครหรือคนงาม ห้องนี้อยู่ห่างไกลนัก ใครจะมาช่วยเจ้าได้ทัน ฮ่า ๆ”ซูม่อแสยะยิ้มอย่างหื่นกระหาย ทำเอาเสี่ยวเยี่ยนขนลุกสู่อย่างขยะแขยง แล้วตะโกนลั่น“ชางเฮ่าช่วยข้าด้วย !”นางพยายามจะผลักร่างทั้งอ้วนทั้งใหญ่ออก แต่ร่างซูม่อกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย นางเพิ่งจะตระหนักว่าร่างกายของสตรีอ่อนแอกว่าบุรุษมากเพียงไรยิ่งดิ้นก็เหมือนกับเรี่ยวแรงหมดไปทุกขณะ ใบหน้าหื่นกระหายน่ารังเกียจของซูม่อก้มลงมาซุกไซร้ไปตามลำคอ และใบหน้านางเสี่ยวเยี่ยนหลับหูหลับตากรีดร้องออกมาด้วยความสิ้นหวัง น้ำตาไหลพรากฉับพลันนั้นเงาสีดำสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาซัดฝ่ามือเข้าใส่ซูม่อเต็มแรง จนหงายหลังล้มลงไปกับพื้นตุบ !“อ๊าก”ซูม่อร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ฝ่ามือนั้นทำเอาเขากระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง ความร้ายกาจของฝ่ามือทำให้เขาบอบช้ำไปทั้งร่างไ
เสี่ยวเยี่ยนผวากอดตัวเขาไว้แน่น เพราะกลัวจะตกลงไป ใบหน้านางซบอยู่กับแผงอกแกร่ง ท่อนแขนแข็งแรงของเขากอดรัดนางไว้ ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากเรือนกายของเขาทำให้นางรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยอย่างประหลาดจนกระทั่งมาถึงที่หอเฟิ่งหยวน ทั้งคู่แอบอยู่ที่มุมด้านหน้าห้องลูกค้าพิเศษที่มีนามว่าซูม่อ เขาเป็นพ่อค้าทองหน้าใหม่ที่จู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติชางเฮ่าสงสัยคนผู้นี้มานานแล้ว แต่เข้าถึงตัวไม่ได้สักที ดังนั้น วันนี้เขาจึงวางแผนจะใช้วิธีสาวงามล้วงความลับพวกเขารอไม่นานนัก นางคณิกานางหนึ่งก็เดิมมาพร้อมพิณในมือ ก่อนที่นางจะเคาะประตู ชางเฮ่าก็สับมือลงที่ท้ายทอยของนางจนสลบไปเขารีบรวบร่างที่สลบไสล และรับพิณไว้ไม่ให้ร่วงหล่น เสี่ยวเยี่ยนก็รีบเข้าไปช่วยเขาลากสาวงามผู้นั้นไปซ่อนไว้ที่มุมทางเดินโชคดีที่ซูม่อผู้นี้เลือกห้องพิเศษซึ่งห่างไกลจากส่วนหน้า มีความเป็นส่วนตัวมาก จึงไม่ค่อยมีใครเดินผ่านมาแถวนี้“จำเอาไว้.... หลอกถามข้อมูลการค้าทองเถื่อนให้ได้เยอะที่สุด”ชางเฮ่ายัดพิณใส่มือของเสี่ยวเยี่ยน“เข้าใจแล้ว”นางพยักหน้ารับ แล้วกอดพิณหมายจะเดินเข้าไปในห้อง แต่อีกฝ่ายกลับแตะลงที่ไหล่ นางจึงหันกลับมาสบ
“ใช่เรื่องของเรา....”ชางเฮ่าย้ำ ดวงตาแวววับอย่างเจ้าเล่ห์คล้ายกับมีแผนการอะไรบางอย่าง ทำเอาคนฟังขนลุกซู่ขึ้นทั่วทั้งกาย นางจึงรีบส่ายศีรษะแล้วพูดว่า“ไม่มี๊ !” นางปฏิเสธเสียงสูง “ระหว่างเราสองคนไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีกแล้ว”“มีสิ.....” เขาเอ่ยเสียงเนิบนาบ โน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้นาง “ทำไมจะไม่มีล่ะ ผู้ที่ลักลอบเล่นการพนันในบ่อนเถื่อนจะต้องถูกจับเข้าคุก”“ข้าไม่ได้เล่นสักหน่อย ท่านอย่ามาปรักปรำข้านะ !”เสี่ยวเยี่ยนปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่เมื่อวานถูกเขาเห็นไพ่เต็มสองตา แต่วันนี้นางเอาหลักฐานไปซ่อนแล้ว เรื่องอะไรจะยอมรับให้ตนเองถูกจับเล่า“เอาเถอะ... ที่ผ่านมาข้าจะไม่ถือสา แต่เจ้าอย่าเข้าไปเล่นอีกเป็นอันขาด” ชางเฮ่าเอ่ยเสียงกดต่ำ อย่างน่ากลัว เสี่ยวเยี่ยนรีบกลืนน้ำลายลงคอแล้วตอบรับ“ได้ ๆ ไม่เล่นแล้ว... ไม่เล่นแล้ว”ตอนนี้นางตอบรับเอาตัวรอดไปก่อน วันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ “ในเมื่อเจ้าหาเงินจากการพนันไม่ได้แล้ว เจ้าก็มาเป็นสายลับให้ข้าเถอะ”ชางเฮ่าชักชวนนาง เมื่อคืนเขาใคร่ครวญมาทั้งคืนแล้ว ในหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีสายลับของศัตรู เขาไว้ใจคนในหน่วยงานไม่ได้ ดังนั้น จำเป็นจะต้องหา
ชางเฮ่าเดินเข้ามาภายในเรือนรับรอง ก็เห็นสตรีในชุดชาววัง อาภรณ์สีม่วงปัดลวดลายหงส์ เกล้าผมสูงประดับด้วยปิ่นไข่มุกห้อยระย้าลงมา“คารวะองค์หญิงจิ้งหนิง"เขาประสานมือทำความเคารพตามธรรมเนียม ใบหน้าเรียบเฉยองค์หญิงจิ้งหนิงเห็นท่าทีห่างเหินเช่นนั้น รอยยิ้มก็พลันหดหายลงกึ่งหนึ่ง“ท่านพี่ไยต้องมากพิธีเช่นนี้ ทำราวกับว่าเราสองคนมิเคยรู้จักกันมาก่อน”องค์หญิงจิ้งหนิงวางท่าทีอย่างสนิทสนม แต่อีกฝ่ายกลับยังคงเย็นชาห่างเหินเช่นเดิม“พระองค์ทรงมีธุระอะไรกับกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ”พอเอ่ยปาก เขาก็ถามเรื่องสำคัญทันที ทำเอาหัวใจของนางเจ็บแปลบขึ้นมา องค์หญิงจิ้งหนิงรีบกลืนความเสียใจลงท้อง ปั้นสีหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยเสียงหวานว่า“ข้าทราบข่าวว่าท่านถูกลอบทำร้ายบาดเจ็บสาหัส จึงร้อนใจมาเยี่ยม อาการท่านเป็นอย่างไรบ้าง”“ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง หม่อมฉันไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแค่บาดเจ็บภายนอกเท่านั้น”“สวรรค์คุ้มครองคนดีเช่นท่าน....”จากนั้น องค์หญิงจิ้งก็หันไปพยักหน้าให้ข้ารับใช้ทยอยขนเครื่องบำรุงร่างกายมาวางไว้บนโต๊ะ“สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ข้าจึงให้คนนำโสมพันปีมาให้ท่าน แล้วยังมียาบำรุงธาตุทั้งห้าที่กลั่นโดยหมอหวง
เขารู้จักตอบแทนบุญคุณ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบเช่นกัน“เกินไปไหนอะไร หรือชีวิตท่านมีค่าน้อยกว่าหมื่นห้าพันตำลึงทอง รู้งี้ปล่อยให้ท่านนอนตายอยู่ในตรอกนั่นเสียก็ดีหรอก”เสี่ยวเยี่ยนเท้าสะเอว ชูคอเถียงเขาอย่างไม่ลดละบุรุษหนุ่มยิ้มเย็น แล้วเอ่ยอย่างผู้เหนือกว่าว่า“งั้นเจ้าก็คงต้องหักค่าตอบแทนออกอีกหมื่นพันตำลึงทอง โทษฐานที่เจ้าเตะข้าจนสลบไปอีกรอบ แถมยังเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มเป็นเท่าตัว”คำพูดนั้นทำให้เสี่ยวเยี่ยนถึงกับตาโต อ้าปากค้าง – อย่าบอกนะว่า เขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานได้หมดแล้ว ! -ชางเฮ่าเห็นนางนิ่งไปเช่นนั้นก็ไม่รอช้าที่จะย้ำอีกว่า“ข้าไม่จับเจ้าส่งให้ทางการโทษฐานที่เล่นการพนัน ก็ถือว่าเมตตาเจ้าแล้ว”“ว่าไงนะ” เสี่ยวเยี่ยนอุทานเสียงหลง ตาโต เขารู้ได้อย่างไรว่านางเล่นการพนัน “ใคร ! ใครเล่นการพนัน ! อย่ามาสาดโคลนใส่ข้า” นางเชิดหน้าขึ้น ให้ตายนางก็ไม่ยอมรับว่าแอบเข้าบ่อนเถื่อน“ไม่ได้ใส่ร้าย ข้าจะจับเจ้าไปตอนนี้พร้อมกับหลักฐานก็ย่อมได้”บุรุษหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มขึ้น พร้อมกับพยักพเยิดให้นางดูหลักฐานที่ตนสะเพร่าทิ้งไว้ให้เขาเห็น“อั๊ยหยา.... เต่าเอ๊ย !”เสี่ยวเยี่ยนรีบวิ